ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 19 ถามฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 65


       เป็นเช้าวันนี้เองที่ตระกูลไป๋ต้องสั่นสะเทือน แม้อีกสี่ตระกูลที่เหลือจะได้รับรู้ภายหลังยังแสดงสีหน้าตกตะลึง เพราะการกระทำของไป๋หยุนเฉินมันกระทันหันมาก

    ในระหว่างที่ตระกูลไป๋กำลังหารือเกี่ยวกับธุรกิจของตระกูล อาวุโสหนึ่งอย่างไป๋หยงซุนกลับบุกเข้ามาในห้องประชุมกระทันหัน

     

       แต่ละคนที่อยู่ในห้องตอนนั้นแสดงสีหน้างุนงงทำอะไรไม่ถูก เกิดอะไรขึ้น? ผู้อาวุโสหนึ่งควรอยู่ที่ขบวนเก็บประสบการณ์ไม่ใช่หรือ?

    สีหน้าเต็มไปด้วยคำถามของแต่ละคนฉายชัด เพียงไป๋หยงซุนพุ่งพรวดเข้ามาภายในห้องประชุม ก็ว่าน่าฉงนแล้วแต่อีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่ได้ไงน่ะสิ

     

       ไป๋หยงซุนไม่สนสายตาของอาวุโสที่เหลือ เขาเพิกเฉยกับความเหนื่อยล้าของตนเองด้วยซ้ำ

    ต้องเดินทางไกลหลายหมื่นลี้ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ เพื่อนำข่าวร้ายนี้กลับมาแจ้งไป๋หยุนเฉิน

     

       ไป๋หยุนเฉินที่เห็นว่าอีกฝ่ายรีบร้อนขนาดไหน เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรด้วยซ้ำส่งสายให้อีกฝ่ายมากระซิบรายงาน

    ไป๋หยงซุนก็เข้าใจสายตาของผู้เป็นนาย จึงเดินเข้าไปกระซิบด้วยเสียงเบาบาง

     

       “ท่านประมุขข้าจะขอแจ้งข่าวร้ายของหลินมู่ เขาถูกนายน้อยหลานหลงผลักตกลงไปในเหวที่หุบเขาสำเร็จมาร เป็นตายไม่แน่ชัด….” เปรี้ยง!!

    เพียงรายงานท่อนแรกราวกับมี สายฟ้าฟาดเข้าใส่ร่างของชายชราชุดคลุมเมฆสีคราม ต่อมาพอได้ยินว่าเป็นตายไม่แน่ชัดราวกับเวลาถูกยืดยาวออกไปนานเป็นนิรันดร์

     

       ภายในหัวมีเรื่องผุดมามากมาย เมื่อเขารู้สึกตัวก็รู้สึกถึงดวงตาที่เปียกชื้นของตน แต่ละคนที่อยู่จุดนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน อะไรกันที่ทำให้ท่านประมุขร่ำไห้?

    ไม่ทันจะให้ทุกคนไตร่ถาม คลื่นลมปราณอันมหาศาลของจักรพรรดิยุทธ์ ก็ระเบิดพวยพุ่งออกมากดดันไปทั่วสารทิศ

     

        ตามมาพร้อมกลิ่นอายสังหารเหลือล้น สร้างแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก ร่างสีครามพุ่งออกจากห้องประชุมด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

    สร้างความแตกตื่นให้คนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างมาก เสียงผิวปากของไป๋หยุนเฉินดังสนั่นไปทั่วหุบเขาเมฆา เพียงเสี้ยวอึดใจก็มีเสียงตอบกลับ มันคล้ายกับเสียงของขลุ่ยใบไม้

     

       ก่อนจะมีร่างขนาดใหญ่ตัวสีขาวสลับฟ้าร่อนลงมา รับร่างของไป๋หยุนเฉินที่อยู่กลางอากาศ ก่อนจะบินออกไปนอกหุบเขาเมฆา

    ทิ้งเบื้องหลังไว้ในความตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น!? ทำไมท่านประมุขถึงขี่ผีเสื้อเมฆขาวออกไปด้านนอก!?” หนึ่งในสมาชิกตระกูลถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

       น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบเขากลับมาแม้แต่คนเดียว พวกเขาก็สงสัยเหมือนกันแต่ใครจะกล้าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ

    บนท้องนภาที่เต็มไปด้วยเมฆดำและสายฝน ไป๋หยุนเฉินที่ยืนอยู่บนหลังของผีเสื้อเมฆขาว เขารู้สึกกระวนกระวายอย่างมากจนขนาด ผีเสื้อเมฆขาวที่บินตรงไปทางหุบเขาสำเร็จมาร

     

       ยังสัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายของไป๋หยุนเฉิน มันจึงเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเพียงครึ่งวันพวกเขาก็เห็นหุบเขาสำเร็จมาร ภายใต้สายฝนที่สาดซัดลงมา

    ทั้งสองบินเข้าไปยังส่วนลึกโดยตรง ไม่รู้ทำไมเหล่าภูติผีกลับสงบเสงี่ยมอย่างแปลกประหลาด เมื่อไป๋หยุนเฉินก้าวเข้ามา

     

        ผีเสื้อเมฆขาวร่อนลงตรงหน้าเหวลึก ก่อนร่างมันจะแตะพื้นดีไป๋หยุนเฉินก็กระโดดลงมายืนบนพื้นแล้ว

    เขาจ้องมองเหวลึกดำมืดที่ไม่เห็นก้นนี้ ด้วยสีหน้าว่างเปล่าเขามาที่นี่ทำไม? ถึงอย่างไรตนก็ทำอะไรไม่ได้

     

       ใครที่ตกหรือเข้าไปภายในเหวลึกนี้ไม่เคยมีใครรอดชีวิตกลับมาได้สักคน ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครรับรู้ว่าก้นเหวนี้มีสิ่งใดอยู่

    ไป๋หยุนเฉินขบฟันแน่นก่อนจะกระทำในสิ่งที่ผีเสื้อเมฆขาวคาดไม่ถึง เขากระโดดลงไปในเหวดื้อๆทำเอาผีเสื้อเมฆขาว แทบถลึงตาใส่อีกฝ่าย ว่าเหตุใดเจ้าถึงวู่วามนัก!? 

     

       แต่ไม่ทันไรไป๋หยุนเฉินที่จิตใจสับสนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดิมทีก็เป็นที่เพ่งเล็งของสิ่งชั่วร้ายในที่นี้อยู่แล้ว

    แต่พวกมันไม่ผลีผลามเพราะมีผีเสื้อเมฆขาวอยู่ พวกมันสัมผัสได้ถึงความอันตรายร้ายแรงจากตัวผีเสื้อตัวใหญ่ตัวนี้

     

       แต่เมื่อไป๋หยุนเฉินกระโดดลงมาด้วยตัวเอง พวกมันจะอยู่เฉยหรือ? คำตอบคือไม่!! เดิมทีเบื้องล่างก็มีศิษย์เซียนกระบี่สองคน ที่แทบจะเป็นศัตรูตามธรรมชาติของพวกมันอาศัยอยู่

    หลายวันมานี้พวกมันหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เมื่อมีเหยื่อชิ้นโตกระโดดเข้าหาพวกมันพวกมันก็ไม่รีรออะไรอีก

     

       เข้าโจมตีจิตใจของไป๋หยุนเฉิน ราวกับคลื่นทะเลขนาดมหึมา ไป๋หยุนเฉินที่ถูกโจมตีจิตใจก็ร่างอ่อนยวบ 

    แทบจะทิ้งร่างลงไปปะทะกับก้นหลุม ไป๋หยุนเฉินที่โดนโจมตีจิตใจ ก็เห็นภาพมากมายทั้งสตรีที่ตนรัก ไป๋มู่บุตรชายของตน หรือ แม้กระทั่งหลินมู่ที่ตนมองเป็นบุตรชายครึ่งตัว ยังแว็บเข้ามาภายในห้วงสติ

     

       ก่อนจะหมดสติไปผีเสื้อเมฆขาว ก็แบกร่างของเขาขึ้นมาทิ้งไว้ปากเหว มันส่งเสียงฟึดฟัดจะสื่อว่าทำไมเจ้าถึงทำอะไรโง่ๆแบบนี้

    ไป๋หยุนเฉินที่ได้รับการช่วยเหลือ ก็ลุกขึ้นยืนแม้จะโงนเงนอยู่บ้างแต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือจิตใจของชายชรา

     

       น้ำตาผสมสายฝนจนแยกไม่ออก ปากขยับคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออกได้แต่แหงนหน้ามองท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยเมฆฝน

    เขาขบฝันแน่นดวงตาแสดงถึงความชิงชัง “สวรรค์เหตุใดท่านจึงโหดร้ายเช่นนี้!!? เหตุใด!! ท่านทำให้ไป๋มู่บุตรข้าเป็นคนพิการวรยุทธ์ แล้ว ยังจะเป็นศิษย์ข้าหลินมู่อีก!! แม้แต่เขาทั้งสองท่านยังพรากพวกเขาไปจากข้า!!! ทำไม!? ท่านโกรธแค้นอะไรข้ากันแน่!!?”

     

       เขาตะโกนถามฟากฟ้าด้วยน้ำเสียงดังสนั่น ราวกับฟากฟ้าได้ยินคำถามที่อัดอั้นของไป๋หยุนเฉิน ประกายสายฟ้าแปลบปลาบอยู่ในหมู่เมฆ

    ราวกับจะบอกมนุษย์ตัวเล็กๆที่ถามมาว่า เจ้าไม่สมควรตั้งคำถามกับสวรรค์ เพราะสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรสงสัย

     

       เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากฟากฟ้าหรือสิ่งใด ไป๋หยุนเฉินราวกับจะเสียสติ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!! ทั้งภรรยา บุตรชาย ลูกศิษย์ที่ข้ามองเขาไม่ต่างจากบุตรตัวเอง ข้าถูกพรากไปทั้งหมด!!! กฎตระกูลแสนเส็งเคร็ง ไอ้พวกอาวุโสใหญ่ที่แก่จวนตายอยู่แล้วก็ไม่ยอมลงโลง สวรรค์ของพวกเจ้าเทพบนฟากฟ้าก็เส็งเคร็งไม่แพ้กัน!!”

    ไป๋หยุนเฉินตะโกนด่าอย่างไม่เกรงฟ้าดิน แม้แต่ผีเสื้อเมฆขาวยังหวาดกลัวไป๋หยุนเฉินในสภาพนี้ ตลอดหลายร้อยปีที่อยู่ด้วยกันมา

     

       ไป๋หยุนเฉินที่กึ่งเสียสติต่อหน้ามันตอนนี้ หน้ากลัวมากกว่าที่ผ่านๆมารวมกันเสียอีก ไป๋หยุนเฉินทรุดตัวลงกลางสายฝน

    “แม้ข้าจะเป็นประมุขตระกูลข้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้ข้าจะเป็นจักรพรรดิยุทธ์ข้าก็ถูกพรากคนสำคัญไปจนหมด…” ไป๋หยุนเฉินพึมพำพร้อมตัดพ้อกับตนเอง

     

       ใช่เขามันอ่อนแอที่ปกป้องสิ่งสำคัญไม่ได้เลย แถมยังส่งคนสำคัญของตนไปตายถึงสองครั้งสองครา 

    คราแรกคือไป๋มู่ที่ถูกเขาส่งไปตายยังเมืองการค้าที่ถูกพรรคมารโจมตี คราที่สองคือส่งหลินมู่ไปหุบเขาสำเร็จมารเพื่อให้ไป๋หลานหลงสังหาร

     

       ร่างโอนเอนของชายชราชุดคลุมเมฆสีคราม ที่เต็มไปด้วยดินโคลนเดินไปหาผีเสื้อเมฆขาว “เรากลับกันเถอะ….” 

    ไป๋หยุนเฉินเลือกจะไม่อยู่ต่อยังไงเสียเขาก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ไปก็ทำร้ายจิตใจของตนเองเปล่าๆ ระหว่างทางกลับไป๋หยุนเฉินก็พึมพำ

     

       “รู้งี้ข้าควรจะคุยกับหลินมู่ให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ถามเขาว่าอยากรับข้าเป็นบิดาบุญธรรมไหม….” นำเสียงแหบพร่าพึมพำอย่างเศร้าใจ และ ราวกับชายชราคนนี้แก่ลงอีกหลายปี

    รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ ตอนแรกเขาจิตใจโลเลไม่กล้าตัดสินใจแต่พอตัดสินใจได้ก็สายไปแล้ว 

     

        ด้านล่างเหว หลินมู่ที่กำลังอ่านตำราเวทย์กระบี่ก็รู้สึกถึงบางอย่าง จู่ๆก็แสบหน้าอกอย่างแปลกประหลาด 

    เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่ “เจ้าเป็นอะไรหรือศิษย์น้อง?”

     

       หลัวกงฟานที่กำลังมองกองเพลิงที่ลุกโหม เผากายหยาบตนเป็นเถ้าอยู่นั้น ก็หันมาถามหลินมู่ที่มีท่าทางแปลกไป

    “ไม่มีอะไร บางทีข้าอาจจะกังวลบางอย่าง” หลินมู่ส่ายหน้าหันกลับมาอ่านตำราเวทย์กระบี่ต่อ

     

       ใจจริงก็อยากถามศิษย์พี่หลัวของตนอยู่หรอก ทำไมจู่ๆถึงเผาโครงกระดูกตัวเอง แต่ก็ไม่อยากซักไซ้มากนักในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเขาก็ไม่ถาม เรื่องเดิมควรทำไม่เกินสามครั้ง

    แม้เขาจะทำไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่อยากทำอีกครั้ง แม้จะสงสัยแต่ก็ปล่อยไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะบอกตนด้วยความสมัตรใจของเขาเองดีกว่า

     

       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×