ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 22 พลิกแพลง

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 65


       หลินมู่นอนหลับไปเต็มๆสองวันหนึ่งคืน ก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าลูกกลอนดับหิว แล้วดื่มน้ำลงไปตาม

    เขาลุกขึ้นยืนบิดตัวออกกำลังกายตามความเคยชิน ก่อนจะกลับลงไปนั่งเหมือนเดิม หลินมู่เอื้อมมือไปดึงตงหยูออกจากฝักก่อนจะฉีกเศษผ้าจากชุดตัวเอง

       

       มาเช็ดทำความสะอาดใบกระบี่สีขาวดุจหิมะขาวของตงหยู ทำความสะอาดตงหยูเสร็จเขาก็เก็บมันเข้าฝักเช่นเดิม

    “ลำบากศิษย์พี่หลัวซะแล้วสิ…” หลินมู่พึมพำพลางเอื้อมมือไปหยิบ ตำราเวทย์กระบี่สีขาวที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา

     

       เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบกับกระบี่เฮ่ยซานของหลัวกงฟาน แต่ไม่ยักจะเห็นเจ้าของมันอยู่แถวนี้

    “ศิษย์พี่หลัวคงกำลังพักผ่อนอยู่…” หลินมู่พึมพำก่อนจะหยิบตำราเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ ในอกเสื้อออกมาอ่านเสียงพลิกหน้ากระดาษดังขึ้นเป็นระยะก่อนจะเงียบไป

     

       ฝนก็หยุดตกไปได้แล้วสักพัก ศิษย์พี่หลัวก็หลับไม่ตื่น ไอ้ตัวเขาก็ไม่อยากปลุกด้วยสิ

    หลินมู่ที่นั่งเงียบอยู่คนเดียวภายในถ้ำ ก็เอื้อมมือไปสัมผัสด้ามของตงหยู ดวงตาสีหมึกขบคิดอยู่กับตนเองเงียบๆ

     

       เมื่อตัดสินใจเสร็จ เขาก็วาง ตำราเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ และ ตำราเวทย์กระบี่สีขาวไว้ข้างตัว ก่อนจะย่างสามขุมออกไปนอกถ้ำอย่างรวดเร็ว

    เหล่าสิ่งชั่วร้าย และ จิตปิศาจแตกตื่นก่อนจะแตกฮือราวกับมดแตกรัง ในรัศมีรอบตัวหลินมู่ ไม่มีสิ่งอัปมงคลตัวใดกล้าเข้าใกล้เขาแม้แต่ตัวเดียว

     

       แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาในการฝึกฝนของชายหนุ่ม เขาเอื้อมมือไปจับด้ามของตงหยู ก่อนจะเริ่มฝึกฝนเคล็ดกำหนดจิตกระบี่ ช่วงแรกก็ฟันกระบี่อยู่กับที่

    ก่อนจะเริ่มเดิน และ ออกกระบี่ นานเข้าเขาก็ทำด้วยท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ครั้งนี้เขาจะจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนมากขนาดไหน

     

       ก็ไม่อาจทำให้ตนเองเข้าสูภวังค์ ผสานเข้ากับธรรมชาติและปลดปล่อยปณิธานกระบี่ ขนาดเขาจะจดจ่ออยู่กับการออกกระบี่จนลืมรอบข้างไปแล้ว

    แต่ออกไม่อาจส่งตนเองเข้าภวังค์แห่งการฝึกฝน เหมือนช่วงแรกๆ ‘มันต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง…’ หลินมู่ขบคิดกับตนเองเงียบๆ

     

        ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนท่วงท่าเริ่มเพ่งจิตไว้ตรงหว่างคิ้ว แม้รอบข้างจะมืดมิดแทบมองอะไรไม่เห็น

    หลินมู่ก็ไม่เคยออกกระบี่พลาดโดนตนเอง หรือ สะบัดกระบี่ไปโดนโขดหิน หรือ หินผาแม้แต่น้อย ท่วงท่าของเขามั่นคง และ เรียบง่าย

     

       ภายในจิตใจเริ่มมีภาพเลือนลางของจิตกระบี่เส้นที่ 3 แต่ดูจากสภาพมันแล้วคาดว่าหากหยุดฝึกกลางคัน มันก็จะสลายไปแน่นอน การจะรวมจิตให้ได้เส้นหนึ่งมันยากเย็นมากขนาดนี้เอง

    ในขณะที่เพ่งจิตสนใจในตัวกระบี่ ภายในหัวก็เกิดแนวคิดที่บรรเจิดขึ้นมา ดวงตาปกติของเขาไม่อาจมองเห็นได้ในความมืด แต่หากใช้จิตเป็นดวงตาล่ะ

     

       คิดได้เช่นนั้นก็ขยับตัวยืนตรง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง แม้สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่เข้ามาโจมตีหลินมู่

    แต่ตัวเส้นเลือดปฐพีที่แปดเปื้อน ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันในการกัดกร่อนและโจมตีจิตใจของสิ่งมีชีวิต

     

       ความต่างระหว่างมีและไม่มีพวกมันไม่ค่อยมากนัก เมื่อหลับตาลงทุกอย่างก็มืดมิดอย่างสมบูรณ์ แม้จะรู้สึกแต่ไม่เห็นสิ่งใดเลย

    เขาค่อยๆ เพ่งจิตจากหว่างคิ้วแผ่ขยายครอบคลุมไว้รอบตัว สร้างการเชื่อมต่อที่แปลกประหลาดระหว่างเขาและฟ้าดิน

     

       ในขณะที่เหล่าสิ่งชั่วร้ายกำลังสงสัย ว่าเหตุใดศิษย์เซียนกระบี่ราวกับขอทาน ผู้นั้นจึงไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หลินมู่เริ่มขยับขาซ้ายก้าวมาด้านหน้า

    ทั้งๆที่เขาหลับตาอยู่ ทำเอาสิ่งชั่วร้ายที่อยู่บริเวณนั้นถลึงตามองอย่างตั้งใจ ว่าจะเกิดอะไรต่อไป หากล้มหน้าทิ่มก็ขอให้ล้มแรงๆไปเลย

     

       หลินมู่เริ่มฝึกฝนทั้งๆที่หลับตา เขาเพ่งจิตไว้รอบตัว ราวกับพยายามสร้างอาณาเขตเล็กๆที่ตนสามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง กระบวนการเหล่านี้สิ้นเปลื้องพลังใจเป็นอย่างมาก

    แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เพราะหลินมู่เชื่อว่า นี่คือการฝึกฝนที่เข้ากับตนที่สุด “มองในสิ่งที่คนอื่นไม่มอง เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น” หลินมู่พึมพำแผ่วเบาก่อนจะเริ่มขยับกระบี่

     

        ร่างในชุดคลุมรุ่งริ่งราวกับผ้าขี้ริ้ว พริ้วไหวไปมาราวกับสายลมสายหนึ่ง ทุกก้าวอย่างมั่นคงทุกก้าวที่ก้าวลงพื้นราวกับสามารถมองเห็น ว่าตรงไหนสามารถก้าวต่อไปได้หรือไม่ได้

    ช่วงแรกๆชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วแน่นจนแทบผูกกันเป็นปม ท่าก้าวติดๆขัดๆเสมือนไม่กล้าก้าวขาเดินหน้า บางครั้งก็หกล้มสร้างความขบขันให้เหล่าสิ่งชั่วร้าย และ จิตปีศาจ แต่เมื่อเขาฝึกนานขึ้นหลินมู่ก็ราวจะเริ่มชินกับการฝึกฝนเช่นนี้

     

        แม้จะมีก้าวพลาดไปบ้างแต่เขาก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ไม่ได้ล้มหน้าขมำให้ขายหน้าเหล่าสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นอีก นานเข้าเขาก็เริ่มพลิกแพลงใช้จิตกระบี่ทั้ง 2 เส้น 

    ไปหมุนวนรอบภาพอันพร่าเลือนของ จิตกระบี่เส้นที่ 3 ราวกับใช้พวกมันขัดเกลากันและกัน

     

        มุมมองของหลินมู่ตอนนี้ ไม่ได้มืดบอดอีกต่อไปแม้จะหลับตาอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้เขาสามารถมองเห็น เหวลึกที่เคยดำมืดกลับสว่างไสวราวกับยามเช้าที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง

    เห็นถึงโขดหินมากมายหลายขนาด แม้แต่แอ่งน้ำน้อยใหญ่ก็สามารถเห็นได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เหล่าสิ่งชั่วร้ายที่จ้องมองเขาจากที่ไกลๆ

     

        แม้แต่ออร่าสีดำที่ลอดออกมาจากพื้น เขายังสามารถมองเห็น ขนาดด้านหลังเขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างน่าประหลาด 

    บอกได้แค่ว่าหลินมู่ในตอนนี้นั้นไร้จุดบอดเรื่องการมองเห็น ถึงแม้ขอบเขตการมองเห็นจะเทียบเท่าดวงตาธรรมดาก็ตาม

     

        แต่นี่ถือเป็นก้าวที่สำคัญอย่างมากสำหรับหลินมู่ แต่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าเซียนกระบี่ทุกคนตั้งแต่ ปฐพีที่ 2 ขึ้นไป สามารถทำแบบนี้ได้กันหมด แถมยังสามารถมองเห็นได้กว้างไกลกว่าเขาหลายสิบหลายร้อยเท่า

    ต่างแค่ว่าเขาสามารถทำได้ตั้งแต่ปฐพีที่ 1 ก็เท่านั้น คาดว่าสิ่งที่ทำให้หลินมู่สามารถทำอย่างงี้ได้

     

       คงไม่พ้นเวทย์กระบี่สายสืบทอดของอาจารย์ตน ที่แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดมากมาย เพียงเข้าใจเนื้อความในหน้าแรก ก็สามารถควบคุมจิตกระบี่ในจิตใจได้อย่างใจนึก

    ราวกับเป็นแขนขาของตนเอง ถึงเขาจะไม่รู้ความต่างระหว่างเวทย์กระบี่อื่นๆ แต่หลินมู่คาดว่าเวทย์กระบี่สายอื่น ไม่สามารถเทียบกับสายของอาจารย์เขาได้

     

       เขาก็พอรู้แล้วว่าทำไมหลัวกงฟานถึงฝึกมันไม่สำเร็จ เพราะคุณสมบัติที่เวทย์กระบี่อันนี้ต้องการสูงลิ่วมาก

    จนขนาดหลินมู่เกือบจะทำไม่สำเร็จ แต่ถึงอย่างงั้นเวทย์กระบี่นี้ก็มีข้อเสีย เส้นทางการโจมตีขึ้นอยู่กับทิศทางที่ดวงตาของหลินมู่มองเท่านั้น ถือเป็นจุดบอดอย่างหนึ่งแถมดวงตายังเป็นส่วนที่อ่อนแอมาก

     

      หากไม่มั่นใจว่าสังหารอีกฝ่ายได้แน่นอน หลินมู่ไม่คิดจะใช้เนตรกระบี่โจมตีง่ายๆ เพื่อเป็นการปกปิดไม้ตาย และ ป้องกันจุดอ่อนของตัวเอง เมื่อหลินมู่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ

    ชายหนุ่มก็เริ่มเพ่งจิตใช้เคล็ดกำหนดจิตกระบี่ และ ควบคุมจิตกระบี่ทั้ง 2 เส้นของตน ขัดเกลาจิตกระบี่เส้นที่ 3 ให้เป็นรูปเป็นร่าง

     

       การฝึกฝนดำเนินต่อไปอีกสองชั่วยาม ก่อนหลินมู่จะหยุดพัก ถึงยังไม่อาจทำให้จิตกระบี่เส้นที่ 3 เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ แต่เขาก็สามารถทำให้มันอยู่ในสถานะคงตัว

    ไม่แตกกระจายหายไปกับความว่างเปล่า โดยการให้จิตกระบี่เส้นที่ 1 และ เส้นที่ 2 หล่อเลี้ยงจิตกระบี่เส้นที่ 3 อยู่เรื่อยๆ ภายในห้วงจิตมีริบบิ้นสีฟ้าสองเส้น ที่ปลดปล่อยกินอายอันแหลมคม

     

        กำลังหมุนวนกันไปมาราวกับโลมาสองตัว ที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน จุดสูญกลางที่พวกมันหมุนวนอยู่ก็คือ ภาพเลือนลางของจิตกระบี่อีกเส้น

    แม้จะต้องคอยแบ่งจิตมาควบคุมอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็นำพาประโยชน์มาให้หลินมู่มากกว่าโทษหลายขุม

     

       แต่ต้นจนจบชายหนุ่มในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่งราวกับผ้าขี้ริ้ว ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่น้อยแต่เขา ก็สามารถเดินกลับมายังถ้ำได้อย่างปลอดภัย 

    เมื่อกลับเข้ามาภายในถ้ำก็พบว่าศิษย์พี่หลัวของตนยังไม่ตื่น หลินมู่จึงนั่งสมาธิเงียบๆเพื่อไม่เป็นการรบกวนอีกฝ่าย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×