ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนที่ 30 เรื่องบุญคุณความแค้น

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 65


       บนยอดเขาบริเวณพื้นที่โล่งอันเป็นที่อยู่ของบ่อโลหิต หลินมู่ที่อธิบายความสัมพันธ์ และ สถานการณ์โดยจำเพาะที่ถูกทำให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยพวกเธอสองแม่ลูก

    ก็ทำให้พวกเธอทั้งสองเอามือปิดปากแสดงท่าทางตกตะลึง “เซียนจวินหมายความว่า พวกเราสองแม่ลูกกลายเป็นวิญญาณที่ผูกติดกับภูเขาลูกนี้ กลายเป็นเทพหรือภูติของภูเขาไปแล้ว?” หงหลี่ถามออกมาเพื่อความแน่ใจ

     

       หลินมู่พยักหน้าก่อนจะอธิบายต่อไป “หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองทำสมาธิเพื่อตรวจสอบตนเองดู เมื่อพวกเจ้าเข้าใจสถานการณ์ของตนเองโดยคร่าวๆแล้ว ข้าจึงจะอธิบายต่อหลังจากอูเชินพาคนขึ้นมา…”

    หลินมู่ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดต่อแม้แต่คำเดียว สองแม่ลูกจึงทำได้แค่ลองทำตามที่ชายหนุ่มคนนี้แนะนำ พวกนางหลับตาพยายามทำสมาธิ 

     

       ก่อนจะเจอเรื่องน่าพิศวงเข้า ราวกับพวกนางเป็นหนึ่งเดียวกับภูเขาลูกนี้ ทุกซอกทุกมุมพวกนางสามารถสัมผัสได้ทั้งหมด แม้แต่บนเขามีคนกี่คนหรือมีใครกำลังขึ้นมาพวกนางก็สัมผัสได้

    “ท่านแม่ ท่านแม่ ดูสิท่านพ่อหล่ะ!” อูฮวาเหมยพูดอย่างตื่นเต้นที่นาง สามารถมองเห็นทุกอย่างบนภูเขา แม้แต่อูเชินที่พาหัวหน้าหมู่บ้านและคนอีกสิบคนขึ้นมาด้วย

     

       หงหลี่พยักหน้าด้วยสีหน้าพูดไม่ออก เขา….เซียนจวินไม่ได้โกหกพวกนาง ตอนนี้พวกนางกลายเป็นส่วนหนึ่งกับภูเขาลูกนี้แล้ว แม้แต่ปราณหยิน และ ปราณชั่วร้ายที่ตลบอบอวลอยู่ทั่วเขา

    นางยังรู้สึกได้ถึงปราณชั่วร้ายเหล่านี้ สร้างความรำคาญราวกับว่าพวกมันกำลังขุดเจาะร่างกายของนาง ชอนไชไปทั่วราวกับหนอนที่น่ารังเกียจ แต่เมื่อนางย้ายสายตาไปมองหลินมู่ที่ยืนอยู่ขอบบ่อโลหิต

     

       หงหลี่ก็ราวกับเจอเรื่องอันมหัศจรรย์ ในมุมมองของนางไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง หรือ สามีของนาง อูเชิน นางสามารถเห็นออร่าที่ล้อมวนอยู่บนร่างกายของพวกเขา

    แม้อูเชินจะมีปราณหยิน ล้อมวนอยู่ทั่วร่างกายนางก็ไม่ได้รังเกียจเลย แค่รู้สึกสงสารและโทษตนเอง ที่ทำให้สามีของเกือบเดินไปในเส้นทางที่หวนคืนไม่ได้

     

       บนตัวของหัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง นางสามารถเห็นถึงคลื่นออร่าสีขาวนวล นี่น่าจะเป็นลมปราณที่สามีนางเคยพูดให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว พวกเขาทั้งสองมีขอบเขตของออร่าค่อนข้างแตกต่างกัน

    เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง ค่อนข้างอ่อนแอกว่าสามีนางเล็กน้อย แต่พอนางหันไปมองหลินมู่ราวกับอยู่คนละโลก

     

       ทั่วร่างของชายหนุ่มหมุนวนไปด้วยออร่าเจ็ดสี โดยพวกมันมาจากกระบี่ทั้งสองเล่ม และ ถุงผ้าหน้าตาเก่าๆที่นางเมินมันไป รอบตัวมีปราณฟ้าดินติดสอยห้อยตาม

    ราวกับเป็นเด็กน้อยที่เห็นญาติสนิท พวกมันล้อมวนอยู่รอบตัวอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม แต่สิ่งที่นางตกตะลึงกว่านั้นคือ บริเวณหว่างคิ้วของหลินมู่ ราวกับเป็นดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า 

     

       แค่แหงนหน้ามองก็สามารถทำลายดวงตาของนางได้แล้ว และ นางยังสัมผัสได้ถึงความแหลมคมจากดวงอาทิตย์ดวงจิ๋วนั้น “เจ้ามองพอรึยัง?” หลินมู่เปิดปากพูดขึ้น ทำให้จิตของหงหลี่ที่เชื่อมต่อกับมุมมองภูเขาต้องขาดสะบั้น

    หงหลี่ที่พึ่งรู้ตัวว่าตนล่วงเกินอีกฝ่ายไป ก็รีบโค้งตัวขอโทษ “เซียนจวินอภัยให้ผู้น้อยด้วย ผู้น้อยไม่รู้ความ…" ก่อนที่หงหลี่จะพูดไปมากกว่านี้ หลินมู่ก็ยกมือขึ้นห้ามพร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

     

       “ไม่เป็นไรคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่คำนี้ก็ใช้ไม่ได้เสมอไป จำเอาไว้ในอนาคตหากเจ้าจะสอดส่องใคร ก็อย่ามองพวกเขานานนัก หากเจ้าไม่แข็งแกร่งมากพอ ทางที่ดีอย่ามองเลยดีกว่า เจ้าไม่ได้โชคดี และ มีรอดชีวิตไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอก เจ้าควรจำเอาไว้”

    เมื่อได้ยินคำเตือนจากหลินมู่ หงหลี่ก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวเปลือกเป็นอันเข้าใจ ในอนาคตนางจะไม่ใช่สายตา ของเทพภูเขามองคนอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้ว เป็นอย่างที่หลินมู่พูด นางไม่ได้โชคดีตลอด หากบังเอิญไปมองคนร้ายกาจและเขารู้สึกถึงเข้า เขาอาจจะคิดว่านางกำลังท้าทาย จนขึ้นมาสังหารนางถึงบนเขาเลยก็ได้ 

     

       หลินมู่พยักหน้าเงียบๆ เพียงไม่นานสตรีคนนี้ก็เข้าใจการวางตัวขึ้นมาเล็กน้อย เอาตามตรงหลินมู่รู้สึกถึงเพียงบางเบาเท่านั้น เพื่อไขความสงสัยของตนเองจึงพูดขึ้นมา

    และเป็นดังคาดหงหลี่กำลังมองตนด้วยมุมมอง ที่คล้ายกับตาจิตของตน เขาไม่รู้ว่านางเห็นอะไรบนตัวเขา แต่เขาก็ไม่อยากรู้เช่นกัน 

     

       ระหว่างรอให้อูเชินพาคนขึ้นมา หลินมู่ก็สอน….เรียกว่าสอนก็ไม่ถูก เขาลองชี้จุดให้สองแม่ลูกควบคุมพลังตนเอง ไม่นานพวกนางก็สามารถ แยกส่วนปราณหยิน และ ปราณชั่วร้าย ออกจากสิ่งต่างๆบนเขาได้ 

    หลินมู่ได้แต่ยืนตกตะลึงกับพัฒนาอันรวดเร็วนี้ ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ แต่ยังต้องไตร่ตรองสักพัก เวลาผ่านไปอีกสักระยะ ในที่สุดอูเชินก็พาหัวหน้าหมู่บ้าน และ อีกสิบคนขึ้นมาบนเขา

     

       อูเชินที่เห็นว่าภรรยาและบุตรสาวของตน กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่ทำให้ตนงุนงง ก็อดแสดงสีหน้าอิหยังวะออกมาอดไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเรื่องที่พวกนางคุยกันสักนิด เทพภูเขา? ภูเขาอะไร? เทพไหน??? อีกสิบคนก็ไม่ต่างจากเขานัก

    ในขณะที่อูเชินตกอยู่ภายใต้ความงุนงง หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางก็สังเกตเห็น ร่างที่ตนคุ้นตาสวมใส่ชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่ง สะพายกระบี่สวมเกี๋ยะยืนอยู่บริเวณปากบ่อโลหิตที่น่าขนหัวลุก

     

       แม้จะสงสัยว่าสตรีหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่นั้นคือใคร และ มาได้อย่างไร แต่ก็ไม่เท่ากับชายหนุ่มที่อูเชินเรียกว่าเซียนจวินผู้นี้ เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    แต่ก่อนจะได้เปิดปากถามใดๆ อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “หัวหน้าหมู่บ้านคงสงสัย ทำไมข้าจึงเรียกท่านขึ้นมา และ สงสัยว่าบนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง" เสี่ยวหลางไม่ได้ปฎิเสธทำเพียงพยักหน้า และ รอฟังคำอธิบายจากชายหนุ่มตรงหน้า

     

       หลินมู่ที่พยายามนึกถึงทางแก้ไข ของบ่อโลหิตนี้อยู่ก็เปิดปากอธิบายไปด้วย เขาเล่าถึงจุดประสงค์ที่อูเชินมาถึงหมู่บ้านนี้เมื่อ 6 ปีก่อน และ เขาลงมือทำอะไรลงไปเพื่อฟื้นคืนชีวิตให้กับภรรยา และ บุตรสาวของตน

    “เจ้าหมายความว่าผู้หญิงสองคนนั้น คือภรรยาและลูกสาวของอูเชิน?” หลินมู่พยักหน้าให้กับคำถามของหัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลาง แล้วจึงอธิบายสถานการณ์เป็นฉากๆ

     

       ทั้งเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้าน ทั้งเรื่องไผ่ที่คร่าชีวิตคน รวมถึงเรื่องที่พวกเขาสงสัย ที่หลินมู่พอจะอนุมานออกมาได้อย่างคร่าวๆ สิบคนที่มาพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้านกำหมัดแน่น ในอกอัดแน่นไปด้วยความโกรธเคือง เดิมทีพวกเขาก็สงสัยในตัวของอูเชินมานานแล้ว แต่พอได้ยินจากปากของหลินมู่อารมณ์ที่เก็บกดอยู่จึงระเบิดออก

    “อูเชิน เพียงเพราะเจ้าใช้วิชามาร หวังคืนชีพภรรยาและลูกสาว เจ้าเกือบทำให้พวกเราพินาศกันหมด!! พวกเราอุตส่าห์สงสาร และ รับเจ้าเข้ามาภายในหมู่บ้าน เจ้าตอบแทนพวกข้าด้วยวิธีนี้หรือ!!?” หนึ่งในสิบคนที่เป็นชายชราหัวขาวโพลน ตวาดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวใส่อูเชิน ก่อนจะหันไปทางหลินมู่

     

       “เซียนจวิน โปรดลงโทษคนชั่วผู้นี้ และ ให้ความเป็นธรรม กับชาวบ้านอย่างพวกเราด้วย!!” ชายชราป้องมือมาทางหลินมู่ ไม่ใช่เพียงชายชราแม้แต่อีกเก้าคนยังทำเช่นกัน “เซียนจวินโปรดให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย!!!” พวกเขาคือบุคคลระดับสูงของหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว

    ความเป็นตายและความเจริญของหมู่บ้านเป็นหน้าที่ของพวกเขา หากอูเชินทำผิดพลาดและภรรยากับลูกสาวของเขากลายเป็นภูติผีปีศาจ หมู่บ้านของพวกเขาคงพังพินาศไปแล้ว

     

       แล้วพวกเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับบรรพบุรุษหล่ะ? หลินมู่ที่พึ่งเคยมีคนประสานเสียงขอร้องตนก็ไปไม่ถูก ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดต่อไปอย่างไรดี หัวหน้าหมู่บ้านเสี่ยวหลางที่เห็นท่าทางอึดอัดของหลินมู่

    ก็อ้าปากตะโกนเสียงดังสนั่นทันที “เงียบ!!! พวกเจ้าจะให้เซียนจวินพูดจบก่อนได้หรือไม่!!?” สิ้นเสียงของเสี่ยวหลาง ทั้งสิบคนก็ปิดปากเงียบแต่สายตาอันเกลียดชัง ยังมองไปยังอูเชินโดยไม่หวั่นเกรงอีกฝ่ายเลย

     

       หลินมู่ที่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านเรียกเซียนจวินไปอีกคน ก็ได้แต่ยืนเกาหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่สามารถหยุดเรื่องที่เขาจะพูดออกมาได้ “เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเจ้า และ อูเชิน จะว่าแก่ไม่ง่ายก็ไม่ง่ายจริงๆ แต่ว่าก็ไม่ยากเท่าไหร่เช่นกัน….” หลินมู่ใช้จิตกระบี่สายหนึ่งดึงเอาหินขนาดพอดีมือ ขึ้นมาจากก้นบ่อโลหิต

    ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าหลินมู่กำลังจะทำอะไร เหตุใดจึงหยิบเอาหินขึ้นมาจากบ่อเลือดสัตว์สุดสยองขนหัวลุกนั้ั้น “หงหลี่ อูฮวาเหมย….” หลินมู่ไม่คิดจะอธิบายให้คนเหล่านี้ฟัง เพียงปล่อยให้พวกเขาดูด้วยตาตนเอง

     

       หงหลี่ กับ อูฮวาเหมย สองแม่ลูกที่ค่อนข้างงดงาม รับรู้สิ่งที่หลินมู่พยายามจะทำ พวกนางเชื่อมต่อกับภูเขาลูกนี้ ดึงเอาปราณหยิน ปราณชั่วร้ายออกมา แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพราะพวกมันฝังลึกกับภูเขา

    แต่พวกนางก็กลั้นใจดึงพวกมันจนไม่เหลือแม้แต่โคนราก แม้กระทั่งบ่อโลหิตที่คอยดึงดูดปราณหยินและสิ่งชั่วร้ายเข้ามา ยังถูกพวกนางสองแม่ลูก เคลื่อนย้ายขึ้นไปบนท้องฟ้า

     

       เหตุการณ์แสนอัศจรรย์นี้ตกอยู่ภายในสายตาของทุกคน แต่ละคนมีปฎิกริยาแตกต่างกันไป แต่โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เลือดที่กักเก็บปราณหยินและสิ่งชั่วร้ายไว้เป็นจำนวนมาก

    ถูกหลอมรวมเข้ากับปราณหยิน และ สิ่งชั่วร้ายที่ถูกดึงออกมาจากรากฐานของภูเขา ก่อนจะถูกอันแน่นอยู่ภายในก้อนหินที่หลินมู่ หยิบขึ้นมาจากก้นบ่อพวก มันถูกอัดแน่นลงไปภายในก้อนหิน ด้วยพลังของสองแม่ลูก พวกนางยัดมันลงไป ในก้อนหินอันน้อยก้อนนี้จนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว

     

       สถานการณ์ที่พวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุด หลินมู่ที่ชักตงหยูออกจากฝัก ก่อนจะออกสองกระบี่ กระบี่แรกเขาแทงเข้าใส่กึ่งกลางของบ่อที่ว่างเปล่า

    กระบี่ที่สองเขาแทงเป็นทางยาว สร้างเป็นเส้นทางเหมือนคูน้ำ ตั้งแต่ยอดเขาลากยาวถึงตีนเขา เมื่อตงหยูกลับมาอยู่ภายในฝัก สองแม่ลูกก็ทำหน้าที่ของตนเสร็จสิ้น

     

        ที่ตีนเขาบังเกิดเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่บ่อหนึ่ง พร้อมกับในบ่อที่ว่างเปล่าบนเขามีน้ำใต้ดินผุดออกมาเป็นจำนวนมาก น้ำเหล่านั้นไหลไปตามคู่น้ำที่เกิดจากการออกกระบี่ที่สอง

    ไหลลงไปยังบ่อน้ำที่อยู่ยังตีนเขา เมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น หลินมู่ก็กลับมายืนจุดเดิม พร้อมกับหินหน้าตาประหลาดที่ปลดปล่อยกลิ่นอายชั่วร้าย ภายใต้สายตาที่แข็งค้างหลายสิบคู่ “เอาหล่ะเรื่องใหญ่ก็จัดการไปแล้ว ที่นี่มาพูดถึงเรื่องบุญคุณความแค้นของพวกเจ้ากับอูเชิน…”

     

       เรื่องน่าปวดหัวจัดการไปได้แล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่าง หมู่บ้านตระกูลเสี่ยว กับ ครอบครัวของอูเชิน เรื่องนี้เขาคิดหาทางออกไว้เล็กน้อยแล้ว

    เหลือแค่ให้พวกเขาพูดคุย และ ตกลงข้อเสนอกันเอง เขาจะไม่ยื่นมือเข้าไปเอี่ยวเด็ดขาด แค่ทำหน้าที่เป็นคนกลางเท่านั้น

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×