ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21 จิตคือกระบี่

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 65


       หลินมู่ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับ พยายามจะกลมกลืนไปกับฟ้าดิน เขายืนนิ่งเสมือนกลายเป็นปฏิมากรรมที่ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต

    แต่หากเข้าไปมองใกล้ๆก็จะเห็นว่าชายหนุ่ม ในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่งไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วนี้ยังคงหายใจ เพียงแค่มันเบาบางและเชื่องช้าถึงที่สุดก็เท่านั้น

     

       ทุกๆสามสิบอึดใจเขาจะหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะกลายเป็นนานๆครั้งถึงจะหายใจสักครั้ง หลัวกงฟานกำลังเก็บเศษอัฐิของตนเองพลางหันมามองทางหลินมู่เป็นระยะ

    เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าให้ศิษย์น้องคนนี้อย่างเงีบบๆ หลังจากผ่านสถานการณ์ครั้งนั้นมาหลัวกงฟาน ก็พอมีอำนาจอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณเล็กน้อย

     

       อย่างน้อยก็สามารถเก็บอัฐิของตัวเองได้ ตอนแรกก็คิดว่าจะใช้ศิษย์น้องของตนเก็บอัฐิให้หน่อย แต่พอคิดไปคิดมาเหมือนเป็นลางไม่ดีไม่เป็นมงคลสักนิด

    แต่พอผ่านด่านเคราะห์หลุมในใจครั้งนั้นไปได้ ร่างวิญญาณของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง สามารถสัมผัสสิ่งของได้เล็กน้อยถึงปานกลาง

     

       เมื่อรู้ว่าตนทำได้เขาก็ลงมือทำด้วยตัวเองทันที ไม่อยากจะรบกวนศิษย์น้องแถมเวลานี้ศิษย์น้องจมอยู่ในภวังค์ตรัสรู้

    ไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ กาลเวลาเริ่มไหลผ่านจากไม่กี่ชั่วยาม ยาวนานเป็นวันเป็นสัปดาห์

     

       หลินมู่ยืนนิ่งไม่ขยับราวกับเป็นรูปปั้นจริงๆ สักสองก้านธูปเขาก็จะหายใจทีหนึ่ง หลัวกงฟานที่ยืนมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว “นี้ก็หนึ่งสัปดาห์แล้ว ศิษย์น้องก็ยังไม่ตอบสนองอะไรเลย….”

    เขาพึมพำพร้อมแสดงสีหน้าเป็นห่วง ตอนแรกก็คิดว่าเดี๋ยวเดียวก็ตื่นขึ้นมา แต่ไม่คิดว่ามันจะผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาเลย

     

        ยังจมปรักอยู่ในภวังค์การตรัสรู้ เพื่อทำความเข้าใจเวทย์กระบี่ภายในตำราสีขาว ในขณะที่หลัวกงฟานเริ่มบังเกิดความเป็นห่วงขึ้นมา

    ภายในจิตใจของหลินมู่กำลังเจอกับแม่น้ำสายใหญ่ ที่เขาไม่อาจข้ามไปได้ง่ายๆ ร่างของเขาแม้จะยืนอยู่กลางแม่น้ำอันเชี่ยวกราก 

       

        แต่ตอนนี้เขาไม่อาจก้าวขาออกไปได้แม้แต่นิดเดียว “ดวงตานั้นเสมือนจิต แต่จิตนั้นมิใช่ดวงตา….” เขาพึมพำสองคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    เวลาในที่แห่งนี้ราวกับหยุดนิ่งมีเพียงเขา กับ แม่น้ำที่เชี่ยวกรากนี้เท่านั้นที่ไม่หยุดนิ่ง ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนพยายามเดินต้านกระแส เพื่อไปถึงอีกฝั่งนานแค่ไหนแล้ว

     

       แม้จะสามารถเข้าใจบางส่วนแต่ก็เพียงเล็กน้อย แม้ตอนแรกสุดกายเนื้อจะไม่ได้รับภาระ แต่ตอนนี้กายเนื้อและจิตก็รับภาระมหาศาลไม่แพ้กัน “หรือควรยอมแพ้ และปล่อยโอกาสครั้งนี้ไป….”

    หลินมู่พึมพำด้วยสีหน้าชั่งใจ แม้เขามาถึงครึ่งทางแล้วแต่ตอนนี้ เขาไม่อาจก้าวขาไปต่อได้ ไม่ใช่เพียงจิตใจที่เหนื่อยล้า

     

        แม้แต่กายเนื้อยังอยู่ในขั้นวิกฤต หากยื้อไว้นานกว่านี้ตนคงไม่พ้นเป็นผีตามศิษย์พี่หลัวของตนแน่นอน

    ร่างจิตของหลินมู่ที่ยืนต้านกระแสน้ำแทบจะหมดแรงแล้ว “อีกสักหน่อยละกัน หากไม่ได้คงต้องยอมแพ้…” เขาหลับตาลงพึมพำคำว่า ดวงตานั้นเสมือนจิต แต่จิตนั้นมิใช่ดวงตา….

     

        ร่างจิตของชายหนุ่มขยับไปตามความเคยชิน เอื้อมมือราวกับจะไปสัมผัสด้ามกระบี่ของตงหยู แต่ต้องหยุดชะงักเพราะเขาสัมผัสได้เพียงแค่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นเองหลินมู่ก็พูดจนจบประโยค

    “เช่นเดียวกับกระบี่ อนุภาคทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตัวกระบี่ แต่อยู่ที่ผูัใช้กระบี่ แต่ผู้ใช้กระบี่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด….” ราวกับมีหินโยนลงไปในน้ำ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมกระจายจากจุดที่หินถูกโยนลงไป

     

        “ฮ่าฮ่าฮ่า….มันเป็นอย่างงี้นี่เอง” หลินมู่หัวเราะแห้งที่เจือปนไปด้วยความปิติยินดี หลินมู่แสดงยกยิ้มน้อยๆขึ้นมา เขาเข้าใจแล้ว…..

    ดวงตาเสมือนจิต มันจะพยายามบอกกับหลินมู่ว่า ดวงตาสามารถมองเห็น และ มันก็เชื่อมต่ออยู่กับจิตใจ และ มันก็มองเห็นในสิ่งที่ควรเห็น 

     

        จิตนั้นมิใช่ดวงตา แต่จิตนั้นไม่อาจมองเห็น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันมองไม่เห็น เพราะมันเชื่อมต่ออยู่กับดวงตา แต่สิ่งที่มันเห็นนั้นคือสิ่งที่ดวงตาไม่ควรเห็น

    เช่นเดียวกับกระบี่ อนุภาคทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตัวกระบี่ ประโยคนี้ก็แสนง่ายดาย เขาควรได้คำตอบตั้งแต่เข้ามาแล้ว

     

       แต่เขาเมินมันไปตลอด เพราะเขาไม่มีกระบี่จึงไม่อาจแสดงอะไรออกมาได้ เสมือนโดนผูกมือผูกเท้า จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด เขาคิดจะพึ่งพากระบี่มากเกินไป

    อยู่ที่ผู้ใช้กระบี่ แต่ผู้ใช้กระบี่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด นี้คือคำตอบ คำตอบอยู่ตรงหน้าเขามาแต่ต้น เขาเพียงจดจ่ออยู่ประโยคก่อนหน้ามากเกินไป “ท่านอาจารย์หากได้พบกัน ข้าจะขอด่าท่านสักหน่อยเถอะ…”

     

        หลินมู่แหงนหน้าพร้อมยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงและพึมพำกับตนเอง “อยู่ที่ผู้ใช้กระบี่ แต่ไม่ใช่ผู้ใช้กระบี่ ฉะนั้นข้าจะเปรียบจิตใจข้าคือกระบี่ และ ดวงตาของข้าคือผู้ใช้กระบี่…”

    สิ้นเสียงจิตกระบี่เส้นที่ 2 ที่ก่อตัวอย่างเลือนลาง ก็กลายเป็นชัดเจนไม่ต่างจากเส้นแรก จิตกระบี่ทั้ง 2 เส้นหมุนวนราวพายุ วนเวียนอยู่บริเวณดวงตากระตือรือร้นจะออกไปฟาดฟัน สิ่งที่ดวงตานี้จ้องมอง

     

       เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมามองโลกในมุมที่ตนไม่เคยมอง ดวงตาเขาคมกริบไม่ต่างอะไรจากกระบี่เล่มหนึ่ง

    หลินมู่หรี่ตาลงปลดปล่อยจิตกระบี่ทั้ง 2 เส้น ฟาดฟันเป็นแนวยาวเส้นทางตรงหน้าตน ตัดกระแสน้ำเปิดทางให้ตนเดินผ่านไปยังอีกฝั่ง

     

       ร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทาขาดรุ่งริ่ง เดินข้ามมาอีกฝั่งอย่างง่ายดาย เขายืนนิ่งเสมือนกับยังไม่รู้ตัวว่าตนมาถึงอีกฝั่งแล้ว “ข้าได้เห็นในสิ่งที่ควรเห็นแล้ว…” สิ้นเสียงโลกภายในห้วงจิตใจนี้ก็พังทลาย

    ส่งจิตใจของหลินมู่กลับมายังความเป็นจริง ร่างของเขาอ่อนยวบลงไปนอนบนพื้นหมดทั้งแรงกายและแรงใจ

     

        แรงที่จะใช้ขยับปลายนิ้วยังไม่มีเลย หลัวกงฟานที่เห็นหลินมู่ได้สติแล้ว แม้จะดีใจแต่กระวนกระวายมากว่า สภาพศิษย์น้องตนตอนนี้ 

    เป็นเพียงเส้นกั้นบางๆ ระหว่างผีกับคน หากพลาดแม้นิดเดียวทั้งตนและศิษย์น้องคงได้เป็นผีกันทั้งคู่แน่ๆ

     

       หลัวกงฟานเอาลูกกลอนดับหิวออกมา ป้อนใส่ปากของหลินมู่เมื่อลูกกลอนดับหิว สัมผัสกับน้ำลายมันก็เริ่มละลายและให้พลังงานกับชายหนุ่ม 

    หลัวกงฟานที่เห็นว่าลูกกลอนละลายจนหมดแล้ว ก็ค่อยๆกรอกน้ำเข้าปากหลินมู่ช้าๆ เมื่อได้รับน้ำและพลังงานเล็กน้อย หลินมู่ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าซีดเผือด

     

       เกือบแล้วเกือบได้เป็นผีแล้วไหมละ หลินมู่ยิ้มอย่างดีใจที่ตนยังไม่ตายกลายเป็นผี “ขอบคุณศิษย์พี่ หากไม่ได้ท่านข้าอาจจะกลายเป็นผีแล้วก็ได้” 

    หลัวกงฟานที่ได้รับคำขอบคุณจากหลินมู่ ก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ศิษย์น้องครั้งนี้เจ้าฝืนตัวเองเกินไป หากข้ายังไม่ได้ผ่านหลุมลึกในใจ ไม่ต้องพูดถึงเลย แม้เจ้าจะสามารถฝึกเวทย์กระบี่ของอาจารย์ได้ แต่พอตายเป็นผีก็เปล่าประโยชน์”

     

        หลินมู่นั่งฟังอย่างสำนึกผิด คราแรกเขาคิดว่ามันจะใช้เวลาแค่แป๊บเดียว แต่เหมือนมันจะนานกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากโข

    “ครั้งถัดๆไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้” หลัวกงฟานพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “เจ้าพักผ่อนไปเถอะ ดีขึ้นแล้วค่อยฝึกตนต่อ” หลินมู่พยักหน้าอย่างว่าง่าย

     

       ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนไม่นาน ก็หลับไปทั้งๆที่ยังสะพายตงหยูไว้บนหลัง หลัวกงฟานส่ายหน้าทั้งรอยยิ้มก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “ศิษย์น้องเปลี่ยนไปชัดเจน แม้จะน้อยนิดแต่ข้าสัมผัสได้ว่าดวงตาของศิษย์น้องเปลี่ยนไป…”

    หลัวกงฟานพึมพำก่อนจะเอาตำราสีขาวออกมาจากถุงเฉียนคุน เอามาวางไว้ข้างตัวหลินมู่ที่หลับเป็นตายกรนเสียงสนั่นราวกับฝนฟ้าคะนอง

     

       หลัวกงฟานส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม เขาก็พึ่งเคยเห็นศิษย์น้องที่นอนหลับลึกขนาดนี้ เป็นครั้งแรกหากเป็นผ่านๆมาอีกฝ่ายไม่ได้หลับสนิท และ หลับลึกมากขนาดนี้

    นี่แม้แต่เทพเซียนกับเซียนอสูรตีกัน จนฟ้าสะเทือนดินทลายก็ไม่ตื่นเลยมั้ง? “ช่างเถอะข้าก็ควรพักเช่นกัน..” หลัวกงฟานพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

     

        ก่อนร่างวิญญาณจะกลับเข้าไปในกระบี่เฮ่ยซาน ตัวกระบี่ดำลอยไปกองรวมกับถุงเฉียนคุนบนพื้น ถ้ำแห่งนี้ก็บังเกิดบรรยากาศที่เงียบสงบในบัดดล

    ถ้าไม่นับเสียงกรนราวกับฟ้าลั่นของหลินมู่แล้ว สำหรับสิ่งชั่วร้ายในเหวมืดนี้ ราวกับพวกมันได้รับการอภัยโทษ เสียงกรนไม่ใช่ปัญหาพวกมันทนได้ พวกมันภาวนาด้วยซ้ำว่าให้อีกฝ่ายไหลตายไปเลย

     

       เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาวันแล้ววันเล่า จิตกระบี่ตลบอบอวลไปทั่วเหวจนพวกมันอยู่ไม่สุข เหมือนบ้านพวกมันเป็นเตาปฏิกรณ์ที่ร้อนระอุ พระจะระเบิดพวกมันกลายเป็นซากทุกเมื่อ แต่ตอนนี้เตาปฏิกรณ์ที่ว่าหลับไปแล้ว

    พวกมันขู่คำรามอย่างปิติยินดี แต่ทันใดนั้น “หุบปาก!!!” หลินมู่ที่จู่ๆดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก็ลืมตาปลดปล่อยจิตกระบี่ฟาดฟันไปทั่วทิศอย่างมั่วซั่ว สังหารจิตชั่วร้ายผู้โชคร้ายไปหลายสิบตัว

     

        ก่อนจะทิ้งตัวกลับไปนอนแน่นิ่ง พร้อมกับเสียงกรนฟ้าสะเทือน หลังจากหลินหมู่ฝึกเวทย์กระบี่ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาสามารถได้เห็นในสิ่งที่คนปกติมองไม่เห็น หรือแม้แต่ได้ยินในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน

    พอพวกสิ่งชั่วร้ายเอะอะโว้ยวาย เขาจึงเกิดความรำคาญพอดีดตัวขึ้นนั่ง เขาก็ปลดปล่อยเนตรกระบี่ออกไปตามสัญญาณ สังหารจิตชั่วร้ายดวงอาภัพไปหลายต่อหลายตัว

     

        ครั้งนี้เมื่อหลินมู่กลับไปนอนกรนเหมือนเดิม เหล่าจิตขั่วร้ายก็ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว

    พวกมันได้แต่ร้องไห้อยู่กับตนเองเงียบๆ นี้ถิ่นของพวกมันน่ะไหงสภาพพวกมันไม่ต่างจากคนมาขอเขาอาศัยอยู่ล่ะ แม้เศร้าใจก็ไม่อาจบ่นออกมา เดี๋ยวถูกศิษย์เซียนกระบี่ชุดผ้าขี้ริ้วนั้นลุกขึ้นมาสังหารอีก….

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×