ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #52 : ตอนที่ 52 เส้นทางยาวไกล

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 65


       รุ่งสางของอีกวันมาเยือน ร่างนับร้อยที่ถูกแผดเผาตลอดคืน ปัจจุบันเหลือเพียงเถ้าธุลีไม่อาจจำแนกได้อีกว่าใครเป็นใคร ถูกฝังอยู่ในผืนดินอันเย็นเยียบ กลายเป็นความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน 

    เหล่าโจรที่รอดชีวิตทั้ง 10 คน ถูกหัวหน้าหมู่บ้านรับเอาไว้ชั่วคราว หลังจากเหมันต์ฤดูเปลี่ยนผัน พวกเขาจึงเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน ทางทิศตะวันตก 

     

       ในไร่ชาบนเขาของหมู่บ้านมีชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทา กำลังยืนนิ่งเสมือนตนเองเป็นรูปปั้นพระพุทธรูป ปล่อยให้สายลมอันหนาวเย็นพัดผ่านร่างของตนเองไป

    เขาสอดแขนทั้งสองข้างไว้ในแขนเสื้อ ปิดเปลือกตายืนนิ่งคล้ายกำลังไตร่ตรองบางอย่าง หัวหน้าหมู่บ้านชราเดินมาหาชายหนุ่ม พร้อมน้ำเต้าสีน้ำตาลเชือกป่านสีแดงสะดุดตาภายในมือ

     

       “เจ้าหนุ่ม เจ้าจะไปแล้วหรือ?” ชายชราเดินมาอยู่ด้านข้าง พร้อมยื่นน้ำเต้าคืนให้อีกฝ่าย หลินมู่รับน้ำเต้าของตนคืนมา แล้วกะน้ำหนักแล้วจึงยกยิ้มกว้าง “ข้าจะไปแล้ว เวลาไม่คอยใครข้ายังมีอีกหลายเรื่องให้สะสาง จะมัวโอ้เอ้แถวนี้ก็ใช่เรื่อง”

    เขาผูกน้ำเต้าไว้ข้างเอวยืนชมทิวทัศน์ ของหมู่บ้านจากไร่ชาบนเขาร่วมกับ หัวหน้าหมู่บ้านชรา “ชายชราอย่างข้าล่ะ อิจฉาคนหนุ่มเช่นเจ้าจริงๆ เดินท่องไปในใต้หล้า ดื่มสุรา ประลองยุทธ์ และ การพบพาน ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว ลูกหลานก็ไม่ยักจะมี สงสัยก่อนตายคงต้องออกไปท่องยุทธจักรอีกสักครั้ง หากเจอโชคก็อาจจะกลายเป็นยอดยุทธ์ก็ได้”

     

       ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน หลินมู่ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับพูดบางอย่าง ที่ทำให้ชายชราบังเกิดเปลวไฟในหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าหวั่นเกรงหนึ่งในหมื่น แต่หนึ่งในหมื่นก็ใช่จะแย่เสมอไป โชควาสนา หรือ เคราะห์ภัย ล้วนแล้วก็คือหนึ่งในหมื่น”

    ชายชราที่ได้ยินก็พยักหน้าแผ่วเบา ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่คิดจะปล่อย ให้ตนเองเฉาตายเช่นนี้อีก เขาอยากจะออกไปงัดข้อกับโชคชะตาอีกสักครั้ง ว่าหนึ่งในหมื่นนั้นจะเป็นเช่นไร

     

       ร่างของชายหนุ่มชุดคลุมเทา ม้วนตัวเดินจากไปปล่อยให้ชายชรา ยืนวางแผนท่องยุทธจักรของตนเองอยู่อย่างงั้น คราแรกมาอย่างเอิกเกริกมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ

    แต่ตอนจากกลับจากไปอย่างเงียบเหงา ชายหนุ่มเดินกลับไปยังห้องพัก นำตงหยูกลับมาสะพายบนหลัง สะพายเฮ่ยซานไว้ตรงเอวซ้าย เขาจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย

     

       หลังจากเดินออกมา ที่สุดสายตาเชาก็เห็นหัวหน้าหมู่บ้านชรา วิ่งมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าแกจะร้อนรนอะไรถึงขั้นนั้น ในมือซ้าย และ ขวามีไหเหล้าข้างละสองไห 

    เมื่อมาถึงชายหนุ่มเขาก็โยนไหเหล้า ที่อยู่ในมือซ้ายมาทางชายหนุ่มอย่างไม่บอกไม่กล่าว หลินมู่ที่มีเหล้าฟรีมาให้ไฉนจะไม่รับ เขาเอื้อมมือออกไปคว้าไหเหล้าทั้งสอง แล้วจึงป้องมือขอบคุณอีกฝ่าย

     

       หลังจากนั้นเขาก็เดินอาดๆจากไป โดยด้านหลังมีชายชราโบกไม้โบกมือ เป็นการบอกลาพร้อมเปิดผลึกดินเผา ดื่มสุราหมักใบชาภูเขา หน้าหมู่บ้านเจ้าซุยโก๋กำลังใช้กับเท้าของมัน เขี่ยพื้นไปมารอให้นายของมันมาถึง

    หลินมู่ที่พึ่งมาถึง ก็เอื้อมมือมาลูบหัวเจ้าลาเทาลายด่างเบาๆ เจ้าลาซุยโก๋หันมาทำเสียงฟึดฟัด บ่งบอกว่าชายหนุ่มปล่อยให้มันรอนานมากเลยนะ “ข้ารู้เราไปกันเถอะ”

     

       เขาเดินไปจัดถุงสัมภาระวางไหเหล้าลง ก่อนจะดึงเชือกวิเศษออกมาจากถุงเฉียนคุน ใช้จิตกระบี่เหนี่ยวนำปราณฟ้าดินถ่ายเทลงไป 

    ทันใดนั้นเองก็เกิดเรื่องพิศวงขึ้น เชือกที่ควรไร้ชีวิตกลับสามารถขยับไปมา ราวกับเป็นอสรพิษตัวน้อยเลื้อย ไปมัดถุงสัมภาระอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างถูกจัดแจงเรียบร้อย

     

       ชายหนุ่มชุดคลุมเทาก็เดินจากไป พร้อมเจ้าลาเทาออกไปนอกหมู่บ้าน มุ่งหน้าไปทางตะวันตกต่อไป โดยมีเพียฝหัวหน้าหมู่บ้านชราที่เมาไปแล้วเท่านั้นที่รู้

    จนตะวันสายโด่ง เหล่าชาวบ้านและกลุ่มของหลี่ซง ก็เริ่มตื่นจากห้วงนิทราแต่ละคน เดินออกมาจากห้องพักด้วยสีหน้าสดชื่น แม้จะมีบางส่วนฝันร้ายเพราะ ภาพสังหารหมู่เมื่อวานบ้างก็เถอะ

     

       ผ่านไปอีกสักพักใหญ่ หลี่ซงที่พึ่งกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าหลินมู่ไม่ยอมออกมาจากห้องพักเสียที

    เขาจึงเดินไปยังห้องพักของอีกฝ่าย แต่กลับเจอชายชรานั่งเมาอยู่หน้าระเบียงเท่านั้น “ผู้อาวุโส เหตุใดท่านจึงมาดื่มสุราตรงนี้หรือ?”

     

       หลี่ซงถามอย่างสงสัย มองชายชราขึ้นลงด้วยสายตาประมาณว่า อายุปูนนี้แล้วดื่มเหล้าไปขนาดนั้น คงไม่ซ็อคหรือเป็นอะไรขึ้นมาหรอกนะ

    ชายชราแง้มตาขึ้นมาหันไปมองหน้าหลี่ซง ก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง “หากเจ้ามาหาเขา เขาไปแล้ว ไปตั้งแต่เมื่อเช้าตอนที่พวกเจ้ายังไม่ตื่น”

     

       ชายหนุ่มที่ได้ยินก็นิ่งชะงักไปสักพัก ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ “ผู้อาวุโส ท่านพอทราบไหมว่าท่านหลินไปไหน?”

    ชายหนุ่มเขายังคงไม่ยอมแพ้ หากได้ติดตามอีกฝ่ายไปท่องยุทธจักร อาจจะได้รับความสำเร็จบางอย่างในชีวิต หากปล่อยโอกาสนี้หลุดมือคงยากจะได้เจอกันอีก

     

       หัวหน้าหมู่บ้านชราโบกมือไล่หลี่ซง พร้อมพูดขึ้นมาง่ายๆว่าข้าไม่รู้ แล้วก็ฟุบหลับไปไม่สนชายหนุ่มผู้นั้นอีก 

    หลี่ซงได้รับคำตอบก็ถอนหายใจอย่างเสียดาย “ไม่เป็นไร ในเมื่อโชควาสนาข้าไม่อาจไขว่คว้ามา ข้าก็ได้แต่ปล่อยวาง” พูดตอกฝาโลงให้ตัวเองเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินจากไป ปล่อยชายชราที่เมาหลับไปแล้ว ให้อยู่ในความสงบ

     

       อีกด้านชายหนุ่มในชุดคลุมเทา เดินไปตามทางมุ่งหน้าไปตะวันตกด้านข้าง มีลาเทาลายด่างที่ในปากเคี้ยวผลไม้บางอย่าง ด้วยสีหน้ามีความสุข

    ชายหนุ่มเอาไหเหล้าออกมาจากถุงสัมภาระ ก่อนจะเปิดผนึกดินเผาแล้วยกขึ้นมาจิบเล็กน้อย กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของใบชาตลบอบอวลในช่องปาก มาพร้อมรสฝาดปลายลิ้น

     

       แล้วจึงมีรสขมและหวานตามมาอย่างเบาบาง เป็นรสชาติที่ชวนให้ดื่มด่ำอย่างมาก ระหว่างทางหลินมู่ก็จะจิบเหล้าในไหไปพลาง

    ดื่มด่ำกับรสชาติของสุราในไหไปพลาง เริ่มเข้าใกล้คำว่าผีขี้เหล้าขึ้นไปทุกทีทุกที “มหามรรคายาวไกล แต่ความซื่อตรงต่อกระบี่ของข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง” จู่ๆเขาก็นึกสนุก พูดออกมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ จนทำเอาเจ้าซุยโก๋ต้องหันหน้ามามอง มันมองขึ้นลงราวกับว่านายของมัน ตอนนี้ต้องเมาไปแล้วแน่ๆ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×