ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 37 โรงเตี๊ยมถงซี

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 65


        ถนนการค้าเมืองเจ๋อซีในยามเช้าตรู่ ช่างครึกครื้นเสียนี่กระไร ผู้คนเดินขวักไขว่ซื้อขายกันอย่างชุลมุน

    ภายในฝูงชนอันหนาแน่นของถนนสายการค้า มีชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้าสวมหมวกไม้ไผ่ สะพายกระบี่ใส่เกี๋ยะจูงลาเดินปะปนไปกับฝูงชน

     

       เมื่อเห็นแผงลอยขายถังหูหลูดูกิจการซบเซา คนเดินผ่านว่าน้อยแล้วคนซื้อก็แทบไม่มี เขารู้สึกคิดถึงหน่อยๆ จึงเดินเข้าไปซะพร้อมถามทางซะเลย “เถ้าแก่ ถังหูหลูไม้ละเท่าไหร่? และ ไม่ทราบว่าโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุด อยู่ตรงไหนหรือ?” 

    ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร เถ้าแก่แผงลอยที่เห็นลูกค้าเดินเข้ามา ก็ดีดตัวนั่งพร้อมแสดงรอยยิ้ม เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ตัวค่อนข้างเล็ก

     

       ถือว่าเล็กที่สุดแล้วเท่าที่หลินมู่เคยเห็นมา “ถังหูหลูเคลือบน้ำตาล ไม้ละ 10 อิแปะ” หลินมู่ควักเหรียญทองแดง 30 เหรียญ ออกมาจากถุงเงินข้างตัวส่งให้เถ้าแก่แผงลอยถังหูหลู

    ชายวัยกลางคนตัวเล็กรับมาด้วยรอยยิ้ม ในระหว่างเอาถังหูหลูไปเคลือบน้ำตาล เขาก็เปิดปากพูดชวนคุยกับหลินมู่ไปด้วย พร้อมบอกตำแหน่งของโรงเตี๊ยมที่ตนพอจะรู้จัก

     

        หลินมู่รับฟังพร้อมพยักหน้าไปพลาง เมื่อถังหูหลูถูกห่อในกระดาษไขมาอยู่ในมือของชายหนุ่ม เขาก็บอกลาเถ้าแก่แผงลอยก่อนจะเดินจูงเจ้าลาเทาลายด่างจากไป

    มือหนึ่งถือกระดาษไขที่มีถังหูหลูเคลือบน้ำตาล อีกมือหยิบถังหูหลูขึ้นมาลิ้มรสพยายามนึกถึงรสชาติที่คุ้นเคย หนึ่งไม้มีอยู่ห้าลูก แม้รสชาติจะไม่คล้ายอย่างที่ตนจำได้ แต่ก็สามารถแก้ขัดความคิดถึงต่อบ้านเกิดได้นิดหน่อย

     

       เมื่อกินเสร็จหนึ่งไม้ เขาก็หยิบอีกหนึ่งไม้ส่งไปทางเจ้าซุยโก๋ เจ้าลาเทาที่ไม่เคยเห็นผลไม้หน้าตาแบบนี้มาก่อน จึงค่อยๆใช้ปากกัดเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆกินจนหมด

    ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้กินมันก็ไม่ขัดข้อง ตอนนี้ก็เหลืออีกหนึ่งไม้ ทั้งหลินมู่และเจ้าลาก็ไม่อยากกินเจ้าไม้สุดท้ายนี้เท่าไหร่นัก จะทิ้งก็เสียดายของ….

     

       คิดไปคิดมาก็ถือไปอย่างงี้แหละ ถ้าอยากอีกก็ค่อยหยิบขึ้นมากินให้หมด ตอนนี้ยิ่งเป็นฤดูเหมันต์ ขนมน้ำตาลเคลือบพวกนี้จึงอยู่นานมากกว่าปกติ

    เขาจึงไม่ห่วงว่ามันจะเสียเร็วๆนี้ ใช้เวลาในถนนการค้าสักพัก ในที่สุดชายหนุ่มกับลาตัวหนึ่งก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งแรก “เจ้ารออยู่ตรงนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นให้ร้องออก ข้าจะออกมาช่วยเจ้า” 

     

        เจ้าซุยโก๋ทำเสียงฟึดฟัดประมาณว่า ข้าเข้าใจแล้วไม่ต้องให้เจ้ามาเตือน หลินมู่จ้องเขม็งไปยังเจ้าลาเทาอีกสักพักจึงเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม

    บรรยากาศภายในนี้ค่อนข้างอบอุ่นกว่าภายนอก มีคนเดินไปมาหรือกำลังดื่มสุรา หลินหมู่เดินไปยังเค้าเตอร์ของโรงเตี๊ยม เพื่อถามว่ายังมีห้องว่างหรือไม่ “เถ้าแก่เนี้ย ไม่ทราบว่ามีห้องเหลือหรือไม่? และ มีคอกม้าหรือเปล่า?” 

     

        เจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้คือสตรีแต่งงานแล้ว ผู้แต่งเครื่ิองประทินโฉมหนาเตอะ ดูสะดุดตาจนชายหนุ่มได้แต่คิดว่า เถ้าแก่เนี้ยท่านนี้ไม่กลัวตายเลยหรือกระไร?

    หญิงแต่งงานแล้วหยุดปะแป้งหันมายิ้มให้ชายหนุ่ม “ยังมีเหลืออยู่ แต่เป็นห้องชั้นกลาง ไม่ทราบว่าท่านนักเดินทางจะพักหรือไม่?” แม้เธอจะสงสัยว่าเหตุใดชายหนุ่มตรงหน้า จึงหลับตาตลอดเวลาแต่ก็ไม่อยากเตะตำตอเข้า เพราะถามไม่เข้าเรื่อง

     

       “ราคาเท่าไหร่?” หญิงแต่งงานแล้วหยิบกุญแจห้องออกมาก่อนจะพูดขึ้น “3 คืน 1 เหรียญเงินสลัก รวมค่าบริการอาหารต่างๆ ยกเว้นสุรา คอกม้ามีแบบปกติ กับ อีกแบบที่ม้าหรือพาหนะของเจ้าจะได้รับการดูแลอย่างดี แบบแรกไม่ต้องจ่ายเงินใดๆเพิ่มเติม แต่อีกแบบต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 เหรียญเงินสลัก” 

    หลินมู่ทำท่าครุ่นคิดสักพักจึงหยิบเหรียญเงิน 2 เหรียญ ออกมาจากถุงเงินส่งให้เถ้าแก่เนี้ย “หืม? เหรียญเงินสลักของมณฑลทางเหนือ กับ ทางทิศใต้ ท่านคงเป็นคนที่เดินทางไปทั่วสินะ” หญิงแต่งงานแล้วพูดอย่างแย้มยิ้ม

     

       “ประมาณนั้น” หลินมู่ตอบสั้นๆ สตรีแต่งงานแล้วก็ไม่ดึงดันจะพูดคุยกับเขาต่อ หันไปทางด้านหลังก่อนจะตะโกนออกไป “เจ้าผอม!! เจ้าออกมาดูแลพาหนะของจอมยุทธ์ท่านนี้สิ!”

    สิ้นเสียงตะโกนแสลงหูของนางก็มีเสี่ยวเอ้อ ตัวค่อนข้างซูบผอมแค่มองไปยังอีกฝ่ายก็เริ่มหวั่นๆ แล้วว่าอีกฝ่ายจะถูกลมอะไรพัดหอบลอยหายไปไหนหรือปล่าว

     

       “นี่คือเจ้าผอมเขาจะทำหน้าที่ดูแลพาหนะของท่าน จะสั่งอะไรเพิ่มเติมก็สามารถสั่งกับเขาได้เลย” หลินมู่พยักหน้าแล้วจึงหันไปมองทางเสี่ยวเอ้อร่างผอม ที่เถ้าแก่เนี้ยเรียกว่าเจ้าผอมด้วยรอยยิ้ม

    “ข้ามีลาเทาลายด่างตัวหนึ่ง มันค่อนข้างชอบกินผลไม้ หากข้าอยากให้มันกินผลไม้อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่?” เสี่ยวเอ้อคิดไปคิดมาก่อนจะพูดขึ้น “ท่านจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 150 อิแปะ…”

     

        เสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเสี่ยวเอ้อดังขึ้นบอกราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม หลินมู่มุมปากกระตุกไม่ใช่ว่าเขาเงินไม่พอ แต่เหรียญอิแปะไม่พอแล้ว

    ตอนนี้ในถุงเงินมี 6 ตำลึงทอง 29 เหรียญเงินสลักจากมณฑลต่างๆ และ เหรียญทองแดงอิแปะ 19 เหรียญ “ข้าขอลงบัญชีไว้ได้หรือไม่?” หลินมู่พูดขึ้นพร้อมหยิบเหรียญเงินสลักออกมา 1 เหรียญ

     

       หญิงแต่งงานแล้วไม่พูดใดๆ หยิบสมุดบัญชีจดบันทึกลงไป “เรียบร้อย หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ทางโรงเตี๊ยมจะหักเอาในส่วนนี้ เมื่อท่านออกเดินทาง ท่านสามารถขอเงินที่เหลือคืน หรือ ให้โรงเตี๊ยมถงซีของเราเก็บรักษาไว้ให้ ก็แล้วแต่ท่านจะเลือก”

    หลินมู่เหลือบมองไปยังสมุดบัญชีเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าหญิงแต่งงานแล้ว บันทึกไว้ว่า 850 อิแปะ แสดงว่า 1 เหรียญเงินสลัก เท่ากับ 1,000 อิแปะ 150 น่าจะถูกหักไปเป็นค่าผลไม้เจ้าซุยโก๋แล้ว

     

       หลินมู่ส่งเหรียญให้หญิงแต่งงานแล้ว พร้อมรับป้ายกุญแจห้องมา “ท่านจอมยุทธ์ จะให้ข้าทำอย่างไรกับสัมภาระบนตัวลาของท่าน?” เป็นเจ้าผอมเดินมาจากด้านหลังโรงเตี๊ยม ออกมาถามหลินมู่

    “ปลดเอาไปเก็บไว้ เวลาข้าจะออกจากโรงเตี๊ยม เจ้าค่อยเอาไปใส่ไว้เหมือนเดิม” เจ้าผอมพยักหน้าแล้วจึงเดินหายไป

     

       ส่วนหลินมู่เดินตามดรุณีน้อยที่มานำทางตนไปยังห้องพัก “ขาดเหลืออะไรขอให้ท่านเรียก ทางโรงเตี๊ยมถงซีจะบริการอย่างเต็มที่” พูดเสร็จนางก็เตรียมเดินจากไป

    แต่ถูกหลินมู่เรียกไว้ ก่อนจะยื่นถังหูหลูที่เหลืออยู่หนึ่งไม้ในนาง “ท่านให้ข้าหรือ?” นางใช้นิ้วน้อยๆชี้หน้าตนเองอย่างแปลกใจ ดวงตากลมโตน่ารักเป็นอย่างมาก มวยผมของนางถูกมัดเป็นก้อนกลมราวกับซาลาเปา

     

       หลินมู่พยักหน้า เมื่อนางได้รับคำยืนยันก็พูดอย่างดีใจ และรับเอาถังหูหลูไม้นั้นไป หลินมู่ที่เข้ามาภายในห้องพัก ก็เริ่มคิดรายการซื้อของที่จำเป็น

    อีกวันสองวันต่อจากนี้เขาจึงจะเดินทางไปตะวันตกต่อ ต้องใช้เวลาช่วงนี้ซื้อของที่คิดว่าขาด และ คิดว่าต้องได้ใช้เอาไว้บางส่วน “ยุ่งเหมือนกันนะเนี่ย” หลินมู่พึมพำพร้อมบิดตัวคล้ายกล้ามเนื้อ ก่อนจะขึ้นไปนั่งไขว่ห้างบนเตียงเพื่อทำสมาธิ…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×