ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #153 : ตอนที่ 153 ปีศาจเนตรมายา

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 66


       หลินมู่มองหลุมศพแสนเรียบง่ายของไป๋หยุนเฉินสักพัก ก่อนจะกล่าวขึ้นทำลายความเงียบงันอย่างกระทันหัน “หากเจ้ามีเรื่องจะพูดก็พูดเถอะ” ไป๋หลานหลงที่กำและแบมือมาตั้งแต่เมื่อกี้

    ก็หยุดชะงักสายตาสาดประกายถึงความลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ความจริงแล้ว ข้ามีเรื่องค้างคาใจอีกมากมาย เหตุใดท่านพี่ของข้าจึงทำเช่นนี้ หรือ มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังเช่นไร แต่ช่างเถอะเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว ก็ส่วนเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว”

     

        ไป๋หลานหลงหันหน้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง “มาพูดเรื่องของ…” หลินมู่ยกมือขึ้นห้ามอย่างฉับไว พร้อมกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นเคืองใดๆกันอีก”

    อีกฝ่ายปิดปากเงียบคล้ายจะเริ่มหนักใจ หลินมู่จึงกล่าวเสริมขึ้นอีกประโยค “หากอึดอัดก็ให้กล่าวออกมา” ได้ยินเช่นนั้นไป๋หลานหลงก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุ ก่อนเหตุการณ์ที่หุบเขาสำเร็จมาร

     

       ผิงฮวาน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างทั้งสอง ก็ยืนอยู่เงียบๆหันไปทางนั้นที มองไปทางนั้นทีอย่างสงสัยใคร่รู้ ระหว่างนั้นเองเป็นจังหวะเดียวกัน ที่ไป๋หลานหลงพูดจบสีหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวาหลายส่วน

    ได้ปลดปล่อยเรื่องที่ตัวเองเก็บกด และ ปิดบังไว้มานานในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าตนเองตัวเบาลงหลายส่วน กลับกันหลินมู่ขมวดคิ้วแน่นจนผูกกันเป็นปม ‘ปีศาจ? เนตรภูติผี? คมกระบี่โปร่งใส?’

     

        หลังจากฟังไป๋หลานหลงเล่าถึงต้นสายปลายเหตุ เขาก็ได้รู้ว่าเหตุที่ไป๋หลานหลงเกิดใจคิดสังหารตน เป็นเพราะมารดาของตนเป่าหู แม้จะคิดสังหารคนแต่ลึกๆก็มีความลังเล

    จนเมื่อไปถึงหุบเขาสำเร็จมาร ในตอนที่หลินมู่เดินลึกเข้าไปในหุบเขา ไป๋หลานหลงก็ลงมือแต่เขาแทบเดินตามหลินมู่ไม่ทันด้วยซ้ำ จากทั้งแรงกดดันและสถานการณ์อีกมากมาย ทำให้อีกฝ่ายคิดจะยอมแพ้และกลับไปมือเปล่า

     

        แต่ในจังหวะคิดว่าจะย้อนกลับนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างก็เข้ามาในร่างของเขา กระซิบกระซาบให้สังหารบางอย่างที่พวกมันเรียกว่าต้นกล้าอมตะ พร้อมมอบเนตรภูติผีที่มีความสามารถที่น่าตกตะลึง พร้อมปลุกเร้าอารมณ์เกลียดชังจนสุดขั้ว

    หลังจากถีบหลินมู่ลงหุบเหวระหว่างทางย้อนกลับ ไป๋หลานหลงที่อยู่ในรถม้ากำลัง ศึกษาเนตรภูติผีก็ถูกคมกระบี่โปร่งแสง พุ่งเข้านัยตาทำลายเนตรภูติผีพร้อมสังหาร เหล่าเสียงกระซิบในหัวจนหมดสิ้น

     

        เขาจึงเกิดความหวาดกลัวหวั่นว่า มันจะมีผลกระทบและผลเสียบางอย่าง เขาจึงอยากถามหลินมู่ว่าพอจะรู้จักอะไร คล้ายที่เขาเล่าไปหรือไม่ หลินมู่จึงได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกล่าวเสริมอย่างขอโทษขอโพย

    “ขอโทษด้วยข้าไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย แต่เรื่องคมกระบี่โปร่งใสข้าพอคาดเดาได้ว่า ใครเป็นผู้ลงมือไว้กลับไปแล้วข้าจะถามข้อมูล และ เขียนจดหมายส่งมาให้เจ้า” ไป๋หลานหลงพยักหน้า ทั้งสามเดินออกจากสุสานพร้อมกัน

     

       ตัวของไป๋หลานหลงที่มีงานมัดตัวเพราะการตาย ของประมุขอย่างกระทันหันจึงขอตัวไปจัดการเรื่องของตน พวกไป๋เทียเองก็หัวหมุนอยู่มิน้อย ช่วงนี้เกิดเหตุวุ่นวายหลายครั้ง จนพวกนักเรียนจากต่างโลกแทบหายใจไม่ทั่วท้อง

    ก่อนจะแยกทางกันอีกฝ่ายก็ยื่นจดหมายมาให้หลินมู่ พร้อมบอกว่ามันมาจากตระกูลต้าเจียง ชายหนุ่มบอกลาแล้วหันไปจัดการงานของตน หลินมู่เองก็เก็บจดหมายพาผิงฮวาขึ้นกระบี่บิน

     

       มุ่งหน้าไปยังค่ายของนิกายเจี้ยนเสินเฟิง เส้นรุ้งสีขาวพุ่งออกไปจากหุบเขาตระกูลไป๋ มุ่งหน้าไปยังตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นที่ตั้งของค่ายชั่วคราวของนิกาย

    เมื่อเวลาพลบค่ำหลินมู่ก็เห็นค่ายอยู่ไม่ไกล พร้อมกับเรือบินขนาดมหึมาที่ลอยตระหง่านบนฟากฟ้า “สหายเซียนหยุดก่อน!!” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น บอกให้หลินมู่หยุดก่อน

     

        เมื่อหลินมู่หยุดและควบคุมให้กระบี่ลอยอยู่กับที่ ก็มีศิษย์คนหนึ่งของนิกายเจี้ยนเสินเฟิง กลายเป็นรุ้งสีขาวพึ่งมาหาหลินมู่ “ยินดีที่ได้รู้จักสหายเซียน” อีกฝ่ายป้องมือทักทายหลินมู่อย่างยิ้มแย้ม

    เขาสำรวจหลินมู่ขึ้นลงอย่างสงสัย อีกฝ่ายแต่งตัวด้วยชุดคลุมสีขาวของศิษย์สายใน ผมยาวปะบ่าสีน้ำตาล ดวงตาสีดำธรรมดาทั่วไป รูปลักษณ์ก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ขอบเขตกลับเป็นปฐพีที่ 2 น่าจะช่วงคอขวด ก่อนจะกลายเป็นปฐพีที่ 3 หลินมู่แอบกลืนน้ำลายลับๆ ไม่คิดเลยว่าศิษย์คนแรกที่เขาเจอ จะมีขอบเขตพอๆกับหลิวบรรพตไปแล้ว

     

        อีกฝ่ายมองสำรวจหลินมู่อยู่สักพัก ก็สังเกตเห็นจี้หยกที่หลินมู่ห้อยเอาไว้ เขาจึงคาดเดาได้ทันทีว่าหลินมู่น่าจะอยู่ขอบเขตปฐพีที่ 1 หากเป็นปฐพีที่ 2 ขึ้นไปไม่จำเป็นต้องพึ่งของพวกนี้ เพื่อควบคุมกระบี่บินด้วยซ้ำ

    เมื่อสำรวจหลินมู่เสร็จ เขาก็เอ่ยปากถามอย่างเป็นมิตร “สหายเซียนใช่ศิษย์น้องหลินหรือไม่?” หลินมู่พยักหน้าพร้อมป้องมือตอบกลับ “ใช่ข้าเอง ศิษย์พี่มาเรื่องอะไรหรือ?”

     

       อีกฝ่ายยิ้มแย้มพร้อมบอกว่าพวกตน ที่คอยลาดตระเวนได้รับคำกำชับว่า หากเจอสหายที่ขี่กระบี่บินแต่ใช้หยกเชื่อมจิต ให้ถามว่าใช่ศิษย์น้องหลินหรือไม่ หากใช่ให้พาไปพบเจ้านิกาย 

    พูดจบทั้งสองก็กลายเป็นรุ้งขาวสองเส้น พุ่งไปยังค่ายนิกายโดยที่อีกฝ่ายลดความเร็วลงมา ให้พอๆกับหลินมู่พร้อมถามเรื่องมากมาย เมื่อมาถึงค่ายของนิกายอีกฝ่ายก็ขอตัวจากไป

     

       พร้อมชี้ไปยังจุดที่เจ้านิกายกวนจิวอยู่ หมดหน้าที่เขาก็ควบคุมกระบี่บินจากไป หลินมู่ลงจากกระบี่บินพาผิงฮวาที่มองทุกอย่างอย่างตื่นเต้น ทั่วบริเวณของค่ายมีผู้คนมากมายเดินไปมา

    มีส่วนหนึ่งที่เป็นคนมาจากโลกของหลินมู่ แต่พวกเขาจำหน้าหลินมู่ไม่ได้ เพียงเดินไปทำเรื่องของใครของมัน ผู้มีพรสวรรค์มากมาย เดินไปมาภายในค่ายอย่างอารมณ์ดี

     

        ส่วนเหล่าศิษย์ชั้นในและศิษย์หลัก ต่างทำงานจนมือเป็นระวิง หลินมู่เดินผ่านพวกเขาไปพาผิงฮวาเข้าไปยังส่วน ที่ศิษย์และคนในนิกายพักอาศัย “โอ้เจ้ามาแล้ว?”

    เพียงก้าวขาเข้ามากวนจิวก็ปรากฏตัวทันที ผิงฮวาเบิกตากว้างเดินวนรอบตัวอีกฝ่ายอย่างสงสัย พร้อมถามอย่างกระตือรือร้นว่าอาจารย์ปู่ใหญ่ทำได้อย่างไร กวนจิวก็หัวเราะเสียงดัง พร้อมกล่าวติดตลกว่า

     

       หากเจ้ามีขอบเขตเท่าข้าก็จะทำได้เอง หลินมู่ถูกพาไปด้านในกระโจมหลังหนึ่ง แม้ด้านนอกจะดูเป็นกระโจมธรรมดาๆ แต่พอเข้าไปด้านในกลับกว้างขวางเป็นอย่างมาก หลังจากจัดการเรื่องหยุมหยิม ชายหนุ่มก็เริ่มถามคำถามกับกวนจิวทันที 

    เมื่อได้ยินคำถามแล้วชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้ว วงแหวนสีทองหมุนวนอย่างเชื่องช้า “ข้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าหนูนั้นเจอ คือปีศาจเผ่าเนตรมายา แต่เผ่านี้สูญสิ้นไปเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว คาดว่าตัวที่เจ้าหนูนั้นเจอ คงเป็นปีศาจที่เคยเข้าร่วมสงครามเมื่อนานมาแล้ว และ รอดชีวิตมาในฐานะวิญญาณ จากสถานการณ์ในตอนนั้น พวกปีศาจเนตรมายาคงมีขอบเขตต่ำๆ คือ นภาที่ 1 แต่ด้วยกาลเวลาและสภาพแวดล้อม อาจทำให้ขอบเขตถดถอยลงมาอย่างมาก ไม่ต้องห่วงไอ้วิญญาณจากโบราณพวกนั้น ในเมื่อถูกกระบี่ของใครบางคนสังหารไปแล้ว ก็ไม่มีภัยร้ายใดๆอีก”

     

       กวนจิวยังกล่าวเสริมอีกว่าผู้ลงกระบี่อาจจะเป็นกวนเจี้ยนโป อาจารย์ของหลินมู่จริงแท้แค่ไหนก็ให้ไปถามอีกฝ่ายเอาเอง และ ยังกล่าวเสริมอีกเล็กน้อยว่า ไป๋หลานหลงค่อนข้างโชคดี 

    ที่วิญญาณพวกนั้นอยู่ในสภาพอ่อนแอถึงขีดสุด หากไม่เช่นนั้นขอเพียงปลูกฝังเนตรภูติผีเสร็จ เขาก็จะโดดยึดร่างทันที ก่อนจะจากไปกวนจิวพูดคุยหลินมู่เกี่ยวกับเป่ยจี่อีกเล็กน้อย แล้วจึงจากไป ทิ้งหลินมู่ไว้ในกระโจมกับผิงฮวา

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×