ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #51 : ตอนที่ 51 ธุลีหวนคืนสู่ธุลี

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 65


       หนึ่งคนหนึ่งม้าเดินกลับมายังหมู่บ้านฉาซาน สร้างความแปลกใจแก่หัวหน้าหมู่บ้านชราเป็นอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินว่า หลินมู่จะไม่เอาม้าศึกตัวนี้ไปด้วย

    แต่จะให้ทางหมู่บ้านดูแลไปสักพัก “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? แล้วมันจะไม่สร้างปัญหาให้พวกข้าแน่นะ?” หัวหน้าหมู่บ้านชราในชุดขนสัตว์ ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ม้าศึกขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย และ มีความพยศเป็นอย่างมาก

     

       แต่เหตุใดเจ้าม้าที่ดูสนิทสนมกับนายของมันเช่นนี้ จึงได้เดินตามชายหนุ่มตรงหน้า โดยไม่แสดงท่าทีดุร้ายใดๆใส่ ผู้เป็นคนที่สังหารนายของมันเช่นนี้เลยล่ะ

    ชายหนุ่มที่ได้ยินก็ได้แต่ยกยิ้มน้อยๆ พร้อมส่ายหน้าเบาๆบอกเป็นนัยว่า ไม่หรอกมันจะไม่ก่อปัญหา “ข้าแค่จะฝากท่านดูแลสักพัก รวมถึงดาบโค้งเล่มนั้นด้วย แล้วสักวันหนึ่งคนที่เป็นเจ้าของมัน จากทางตะวันตกมาเยือน” หลินมู่ไม่คิดจะครอบครองสิ่งเหล่านี้ เขาทิ้งมันไว้ให้กับบุตรชายของจูเฉียว แต่ว่าเขาจะมารับของไหมก็อีกเรื่องนึง

     

       ชายชราที่ได้ยินคำอธิบาย ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะสั่งให้คนมาจูงม้าไปเก็บไว้ในคอก ก่อนจะแยกไปทำเรื่องของใครของมัน ชายชราก็ถามเรื่องที่ตนค้างคาใจ

    “เจ้าที่มองเห็นกลับทำเป็นไม่เห็น สำหรับเจ้าแล้วเห็นโลกหล้าเช่นไร?” หลินมู่ยกยิ้มมุมปากเขาตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อย

     

       “ข้ามองในสิ่งที่ข้าจะมอง…” ชายชราเมื่อได้ยินคำตอบ ก็ได้แต่ยิ้มแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังนั้น “เจ้าหนุ่มนี้ กับตอบไม่ตรงประเด็นซะนี่” ชายชราลูบเคราสีขาวของตน ด้วยสีหน้าไปไม่เป็น

    คำถามเมื่อกี้ที่เขาถามออกไป เพื่อคาดเดาว่าเส้นทางของชายหนุ่ม เลือกจะก้าวเดินในยุทธจักรคือทิศทางเช่นใด แต่เขาดันเลือกตอบในสิ่งที่ไม่คาดคิด คือ 'ข้าจะมองในสิ่งที่ข้าจะมอง'

     

       มันก็ถือเป็นคำตอบที่เอามาคาดเดาได้แหละ “ไม่สงสารกระดูกแก่ๆของข้าเลยน้า…." ชายชราลูบเคราสีขาวของตนไปด้วส พร้อมแสดงสีหน้าขบคิด “ช่างเถอะเส้นทางของเด็กรุ่นหลัง มันเกี่ยวอะไรกับข้าผู้อาวุโส แต่คิดถึงจังเลยน้า…”

    พูดจบเขาก็ม้วนตัวเดินกลับไปภายในหมู่บ้าน จัดแจงสั่งชาวบ้านให้อยู่ในความสงบ ด้านนอกหลินมู่ที่ตัวแดงฉานดุจปีศาจจากขุมนรกอเวจี เดินทอดน่องในสมรภูมิว่าแปลกแล้ว

     

       แต่อีกฝ่ายกลับสวมเกี๋ยะเดินไปเดินมา ในฤดูเหมันต์เช่นนี้เท้าไม่แข็งเอาหรือไร? เมื่อกลับมาถึงชายหนุ่มก็พบว่างานที่สั่งไป เสร็จไปบ้างแล้วส่วนใหญ่ก็เหลือแค่คนที่ไปตัดไม้ในป่า โดยจะมีคนหมุนเวียนเป็นระยะ

    หากหมดแรงก็มานั่งพักสลับหน้าที่กับคนอื่น ไม่ต้องบอกว่าหยงหยาง คือเจ้าของผลงานเกือบทั้งหมด เพียงอีกฝ่ายเหวี่ยงขวานครั้งเดียวก็โค่นต้นไม้ได้แล้ว “ท่านหลิน ท่านจัดการเสร็จแล้วหรือ?" เป็นหยวนจูซิงที่เดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองชายหนุ่มด้วยสายตาเปล่งประกาย ที่พยายามบ่งบอกบางอย่าง 

     

       เขาพยักหน้าแล้วจึงพูดขึ้น “ข้าจัดการเสร็จแล้ว แต่ข้ายังมีเรื่องสงสัย พวกเจ้าไม่ได้อะไรจากศึกเป็นตายครั้งนี้เลย แล้วเหตุใดจึงยังดึงดันจะมาดูให้ได้” หยวนจูซิงแสดงสีหน้าขบคิดแล้วจึงตอบกลับมา

    “แม้จะไม่ได้รับอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่พวกข้าได้รับสิ่งที่ดีกว่านั้น นั้นคือแนวทางของตนเองในยุทธจักร วางตัวเช่นไร แสดงตนเช่นไร หรือแม้กระทั่ง เรื่องหยุมหยิมที่ไม่สลักสำคัญอีกมากมาย..” นางพูดขึ้นพร้อม มองไปยังหยวนอูหง และ เล่ยซวนที่กำลัง ทะเลาะกันเพราะเล่ยซวนทำขวานหลุดมือ

     

       หลินมู่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับถอนหายใจยาว “ให้คนงูๆปลาๆเช่นข้า เป็นแนวทางของพวกเจ้า คงไม่ได้ประโยชน์มีแต่ผลเสียดีไม่ดี พวกเจ้าอาจตกตายโดยไม่รู้ตัว….” เขาปิดปากเงียบมองดูภาพ

    ที่ศพนับหลายร้อยร่างถูกจัดเรียงเป็นระเบียบ ร่างเหล่านั้นเย็นเยียบไม่ต่างจากกองหิมะขาว ทั้งก่อนหน้านั้นพวกเขายังมีชีวิตพูดคุยตอบโต้ได้อยู่เลย แต่ตอนนี้แม้จะเปล่งเสียงสักแอะยังทำไม่ได้

     

       ชีวิตมนุษย์ก็เปราะบางเช่นนี้ วันนี้มีชีวิตอยู่ พรุ่งนี้อาจจะตกตายกระทันหัน หลงเหลือไว้เพียงอารมณ์สุดท้ายตอนสิ้นชีพ หยวนจูซิงเดินมายืนอยู่ด้านข้างหลินมู่ และ มองไปยังศพนับร้อยเหล่านั้น

    ภายในหัวของเธอกำลังขบคิด คำพูดก่อนหน้านี้ของหลินมู่ พร้อมกับมองภาพตรงหน้า “เส้นทางไม่แน่นอน…” นางพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา ดุจสายลมสายเล็กที่พัดผ่านไปโดยไม่มีใครสัมผัสถึง

     

       หลังจากนั้นหลินมู่ก็เรียกคนมา ก่อนจะมอบงานให้พวกเขาเรียงท่อนไม้ ที่ตัดมา แล้วจึงเริ่มวางศพไว้บนนั้นเป็นพิธีเรียบง่ายอย่างการเผาศพ เป็นทั้งการป้องกันว่าจะเกิดโรคระบาด และ เป็นทั้งการให้เกียรติคนเหล่านี้เล็กน้อย แม้พวกเขาจะไม่สมควรได้รับเกียรติใดเลย

    ตัวของไม้ยังคงมีความชื้นอยู่กว่าจะจุดติดไฟ จึงค่อนข้างเปลืองแรงไปพอสมควร หลังจากนั้นดันเกิดเรื่องไม่คาดฝัน หลี่ซงเดินกลับมาพร้อมหมวกไม้ไผ่ ที่หลินมู่คิดว่ามันแหลกไปแล้วตอนสู้กับจูเฉียว 

     

       ไม่คิดเลยว่ามันจะยังอยู่ดี เพียงแค่ตรงปีกหมวกดูเบี้ยวนิดหน่อยก็เท่านั้น ชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้ายืนนิ่ง ต่อหน้ากองไฟที่ลุกโหม ยืนมองร่างที่กำลังมอดไหม้เป็นฝุ่นผงธุลี ไม่หลงเหลือสิ่งใดนอกจากเถ้าที่คืนสู่ผืนดิน

    “ธุลีหวนคืนสู่ธุลี วิญญาณหวนคืนสู่ฟ้าดิน….” เขาปิดปากเงียบไม่พูดสิ่งใดต่อ มีชาวบ้านสองสามคนที่คอยเดินมาเติมฟืนเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าจนรุ่งเช้าศพเหล่านี้จะหลงเหลือเพียงเถ้า ที่หวนคืนสู่ผืนปฐพี

     

       จากจุดหมายปลายทาง คือ การหวนกลับ ต้องเผชิญกับเรื่องมากมาย แต่ที่แน่นอนในอนาคตเรื่องเหล่านี้จะไม่ลดน้อยลง มีแต่จะเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว เขาต้องพิสูจน์ตนเองบนเส้นทางมหามรรคา

    ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะได้หวนกลับ จะเป็นหลินมู่คนเดิมเด็กมัธยมปลายจากโลก หรือ หลินมู่เซียนกระบี่ ผู้ไม่แยแสต่อสรรพชีวิตในใต้หล้ากันนะ…

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×