ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 33 หนึ่งแส้แหวกม่าน

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 65


       เมื่อเกวียนคันนั้นมาถึงหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว ก็เป็นเวลามืดค่ำพอดิบพอดี แม่นางชุดเขียวกระโดดลงมาจากหลังเกวียน พร้อมกับป้องมือขอบคุณอีกฝ่าย

    “ท่านลุงขอบคุณที่ท่านเมตตา ให้ข้าติดเกวียนมาด้วย” ชายวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของเกวียน ยิ้มและส่ายหน้า “ข้าแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ จะปล่อยแม่นางเดินย่ำมาตลอดทางคงมิดี เอาหล่ะข้าจะพาท่านไปพบกับหัวหน้าหมู่บ้าน”

     

       ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปภายในหมู่บ้าน พร้อมกับแม่นางชุดเขียว เหล่าชาวบ้านที่พบหน้าเขาก็รีบมาทักทายทันที “ลุงถง ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง?” หนึ่งในเด็กหนุ่มวัยรุ่นของหมู่บ้านเดินมาถาม 

    “ค่อนข้างดีเลยหล่ะ ยิ่งเป็นช่วงก่อนหน้าหนาว พืชผลจึงราคาขึ้นมิใช่น้อย” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินจากไป แม่นางชุดเขียวที่มองดูภาพหมู่บ้านอันสงบสุข ก็อดยกยิ้มมุมปากน้อยๆไม่ได้

     

       “เอาหล่ะ เรามาถึงแล้ว” ลุงถงพูดขึ้นพร้อมเปิดประตู เข้าไปภายในเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน ก็พบกับเสี่ยวหลางที่มีจอนผมสองข้างเป็นสีขาว กำลังนั่งขีดเขียนอะไรอยู่

    “ว่าไงสหาย!!” ลุงถงเดินเข้าไปทักทายกับอีกฝ่ายอย่างร่าเริง “โอ้ เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับมาถึงวันพรุ่งนี้เสียอีก” เสี่ยวหลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะนำทางลุงถงและแม่นางชุดเขียวไปห้องรับแขก

     

        พวกเขาทั้งสามนั่งลงก่อนจะพูดคุยอะไร ลุงถงก็แนะนำแม่นางชุดเขียวที่มากับตนทันที “นี่คือท่านหญิงหลิวเซียนหลู่ ข้าเห็นท่านหญิงเดินมาทางหมู่บ้านของเรา จึงเชิญขึ้นติดเกวียนกลับมาด้วย”

    หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางได้ฟังก็พยักหน้า “แล้วท่านหญิงหลิว มีเป้าหมายอะไรถึงมายังหมู่บ้านของเรากัน?” แม่นางชุดเขียวที่ถูกเรียกว่าท่านหญิงหลิว ยกน้ำอุ่นขึ้นดื่มก่อนจะตอบกลับ

     

       “ข้าไม่ได้คิดจะมาหมู่บ้านของพวกท่าน แต่เป้าหมายของข้าคือหุบเขาสำเร็จมาร” ทั้งสองพยักหน้าเชิงเข้าใจ “เอาหล่ะข้าเจ้าใจแล้ว หมู่บ้านของเรากับหุบเขาสำเร็จมาร จะว่าใกล้ก็ใกล้จะไกลก็ไกล คืนนี้เหตุใดท่านหญิงไม่พักที่หมู่บ้านเราก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทาง” 

    แม่นางชุดเขียวที่ได้ยินข้อเสนอ ก็คิดคำนวณข้อดีข้อเสียสักพักก่อนจะตอบตกลง “ตกลงข้าจะทำตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะพักที่นี่สักคืนพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ” 

     

       เสี่ยวหลางพยักหน้าก่อนจะตบมือ เรียกคนมานำทางแม่นางชุดเขียวไปยังห้องพัก “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้ว” พูดจบนางก็เดินตามหลังหญิงวัยกลางคนไป

    เสี่ยวหลางยกถ้วยน้ำอุ่นขึ้นมาจิบ เพื่อคลายความหนาวเย็น ลุงถงเองก็เช่นเดียวกันพวกเขาทั้งสองนั่งเงียบสักพัก ก่อนจะจะนึกถึงเรื่องอะไรได้จึงถามขึ้นมา

     

       “นี่เสี่ยวหลาง ทำไมเจ้าลาผลไม้นั้น ถึงได้ไปอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งล่ะ?” เสี่ยวหลางที่ได้ยินก็ยกยิ้มก่อนจะพูด “ข้ายกให้น่ะ” ลุงถงถลึงตาก่อนจะพูดขึ้น

    “ผีคงสิงเจ้าแล้วแน่ๆ นั้นเป็นลาที่ลูกสาวกับลูกเขยเจ้าเคยเลี้ยง ก่อนจะออกเดินทางไปนอกหมู่บ้าน เจ้าหวงมันกว่าอะไรดี จะยกให้เขาง่ายๆอย่างงี้เนี่ยนะ?” ลุงถงพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ทั้งหมู่บ้านรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหวงแหน เจ้าลาที่ชอบกินผลไม้ตัวนั้นมาแค่ไหน

     

       แต่แล้วทำไมอีกฝ่ายจึงยกให้คนแปลกหน้าอย่างงั้นล่ะ?? ในขณะที่ลุงถงกำลังงุนงง และ ต้องการคำตอบจากอีกฝ่าย เสี่ยวหลางก็ยกกาน้ำร้อนขึ้นมาเติมน้ำก่อนจะพูดขึ้น

    “ข้าแค่คิดว่า ข้ายึดติดกับมันเกินไป อีกอย่าง….ข้าอยากเจอหน้าลูกสาวและไอ้บ้านั่น” ลุงถงพยักหน้า วัยปูนนี้แล้ว ก็ย่อมอยากเจอลูกสาวและผู้ชาย ที่แย่งลูกสาวสุดรักสุดหวงของตนไปเป็นธรรมดา ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะกลับมาพร้อมหลานตัวน้อยๆก็ได้

     

        แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องลาตัวนั้นเลยนิ? เสี่ยวหลางคล้ายจะรู้ว่าลุงถงกำลังสงสัยเรื่องอะไร จึงพูดขึ้นมา “พวกเขาออกไปท่องยุทธจักร เมื่อสองปีก่อนพวกเขาจะออกไป ลูกสาวข้ามาบอกข้าว่า เป้าหมายของพวกนางคือทิศตะวันตก และ เป้าหมายของชายหนุ่มคนนั้น ก็เป็นตะวันตกเช่นกัน”

    ลุงถงพยักหน้าคล้ายจะเข้าใจ ความคิดของอีกฝ่ายขึ้นมาบ้างแล้ว เสี่ยวหลางให้ลาชายหนุ่มที่เดินทางไปทิศตะวัน เพื่อหวังให้เจอกับลูกสาว และ ลูกเขยตนเข้า ลุงถงได้แต่ถอนหายใจ นี้ไอ้เพื่อนยากของตน กำลังเล่นพนันที่โอกาสเสียมีมากกว่าโอกาสได้เสียอีก

     

        หลังจากนั้นทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับ เรื่องเก่าๆด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ทางด้านของแม่นางชุดเขียวที่เดินตาม สตรีวัยกลางคนผู้มานำทางอยู่สักพักก็ถามขึ้น 

    “ขอโทษนะ ข้าขอรบกวนจะถามสักอย่างได้หรือไม่?” สตรีวัยกลางคนหันหน้ามายิ้มให้นาง ก่อนจะถามขึ้น “ท่านหญิงจะถามอะไรหล่ะค่ะ?” แม่นางชุดเขียวคิดสักพักก่อนจะพูดออกมา “ไม่ทราบว่าข้าขอไปจุดธูป ไหว้บรรพบุรุษ และ บรรพชน ของพวกท่านจะได้หรือไม่?”

     

        สตรีวัยกลางคนขบคิดก่อนจะพูดออกมา “ไม่มีปัญหา ท่านหญิงโปรดตามข้ามา” นางเดินนำไปยังห้องโถงบรรพบุรุษ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อเดินเข้าไป

    กลิ่นควันธูปสดไหมที่พึ่งมอดดำ ลอยออกมาทำเอาสตรีวัยกลางคนแสดงสีหน้าแปลกใจ ต่างจากแม่นางชุดเขียวที่มีท่าทางปกติ ห้องโถงบรรพบุรุษหรือบรรพชน ย่อมมีกลิ่นควันธูปตลอด เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกห่าง

     

       การมีควันธูปในตอนนี้จึงถือว่าไม่แปลกสำหรับนาง แต่สำหรับสตรีวัยกลางคนกลับแปลกอย่างมาก เพราะโดยทั่วไปแล้วหมู่บ้านจะไหว้โถงจุดธูปเพียงแค่ ตอนเช้าเท่านั้นแล้วทำไมยามเย็นเช่นนี้

    ถึงยังมีกลิ่นธูปหอมหลงเหลืออยู่อีกหล่ะ? แม่นางชุดเขียวก้าวเข้าไป ภายในห้องโถงบรรพบุรุษของหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว นางกวาดสายตามองแท่นป้ายวิญญาณจากล่างขึ้นบน

     

       ก่อนจะสะดุดกึกที่งานไม้แกะสลัก ที่อยู่บริเวณชั้นเดียวกับบรรพชนของหมู่บ้าน เป็นไม้แกะสลักของชายหนุ่มสะพายกระบี่สวมหมวกไม้ไผ่ คล้ายจะเดินหายไปได้ตลอดเวลา

    เธอพูดได้แค่ว่าช่างแกะสลักช่างมีเทคนิค และ ฝีมือเลิศล้ำอะไรเช่นนี้ นางคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็น บรรพชนของหมู่บ้านเมื่อนานมาแล้ว แต่ใจของนางกลับรู้สึกคุ้นเคยชายหนุ่มในไม้แกะสลักแปลกๆ

     

       นางส่ายหน้าขับไล่ความคิดทิ้งไป ก่อนจะจุดธูปหอมและเดินจากไป ทิ้งให้ความสงสัยนั่นถูกเก็บไว้ลึกภายในใจ

    เมื่อยามเช้ามาถึงก่อนจะออกเดินทาง นางมาบอกลาหัวหน้าหมู่บ้าน และ ลุงถงที่อุตส่าห์ให้นางขึ้นเกวียนมาด้วย ขอบคุณทั้งสองเสร็จ นางก็ยื่นตำลึงทองให้พวกเขาคนละก้อน

     

        หัวหน้าหมู่บ้านและลุงถงปฎิเสธนางอย่างละมุนละม่อม แต่สุดท้ายก็ต้องรับมาเพราะนางตื้อจะมอบให้ สุดท้ายก็ต้องรับมา เมื่อนางจัดการเรื่องเสร็จ

    ก็เดินตัดผ่านป่าตรงไปยังหุบเขาสำเร็จมาร แม้นางจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ แต่นางไม่คิดจะละลาบละล้วงเรื่องคนอื่น ถึงอย่างไรภารกิจของนางก็สำคัญมากกว่า

     

       นางใช้เวลาเกือบสามวัน ในการเดินออกมาจากป่าที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน ตอนแรกนางคิดว่าป่าที่ไร้ใบและมีแต่หิมะสีขาว จะออกไปได้ง่ายๆเสียอีก

    กลายเป็นว่าวิสัยทัศน์ที่ขาวโพลนของหิมะ กลับเป็นอุปสรรคใหญ่กว่าป่าที่มีใบไม้เขียวขจีเสียอีก ยังดีที่นางมีตบะถึงยอดยุทธ์ ความหนาวเย็นเพียงเท่านี้ทำอะไรนางไม่ค่อยได้อยู่แล้ว

     

       แม่นางชุดเขียวเคี้ยวเนื้อตากแห้งก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อไป พื้นที่กว้างขวางปกคลุมไปด้วยหิมะสุดลูกหูลูกตา ที่สุดสายตาของนางนั้นคือเป้าหมายของนางในครั้งนี้

    มันคือหุบเขาสำเร็จมาร นางไม่คิดจะเดินเอ้อละเหยอีก โคจรลมปราณทั่วร่างใช้วิชาตัวเบา กระโดดพุ่งตัวตรงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงทางเข้าหุบเขานางก็พุ่งตัวเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด

     

       แส้ที่ทำจากใบหลิวของต้นหลิวบรรพต ก็เรืองแสงสีเขียวอ่อนขับไล่สิ่งชั่วร้าย และ ปราณมารทิ้งไป ไม่ต้องพูดถึงปราณหยินเลย มันไม่อาจเข้าใกล้ตัวนางได้แม้แต่นิดเดียว

    เมื่อมาถึงยังส่วนลึกสุดของหุบเขา แม่นางชุดเขียวก็ดึงเอาแส้ใบหลิวที่พันอยู่รอบเอวของนาง ฟาดแหวกม่านดำทมิฬของเหวราวกับเอามีดร้อนปาดเนย

     

       ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดลงไปด้านล่าง เพื่อตามหากระบี่ และ ซากของมารกระบี่เมื่อ 200 ปีก่อน ตามคำของอาจารย์ น่าแปลกใจม่านทมิฬที่ถูกแส้ใบหลิวฟาดจนแหวกทางออก ไม่มีวี่แววที่จะสมานตัวแม้แต่น้อย

    ตัวแม่นางชุดเขียวเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร เพียงแค่มองไปยังแส้ใบหลิวในมือของนาง “ไม่เสียชื่อ อาวุธวิเศษเพียงชิ้นเดียวภายในทวีปหลิวซู” นางยกยิ้มอย่างเบิกบาน ขนาดเหวทมิฬในหุบเขาสำเร็จมาร ที่ว่ากันว่าเมื่อมีคนลงมาก็กลับออกไปไม่ได้สักคน แต่เหมือนนางจะเป็นคนแรกด้วยการพึ่งแส้ใบหลิวอันนี้

     

       นางเก็บแส้ใบหลิวกลับเป็นสายรัดเอวเหมือนเดิม ก่อนจะเดินตามหาซากของมารกระบี่ และ กระบี่เล่มนั้นที่ท่านอาจารย์นางต้องการจะเห็นอีกสักครั้งก่อนจะสิ้นอายุขัย

    นางต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จลุล่วง….

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×