ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #28 : ตอนที่ 28 รอดแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 65


        วิญญาณหยินชั่วร้ายขบฟันดังกรอดๆ ตั้งแต่เปิดภูมิปัญญามันไม่เคยอับจนหนทางแบบนี้ แต่หากวิญญาณหยินอีกตัวเปิดปัญญาอาจจะทำให้สถานการณ์ง่ายกว่านี้

    เซียนจวินท่านนี้ไม่ยอมพูดคุยกับนางสักนิด หากยอมคุยด้วย นางอาจจะเกลี่ยกล่อมให้เซียนจวินยอมผ่อนปรน และ ปล่อยนางไปอย่างมาก ก็ต้องโทษทำบุญกุศลช่วยหมู่บ้าน และ ชาวบ้านล่างเขาไม่กี่ร้อยปี

     

        แต่เซียนจวินหนุ่มท่านนี้ไม่ยอมแม้จะให้นางเปิดปากใช้อุบาย เริ่มมาก็พูดฉอดๆให้ทางเลือกทางสองทาง

    และไม่พูดอะไรอีก นางที่เงียบเพราะตกตะลึงกับสถานการณ์ที่เกินควบคุม เซียนจวินหนุ่มผู้นี้ก็เริ่มปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายแล้ว

     

       เหมือนความรู้ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจะไม่โกหกตน เซียนกระบี่คือคนที่ไร้เหตุผลและมีเหตุผล มากเป็นอันดับต้นๆในพิภพสุสานเทพเจ้า 

    หากพูดคุยกันรู้เรื่องก็เชิญมาดื่มสุราถกปัญหาไม่ยาก แต่หากคุยกันไม่รู้เรื่องและใช้เหตุผลไม่ได้ขึ้นมา ก็เตรียมตัวโดนกระบี่อีกฝ่ายได้เลย 

     

       วิญญาณหยินสาวรู้สึกท้อแท้นัก อีกไม่กี่ก้าวแท้ๆนางก็จะกลืนวิญญาณหยางจนหมด และ เกิดเป็นภติผี หรือ ปีศาจหยิน

    แต่ชะตากลับเล่นตลกดันมีเซียนกระบี่ผ่านทางมา พูดคุยเหตุผลกับอีกฝ่ายก็ไม่ได้ พอพูดไม่เข้าหูก็จะโดนกระบี่ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก

     

       วิญญาณของมนุษย์ มักมีสองส่วน วิญญาณหยาง และ วิญญาณหยิน ทั้งคู่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน จนกลายเป็น 3 จิต 7 วิญญาณ

    วิญญาณหยาง และ วิญญาณหยิน จะต้องมีอำนาจทัดเทียมกันและกัน หากอันใดอันหนึ่งมีอำนาจมากกว่า มนุษย์ที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานด้วยความสมดุล ก็จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดของวิญญาณของตน

     

       หากวิญญาณหยางแข็งแกร่งจนวิญญาณหยินเสียสมดุล หากปล่อยไว้จนวิญญาณหยางเผาไหม้ วิญญาณหยินจนหมด

    ก็จะกลายเป็นเทพที่มีวิญญาณหยางเป็นแกนหลัก ดำรงอยู่ด้วยการให้คนบูชากินควันธูปเพื่อมีชีวิตอยู่ หากไร้คนบูชามากราบไหว้จุดธูป เทพองค์นั้นก็จะค่อยๆตายจากไปแม้แต่ร่างอมตะของเทพยังดับสูญ 

     

       หากวิญญาณหยินกลืนกินวิญญาณหยาง เมื่อดำเนินไปถึงจุดที่วิญญาณหยินกลืนกินวิญญาณหยางจนหมด

    ก็จะกลายเป็นภูติผีปีศาจมีวิญญาณหยินเป็นแกน ดำรงอยู่ด้วยการสูบพลังชีวิต และ จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิต แม้พวกมันจะไม่เป็นอมตะไม่มีอำนาจทัดเทียมเทพ แต่พวกมันก็มีอายุขัยยาวนานจนเกือบเป็นอมตะ หากภูติผีบางตนโชคดีมีคนบูชา อาจเปลี่ยนเป็นเทพภายหลัง

     

       เทพก็เช่นกันหากจมดิ่งในอารมณ์ด้านลบ หรือ ถูกกัดกร่อนจากสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล ก็กลายเป็นภูติผีปีศาจได้เช่นกัน การกลายเป็น เทพ หรือ ภูติผีปีศาจ มักจะไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากถูกภายนอกควบคุมก็พอมีโอกาส

    หลินมู่ที่ฝึกเป็นเซียนกระบี่เอง ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นซ่างเซียนบนสวรรค์ แต่อาจจะกลายเป็น มาร อสูร ร่อนเร่อยู่บนภพมนุษย์ก็ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้และผันเปลี่ยนตลอดเวลา

     

       อนาคตก็ส่วนอนาคต ปัจจุบันเขาก็แค่หลินมู่ลูกศิษย์เซียนกระบี่ ที่พึ่งเริ่มฝึกตนแม้แต่การออกฆ่าปีศาจปราบมาร ครั้งแรกยังอยู่ในสภาพสะบักสะบอม

    ช่างชวนให้วิตกกังวลกับอนาคตอันห่างไกลยิ่งนัก แม้จะตั้งเป้าหมายว่าจะกลับบ้านไปให้ได้ แต่ถ้าวิ่งเข้าหาปากเสือแกว่งเท้าหาเสี้ยนแบบนี้อยู่ คงไม่แคล้วตกตายอยู่ที่ไหนสักแห่ง

     

       เขาคิดว่านี่จะเป็นครั้งแรก และ ครั้งเดียว ที่จะบุกมาฆ่าปีศาจปราบมาร ไม่ใช่ว่าอนาคตจะไม่ทำอีก

    แต่ต้องดูสถานการณ์และกำลังของตนเอง หากบุกเข้าไปลููกเดียวไม่สนกำลังของตนเอง ก็มีแต่ตายกับตาย

     

       ตอนนั้นศิษย์พี่ของตนก็มีเพื่อนผีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตน กลายเป็นว่าทั้งอาจารย์และศิษย์เป็นวิญญาณกระบี่ทั้งหมด

    เขาไม่อยากทำให้ควันธูปสายอาจารย์ขาดลง เขาต้องฝึกจนกลายเป็นเซียนหาทางกลับบ้าน เรื่องฆ่าปีศาจปราบมารในอนาคต ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาและวาสนา

     

       หากเขามีกำลังพอก็จะยื่นมือเข้าช่วย หากไม่พอก็ได้แค่จากไปพร้อมพูดว่ามีใจเหลือแต่ไร้กำลัง หลินมู่ควบคุมจิตกระบี่สองเส้นพุ่งลงไปในบ่อโลหิต

    ดึงร่างอรชรอ้อนแอ้นของสตรีขึ้นมาสองร่าง หนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่ พวกนางมีสีหน้าซีดเผือดวิญญาณหยางอ่อนแอถึงที่สุด

     

       ไม่เพียงแค่นั้นวิญญาณหยินยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกก้าวเดียวก็จะกลายเป็นวัตถุหยิน ดำรงอยู่ในฐานะภูติผีปีศาจ คอยสูบกินพลังชีวิต และ จิตวิญญาณ 

    สร้างความปั่นป่วนโกลาหลไปทั่วทวีป โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อมาถึงขั้นนี้ก็แทบจะหมดทางรักษาไปแล้ว

     

       แต่ก็ใช่จะหมดไปซะทีเดียว แต่วิธีที่หลินมู่จะใช้ นั้นค่อยชอบพึ่งพาดวงมิน้อย เขาจะใช้ยันต์ไฟหยางสยบวิญญาณหยิน และ ส่งเสริมให้วิญญาณหยางเผาไหม้วิญญาณหยิน

    ผลักดันให้สองแม่ลูกคู่นี้กลายเป็นเทพหรือภูติภูเขา แม้จะมีโอกาสน้อยมากถึงมากที่สุด เขาก็จะลองเสี่ยง

     

       เรื่องเทพภูติผีก็ได้ฟังมาบ้างแล้วจากปากของหลัวกงฟาน แม้จะไม่เข้าใจกลไกการทำงานนักก็ได้แต่เสี่ยง

    ไม่งั้นการฝืนดึงดันตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการรักษาม้าตายดั่งม้าเป็น หวังไว้กับคำว่าปาฎิหารย์เสี้ยวเล็กนั้น

     

       ยันต์แผ่นเหลืองที่ติดไฟลุกโชติช่วง ถูกจิตกระบี่นำไปติดบนตัวของสองแม่ลูก สะกดข่มวิญญาณหยินชั่วร้ายภายในร่างพวกนาง กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างตึงเครียด

    ด้านหลังมีอูเชินที่เป็นผีดิบครึ่งตัว โดนสะกดข่มโดยยันต์ไฟหยางที่แปะอยู่บนแผ่นหลัง พวกมองภาพนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “นี้นะหรืออำนาจของท่านเซียนจวิน…”

     

       อูเชินเรียกหลินมู่ว่าเซียนจวินตามวิญญาณหยิน ไม่ใช่เพียงซาบซึ้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือสังหารคน

    แต่เขายังยื่นมือช่วยเหลือ เขาซึ่งใจเป็นอย่างมาก หลินมู่ควบคุมจิตกระบี่เข้าไปภายในหว่างคิ้วของสองแม่ลูก

     

       ฟาดฟันและกดดันให้วิญญาณหยินถอยร่น วิญญาณหยินเองก็ไม่ได้อยู่เฉยมันพยายามจะกลืนวิญญาณหยาง เพื่อบรรลุกลายเป็นภูติผีโดยเร็ว

    แต่ถูกจิตกระบี่สองสายเข้าขัดขวาง จึงทำได้แค่ถอยร่นกลับไปอย่างโกรธเคือง “เซียนจวินหากท่านจะแตกหักให้ได้ ข้าก็ไม่คิดจะไว้หน้าท่านแล้ว!!!”

     

       วิญญาณหยินคำรามกราดเกรี้ยว ควบคุมบ่อโลหิตให้โถมใส่หลินมู่ แม้จะมีจิตกระบี่หนึ่งเส้นคอยป้องกันกาย

    แต่เหมือนมันจะสู้พลังอำนาจที่มาจากบ่อโลหิตทั้งบ่อไม่ได้ กระบวนการขัดขวางวิญญาณหยินเองก็หยุดกลางคันไม่ได้เช่นกัน หากเปิดโอกาสให้มันแม้แต่นิดเดียว มันก็อาจจะหุบกลืนวิญญาณหยาง

     

       โดยยอมเสี่ยงทำให้วิญญาณหยินของมันบาดเจ็บ เป็นการทำให้ศัตรูเสียหนึ่งพันขณะเดียวกันตนก็เสียแปดร้อย

    แม้จะเสี่ยงแต่ก็ยังดีกว่ายืนเฉยๆปล่อยให้หลินมู่ ทำไปอย่างที่ตนต้องการ ร่างของหลินมู่ถูกผลักให้ถอยหลังจากแรงปะทะของบ่อโลหิต

     

       เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะคลายออก “คิดว่าจะไม่ต้องใช้แล้วซะอีก…” สิ้นเสียงเปลือกตาที่ปิดอยู่ตลอดก็ถูกเปิดออก

    ปลดปล่อยจิตกระบี่เป็นสายสีฟ้า ฟาดฝ่าคลื่นโลหิตเป็นสองส่วน ขณะเดียวกันกระบี่ตงหยูในมือเองก็เริ่มขยับ ฟาดฟันรวดเร็วดุจสายลม

     

       เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ทุกอย่างถูกนำมาใช้จนหมดและสมรรถภาพทุกอย่างถูก ดึงออกมาจนขีดสุด

    จิตกระบี่เส้นที่ 8 ที่ก่อตัวรางๆเริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะก่อตัวสำเร็จมันพุ่งออกมาจากดวงตาของหลินมู่ ฟาดฟันคลื่นโลหิตให้ขาดกระจุย

     

       เมื่อสบโอกาสชายหนุ่มก็ควบคุม จิตกระบี่เหนี่ยวนำไฟหยางไปเสริมกับวิญญาณหยาง ให้เริ่มเผาไหม้วิญญาณหยิน

    “ไอ้เซียนจวินบัดซบ ข้าขอสาปแช่งเจ้า!!!” มันคำรามลั่นพร้อมพ่นคำสาปแช่งออกมาไม่หยุด

     

       แต่หลินมู่ทำเป็นหูทวนลมหาสนใจไม่ เขาควบคุมจิตกระบี่ให้กดดันวิญญาณหยินเป็นขั้นตอน

    วิญญาณหยางเองก็กระตือรือร้นที่จะมีชีวิตรอด มันเผาพลาญวิญญาณหยินราวกับเป็นหิมะที่เจอเปลวเพลิงอันร้องแรง

     

       การต่อสู้กินเวลาอยู่ค่อนข้างนานพอสมควร ทุกอย่างเริ่มสงบลงตามระยะเวลา หลินมู่ทรงตัวโดยใช้ตงหยูพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้มลงไป

    เขาใช้สายตามองไปยังร่างของสองแม่ลูก ที่ลอยอยู่บนบ่อโลหิตอย่างผิดกฎธรรมชาติ ภายในร่างกายเปลวไฟวิญญาณหยางกำลังลุกโหม 

     

       เปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายสร้างสายสัมพันธ์ เชื่อมต่อกับภูเขาลูกนี้อูเชินที่มองอยู่ก็แสดงสีหน้าดีใจ

    สำเร็จภรรยาและบุตรสาวตนรอรอดแล้ว ร่างของนางทั้งสองร่อนลงมายืนบนพื้นก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ

     

       สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยปนไปด้วยความดีใจ หลินมู่ที่เก็บจิตกระบี่กลับมาก็ทิ้งตัวลงนั่งเก็บตงหยูเข้าฝัก ก่อนจะหลับตาปรับสภาพจิตใจของตนเอง

    เมื่อหญิงสาวทั้งสองลืมตาและเห็นบริเวณรอบข้าง ก็แสดงความดีใจและโล่งอกออกมา

     

       “ท่านแม่เรายังไม่ตาย….” เป็นลูกสาวที่พูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอมองร่างกายของเธอด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

    ผู้เป็นแม่เองก็มองสำรวจตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกนางราวกับเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาลูกนี้ ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกยิ่งนัก….

     

     

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×