ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 34 นายเป็นใครกันแน่?

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 65


       แม้ด้านล่างหุบเหวจะเคยมืดมิด และ ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิต แต่ตอนนี้ด้านล่างหุบเหวกลับเงียบงันเสียตอนที่ผ่านมา

    เพราะมีดรุณีน้อยนางหนึ่ง ใช้แส้อันเป็นสมบัติวิเศษที่ทำจากใบหลิว จากต้นหลิวบรรพตที่หยั่งรากสูบกินปราณฟ้าดิน และ กลั่นแก่นแท้สุริยัน จันทรา เพื่อเป็นสารอาหารในการเติบโต

     

       เพียงกิ่งหลิวก็มากพอจะทำให้พวกจิตมารชั่วร้าย เบื้องล่างนี้ไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว แต่นี่คือแส้ที่ทำจากใบหลิวที่สีสดงดงามราวกับพึ่งตัดออกมา จากต้นแม่ได้ไม่กี่วัน

    ทำเอาเหล่าจิตมารชั่วร้าย อยู่กันไม่เป็นสุขต่างสงบปากสงบคำ มิกล้าออกไปทำให้ดรุณีชุดเขียวผู้นั้น ต้องพลันเกิดโทสะมิเช่นนั้นอาจจะโดนแส้สมบัติวิเศษชิ้นนั้นฟาดเอา

     

       แม้พวกมันจะไม่เคยโดน แต่กลับรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าแส้เส้นนั้นอันตรายอย่างมาก พอๆกับศิษย์เซียนกระบี่ที่พึ่งออกไปเมื่อไม่นานมานี้

    หลิวเชียนหลู่เดินสำรวจด้วยสีหน้าผ่อนคลาย แม้เบื้องล่างนี้จะมีกลิ่นอับ และ ไม่พึงประสงค์บางอย่าง นางก็ทำแค่ขมวดคิ้วเรียวงามดุจใบหลิวนั้นน้อยๆเท่านั้น

     

       สำรวจอยู่สักพัก ข้ามหลุมบ่อ กระโดดไปตามโขดหินไปมา จนในที่สุดนางก็พบกับถ้ำที่หลินมู่เคยใช้ฝึกฝนเมื่อตอนอยู่เบื้องล่างนี้

    ร่างของนางกระโดดเพียงครั้งสองครั้ง ก็มาถึงหน้าถ้ำแห่งนั้น เมื่อเดินเข้าไปนางก็ถึงกับขมวดคิ้ว ภายในถ้ำนางกลับสัมผัสจางๆได้ถึงปราณฟ้าดินเบาบาง 

     

       ราวกับถ้ำแห่งนี้เป็นฟ้าดินเล็กๆที่อยู่ภายในเหว รอบถ้ำมีร่องรอยบ่งบอกว่า เมื่อไม่นานมานี้เคยมีคนอาศัยอยู่ที่นี้ และ อีกฝ่ายพึ่งจะจากไปไม่นาน ระยะเวลาน่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์

    ใบหน้าเรียวงามของนางขบคิด ก่อนจะเอะใจขึ้นอย่างฉับพลัน “หรือว่า!?” สีหน้าของนางเปลี่ยนจากนิ่งสงบ เป็นน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง แม้จะมีผ้าขาวผืนบางปิดไว้ก็ตาม

     

        แต่เหล่าจิตปีศาจชั่วร้ายกลับสัมผัสถึง พวกมันก็ยิ่งลุกลี้ลุกลนพยายามถอยห่างออกไป แต่พวกมันจะถอยไม่ได้แล้วก็ตาม แส้ใบหลิวที่พันอยู่รอบเอวของนางเริ่มเกิดปฎิกริยา นางค้นทั่วเหวนี้แล้ว ไม่พบสัญญาณใดๆของซากร่าง ของมารกระบี่ หรือ กระบี่ที่อาจารย์ของนางอยากเห็นก่อนตายเลย หมายความว่า….

    หลิวเซียนหลู่ดึงแส้ออกจากเอว ก่อนจะใช้มันเป็นเสมือนเชือกปีนขึ้นจากปากหุบเหว หลังจากนางจากไปม่านทมิฬก็เริ่มสมานตัว บดบังให้เบื้องล่างนี้เข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง

     

       ด้านนอก เงาร่างเล็กสีเขียวกระโจนออกไปด้วยความเร็วจนพร่าเบลอ นางวิ่งตรงกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว เพื่อถามเรื่องคาใจบางอย่าง หากเป็นไปตามที่นางคิด

    กระบี่เล่มนั้นตกไปอยู่ในมือคนอื่นแล้ว เพียงครึ่งวันนางก็เห็นถนนที่คุ้นตา แม้สภาพแวดล้อมจะขาวโพลนแทบหมดแล้วก็ตาม ปึง!! นางกระโดดลงบนพื้นกระจายแรงอันมหาศาล ลงภายในพื้น

     

       ก่อนจะยืนขึ้นวิ่งไปยังหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว เมื่อนางมาถึงไม่พูดจาใดๆก็วิ่งไปหาหัวหน้าหมู่บ้านทันที แต่มีหรือที่อูเชินจะยอม? ด้วยการกระทำอันเอิกเกริกของนาง ทำให้อูเชินเกิดตื่นตัวขึ้นมา ด้วยการหล่อเลี้ยงจากควันธูปมาแล้วสักระยะ

    เขาเกรงกล้ามเนื้อราวกับเหล็กกล้าของตนแน่น ก่อนจะกระโดดเพียงสามครั้งก็มาลงจอด ต่อหน้าแม่นางชุดเขียว “หยุด!! หากเจ้ายังเหิมเกริมไม่เลิก ข้าก็ได้แต่ใช้กำลังแล้ว!!!” อูเชินก้าวขาออกมาจากฝุ่นควัน

     

       จ้องตาเขม็งไปทางหลิวเซียนหลู่ นางใบหน้าเปลี่ยนสีตบะนางไม่อาจสู้กับตนตรงหน้าได้ ขนาดแส้ใบหลิวยังสั่นกลัวอีกฝ่าย ซึ่งทำให้นางแปลกใจอย่างมาก

    แม้นางจะมีฐานะเป็นถึงคนของเมืองหลิวบรรพต แต่นั้นก็เป็นกรณีแย่ที่สุดที่นางอยากจะใช้ หลิวเซียนหลู่สูดหายใจลึกๆ เพื่อลดความกระวนกระวายภายในใจลง ก่อนจะพูดข้อแก้ตัวออกมา

     

       “ข้าขอโทษท่านด้วย พอดีข้ามีเรื่องเร่งด่วนที่อยากจะถามหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจึงเผลอทำเรื่องไร้มารยาทไป” นางยอมรับผิดแต่โดยดี การแสดงท่าทางหัวสูงไม่ยอมรับผิดในตอนนี้ ก็มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง

    สู้ยอมรับผิดและบอกจุดประสงค์ไปดีกว่าเยอะเลย อูเชินยืนกอดอกหรี่ตามองไปยังแม่นางชุดเขียวอยู่สักพัก “เจ้าตามข้ามา” พูดจบอูเชินก็ออกเดินนำไป หลิวเซียนหลู่ที่แก้ไขความเข้าใจผิดไปได้ ก็ถอนหายใจยาว

     

       นางเดินตามอูเชินไปภายในใจพลางตักเตือนตนเอง ว่าอนาคตอย่าได้วู่วามอะไรเช่นนี้อีก อูเชินที่พาสตรีในชุดเขียวเดินไปยังตีนเขา ค่อนข้างเป็นที่สะดุดตา ชาวบ้านต่างชี้ไม้ชี้มือซุบซิบเรื่องนี้อย่างสนใจ

    ซึ่งตัวของอูเชินและหลิวเซียนหลู่ มิได้สนใจเสียงซุบซิบของชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงตีนเขาก็เห็นกับหัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง กำลังออกคำสั่งเตรียมแผนก่อสร้างด้วยสีหน้าจริงจัง

     

       “เสี่ยวหลาง ข้าพาคนที่อยากเจอเจ้ามา” อูเชินพูดขึ้นก่อนจะเดินไปรออยู่ห่างๆ ทิ้งให้แม่นางชุดเขียวกับหัวหน้าหมู่บ้านพูดคุยกันไป “แม่นางหลิว ท่านกลับมาแล้วหรือ? เหตุใดท่านจึงถูกผู้ปกปักของหมู่บ้านเราพามากัน?”

    หลิวเซียนหลู่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเผลอทำบางอย่างที่เขาคิดว่า ข้าอาจจะเป็นผู้บุกรุกจึงไปขัดขวางข้า….” เสี่ยวหลางยิ้มแห้งเมื่อได้ยิน แต่สิ่งที่สนใจกว่านั้นคืออะไรทำให้นางรีบร้อน จนอูเชินคิดว่านางเป็นผู้บุกรุกล่ะ?

     

       “หัวหน้าหมู่บ้านข้ามีคำถามจะถามท่าน…” ในขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านสงสัยถึงต้นตอสาเหตุ หลิวเซียนหลู่ก็พูดขึ้นมา “ไหนท่านลองว่ามาสิ หากเป็นคำถามที่ข้าตอบได้ข้าก็จะตอบ” เมื่อได้ยินคำยืนยันเช่นนั้นนางก็ถามทันที 

    “มีชายหนุ่มที่สวนทางกับข้า เขาพกกระบี่สองเล่มสวมหมวกไม้ไผ่ใส่เกี๋ยะ เขามาถึงหมู่บ้านของท่านตอนไหนหรือ?" เมื่อได้ยินคำถามบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบลง ผู้คนที่ทำงานต่อสร้างอยู่หยุดชะงักก่อนจะเริ่มทำงานต่อ ขนาดเสี่ยวหลางยังดูจริงจังขึ้นมาหลายส่วน

     

       ไม่ต้องพูดถึงอูเชินที่แทบจะตั้งท่าเตรียมต่อสู้แล้ว หลิวเซียนหลู่ก็สัมผัสได้ทันทีว่าเหมือนอีกฝ่าย จะเข้าใจเจตนาของนางผิดจึงรีบแก้ตัวทันที “ข้าไม่ได้คิดร้ายกับเขา ข้าแค่มีเรื่องสงสัยที่จะถามเขาก็เท่านั้น…”

    เมื่อนางพูดจบบรรยากาศก็ดูเบาลงเล็กน้อย แต่สถานการณ์ก็ไม่ต่างจากการเดินบนเส้นด้ายบางๆ หากนางพูดผิดแม้แต่ประโยคเดียว อาจจะต้องรับมือกับ หัวหน้าหมู่บ้านที่ตบะฝึกฝนมิได้ต่ำตมเลย ไม่ต้องพูดถึงชายร่างสูงผิวกายดำอมม่วง ที่นางยังมองตบะไม่ออก อีกฝ่ายทำให้แส้ใบหลิงสั่นกลัวได้ก็ใช่ว่าจะธรรมดา

     

       เสี่ยวหลางขบคิดสักพักก่อนจะพูดออกมา “เซียนจวินท่านเป็นคนมีพระคุณกับ หมู่บ้านของเราอย่างใหญ่หลวง หากเจ้ามุ่งร้ายต่อเขาข้ากับผู้ปกปักของหมู่บ้านเรา คงต้องอาจเสียมารยาท…” เสี่ยวหลางพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมใช้ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองไปทางแม่นางชุดเขียว

    ซึ่งนางในตอนนี้ก็ได้แต่ตอบอย่างละมุนละม่อม ไม่อยากสร้างปัญหาผูกปมแค้น แถมที่นี่ยังเป็นในป่าเขาหากนางถูกฆ่า และ เอาร่างไปฝังไว้สักแห่ง คงไม่มีใครหาเจออีกรวมถึง ผู้ตรวจการณ์ของเมืองหลิวบรรพตด้วย นางสงสัยอย่างมากเหตุใดชายหนุ่มผู้นั้น ถึงถูกคนพวกนี้นับถือนัก แม้จะสงสัยว่าเซียนจวินหมายความว่าอะไร

     

       แต่นางก็ไม่กล้าปริปากถามกลัวว่า จะเป็นการก้าวขาผิดจนหล่นจากเส้นด้าย เมื่อแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้คิดร้ายใดๆกับ เซียนจวินท่านนั้นที่มีบุญคุณใหญ่หลวงกับหมู่บ้าน

    หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางจึงตอบคำถามของนางออกไป ขณะเดียวกันผู้คนโดยรอบที่ก้มหน้าก้มตา ทำงานก่อสร้างก็เหลือบตามามองทางนี้เป็นระยะๆ เมื่อนางได้คำตอบ

     

       ก็เอาช่วงเวลาไปเปรียบเทียบ กับร่องรอยที่เจอภายในถ้ำ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ลงล็อค อีกฝ่ายคือคนที่ถือกระบี่เล่มนั้นอยู่ แต่คำถามคือเล่มไหน?

    คิดไปคิดมาสุดท้ายนางก็คิดออก มันคือกระบี่เล่มที่เขาสะพายอยู่บนหลัง ในขณะที่ตัดสินใจจะกระโจนออกไปตามตัวอีกฝ่าย ก็สะดุดกึกนางปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป

     

       หากนางทำอะไรกระทันหันขึ้นมา อย่าว่าแต่ฐานะคนของเมืองหลิวบรรพตเลย คนพวกนี้ก็คงไม่สนด้วยซ้ำว่าอาจารย์ของนางคือใคร อาจจะลงมือสังหารนางทันทีหากนางแสดง ท่าทางมุ่งร้ายต่อชายคนนั้น

    คิดไปคิดมาสุดท้ายนางก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะถามกับหัวหน้าหมู่บ้านอีกคำถาม “ลุงถงจะออกเดินทาง อีกครั้งตอนไหนหรือ?” แม้นางจะครั่นเนื้อครั่นตัว อยากออกไปตามอีกฝ่ายอย่างมาก

     

       แต่นางไม่สามารถทำได้ จึงได้แค่ลดความสงสัยจากคนในหมู่บ้าน และ ประวิงเวลาให้พวกเขาเชื่อในสิ่งที่นางพูด ว่านางไม่ได้มุ่งร้ายกับชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ

    หัวหน้าหมู่บ้านยกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีก 1 เดือน ต้าถงจะออกไปเมืองเพื่อซื้อปุ๋ยและของสำคัญ ในการจัดพิธีประจำหมู่บ้าน…” หลิวเซียนหลู่พยักหน้า พร้อมป้องมือและพูดว่าจะขอรบกวน ภายในหมู่บ้านสักพักแล้วนางจึงเดินจากไป

     

       หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปทางอูเชิน “จับตาดูนางไว้ หากมีท่าที….” ไม่ต้องพูดพวกเขาก็รู้กัน

    เห็นๆกันอยู่ว่านางซ่อนจิตมุ่งร้ายเอาไว้ แต่ไม่ได้แสดงออกมา พวกเขาคือผู้มีประสบการณ์ในยุทธจักร เพียงกลอุบายแค่นี้สามารถมองออกได้อย่างง่ายดาย เพื่อความปลอดภัยของผู้มีพระคุณ พวกเขาจะช่วยทำที่ทำได้….

     

       ภายในห้องรับแขกเรือนหัวหน้าหมู่บ้าน หลิวเซียนหลู่ได้แต่นั่งขบคิดหน้ามุ่ย “นายเป็นใครกันแน่?” เหตุใดจึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เทิดทูนนัก?

    ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ นางต้องนำกระบี่เล่มนั้นกลับไปยังเมืองหลิวบรรพต เพื่อให้อาจารย์ของนางเห็นมันก่อนตายให้ได้…. 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×