ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #39 : ตอนที่ 39 ไม่ว่าทางไหนก็เสีย

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 65


       ร่างของชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าที่หอบของพะรุงพะรัง เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมก่อนจะพบเข้ากับเหตุการณ์น่าตกตะลึงเข้า

    หนึ่งชายชรา และ หนึ่งชายวัยกลางคน กำลังปะหัตถ์ประหารกันอยูภายในโรงเตี๊ยม

     

       ใบหน้าทั้งคู่แดงก่ำกลิ่นสุราลอยคลุ้งตัวทั้งตัว แค่ดูก็รู้ว่าทั้งคู่กินเหล้าเมาแล้วจึงทะเลาะกันเป็นแน่

    แม้เมืองจะมีกฎเกณฑ์แต่กฎเกณฑ์นั้นคนเมาสมองไม่ทำงาน มันจะสนไหมล่ะ? คำตอบคือไม่ถึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่หลินมู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแน่ๆ

     

       “ท่านกลับมาแล้วหรือ?” เป็นดรุณีน้อยนางนั้นที่เดินมาหาหลินมู่ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม มองชายหนุ่มราวกับมองคนรู้จักคนหนึ่งของตน

    หลินมู่พยักหน้างึกงักก่อนจะถามขึ้นอย่างสงสัย “เจ้ารู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ดรุณีน้อยที่ได้ยินคำถามของหลินมู่ ก็ตอบด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม

     

       “เอาจริงๆ พวกเขาทั้งคู่ผิดใจเหม็นขี้หน้ากันมานานมากแล้ว ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวราวกับขอทานนั้น คือผู้พิทักษ์ของสกุลหลวน ที่ใกล้ชิดกับเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก ตาแก่ที่เหมือนผีใกล้ลงโลงนั้นคือ หัวหน้ากองปราบของเมือง”

    นางพูดแนะนำสองคนนั้น ราวกับพูดแนะนำคู่มวยคู่เด็ดที่พลาดไม่ได้ หลินมู่ที่ยืนแบกห่อของพะรุงพะรังอยู่ ก็มุมปากกระตุก 'นี้แม่นางน้อยเจ้าไม่คิดจะกลัวเลยหรือ?'

     

        หลินมู่เหลือบตามองบน ถึงจะมองไม่เห็นเพดานก็ตาม แต่ดรุณีน้อยนางนั้นยังพูดต่ออย่างร่าเริง “เหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่เหม็นขี้หน้ากันเกิดขึ้นจาก เรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน มีผู้วรยุทธ์จิตวิปริตผู้หนึ่ง เข้ามาอาละวาดภายในเมือง ยามนั้นมีเด็กโง่ของสกุลหลวนหนีออกมาจากจวน เพื่อชมความสนุกครึกครื้น แม้กองปราบจะเตือนเขาแล้วแต่ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็โดนลูกหลงจนป่านนี้ยังนอนเป็นผักอยู่เลยกระมัง”

    นางพูดออกมาหน้าตาเฉยราวกับว่ามันไม่เกี่ยวข้องใดๆกะนาง ซึ่งตอนแรกก็ไม่เกี่ยวแหละแต่พอนางพูดจบ สองคนเมานั้นก็หันมามองทางดรุณีน้องนั้น “นางหนูน้อยเรื่องพวกนั้น เจ้าสามารถพูดได้เล่นๆหรือไง?”

     

       เป็นผู้พิทักษ์สกุลหลวนที่ดูเหมือนขอทาน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ “เฮ้ย ไอ้ขอทาน อย่าไปพาลใส่เด็กพูดความจริงสิ! นางพูดถูกที่นายน้อยคนนั้นของเจ้ามันโง่!! กองปราบข้าเตือนแล้วเขาก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็กลายเป็นผักเพราะความโง่เง่าของเขาเอง!!”

    ผู้พิทักษ์สกุลหลวนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องตาถลนใส่ขายชราเสมือนผีลงโลงตรงหน้า “หุบปาก!! ไอ้แก่แกทำงานอย่างไม่สุดความสามารถต่างหาก แกส่งคนมาปกป้องเขาเพียงไม่กี่คน!! แกมันดีแต่นั่งบนเก้าอี้ กินเงินเดือนไปวันๆ!!”

     

       ชายชราที่ได้ยินก็มุมปากกระตุก “ใครจะไปรู้วะ!? ว่าไอ้เด็กโง่นั้นมันจะวิ่งเตลิด หนีออกมาจากคนที่คุ้มกันมัน? แถมยังมีหน้าหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ด้วย ก่อนจะโดนไอ้วิปริตนั้นต่อยเข้าหนึ่งหมัดจังๆ ข้าคิดว่าไอ้เด็กโง่นั้นสมควรโดนแล้ว!!”

    ยิ่งการทะเลาะของทั้งสองฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ดรุณีน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลินมู่ก็ยิ่งร่าเริงมากขึ้นเท่านั้น จนหลินมู่ได้แต่คิดว่า ‘แม่นางน้อย….นี้เจ้าเล่าต้นสายปลายเหตุให้ข้าฟัง หรือ ยั่วยุกระทิงทั้งสองตัวให้ข้าดูกันแน่?’

     

       “นี่ๆ พี่ชายตาบอด” เสียงดรุณีน้อยดังขึ้นเรียกชายหนุ่มชุดคลุมฟ้า ที่ยืนหอบของพะรุงพะรัง “อะไรหรือ?” ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบรับอย่างว่าง่าย เห็นๆอยู่ว่าจะเดินเข้าห้องพักตอนนี้ยังไม่ได้

    ต้องติดแหงกอยู่ตรงนี้อีกสักระยะ เขาจึงตอบโต้กับคนที่พอจะคุยกับตนได้ นั้นคือดรุณีน้อยที่ยั่วยุกระทิงสองตัว ให้ประสานเขาพวกมัน พากันพังโรงเตี๊ยมเละตุ้มเป๊ะ “ถังหูหลูที่ท่านให้ข้าน่ะ ห่วยมากๆเลยล่ะ!!”

     

       นางหันมาพูดอย่างไร้เดียงสา ทำดวงตาปริบๆ ชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่มุมปากกระตุก “ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นกระมัง..” ชายหนุ่มพูดขึ้นทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า มันค่อนข้างแย่

    ดรุณีน้อยหัวเราะคิกคัก “ท่านนี้ปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไหร่เลยนะ” ระหว่างที่นางพูดขึ้นอย่างสนุกสนาน ก็มีเก้าอี้ไม้สภาพน่าสังเวชตัวหนึ่งลอยมาทางนี้ โดยจะเข้าปะทะกับตัวดรุณีน้อยในไม่ช้า

     

       ปัง!! ไม่รู้ตอนไหนชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่ สวมหมวกไม้ไผ่ใส่เกี๋ยะขยับตัวมาเตะเก้าอี้ไม้ตัวนั้นไปอีกทาง ดรุณีน้อยที่คาแรกยังตกตะลึงอยู่ ก็ตบมือแปะๆอย่างชอบใจ

    “พี่ชายตาบอด ท่านยอดมากๆเลย” นางพูดอย่างร่าเริงผิดกับหลินมู่ ที่ยิ้มหน้าเบี้ยวเพราะคนเมาสองคนนั้น หันมามองตนแล้ว “ขอเชิญให้ท่านทั้งสอง ปรับความเข้าใจกันต่อเลย….”

     

        เขาพูดไปพร้อมกลับไปยืนจุดเดิม ผู้พิทักษ์สกุลหลวนเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ เขาจงใจต่อยเก้าอี้ตัวนั้นไปทางยัยเด็ก ที่ปากช่างจ้อนางนั้น แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ เพราะมีชายหนุ่มท่าทางประหลาด แต่นั้นก็เป็นเป้าหมายของเขาตั้งแต่แรกแล้ว

    ใส่ชุดคลุมตัวบางและสวมเกี๋ยะในฤดูเหมันต์เช่นนี้ แถมยังพกกระบี่สองเล่มเสียอีก นี่คงเป็นคนในข่าวลือกระมัง?

     

       ชายชราหันมาพยักหน้าให้หลินมู่เบาๆ หลินมู่เองก็พยักหน้ากลับเช่นกัน ผู้พิทักษ์สกุลหลวนที่เห็นภาพนี้ก็คิดไม่ตก เขาเดินไปคว้าไหเหล้าที่ยังไม่เปิดผนึก เริ่มทำตามแผนการของตน เขาเปิดผนึกดินเผา ยกขึ้นดื่มหกเรี่ยราด

    “พวกเจ้าสองตัวต้อง คุยอะไรลับหลังข้าแน่ๆ” เขาชี้นิ้วใส่ขายชรา ก่อนจะชี้ใส่หลินมู่ พูดจบก็กรอกสุราเข้าปาก แล้วจึงปาไหเหล้าทิ้ง เพล้ง!!! “ไอ้แก่!! นี่เป็นแผนของแกใช่ไหม ที่จงใจมาหาเรื่องข้าที่โรงเตี๊ยมถงซี เพราะเพื่อนของเจ้ามาพักอยู่ที่นี่ เจ้าจึงใช้โอกาสนี้กำจัดข้าเลยกระมัง”

     

        หลังจากดื่มสุราเสร็จ ผู้พิทักษ์สกุลหลวนก็พูดขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ มัดมือชกให้หลินมู่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้อย่างงุนงง

    ชายชราที่ได้ยินก็มุมปากกระตุก ไม่คิดเลยแค่จะมาทักทายคนในยุทธจักร ที่ทำกันเป็นมารยาทจะกลายเป็นเขาวางแผนสังหารคนซะงั้น “ไอ้ผู้พิทักษ์ขอทาน ข้าว่าเจ้าจะเมาเกินไปแล้ว คนหนุ่มผู้นี้ข้าไม่รู้จักเขาเลย ข้าแค่…” ยังพูดไม่ทันจะจบอีกฝ่ายก็ขัดขึ้นมา

     

       “หยุดเลย!! ข้ารู้เจ้าจะพูดอะไรพึ่งเจอกันเป็นครั้งแรกใช่ไหมล่ะ? ในนิยายจอมยุทธ์ผดุงความคุณธรรม ไอ้พวกที่วางแผนแบบนี้ก็พูดกันบ่อยๆ คิดว่าข้าไม่รู้หรือ!?” ทั้งโรงเตี๊ยมเงียบสนิท และ แต่ละคนได้แต่คิดว่า ไอ้นี่มันเมาจนสมองพังแล้วกระมัง

    เหตุใดหยิบเอาวรรณกรรม มาปะปนกับเรื่องตอนนี้กัน? เห็นอยู่ว่าชายชราหัวหน้ากองปราบผู้นั้น พึ่งเคยเจอกับชายหนุ่มผู้นั้นเป็นครั้งแรก แล้วก็แผนปิดล้อมที่ไหนให้คนในแผนถือของพะรุงพะรังเช่นนั้นกัน?

     

       ระเบียงชั้นสองได้แต่พากันเกาหัวแกรกๆ ให้กับความคิดอันบรรเจิดของผู้พิทักษ์สกุลหลวนผู้นั้น แม้แต่ดรุณีน้อยนางนั้นยังมองอีกฝ่ายราวกับพวกคนสมองหมู

    นางกระพริบตาปริบๆ ราวกับจะพยายามพูดว่า ข้าว่าเหล้าที่เจ้าดื่มมันทำให้สมองของเจ้าเพี้ยนหมดแล้ว

     

       ท่ามกลางเศษซากของโรงเตี๊ยมชั้นแรก ผู้พิทักษ์สกุลหลวนนวดคลึงหว่างคิ้วก่อนจะพูดขึ้น “ข้าต่อให้พวกเจ้าทั้งสองเลย” “….” ทุกคนในโรงเตี๊ยมนิ่งเงียบ 

    แม้แต่หลินมู่ยังคิดแล้วว่าอีกฝ่าย มโนเก่งหรือเมาจนสมองพังไปแล้วกันแน่ ชายชรานวดคลึงขมับด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ไอ้ขอทานสกุลหลวน ข้าว่าเจ้าพักเถอะ เจ้าเม….” ยังพูดไม่จบดีผู้พิทักษ์สกุลหลวนก็พูดขัดอีกครั้ง

     

       “ข้าไม่ได้เมาสมองข้ายังปกติ!!! ข้าเปิดโปงแผนร้ายของเจ้าแล้วไอ้แก่!! เป็นอะไร? ยอมรับไม่ได้รึไงที่แผนถูกเปิดโปง!?”

    โรงเตี๊ยมเงียบสงัดเป็นป่าช้าอีกครั้ง อะไรทำให้ไอ้ผู้พิทักษ์สกุลหลวน สมองฝ่อได้มากขนาดนี้กันนะ? เงียบงันอยู่นานเสียงหัวเราะของดรุณีน้อยนางหนึ่งก็ดังขึ้น

     

       “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าว่าเจ้าดื่มสุราจนสุราแทนสมองเจ้าหมดแล้วหล่ะ” ราวกับเสียงกระพรวนเงินดังกรุ๊งกริ๊ง แต่ละคนมุมปากกระตุกอีกครั้งในรอบวัน แม่นางน้อยผู้นี้อ่านสถานการณ์ไม่ออกเลยหรือ?

    เถ้าแก่เนี้ยที่แต่งเครื่องประทินโฉมหนาเตอะ แอบพนมมือไม่ได้สวดให้ดรุณีน้อย แต่ให้ผู้พิทักษ์สกุลหลวน ว่าอย่าได้ตอบรับคำยั่วยุของนางเลย 

     

       ผู้พิทักษ์สกุลหลวนเส้นเลือดเต้นตุบๆ เดิมทีก็ไม่ชอบยัยดรุณีน้อยผู้นี้อยู่แล้ว แต่พอถูกนางพูดเชิงดูหมิ่นเขาจึงระเบิดความโกรธออกมา แต่ภายในลึกๆเขากลับยกยิ้มเงียบๆ พร้อมพูดขอโทษแม่นางน้อยผู้นี้เงียบๆ “ช้าว่าเจ้าควรรู้กาลเทศะบ้างนะ นางหนูน้อย!!!”

    อีกฝ่ายรวมลมปราณไว้ในฝ่ามือ ซัดเข้าใส่ดรุณีน้อยนั้น แม่นางน้อยที่เห็นคนพุ่งเข้ามา ก็ถลึงตามองไม่ขยับตัวราวกับกำลังหวาดกลัว พรึบ!! ปัง!!

     

       จู่ๆนางก็หายไป ทำให้ฝ่ามือนั้นของผู้พิทักษ์สกุลหลวน โดยเพียงความว่างเปล่า “ข้าว่าเจ้าควรพักได้แล้ว” เสียงชายหนุ่มไม่คุ้นหูดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเขาวางร่างของดรุณีน้อยลง

    พร้อมของที่เขาเคยหอบพะรุงพะรังลงพื้น กดปลายหมวกไม้ไผ่ลงมาเล็กน้อย “พูดมาก ไอ้บอด!! จะสู้ก็สู้!!!” อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาพร้อมชัดฝ่ามือใส่อีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มกว้าง

     

       “เห้อ แม่นางน้อยช่วยเอาของไปเก็บที่ห้องข้าที” ไม่ทันจะให้นางตอบกลับ ชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่ ก็พุ่งเข้าไปปะทะกับอีกฝ่ายเสียแล้ว

    ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกว่าตนจะไม่ยุ่ง แต่เหมือนไม่ยุ่งคงไม่ได้ ใครใช้ให้ดรุณีน้อยนางนั้น มาพูดปากช่างจ้อข้างตนหล่ะ ถ้าไม่ช่วยก็จะเกิดรอยราวในมโนธรรม และ มหามรรคาของตนอีก ไม่ว่าเลือกตัวเลือกไหนก็ปัญหา งั้นก็เลือกที่ปัญหาเบาที่สุดเลยละกัน! เพียงไม่กี่สิบอึดใจ 

     

       ทั้งคู่แลกกระบวนท่ากันแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง พื้นไม้ของโรงเตี๊ยมแตกระแหง คลื่นลมโบกสะบัดกระจายไปทั่ว

    จากการปะทะกันของลมปราณ และ ความคมกริบที่แปลกประหลาด ทั้งคู่แลกหมัดกันไปมาเสมือนพายุลูกย่อมๆ ภายใต้สายตาของคนที่เข้ามาพักในโรงเตี๊ยม ที่ไม่เข้าใจว่ามวยเปลี่ยนคู่ได้อย่างไรกััน?

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×