ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 26 หลังจากนี้คือของจริง

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 65


       บนเขาหลังหมู่บ้าน อูเชินที่แบกเด็กน้อยจางหยูขึ้นมาด้วย ก็แสดงสีหน้ากังวลใจออกมาชัดเจน

    เขาโยนจางหยูที่แสดงท่าทางหวาดกลัว ต่างจากตอนแรกที่หึกเหิมร้องแต่จะฆ่าแกงคนชั่ว

     

       “เจ้ารอบนเขากับข้า รอให้คนในหมู่บ้านเอาวัวแพะมาแลกตัวเจ้ากลับไป” อูเชินพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า เขานั่งแปะลงบนก้อนหินด้วยอารมณ์อธิบายไม่ถูก

    ใจจริงเขาไม่อยากทำอย่างงี้เลย แต่สถานการณ์มันบังคับขอแค่คนในหมู่บ้านเอาวัวแพะมาแลก เขาก็จะปล่อยเด็กน้อยไม่รู้ประสีประสาคนนี้ไป

     

       จางหยูที่แม้จะสั่นกลัวเดินถอยเอาหลังชิดต้นไผ่ แต่เขายังคงกำดาบไม้ไผ่ในมือแน่นจ้องมองไปยังอูเชินด้วยสีหน้าหวาดกลัว

    “เจ้าคนชั่ว…เจ้าทำแบบนี้ทำไม?…” เขาถามด้วยเสียงที่สั่นกลัว แม้ดวงตาจะมีหยาดน้ำตาบ้างแล้วแต่ก็ไม่ยอมปล่อยโฮออกมา อูเชินที่ได้ยินคำถามจากเด็กน้อยก็ขบคิด

     

       “ข้า….ก็ไม่รู้เหมือนกัน….” จะตอบว่าไม่รู้ซะทีเดียวก็ไม่ได้ ที่เขาไม่รู้คือพิธีการในตำราโบราณนั้นเป็นจริงไหม

    หากจริงทำไมภรรยาและบุตรสาวตน ถึงได้อาการแย่ลงทุกปีทุกปีเขาเหลือบไปมอง เด็กน้อยที่สั่นกลัวก่อนจะพึมพำแผ่วเบา แต่นั้นก็มากพอจะทำให้เด็กน้อยที่ได้ยินหวาดกลัว จนเกือบฉี่ราด

     

       “หรือต้องใช้เลือดมนุษย์จริงๆ…” ความคิดของเขาขัดแย้งกันอย่างหนัก เห็นอยู่ว่าเลือดสัตว์ไม่สามารถใช้ได้แล้ว

    นอกจากเลือดมนุษย์ที่ไม่เคยลองก็ไม่มีทางอื่น แต่เขาไม่ต้องการฆ่าคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เห็นเรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงนี้ก็คือกองโจรบัดซบนั้น แม้อูเชินจะฆ่าล้างพวกมันจนหมดแล้ว

     

       ก็ยังไม่อาจแก้ปมแค้นที่ถูกผูกจนเป็นเงื่อนตาย แม้เขาจะยอมสละลมปราณขอบเขตเจ้ายุทธ์ทั้งหมด

    เพื่อดึงวิญญาณของภรรยาและบุตรสาวกลับมา ก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของเขากลับสู่คำว่าปกติได้

     

       ทุกเดือนภรรยาและบุตรสาวตน ต้องใช้เลือดจำนวนหนึ่งเพื่อคงอยู่ต่อ

    และเขาก็ไม่ได้เอามาเปล่าๆ ภรรยาและบุตรสาวของเขา ที่เชื่อมต่อเหนียวแน่นกับภูเขาลูกนี้ ก็ปรับเปลี่ยนให้โชคลาภเล็กน้อยแก่หมู่บ้าน

     

       แม้ช่วงแรกเหมือนจะดำเนินไปได้ดี เขาคิดว่าคงไม่ต้องพึ่งเลือดมาพยุงสถานการณ์อีก แต่อูเชินคิดผิดมันมีแต่จะแย่ลงและแย่ลงเขาไม่รู้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร…

    อูเชินไม่สามารถมองเห็นปราณหยินและปราณชั่วร้าย เขาจึงไม่รู้สึกตัวเลยว่าบ่อเลือดที่ภรรยาและบุตรสาวตนอยู่

     

       คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายอัปมงคล และ ชั่วร้ายอย่างยิ่ง ในมุมมองของหลินมู่ มีเปลวไฟคล้ายวิญญาณอยู่สี่จุดบนเขา

    แสงที่สว่างสุดก็คือจางหยู รองลงมาคืออูเชิน และ อีกสองจุดแทบจะมอดดับไปแล้ว หากเปลวไฟหยางทั้งสองดับไป สองคนหรือบางอย่าง ที่เป็นเจ้าของเปลวไฟหยางนั้นก็จะเกิดใหม่กลายเป็นผีร้าย หรือ บางสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น

     

       ระดับขั้นน่าจะตึงมือพอสมควร หลินมู่ที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนปฐพีที่ 1 ยังไม่ได้เป็นเซียนกระบี่เต็มตัว

    เรียกได้แค่ว่ากำลังเดินเข้าถ้ำเสือด้วยตนเอง จะไงได้เด็กน้อยช่างจ้อคนนั้นโดนเอาตัวไป เขาก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีก

     

       แถมอีกไม่นานเปลวเพลิงสองจุดนั้นก็กำลังจะมอดดับลง หากถึงตอนนั้นหมู่บ้านนี้คงเกิดเหตุนองเลือดไม่มีใครมีชีวิตรอดไปแน่นอน 

    เขาที่เป็นศิษย์เซียนกระบี่ จึงต้องจำทำหน้าที่ฆ่าปีศาจปราบมาร ถึงจะสู้ไม่ได้แต่เรื่องหนีและช่วยคนเขาค่อนข้างมั่นใจ

     

       หากสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยเปิดตาปลดปล่อยจิตกระบี่ทั้ง 7 เส้น ออกมาฟาดฟันก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ 

    ออกกระบี่หนึ่งครั้ง หมายความว่าไร้เรื่องกังวลหนึ่งเรื่อง หลินมู่ก้าวเดินขึ้นไปอย่างเชื่องช้าและมั่นคง

     

       ถามว่าแล้วไม้เท้าเดินเขาด้ามนั้นหล่ะ? หลินมู่เขาลืมมันไปแล้วตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องนอนที่บ้านพ่อลูกสกุลจาง

    แม้หมอกไอหยินจะปกคลุมทั้งหุบเขา แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลินมู่ผู้ที่ไม่ได้ใช้ดวงตาปกติในการมอง

     

       อูเชินที่นั่งรอบนหินได้สักพักก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมา เมื่อหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสักนิด

    อีกฝ่ายเดินออกมาจากหมอกหนา ใส่ชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่งสะพายกระบี่สวมเกี๋ยะ คล้ายขอทานที่พบเห็นได้เกือบทั่วๆไปหากไม่นับว่าอีกฝ่ายพกกระบี่สองเล่ม

     

       “เจ้าเป็นใคร?” อูเชินถามอย่างสงสัยพร้อมใช้สายตาพินิจวิเคราะห์มองไปยังหลินมู่ เป็นจังหวะนั้นเองที่จางหยูชะโงกหน้าออกมามอง ก็ร้องอย่างดีใจ

    “ท่านน้าหลินท่านมาช่วยข้าหรือ!?” หลินมู่แทบเดินสะดุดหน้าทิ่มดิน นี่เขาดูแก่ขนาดนั้นเลย

     

       อูเชินยกคิ้วขึ้นสูงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อหลินมู่เดินเข้ามาจนระยะห่างของพวกเขาไม่ถึง สองช่วงแขนอูเชินก็ถามอีกครั้ง “เอาหล่ะข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเป็นใคร และ เจ้าต้องการอะไรถึงขึ้นมาถึงนี้?”

    อูเชินลุกขึ้นยืนพร้อมปลดปล่อยแรงกดดันออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งบรรยากาศรอบตัวลดฮวบฮาบ

     

       หลินมู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเปิดปาก “อยู่กับวัตถุหยินนาน เลยใช้พลังหยินแทนลมปราณสินะ..” อูเชินหรี่ตาเล็กลงเขาถามด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย

    “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ใช้ลมปราณ และ วัตถุหยินที่เจ้าพูดคืออะไรข้าไม่รู้จัก…” อูเชินตั้งท่าเตรียมต่อสู้สีหน้าจริงจัง

     

       ชายหนุ่มในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่ง ส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้เคล็ดวิชามารแบบนี้มาจากไหน แต่วัตถุหยินที่ข้าพูดถึงคือสิ่งที่เจ้ากำลังใช้เลือดเลี้ยงอยู่บนเขานี้…”

    นัยตาสีแดงก่ำราวกับเลือดของอูเชิน หดเล็กลงอย่างน่าหวาดกลัว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกเริ่มโจมตีทันที

     

       หลินมู่ที่เห็นปฎิกริยาของอีกฝ่าย ก็แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องมีตำราหรือเคล็ดวิชามารกับตัว แถมเขายังสามารถยืนยันเรื่องสองเรื่องที่ตนอยากรู้ได้ด้วย

    หลินมู่ม้วนตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะเอื้อมมือไปจับด้ามของตงหยู เมื่อชายหนุ่มออกกระบี่ก็เกิดแสงวาบราวกับตะวันขาวดวงน้อย

     

       นี่คือหนึ่งในกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานนิกายเจี้ยนเสินเฟิง ตวัดจรัสแสง เป็นการออกกระบี่ที่อัดแน่นด้วยจิตกระบี่ มันทั้งรวดเร็วและเด็ดขาด

    กระบวนท่านี้มักจะได้ใช้เพียงครั้งสองครั้งในการต่อสู้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้เป็นท่าเปิดการโจมตี หรือ ท่าป้องกันในการป้องกันการโจมตีครั้งแรกของศัตรู

     

       จิตกระบี่อันแหลมคมแผ่กระจายไปรอบตัว สะบั้นหมอกหยินราวกับหิมะกำลังเจอกับเปลวเพลิง

    อูเชินที่โจมตีครั้งแรกพลาดก็ม้วนตัวกลับมา พร้อมกับออกหมัดที่สอง ใบกระบี่สีขาวดุจหิมะปะทะกับกำปั้นของอีกฝ่าย สร้างแรงกระแทกจนทั้งคู่ลอยกลับหลัง

     

       หลินมู่ต้องถอยไปเกือบสิบก้าวจึงจะหยุดได้ แต่อูเชินเพียงสองถึงสามก้าวก็หยุดนิ่งได้แล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วจนแทบผูกกันเป็นปม

    เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตนสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ หากยืดเยื้อมีแต่เสียกับเสีย แถมผิวหนังที่ปะทะกับคมของตงหยูก็มีเพียงรอยถากขาวๆเท่านั้น

     

       อีกฝ่ายคงแทบจะกลายเป็นผีดิบไปครึ่งตัวอยู่แล้ว จึงทำให้ผิวแข็งราวกับทองแดงแบบนี้

    ไม่ปล่อยให้หลินมู่คิดนานนักอูเชินก็พุ่งเข้าหาเขาด้วยความรวดเร็ว ออกหมัดอันหนักหน่วงหวังชกให้ชายหนุ่มในชุดขาดรุ่งริงนี้หมดสภาพ

     

       หลินมู่ไม่คิดพิรี้พิไรต่อหมุนตัวหลบหมัดอีกฝ่ายได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในถุงเฉียนคุนดึงยันต์แผ่นเหลืองออกมาแผ่นหนึ่ง

    ตอนแรกก็หนักใจว่าจะใช้ดีไหม เพราะเป็นของประเภทใช้แล้วหมดไป ทั้งเขาและหลัวกงฟานไม่มีใครรู้วิธีสร้างหรือเขียนยันต์เลย แต่หากไม่ใช้ตนก็มีโอกาสชนะน้อยถึงน้อยมาก

     

       ตัดสินใจฉับไวหลินมู่ดึงจิตกระบี่หนึ่งเส้น เหนี่ยวนำปราณฟ้าดินถ่ายเทลงไป ภายในแผ่นยันต์ที่ถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้ว

    ระหว่างนั้นก็หลบการโจมตีของอูเชิน แม้จะสามารถสวนไปได้หลายต่อหลายครั้ง แต่คมของตงหยูไม่สามารถฟันผ่านผิวทองแดงของอีกฝ่ายได้เลย ทิ้งไว้เพียงรอยถากสีขาว

     

       จะโทษตงหยูก็ไม่ได้เพราะหลินมู่ตบะต่ำตมเกินไป ไม่อาจดึงศักยภาพสูงสุดของมันออกมาได้

    การสับประยุทธ์กันระหว่าง หลินมู่ และ อูเชิน เป็นไปอย่างรวดเร็วดุดันแม้ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายอูเชินโจมตีก็ตาม

     

       จางหยูน้อยที่ยืนมองภาพนี้จากระยะไกล ก็ได้แต่เชียร์หลินมู่เขาเสียใจที่ไร้พลังไม่อาจช่วยน้าหลินคนนั้นได้

    ประกายกระบี่แปลบปลาบแหลมคมสาดกระจาย ราวกับคลื่นสมุทรโถมใส่ร่างของอูเชินอย่างไร้ปราณี

     

       คราวนี้หลินมู่สามารถฝากรอยแผลตื้นๆไว้บนตัวอีกฝ่ายได้เล็กน้อย อูเชินขมวดคิ้วแน่นหากวัดกันแล้วอูเชินสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ภายในหมัดสองหมัด

    แต่เพราะเขาไม่อยากสังหารคนทำกรรมชั่ว จึงออมแรงหวังต่อยให้อีกฝ่ายหมดสภาพก็เท่านั้น แต่เหมือนนั้นจะเป็นเรื่องยากมากกว่าฆ่าอีกฝ่ายเสียอีก

     

       ตลอดการต่อสู้เขารู้สึกหวาดกลัวแผ่นกระดาษสีเหลือง ที่ถูกคีบอยู่หว่างนิ้วอีกฝ่ายอย่างมาก สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือตั้งแต่พวกเขาต่อสู้กันมา

    เขายังไม่เคยเห็นชายหนุ่มตรงหน้าเปิดเปลือกตาสักนิด ‘หรือนี้จะเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์ตาบอด ที่สัมผัสดีกว่าคนทั่วไปกัน?’

     

       อูเชินคบคิดก่อนจะออกหมัดอีกครั้ง ครั้งนี้เอาออกแรงเพิ่มขึ้นอีกสองส่วนส่งผลให้มันรวดเร็วกว่าหมัดที่แล้วอยู่หลายขุม หลินมู่ที่เจอหมัดที่เร็วขึ้นดระทันหันก็ยากจะเบี่ยงตัวหลบได้อีก

    ด้วยการตัดสินใจฉับไวตงหยูก็ถูกขยับมารับหมัดนั้นไว้แทน ปัง!! ร่างในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่ง

     

       ถูกต่อยลอยขึ้นเขาราวกับว่าวสายป่านขาด หลินมู่หน้าเปลี่ยนสีรู้สึกราวกับเลือดตีขึ้นมาอยู่ในหลอดอาหาร

    เขากลั่นใจกลืนเลือดกลับไปก่อนจะม้วนตัวลดแรงกระแทก เมื่อลงมายืนบนพื้นก็ไม่มีเวลาให้เขาพักหายใจแม้แต่อึดใจเดียว

     

       ตัวของอูเชินก็กระโดดตามขึ้นมาติดๆ เขาปล่อยหมัดที่อนุภาพไม่ต่างจากเมื่อกี้มากนักออกมาอีกครั้ง ปัง!! แม้จะยกตงหยูขึ้นมาป้องกันไว้ทัน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่หลินมู่ถูกต่อยลอยไม่ต้องจากตุ๊กตายัดนุ่น

    ระหว่างลอยอยู่กลางอากาศ หลินมู่ก็ม้วนตัวผืนกลั้นความเจ็บปวด ตวัดกระบี่แนวดิ่งด้วยความรวดเร็ว

     

       อูเชินที่กระโดดตามขึ้นมาหวังปิดฉาก ก็ต้องเก็บหมัดกลับมายกแขนขึ้นเพื่อป้องกันกระบี่

    ปัง! อูเชิงถูกหลินมู่ฟาดลงพื้นราวกับลูกปิงปอง เศษดินเศษหินระเบิดออกจากจุดที่ร่างใหญ่ของอูเชินตกลงไป เขาลุกขึ้นจากหลุมด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน

     

       ต่างจากหลินมู่ที่เหมือนพึ่งเล่นเครื่องเล่นผาดโผนมาหมาดๆ ใบหน้าของเขาซีดเผือดเลือดไหลออกจากมุมปาก สภาพดูน่าอดสูยิ่งนัก

    ไม่รู้ด้วยซะตาหรือบังเอิญ จุดต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้คือบนยอดเขาที่โล่งเตียน

     

       ตรงกลางคืนบ่อเลือดขนาดใหญ่ ที่ปลดปล่อยกลิ่นคาวแสนสะอิดสะเอียน “เจ้าควรยอมเสีย เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเจ้าสู้กำลังข้ามิได้”

    อูเชินเปิดปากพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมใช้สายตาจับจองไปยังชายหนุ่มในสภาพสะบักสะบอม

     

      หลินมู่ที่ได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก มันก็จริงที่เขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แทบจะฝากรอยแผลรีดเลือดอีกฝ่ายยังทำไม่ได้เลย

    แต่ยังมีบางสิ่งที่เขายังไม่ลองมันคือยันต์แผ่นเหลือง ที่ถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง

     

       เขาต้องการเวลาอีกเล็กน้อยในการเหนี่ยวนำปราณฟ้าดิน ถ่ายเทลงไปภายในแผ่นยันต์เหลืองอันนี้

    “หากเจ้าไม่ตอบข้าก็จะชัดเจ้าให้สลบ และ ค่อยให้คนในหมู่บ้านแบกเจ้าลงเขาทีหลัง” สิ้นเสียงอูเชินก็พุ่งมาอีกครั้ง 

     

       หวังทุบชายหนุ่มดื้อด้านคนนี้ให้สลบเหมือด ในขณะที่ร่างใหญ่โตสีดำอมม่วงของอูเชินพุ่งมาได้ครึ่งทาง

    จู่ๆก็เสียวสันหลังวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาหยุดตนเองกลางอากาศอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ขาทั้งสองข้างจมอยู่ในพื้น 

     

       หลินมู่ที่คีบแผ่นยันต์เปล่งประกายไปด้วยเปลวไฟแปลกประหลาด ก็ยกยิ้มขึ้นสูงพร้อมพูดขึ้น “เอาหล่ะ มาต่อกันเถอะ….” เขามันใจแล้วว่ามันใช้ได้ผล 

    กว่าจะเปิดใช้งานมันได้ เขาแทบลงไปจูบพื้นอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เป็นไรเพราะหลังจากนี้คือของจริง!!

     

     

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×