ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17 พิรุณเหมันต์

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 65


       บรรยากาศภายในถ้ำอยู่สภาวะเงียบงัน หลินมู่มองศิษย์พี่ของตนด้วยสายตาซักไซ้เอาความ

    “ท่านไปทำอะไรมากันแน่ ถึงได้มาอยู่ที่นี่?” หลัวกงฟานที่ได้ยินคำถามของหลินมู่ คราแรกก็อ้ำอึ้งไม่คิดจะพูดสักนิด สุดท้ายก็ทนสายตาซักไซ้เอาความของศิษย์น้องไม่ไหว

     

       จึงเปิดปากเล่าสาเหตุที่ตนต้องตกมาอยู่ที่นี่ “เมื่อ 219 ปีก่อน ข้าได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ให้เอาโลหะชิ้นหนึ่งไปหลอมเป็นกระบี่ กระบี่นั้นคือสิ่งที่หลอมไว้ให้เจ้า เมื่อข้าไปถึงเมืองหลิวบรรพต ข้าก็ได้เจอกับตาเฒ่าแปลกๆคนหนึ่ง เขาอาสาจะหลอมกระบี่ของเจ้าให้ข้า…..”

    หลัวกงฟานเริ่มเล่าสถานการณ์อย่างละเอียด ระหว่างที่เล่าอยู่เขาก็ถอนหายใจไปด้วย

     

       “จน 5 ปีต่อมา กระบี่ของเจ้าก็หลอมเสร็จ ตอนมันเสร็จสมบูรณ์ มันก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ปกคลุมไปทั้งเมืองหลิวบรรพต โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ในร้านของตาเฒ่านั้น บังเอิญมีประมุขตระกูลเหลียนเดินเข้ามาพอดี ดวงตาของเขาส่องประกายความโลภอยากจะครอบครองกระบี่ของเจ้า"

    เล่ามาถึงจุดนี้หลินมู่ก็คาดเดาได้แล้วว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น “ข้าเข้าปะทะฝีมือกับเขาเล็กน้อย จนเขาต้องถอยร่นไป เรื่องมันควรจะจบลงตรงนั้น แต่……”

     

       หลัวกงฟานเงียบคล้ายไม่กล้าพูดออกมา เขากลัวว่าศิษย์น้องจะมองตนเป็นคนเห็นแก่กิน

    “แต่ท่านก็ไปตระกูลเหลียน เพื่อค้าขายอะไรบางอย่าง…” เป็นหลินมู่ที่จู่ๆก็พูดขึ้นทำเอาหลัวกงฟาน มองชายหนุ่มตาถลน

     

       “จะ…..จะ..เจ้ารู้ได้อย่างไร หรือว่าเจ้าสามารถอ่านความทรงจำของข้าได้!?” ร่างวิญญาณของหลัวกงฟานถอยร่น ออกห่างจากหลินมู่ราวกับเขาพยายามหนีจากโรคระบาด

    หลินมู่ส่ายหน้าให้กับการกระทำศิษย์พี่ของตน “ข้าเคยได้ยินมา เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับมารกระบี่ คนในเรื่องเล่าน่าจะเป็นท่าน…”

     

       หลัวกงฟานนิ่งงันแสดงท่าทีไม่อยากเชื่อ หลินมู่ที่เห็นปฎิกริยาก็อดถอนหายใจไม่ได้ สุดท้ายเขาก็เล่าเรื่องเล่าให้กับหลัวกงฟานฟัง

    “บัดซบ!! ไอ้พวกหน้าไม่อาย!!!” หลัวกงฟานคำรามด้วยสีหน้าราวกับสัตว์ร้าย หลินมู่ที่ยืนมองอยู่ข้างๆก็ถามขึ้น

     

       “สรุปท่านไปทำอะไรอยู่ตระกูลเหลียน?” หลัวกงฟานที่ได้ยินคำถาม ก็ปรับอารมณ์ตัวเองก่อนจะเล่าต่อ

    “ข้าไม่ได้ไปตระกูลเหลียง แต่ข้าไปตระกูลเหลียนฮวา สาเหตุที่ไปก็เพราะ……” เขาปิดปากเงียบไม่ยอมพูดออกมา

     

       “เพราะอะไร?” หลินมู่ถามอีกครั้งแต่หลัวกงฟานไม่ย้อมง้างปากแม้แต่น้อย ราวกับไม่ใช่เรื่องที่สำคัญหรอกเจ้าถามเรื่องอื่นสิ

    หลินมู่ที่เห็นเช่นนั้นก็ทำท่าทางขบคิดเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทางราวกับรู้บางอย่าง ‘ไม่ใช่ว่าตระกูลเหลียนฮวาเป็น ตระกูลฝึกวรยุทธสตรีหรือ?’ คิดได้เช่นนั้นหลินมู่ก็ลองแหย่อีกฝ่ายทันที “หรือท่านไปเพราะเรื่องนั้น!?”

     

       หลินมู่ยกนิ้วชี้ลอดเข้าออกนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ที่ประกบกันเป็นวงกลม พร้อมมองด้วยใบหน้าหยอกเย้า

    หลัวกงฟานที่คราแรกไม่เข้าใจ ก็ยืนประมวลผลสักพักเขาก็สถบออกมา “บัดซบ!! ศิษย์น้องเห็นข้าเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ!?”

     

       หลัวกงฟานตะโกนถามออกมาอย่างน้อยใจ “เอาหล่ะๆ สรุปท่านไปทำอะไรที่ตระกูลเหลียนฮวา?” หลัวกงฟานปิดปากเงียบ แต่สุดท้ายก็พูดออกมา

    “ข้าได้ยินว่าสุราที่ตระกูลเหลียนฮวาหมัก รสชาติดีเป็นอย่างมากจึงเดินทางไป….” พูดมาถึงจุดนี้เขาก็ไม่รู้สึกอายอีกต่อไป

     

       ไหนๆก็ไหนๆแล้วเล่าต่อให้หมดเลยดีกว่า หลัวกงฟานเล่าหลังจากเขาแลกเปลี่ยนกับตระกูลเหลียนฮวาเสร็จ และได้สุราที่หมายตามาครอบครอง

    ระหว่างเดินทางออกมากลุ่มคนของตระกูลเหลียน พร้อมประมุขตระกูลในตอนนั้น ก็มาขวางเส้นทางเขาไว้พร้อมยื่นข้อเสนอจะแลกกระบี่ ที่อาจารย์ของเขาเตรียมไว้ให้หลินมู่อีกครั้ง

     

       ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาปฎิเสธ การปฎิเสธครั้งนี้แหละที่ทำให้ประมุขตระกูลเหลียนเดือดดาล

    หลัวกงฟานที่ไม่มีทางเลือกหากยืนเฉยๆตนได้ตายแน่นอน เขาเลยจำต้องสำแดงเวทย์กระบี่สังหารประมุขตระกูลเหลียนและลูกสมุนอีกฝ่ายจนเกือบหมด

     

       แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนหนึ่งแกล้งตาย ตอนเขาจากไปอีกฝ่ายก็นำเรื่องของหลัวกงฟาน กลับไปแจ้งตระกูลสุดท้ายก็มาจบแบบในเรื่องเล่า

    หลัวกงฟานโดนไล่สังหารจากสี่ผู้แกร่งกล้าที่เหลือ ทั้งสี่ไม่ได้ไล่สังหารหลัวกงฟานอย่างไร้เป้าหมาย เพราะส่วนหนึ่งก็เพื่อใบหน้าและชื่อเสียงของห้าตระกูล อีกส่วนก็เพราะกระบี่เล่มนั้น จนมาจบที่หุบเขาสำเร็จมารในท้ายที่สุด

     

       หลินมู่ที่ได้ยินความจริงจากปากหลัวกงฟาน ก็อดไม่ได้ที่จะใช้มือทั้งสองข้างนวดขมับ

    กระบี่เล่มนั้นที่อาจารย์เตรียมไว้ให้ตนเมื่อ 200 ปีก่อน มันผูกกรรมไว้กับใครบ้างเนี่ย ที่แน่ๆไม่ใช่กรรมดีซะด้วย

     

       “แล้วตอนนี้กระบี่ไปอยู่ไหนแล้ว?” หลัวกงฟานที่ได้ยินคำถามก็แสดงสีหน้าว่า เออจริงด้วยศิษย์น้องถ้าเจ้าไม่ถามข้าคงลืมไปแล้ว

    ร่างพร่ามัวของหลัวกงฟานลอยไปยังซากร่างกายหยาบของเขาอีกครั้ง ก่อนจะใช้กระบี่ดำในมือเขี่ยเอากล่องไม้ยาว ประมาณ 50 ชุ่น กว้าง 10 ชุ่น ที่ร่างเขานั่งทับอยู่ออกมา

     

        ลวดลายบนกล่องวิจิตรงดงามแกะสลักด้วยความประณีต บนฝากล่องแกะสลักเป็นรูปต้นหลิวต้นหนึ่ง

    “เอาหล่ะศิษย์น้องเปิดดูสิ” หลัวกงฟานถูฝ่ามือมายาของตนอย่างตื่นเต้น พรางกระตุ้นให้หลินมู่เปิดกล่องออก

     

        หลินมู่เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้ากล่องไม้ เขาวางตำราที่ถืออยู่สองเล่มไว้ข้างตัว ก่อนจะขยับมือปลดล็อคฝากล่องไม้

    เมื่อเปิดออกมาหลินมู่ก็เบิกตากว้าง มองไปยังกระบี่สีขาวนวลราวกับหิมะ ตัวกระบี่ยาว 36 ชุ่น ถ้านับรวมด้ามก็จะประมาณ 42 ชุ่น ตัวด้ามสีดำราวกับน้ำหมึกแกะสลักลวดลายสวยงาม 

     

        หลินมู่ไม่สามารถละสายตาไปจากกระบี่เล่มนี้ได้เลย เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสลูบไล้ไปตามใบกระบี่ช้าๆ

    สัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะ และ การเชื่อมโยงบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก “อาจารย์บอกชื่อของกระบี่เล่มนี้ เจ้าควรตั้งมันเอง”

     

       หลินมู่ที่กุมด้ามกระบี่ด้วยมือขวา ก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยส่วนสูงประมาณ 175 เซนติเมตร หรือประมาณ 52.5 ชุ่น 

    ด้วยตัวกระบี่เองก็เกือบยาวทำให้เข้ามือของหลินมู่ ชายหนุ่มขยับท่าทางอย่างง่ายๆ น่าประหลาดแม้จะมีน้ำหนักพอสมควร

     

       แต่ตนกลับสามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างไม่มีปัญญา แม้มันจะเป็นครั้งแรกก็ตามแต่เขาคิดว่ามันไม่ใช่อุปสรรคแม้แต่น้อย

    หลัวกงฟานที่เห็นหลินมู่กำลังลองกระบี่ก็อดยิ้มไม่ได้ “เอาหล่ะศิษย์น้องชื่อของกระบี่เล่มนี้คือ?” หลัวกงฟานถามอย่างตื่นเต้น

     

       หลินมู่ที่ลองกระบี่เสร็จ ก็ยืนนิ่งยกมือข้างช้ายที่ขึ้นขนานกับอก ถือกระบี่กลับหัวยืนด้วยท่วงท่าสง่างาม

    เขาหันมาพูดกับหลัวกงฟานด้วยรอยยิ้ม “ตงหยู(冬雨 / พิรุณเหมันต์ หรือ ฝนฤดูหนาว)…” หลัวกงฟานหัวเราะลั่น

     

       “ยอดเยี่ยมเป็นชื่อที่ดี!! กระบี่ของข้าชื่อว่าเฮ่ยซาน(黑山 / ภูเขาทมิฬ หรือ ภูเขาดำ)” ศิษย์พี่คือภูเขาศิษย์น้องคือสายฝน

    หลัวกงฟานใช้เฮ่ยซานงัดบางอย่างออกมาจากกล่องไม้ เป็นฝักกระบี่ทีีทำจากไม้สีดำไม่รู้จัก แกะสลักด้วยลวดลายเรียบง่ายแต่ก็สวยงามในแบบของมัน 

     

       หลินมู่ที่สะพายกระบี่ยืนนิ่งทำให้เขาราวกับเป็นเทพเซียน แม้ชุดคลุมสีเทาของเขาจะขาดรุ่งริ่งก็ตาม “เอาหล่ะ ของที่ควรให้ข้าก็ให้ไปแล้ว เจ้าจะต้องเริ่มฝึกได้แล้ว แต่ก่อนอื่นข้าต้องสอนภาษาให้เจ้าเสียก่อน”

    หลินมู่พยักหน้าและเริ่มเรียนภาษาภายใต้การสอนของ หลัวกงฟานเขากำลังจะเปลี่ยนชะตาของตนเอง เขาจะไม่ใช่คนไร้ความสามารถอีกต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×