ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนที่ 44 การตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 65


       เมื่อกลับมาถึงยังลานประหาร หลินมู่ก็ก้าวขาข้ามศพของโจรหลายร่างที่เย็นเยียบ ไร้ชีวิตไปเก็บร่มไม้ไผ่ของตนก่อนจะวางมันพาดบ่า แล้วจึงเดินย้อนกลับไปยังศาลาเก่าข้างทางแห่งนั้น

    ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีหน้าเหนื่อยใจ “เหมือนคืนนี้ก็จะมีมาอีกลูก คงต้องลำบากเจ้าเพื่อนยากหน่อยแล้ว” เขาพึมพำพร้อมใช้ปรายนิ้ว สัมผัสกับเปลือกตาอย่างแผ่วเบา

     

       ตอนนี้ดวงตาคู่นี้เพียงมองเฉยๆ ก็สามารถใช้โจมตีได้โดยไม่ต้องปล่อยจิตกระบี่ ออกไปฟาดฟันห่ำหั่นศัตรู มันคือเรื่องดีที่ควรจุดพลุเฉลิมฉลอง หรือ เรื่องร้ายที่ควรกังวลกันแน่

    เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งของตลอดเวลา ขณะเดียวกันดวงตาคู่นี้ก็ยิ่งแหลมคมมากขึ้นเท่านั้น เสมือนดาบสองคนที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

     

       เมื่อก้าวขาเข้ามาภายในศาลาเก่า เขาก็พบว่าเหล่าจอมยุทธ์หนุ่มสาว พากันจ้องมาทางเข้าศาลาด้วยสีหน้าจริงจัง มือทั้งสองข้างจับอาวุธข้างกายไว้แน่น

    หลินมู่ที่เห็นพวกเขากำลังตื่นตระหนก ก็ถอนหายใจยาวแล้วจึงพูดขึ้น “ข้าจัดการพวกนั้นไปแล้ว แต่ตัวการข้ายังมิได้สังหารนาง หากจะรีบเดินทางก็ควรไป และ อย่าได้ไปพักยังหมู่บ้านฉาซานหากกลัวตาย ข้าได้ใช้นางเพื่อส่งสาร ให้ยังจูเฉียวผู้นำกองโจรพงไพรสายลม ว่าข้ากับเขาจะเปิดศึกเป็นตาย ณ หมู่บ้านฉาซาน”

     

       พูดจบหลินมู่ก็เริ่มเก็บของ เตรียมเดินทางไปยังหมู่บ้านฉาซาน ที่เชี่ยวชาญในการปลูกชาแห่งนั้น

    เหล่าจอมยุทธ์หนุ่มสาว แสดงสีหน้าหนักใจก่อนชายหนุ่มพกดาบ นามหลี่ซงจะเป็นคนเดินออกมาเพื่อพูดบางอย่าง “คุณชายหลิน พวกข้าออกมาหาประสบการณ์ในยุทธจักร ท่านจะว่าอะไรหรือไม่ถ้าพวกข้าจะขอเดินทางตามท่านไป”

     

       หลินมู่ยกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ “เจ้าไม่กลัวหรือ?” หลี่ซงกำหมัดแน่นก่อนจะพูดขึ้น “ข้ากลัว แต่ในเมื่อข้ามาผจญภัยในยุทธจักร ข้าควรจะทำตามกฎของยุทธจักร ข้าอยากเห็นศึกเป็นตายระหว่างคุณชายหลิน กับ หัวหน้ากองโจรพงไพรสายลม”

    สายตาของเขามุ่งมั่น ศึกเป็นตายของตัวตนระดับยอดยุทธ์ใช่จะหาดูได้ทุกวัน ยิ่งสำนักของพวกเขาเป็นเพียงสำนักวรยุทธ์เล็กจ้อยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากจะพานพบสักครั้ง

     

       แม้ไม่อาจคาดเดาตบะของคุณชายหลินได้ แต่จากสัญชาตญาณตบะของคุณชายท่านนี้ คงสูงอย่างมากสามารถกำจัดกองโจรได้โดยไร้รอยขีดข่วน แม้แต่รอยยับบนเสื้อผ้ายังไม่มี

    เพื่อที่จะได้แนวทางการฝึกฝนวรยุทธ์ต่อ เขาจำต้องตามอีกฝ่ายไปยังหมู่บ้านฉาซาน เพื่อชมศึกเป็นตายครั้งนั้นให้ได้ นี้คือการเสี่ยงดวง 

     

       หากโชคดีอาจจะเจอโชคด้านวรยุทธ์ สำเร็จเคล็ดวิชาใหม่ของสำนัก บุกเบิกเปิดเส้นทางที่มีชื่อของเขาจารึกอยู่

    หากแพ้ขึ้นมา ก็ได้แต่โทษว่าตนคิดไม่รอบคอบพอ และ โชคชะตาไร้ปราณีจนเกินไปก็เท่านั้น

     

       หลินมู่คิดอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่รับประกันว่าจะชนะอีกฝ่ายได้ เป็นตายพวกเจ้ารับผิดชอบกันเอง เจ้าตัดสินใจอีกครั้งก่อนจะนำชีวิตของเจ้า และ ชีวิตสหายของเจ้ามาเสี่ยงกับคนแปลกหน้าอย่างข้า” พูดจบเขาก็จูงซุยโก๋ออกมาจากศาลาก่อนจะปีนขึ้นไปนั่ง

    และกระตุกบังเหียน ให้เจ้าซุยโก๋วิ่งเหยาะๆไปตามทาง ทิ้งให้หลี่ซงยืนอ้ำอึ้งไม่พูดสิ่งใด เขามองแผ่นหลังของชายหนุ่มสะพายกระบี่พูดนั้นอย่างขบคิด

     

       สุดท้ายก็หันไปมองเหล่าสหายของตน “พวกเจ้าคิดอย่างไร…” เล่ยซวนกับหยงหยาง แสดงสีหน้าคิดไม่ตกยากจะตัดสินใจ ใจหนึ่งก็อยากไปชมศึกเป็นตายที่ว่า

    อีกใจก็หวาดกลัว ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะไม่ชนะ แล้วพวกตนที่ไปรับชมก็จะโดนร่างแหโชคร้ายไปด้วย หยวนอูหงก็คิดไม่ตกเช่นกัน ศึกเป็นตายของยอดฝีมือถือเป็นโชควาสนา และ เคราะห์ภัยอย่างหนึ่ง 

     

       มีอยู่สี่ความเป็นไปได้หลักๆ คือเลือกถูกแต่ไม่ได้รับสิ่งใด เลือกถูกแต่ได้รับโชควาสนาด้านวรยุทธ์ เลือกผิดแต่พ้นเคราะห์ภัย เลือกผิดแต่ตกตาย ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายให้ขบคิด วัดตวงส่วนได้ส่วนเสีย

    ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงสีหน้าจริงจัง ขบคิดไม่ตกว่าจะไปดีหรือไม่นั้น หยวนจูซิงกลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง “ข้าว่าเราควรไป” ทุกคนหันหน้ามาจ้องนางรอให้นางให้เหตุผล ที่พวกเขายอมรับได้ แต่หยวนจูซิงไม่ได้ให้เหตุผลหรืออธิบายใดๆ เพียงแค่พูดขึ้นมาตามสัญชาตญาณ เหมือนที่นางเชื่อสัญชาตญาณของนาง ตอนเดินไปขอแบ่งฟืนกับหลินมู่

     

       หลี่ซงที่ยังคิดไม่แตกฉาน ก็ถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้นมา “เอาหล่ะ พวกเรามาโหวตกัน ว่าจะไปหรือไม่ไป พูดออกมาตามความรู้สึกของพวกเจ้า เมื่อใช้วิธีนี้ตัดสิน ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรพวกเราก็ไม่โกรธเคืองกัน…”

    ทั้งห้านิ่งงันสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ “โหวตเถอะ” เป็นหยงหยางและเล่ยซวนที่เห็นด้วย หยวนอูหงและหยวนจูซิงไม่คัดค้านใดๆ “เป็นอันตกลง งั้นข้าจะเลือกก่อน ข้าเลือกให้พวกเราไป….เพราะมันเป็นประโยชน์อย่างมาก หากได้เห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือ”

     

       ต่อมาคือเล่ยซวน เขากำด้ามหอกแน่นสีหน้าคิดไม่ตก สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปออกมา “ข้าว่ามันอันตรายเกินไป ไม่มีอะไรรับประกันว่ามือกระบี่แซ่หลินผู้นั้นจะชนะ ข้าเลือกไม่ให้พวกเราไป”

    หลี่ซงพยักหน้าก่อนจะหันไปทางหยงหยาง หยงหยางที่กำลังเหม่อลอย ใช้มือลูบใบขวานก็พูดขึ้นมา “เหตุผลเดียวกับเล่ยซวน ข้าเลือกไม่ให้พวกเราไป…” หลี่ซงพยักหน้าอย่างเข้าใจได้

     

       ก่อนจะหันหน้ามองไปยังหยวนซูจิง “จูซิง เจ้าจะเลือกไปใช่หรือไม่ แต่ข้าขอถามเพราะเหตุใด” หยวนจูซิงแสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างหาได้ยาก ก่อนจะตอบกลับอย่างมั่นใจ “เพราะสัญชาตญาณของข้าบอกว่า จะต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นแน่นอน” 

    ทุกคนที่ได้ยินก็ยิ้มแห้ง หลี่ซงชะงักไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และ หันหน้าไปทางคนสุดท้าย หยวนอูหง นางเม้มริมฝีปากสายตามองสลับ ไปมาระหว่างสหายทั้งสาม และ ญาติของนาง

     

       “ไม่ต้องกดดัน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เราจะรับมือร่วมกัน” หลี่ซงพูดขึ้นมาเพื่อไม่ให้ หยวนอูหงตรึงเครียดเกินไป “ข้า…..ข้า……” บริเวณถนนเส้นยาวที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน

    ชายหนุ่มที่นั่งบนลาเทาลายด่าง วิ่งเหยาะไปตามทางก็กระตุกบังเหียนเบาๆ เพื่อให้เจ้าลาหยุดเดิน ด้านหลังมีกลุ่มของจอมยุทธ์หนุ่มสาวกำลังวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว “พวกเจ้าตัดสินใจแน่แล้ว?”

     

       หลินมู่นั่งนิ่งบนหลังเจ้าซุยโก๋ พร้อมถามขึ้นมา หลี่ซงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น “พวกข้าแน่ใจ ได้โปรดคุณชายหลินให้พวกเราติดตาม ไปยังหมู่บ้านฉาซานด้วย” หลินมู่ถอนหายใจยาวก่อนจะ กระตุกบังเหียนเบาๆอีกครั้ง

    “จะทำอะไรก็เรื่องของพวกเจ้า ในเมื่อข้าเตือนแล้วยังดึงดันจะไปให้ได้ นั้นก็เป็นการตัดสินใจของพวกเจ้าข้าทำอะไรไม่ได้” เจ้าซุยโก๋วิ่งเหยาะๆไปต่ออีกครั้ง โดยด้านหลักมีจอมยุทธ์หนุ่มสาวห้าคน วิ่งตามมันมา

     

       ย้อนกลับไปยังศาลา หยวนอูหงที่ตัดสินใจไม่ได้ ก็เม้มริมฝีปากแน่นจนเลือดสีแดงฉานเริ่มไหมออกมา “อูหงเจ้าไม่ต้องกดดันตนเอง ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร พวกข้าก็จะไม่โทษเจ้า”

    หลี่ซงพูดขึ้นอีกครั้ง หยวนจูซิงเดินไปกุมมือหยวนอูหง “เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองเพื่อข้าหรอก พูดออกมาตามที่เจ้าตัดสินใจ” ไม่เพียงแค่นั้นแม้แต่เล่ยซวนก็พูดออกมา “ไม่ว่าจะล่มจมหรือรุ่งโรจน์ พวกเราร่วมหัวจมท้ายบนเรือลำเดียวกันแล้ว” หยงหยางพยักหน้าไม่พูดสิ่งใด

     

       หยวนอูหงยิ้มแย้มขึ้นมาเล็กน้อย “งั้นข้าจะเลือก ไป…” เล่ยซวนและหยงหยางถอนหายใจ แม้ไม่ได้พูดอะไรแต่ค่อนข้างจะผิดหวังเล็กน้อย แต่กลับฉายชัดถึงความตื่นเต้นที่อยู่ในหัวใจลึกๆ

    หยวนจูซิงที่กุมมือของหยวนอูหงอยู่ ก็หัวเราะด้วยเสียงสดใส หลี่ซงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “เอาหล่ะ พวกเราเดินทางไปยังหมู่บ้านฉาซาน!!” ทุกคนกำหมัดยกขึ้นสูงด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

     

       บนทางสายยาว ที่ทั้งสองข้างทางมีแต่หิมะขาวโพลน และ ป่าไม้ไร้ใบ มีกลุ่มจอมยุทธ์หนุ่มสาว วิ่งตามลาเทาลายด่างที่มี ชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่สวมหมวกไม้ไผ่นั่งอยู่

    เขายกยิ้มมุมปากน้อยๆ พร้อมกับพึมพำด้วยเสียงแผ่วที่เขาได้ยินคนเดียว “มิตรภาพหรือ…เป็นเช่นนี้นี่เอง” หกคนหนึ่งลาที่มีเป้าหมายคือหมู่บ้านฉาซาน….

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×