ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 18 จิตกระบี่

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 67


       ที่ก้นเหว หลินมู่กำลังฝึกฝนด้วยการตวัดกระบี่ไปมา พยายามค้นหาจังหวะและรูปแบบของตนเอง

    ด้านข้างก็มีหลัวกงฟานในร่างวิญญาณ คอยเล่าเรื่องสัพเพเหระในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังฝึกฝน

     

       “เท่าที่ข้าเคยฟังอาจารย์เล่ามา เกาะที่เราเรียกว่าทวีปหลิวซู คือคุกสำหรับกักขังผู้ก่อกบฏในสมัยเมื่อนานมาแล้ว แถมยังเคยเป็นจุดที่เคยเกิดมหาสงครามในบรรพกาลด้วย ซึ่งจุดที่เราอยู่ตอนนี้คือจุดที่มีการต่อสู้หนักหน่วงที่สุด ศพปีศาจเซียนและเซียนอสูรกองเป็นภูเขา หมักหมมอยู่นานสุดท้ายก็ทำให้เส้นเลือดปฐพีปนเปื้อน”

    หลินมู่ที่จดจ่ออยู่กับการออกกระบี่ ก็แง่หูฟังเรื่องเล่าของหลัวกงฟานไปด้วย ด้วยความพิเศษของหลินมู่ที่คนแห่งนี้เรียกว่าตัวอ่อนยุทธ์แท้ ครั้งหนึ่งเขาเคยถามเรื่องนี้กับหลัวกงฟาน

     

       หลัวกงฟานก็ไม่รู้อะไรมากนักเขาแค่เคยได้ยินว่า เป็นพรสวรรค์ที่ทรงพลังและหายากมากๆ หากชื่อที่คนด้านนอกเรียกกันคือ ‘ต้นกล้าอมตะ’ เป็นผู้มีคุณสมบัติกลายเป็นเซียนหากฝึกฝนอย่างเพียงพอ

    และเท่าที่ฟังมาเซียนกระบี่ไม่ได้ใช้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะฝึกฝน แต่ขึ้นอยู่กับจิตใจและวิญญาณของแต่ละคน

     

       ซึ่งหลัวกงฟานก็ตอบไม่ได้ว่าตนกับหลินมู่อยู่เกณฑ์ระดับไหน เพราะอาจารย์ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ไว้เลย

    “ศิษย์พี่หลัว ท่านอาจารย์มีนามว่าอะไร?” หลินมู่ที่เก็บตงหยูเข้าฝักก็หันหน้ามาถามอย่างสงสัย นี้ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่า แล้วแต่ศิษย์พี่คนนี้ก็ไม่ยักบอกชื่ออาจารย์ของเขาเลย

     

       หลัวกงฟานที่ได้ยินก็ตอบกลับ “ท่านอาจารย์มีนามว่า กวนเจี้ยนโป ว่าที่แกนนำของนิกายเจี้ยนเสินเฟิง" หลินมู่จดจำชื่อนี้อยู่ในใจ

    ก่อนจะดื่มน้ำดับกระหาย เขายังมีเรื่องสงสัยอยู่อีกเล็กน้อย แต่เอาไว้ถามเจ้าตัวเองดีกว่า

     

       “เอาหล่ะเจ้าก็ปรับสภาพมาได้สักพักแล้ว ข้าจะเริ่มให้เจ้าฝึกฝนแล้ว” หลัวกงฟานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

    หลินมู่ที่หลายวันมานี้กินลูกกลอนดับหิว และ ยาลูกกลอนสมุนไพรบางชนิด ทำให้เขาฟื้นฟูขึ้นมาหลายส่วน

     

       หลัวกงฟานบอกว่าแม้ลูกกลอนดับหิว จะสามารถกินแทนอาหารได้แต่หากกินนานเข้า ร่างกายของเขาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ หมายความว่าลูกกลอนดับหิว ที่เขากินอยู่ตลอดห้าวันโภชนาการเป็นศูนย์

    จนกว่าจะกลายเป็นเซียนพวกเขายังต้องกินต้องดื่ม ส่วนใหญ่แล้วลูกกลอนกับหิวนี้มักจะกินกันตอนปิดตนฝึกฝน

     

       “แล้วข้าจะต้องฝึกยังไง?” หลินมู่สามารถอ่านภาษาทางการของมหาทวีปเจี้ยนได้แล้ว แม้ศิษย์พี่คงนี้แทบจะสอนไม่รู้เรื่องเลยก็เถอะ

    หลังจากอ่านออกเขาก็ศึกษาตำราขัดเกลาจิตใจ หรือชื่อจริงก็คือ เคล็ดกำหนดจิตกระบี่ ที่เป็นเคล็ดพื้นฐานของนิกายเจี้ยนเสินเฟิง

     

       เขาจึงเข้าใจแนวทางการฝึกฝนในช่วงต้นแล้วเล็กน้อย “เจ้ายังจำได้ไหมว่า เส้นเลือดปฐพีที่แปดเปื้อน มีผลกระทบอย่างไร?” 

    หลินมู่นึกอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับ “โดยทั่วไปแล้วเส้นเลือดปฐพี จะเป็นจุดปราณฟ้าดินหนาแน่น หากมันเกิดแปดเปื้อนวิญญาณร้ายหรือเลือดปีศาจจำนวนมาก จะทำให้เส้นเลือดปฐพีเป็นแหล่งรวบรวมปราณหยินและปราณขั่วร้าย หากผู้ฝึกตนมาฝึกตบะ อาจจะถูกจิตมารหรือจิตชั่วร้ายแทรกซ้อนจนธาตุไฟเข้าแทรก”

     

       หลัวกงฟานพยักหน้า “ดีเจ้าจำที่ข้าพูดได้จนหมด หากเจ้าได้เจออาจารย์ก็ช่วยโม้เรื่องข้าให้ท่านฟังบ้างหล่ะ”

    หลินมู่ยิ้มอย่างเขินๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเส้นเลือดปฐพีนี้เกี่ยวอย่างไรกับการฝึกฝนของเขา หลัวกงฟานที่เห็นหลินมู่ทำหน้างุนงงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

     

       “เซียนกระบี่อย่างเราฝึกอะไร?” หลินมู่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “จิตใจและวิญญาณ” หลัวกงฟานพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น ขณะเดียวกันก็เดินไปด้านหลังของหลินมู่

    “และเส้นเลือดปฐพีมีจิตมารยากจะรับมือ หากจิตใจไม่แข็งแกร่ง หมายความว่า?” หลินมู่ที่ได้ยินก็รับรู้ได้ทันที

     

       หมายความว่าเส้นเลือดปฐพีที่แปดเปื้อน คือสถานที่ที่เหมาะในการฝึกจิตของเซียนกระบี่! ไม่ทันจะได้ตอบเขาก็โดนหลัวกงฟาน ใช้กระบี่หวดลอยออกมาจากถ้ำ จนออกนอกระยะยันต์ที่ติดไฟอยู่

    “หมายความว่า มันคือที่สำหรับเซียนกระบี่อย่างเราในการฝึกฝน กำหนดจิตไปที่หว่างคิ้ว ปล่อยตัวไปตามสัญชาตญาณ” หลัวกงฟานพูดขึ้นหลังจากหวดหลินมู่ออกไปแล้ว 

     

       เสียดายร่างวิญญาณตนแตะต้องได้แค่กระบี่เฮ่ยซาน ถุงเฉียนคุน และ ของภายในถุง หากทำได้เขาก็อยากถีบศิษย์น้องคนนี้เป็นการทักทาย

    แต่ทำไม่ได้เนี่ยสิ ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ใช้กระบี่หวดแทนได้ หลินมู่ที่ถูกส่งลอยกลับมาในเหวมืดอีกครั้ง

     

       เขาตกลงไปในแอ่งน้ำ “แค่กแค่ก!!” หลินมู่ไอเอาน้ำที่เข้าปากออกมา ไม่นานเขาก็ได้รับผลกระทบ

    จิตใจปั่นป่วนร่างกายเย็นเยียบ “ต้องฝึกเคล็ดกำหนดจิตกระบี่…” หลินมู่ยืนขึ้นเอื้อมมือขวาไปจับด้ามของตงหยู

     

       ก่อนจะชักออกมาถือไว้ในท่ายืนนิ่ง ก่อนจะเริ่มปล่อยตัวไปกับสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็เริ่มกำหนดจิตไปตรงหว่างคิ้ว

    ตอนแรกก็ไม่ราบรื่นเท่าไหร่แต่นานเข้า การเคลื่อนไหวก็เป็นธรรมชาติและไม่ติดขัดอีกต่อไป หลัวกงฟานที่ยืนมองอยู่ในถ้ำก็ลูบคางพร้อมพูดขึ้น

     

       “ยังดีที่วิญญาณปีศาจส่วนใหญ่ในนี้ เป็นพวกระดับต่ำไม่เช่นนั้นศิษย์น้องอาจจะแย่ก็ได้ ตามปกติคนหนึ่งคนจะสัมผัสได้ถึงจิตกระบี่ก็ใช้เวลาเป็นปี แม้จะมีเส้นเลือดปฐพีนี้คอยช่วยก็คาดว่าคงใช้เวลาสักพัก….”

    หลัวกงฟานยืนมองหลินมู่พร้อมจะช่วยเหลือทุกเมื่อ สักพักเขาก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติการออกกระบี่ของหลินมู่ เริ่มเฉียบคมและรวดเร็วขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ

     

       ดวงตาสีหมึกใสกระจ่าง ภายในสายตามีเพียงกระบี่สีขาวในมือของตน “ต้นกล้าอมตะ…..ไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องของข้าจะมีอะไรเช่นนี้ สมแล้วที่เป็นคนมีวาสนากับท่านอาจารย์…”

    หลัวกงฟานพึมพำมองไปยังหลินมู่ ที่ราวกับจะหลอมรวมกับเพลงกระบี่ไปแล้ว จากการยืนอยู่กับที่ไม่นานนักก็กลายเป็นการเดิน

     

       ดวงตาใสกระจ่างในความมืดมิด สาดประกายแหลมคมและเฉียบแหลม กระบี่ตงหยูที่อยู่ในมือชายหนุ่มเองสาดประกายของโลหะอย่างตื่นเต้น

    หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ฝึกฝนจิตใจอยู่ในความมืดมิด หนึ่งก้าวออกกระบี่หนึ่งครั้ง อีกหนึ่งก้าวออกกระบี่สองครั้ง

     

       ยิ่งหลินมู่จดจ่ออยู่กับมันมากเท่าไหร่ราวกับเขาตกอยู่ในภวังค์ เหมือนกับตอนออกหมัดใต้แสงจันทร์เมื่อตอนนี้

    ปณิธานอันแน่วแน่เริ่มปรากฏขึ้น ต่างเพียงแค่ว่านี่คือปณิธานกระบี่ที่แหลมคมและรวดเร็ว

     

       ต่างจากปณิธานหมัดที่หนักหน่วงและมั่นคง ดวงตาคู่นั้นในความมืดราวกับเปล่งประกายราวกับ มันสามารถจะปัดเป่าความมืดมิดในหุบเหวไปได้

    การออกกระบี่ก็เริ่มเร็วขึ้นมั่นคงมากขึ้น จากการเดินก็กลายเป็นท่วงท่า หลัวกงฟานที่ยืนมองอยู่ก็ถึงกับแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ

     

       ‘ต้นกล้าอมตะ ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก….’ เขามองร่างเลือนลางที่เริ่มชัดเจนในความมืดมิด ท่วงท่าที่เป็นไปตามสัญชาตญาณ 

    ดวงตาที่ตกตะลึงกำลังจ้องมอง การออกกระบี่ที่มั่นคงและรวดเร็ว หลัวกงฟานยืนมองภาพนี้ด้วยความตะลึง ไม่อาจละสายตาไปจากร่างนั้นได้เลย

     

       รู้สึกตัวอีกทีร่างนั้นก็ยืนนิ่งถือกระบี่กลับหัว ยกแขนซ้ายขนานกับหน้าอก แม้ชุดคลุมที่เขาสวมอยู่จะขาดรุ่งริ่ง

    แต่ก็ไม่อาจทดทอนความงดงามในท่วงท่านี้เลย หลินมู่หลับตายืนนิ่งราวกับกำลังทำสมาธิ

     

        จิตชั่วร้ายและจิตมารหลายสายหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของชายหนุ่ม หวังทำให้เขาเสียสติและธาตุไฟเข้าแทรกระหว่างฝึกฝน

    ในจิตใจของชายหนุ่มมีร่างเรืองแสงสีขาว ฟาดฟันกระบี่ขับไล่สังหารจิตมารและจิตชั่วร้าย แรกๆร่างพร่ามัวนั้นก็ตวัดฟาดฟันกระบี่อย่างสะเปะสะปะ แต่นานเข้าการออกกระบี่ก็ดูเป็นรูปแบบและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

     

       ยิ่งนานร่างพร่ามัวนั้นก็ยิ่งมั่นคง จนมีหน้าตาคล้ายหลินมู่มากขึ้น ด้านนอกหลัวกงฟานยืนมองหลินมู่ด้วยความเป็นห่วง

    นี่อีกฝ่ายก็ยืนนิ่งมาสามวันแล้ว เขากระวนกระวายอย่างมาก ว่าอีกฝ่ายได้รับอันตรายหรือเปล่า หรือนี้จะเป็นวาสนาของศิษย์น้องคนนี้

     

       หากตนเข้าไปขัดขวางอาจจะเป็นการทำลาย วาสนาครั้งนี้ของศิษย์น้องลงก็ได้ เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เส้นทางมหามรรคาของศิษย์น้องตนต้องเสียหาย

    ขณะเดียวกันเองเขาก็เป็นห่วงอย่างมาก หลัวกงฟานอยู่ในสภาพหดมือหดเท้าไม่กล้าทำอะไรเลย ใจนึงก็กลัวว่าศิษย์น้องได้รับอันตรายจากจิตมาร อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าศิษย์น้องกำลังอยู่ในโชควาสนา และตนจะเผลอไปทำลายเข้า

     

       ไม่นานนักหยาดพิรุณก็โปรยปรายลงมา เป็นจังหวะเดียวกันที่ร่างของหลินมู่เริ่มขยับ ร่างจิตของเขาก็ขยับเช่นเดียวกัน

    ทั้งสองขยับท่วงท่าแบบเดียวกัน มือของเขากุมด้ามของตงหยูไว้แน่น ก่อนจะจ้วงแทงออกพร้อมกับลืมตาที่สาดประกายคมกริบ

     

       ฟู้มมมมม!! ทิศทางที่หลินมู่แทงกระบี่ออกไป บังเกิดเป็นรอยกระบี่ยาวแอ่งน้ำบนพื้นสาดกระเซ็น แม้แต่เม็ดฝนที่กำลังตกลงมาก็แตกกระจาย

    เป็นเวลาเดียวกันที่หลินมู่จ้วงแทงไปด้านหน้า ร่างจิตของชายหนุ่มเองก็จ้วงแทงออกไปเช่นกัน ปัดเป่าจิตมารและจิตชั่วร้ายจนหมด

     

        หลินมู่กลับมายืนในท่วงท่าเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รอบตัวปกคลุมไปด้วยความแหลมคม แม้แต่สายฝนก็ไม่อาจสัมผัสตัวเขาได้ กระบี่ตงหยูเองก็สาดประกายเย็นเยียบ

    “จิตกระบี่ 1 เส้น….ไม่น่าเชื่อแค่สามวัน ก็กลายเป็นผู้ฝึกตน ปฐพีที่ 1…." หลัวกงฟานยืนอ้าปากค้างมองไปยังหลินมู่ ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

     

       ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ได้จ้วงแทงออกไป เขารู้สึกว่าวันนี้ตนฝึกมาพอแล้วจึงเก็บตงหยูเข้าฝัก

    ก่อนจะกลับไปหาหลัวกงฟาน หลินมู่ก็หลับตาเพ่งไปยังจิตใจของตน ก็พบกับเส้นสีฟ้าคล้ายริบบิ้นยาวลอยหมุนวนอยู่ภายใน มันปลดปล่อยกลิ่นอายแหลมคม เสมือนตัวของมันสามารถฟาดฟันได้ทุกสิ่ง

     

       เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรจะต้องไปถามกับศิษย์พี่หลัวของตน เมื่อกลับมาถึงถ้ำหลินมู่ก็พบว่าศิษย์พี่หลัวของตนยืนนิ่งอ้าปากค้างไปแล้ว

    “เจ้ารู้ไหมเจ้าฝึกนานแค่ไหน….” จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หลินมู่ที่ได้ยินก็นึกสักพักก่อนจะตอบกลับ

     

       “ข้าน่าจะฝึกประมาณครึ่งวัน ท่านถามทำไม?” หลัวกงฟานที่ได้ยินก็เอามือก่ายหน้าผาก สวรรค์เถอะศิษย์น้องของตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดไรขึ้น 

    หลัวกงฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมมองไปยังใบหน้าของหลินมู่ที่เต็มไปด้วยความงุนงง

     

       “เจ้าตกอยู่ในภวังค์และฝึกมาแล้วสามวัน เมื่อกี้เจ้าพึ่งกลายเป็นผู้ฝึกตน ปฐพีที่ 1 และ เจ้าก็พึ่งรวบรวมจิตกระบี่ได้ 1 เส้น…” หลินมู่ที่ได้ยินถึงกับอ้าปากเหวอ

    นี่ตนฝึกมาแล้วสามวันแถมยังกลายเป็นผู้ฝึกตน ปฐพีที่ 1 แล้ว ซึ่งหมายความว่า “ไอ้เส้นสีฟ้าๆ ที่ข้าเห็นในจิตคือจิตกระบี่?”

     

       หลัวกงฟานพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร หลินมู่ที่ได้ยินคำตอบถึงกับยืนอึ้ง อะไร? นี่ตนตกอยู่ในภวังค์อีกแล้วหรือ?

    แล้วทำไมครั้งนี้ไม่มีผลกระทบอาฟเตอร์ซ็อค เหมือนตอนฝึกหมัดล่ะ? ภายในหัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำถาม นี้ตนเป็นผู้ฝึกตนแล้วหรือ? แล้วทำไมไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลยล่ะ? 

     

       หลัวกงฟานที่เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง บนใบหน้าแปะไปด้วยความสงสัยเหนือคณานับ เขาส่ายหัวและปล่อยให้ศิษย์น้องของตนไว้อย่างงั้น

    น่ากลัวจริงๆ เพียงสามวันก็สามารถรวมจิตจนกลายเป็นจิตกระบี่ และกลายเป็นผู้ฝึกตน ปฐพีที่ 1 “ถ้าท่านอาจารย์รู้ ท่านจะมีปฎิกริยายังไงกันนะ…” หลัวกงฟานพึมพำกับตนเองเงียบๆ พยายามนึกถึงสีหน้าของอาจารย์เมื่อเขารู้เรื่องนี้

     

       เป็นจังหวะเดียวกันที่โลกภายนอก บังเกิดความโกลาหลที่ตระกูลไป๋ ไป๋หยุนเฉินที่ได้รับข่าวร้ายจากรายงานฉุกเฉินของไป๋หยงซุน

    ก็ระเบิดลมปราณของจักรพรรดิยุทธ์ ปลดปล่อยกลิ่นอายฆ่าสังหารออกมา จนคนที่อยู่ตรงนั้นหายใจไม่แทบออก

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×