คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #152 : ตอนที่ 152 สุสานตระกูลไป๋
บนฟากฟ้าเหนือหมู่เมฆรุ้งขาวบินตัดผ่านผืนฟ้า หลินมู่ยืนนิ่งราวกับขบคิดบางสิ่งให้ละเอียดถี่ถ้วน “อาจารย์ท่านจะหมั่นหมาย ผิงผิงกับหลานของสหายท่านนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ดึงสติชายหนุ่มกลับมาจากภวังค์ความนึกคิด หลินมู่ส่ายหน้าพร้อมกล่าวอย่างอบอุ่น “แน่นอนว่าไม่ แต่หากเจ้าอยากทำความรู้จักกับเขาข้าก็มิเกี่ยง ข้าเป็นอาจารย์มีหน้าที่สั่งสอนเจ้า ไม่ได้มีหน้าที่ไปกำหนดชีวิตที่เจ้าไม่ต้องการ เจ้าต้องการชีวิตเช่นไรอยู่ที่เจ้าเลือก…”
ชายหนุ่มปิดปากเงียบสักพักก่อนจะกล่าวเสริม “ขอเพียงไม่ผิดทำนองครองธรรม ข้าก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายแน่นอน” สิ้นประโยคเขาก็ไม่กล่าวอะไรอีก
ผิงฮวาที่กอดชายหนุ่มเพื่อไม่ให้ตนเองร่วงจากกระบี่บิน ก็พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่านางเข้าใจแล้ว สองศิษย์อาจารย์พุ่งจากทิศเหนือไปยังตะวันออก มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านบนภูเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อมาถึงหมู่บ้านก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ตะวันดวงโตค่อยๆลับขอบฟ้าปล่อยให้จันทราลอยขึ้นฟากฟ้า ร่างของหลินมู่และผิงฮวาปรากฏอยู่หน้าหมู่บ้าน ก่อนจะมีชายชราเคราขาวผู้หนึ่งออกมาต้อนรับ “ลมใดหอบเจ้ากลับมาหมู่บ้านบนเขาเช่นเรากัน”
ชายชราผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านฉาซาน ทั้งคู่ทักทายกันและกันเล็กน้อย หลินมู่อยากจะค้างที่นี่สักคืนซึ่งชายชราก็ไม่ได้ว่าอะไร จัดเตรียมห้องไว้อย่างดี
หลังจากดวงจันทร์ลอยอยู่บนฟากฟ้า ชายหนุ่มก็พาเด็กสาวเดินออกจากนอกหมู่บ้าน ไปยังเนินเขาที่มีต้นไม้ยืนต้นอย่างโดดเดี่ยวอยู่ต้นหนึ่ง “อาจารย์ท่านจะไปไหนหรือ?” เด็กสาวถามอาจารย์ของนางอย่างไม่เข้าใจ
ส่วนชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบทำเพียงเดินนำไปเท่านั้น เมื่อขึ้นมาบนเนินเขานางก็เห็นป้ายหลุมศพธรรมดาอันหนึ่ง “จูเฉียว จอมยุทธ์ใหญ่ที่เคารพมากท่านหนึ่ง?” เด็กสาวอ่านคำที่สลักอยู่บนป้ายหลุมศพ
ชายหนุ่มผู้เป็นอาจารย์ไม่ได้กล่าวอะไร ทำเพียงปลดน้ำเต้าเปิดจุกราดสุราลงบนป้าย “จอมยุทธ์ใหญ่จู ข้ามาบอกลาท่าน เรื่องลูกชายของท่านที่ไหว้วานข้า ข้าก็นำคำพูดของท่านไปให้เขาแล้ว เสียใจกับภรรยาของท่านด้วย อีกไม่นานลูกชายท่านก็คงมายืนต่อหน้าหลุมศพท่านแน่ และ ข้ากับเขาก็มีสัญญาว่าจะประลองกัน ไม่ต้องห่วงเพียงรู้ต่ำสูง”
เด็กสาวยืนนิ่งงันมองอาจารย์ของนางพูดคุยกับหลุมศพ ก่อนอีกฝ่ายจะหยุดชะงักหยุดเทสุรา แล้วเริ่มดื่มส่วนที่เหลืออยู่จนหมด “ผิงฮวาชักกระบี่….”
ดรุณีน้อยแสดงสีหน้างุนงง แต่ไม่ทันเอ่ยปากถามใดๆ คมกระบี่สีขาวก็กวาดเข้าหานางด้วยความเร็วสูง เพล้ง!! กระบี่อ่อนถูกดึงออกจากฝัก ร่างเล็กของนางถอยไปหลายก้าวจึงสามารถยืนตัวตรงได้
ปลายของตงหยูชี้เข้าหาเด็กสาวพร้อมเสียงของหลินมู่ “ให้ข้าดูว่าเจ้าไปไกลแค่ไหนแล้ว” สิ้นเสียงร่างนั้นก็พุ่งเข้าหาเด็กสาว ดวงตาสีหมึกคู่นั้นเปล่งประกาย ฟาดฟันกระบี่ด้วยความรวดเร็วเด็ดขาด
เด็กสาวตอบสนองอย่างทุลักทุเล เริ่มแสดงกระบวนท่ากระบี่ตอบโต้อาจารย์ของตนเอง “นี้ช้าไป…เจ้าต้องยกกระบี่ขึ้นสูงขึ้นอีก” เด็กสาวเริ่มปรับตามที่หลินมู่ชี้แนะ
ทำให้กระบวนท่าของนางดูลื่นไหลขึ้นอีกหลายส่วน ทั้งความต่อเนื่องและความรวดเร็วก็แสดงออกมาถึงสุดขีด หลินมู่หลี่ตาลงเล็กน้อย
ตลอดการดวลกระบี่สั้นๆนี้ ชายหนุ่มชี้จุดข้อผิดพลาดของเด็กสาวหลายครั้ง เด็กสาวเองก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ไล่ตามความเร็วของชายหนุ่มทัน เห็นเช่นนี้หลินมู่ก็ได้แต่ตัดพ้อกันตนเอง
อัจฉริยะก็ยังคงเป็นอัจฉริยะ แม้จะยังไม่ได้ฝึกฝนได้แต่ปูรากฐาน แต่ตอนนี้ฝีกระบี่ก็เริ่มไล่ตามเขาทันแล้ว “หยุด” สิ้นเสียงผิงฮวาก็หยุดกระบวนท่ากระทันหัน ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เด็กสาวยืนหอยหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
ดวงตาคู่โตนั้นมองมาทางชายหนุ่มอย่างชื่นชม “เจ้าพัฒนามากกว่าที่ข้าคิดไว้ แต่เจ้ายังขาดประสบการณ์ใช้กระบี่ต่อสู้จริง เรื่องนี้ต้องโทษข้าที่ละเลยการสั่งสอน” เด็กสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายหน้า
บ่งบอกว่าเขาทำหน้าที่อาจารย์ได้ดีแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยใดๆนางก็สลบไป เพราะใช้แรงเกินขีดจำกัดไปหลายส่วน พร้อมทั้งการเดินทางติดต่อมาหลายวัน พอการปะทะหยุดลงกระทันหัน ร่างกายก็บังคับให้นางพักผ่อนทันที
แม้จะสลบไปแล้วแต่มือน้อยๆของเด็กสาว ยังคงกุมกระบี่ไว้แน่น หลินมู่ถอนหายใจเหมือนเขาจะทำเกินไปเล็กน้อย ชายหนุ่มอุ้มเด็กสาวเดินกลับไปยังหมู่บ้าน พร้อมป้อนยาลูกกลอนให้เด็กสาว
เมื่อกลับมาถึงก็วางเด็กสาวนอนลงบนฟูก ปลดกระบี่และฝักออกจากมือและหลังของนาง ก่อนตนจะไปนั่งทำสมาธิใต้แสงจันทร์เงียบๆ เมื่อยามรุ่งสางมาถึงชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น
ปลดปล่อยบรรยากาศที่แหลมคมกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน “ไม่คิดเลยว่า จากการปะทะกับผิงฮวาแค่ชั่วครู่เดียว ทำให้จิตกระบี่เล่มที่ 301 ควบแน่นสำเร็จ” ชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะไปมองเด็กสาว ก็พบว่านางหลับสนิทไม่มีทีท่าจะตื่นเร็วๆนี้ เขาจึงอุ้มนางไปบอกลาหัวหน้าหมู่บ้านขึ้นขี่กระบี่ กลับไปยังหุบเขาเมฆาของตระกูลไป๋
ระหว่างทางเด็กสาวก็รู้สึกตัว นางพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าอาจารย์ของนางรับรู้แล้วว่านางตื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงปล่อยไว้เช่นนี้
ปล่อยเวลานี้ให้เด็กสาวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะวันสองวันที่ผ่านมาทั้งสองเดินทางไม่ได้หยุดพัก แม้หลินมู่จะทนได้แต่ผิงฮวาไม่มีทางแน่นอน เขาจึงใช้โอกาสนี้ให้นางได้พักผ่อน
ชายหนุ่มมาถึงตระกูลไป๋เป็นเวลาเที่ยงวันพอดิบพอดี ในขณะที่จะส่งเด็กสาวให้พ่อบ้านพานางไปพักผ่อน ผิงฮวาก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ลงไปยืนเท้าเอวใบหน้าแดงราวกับลูกตำลึง
“ท่านรู้อยู่แล้วว่าผิงผิงตื่นแล้ว ทำไมไม่พูดอะไรเลย?” เด็กสาวถามอย่างไม่เข้าใจ หลินมู่นำกระบี่ของนางออกจากถุงเฉียนคุน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ข้าแค่อยากให้เจ้าได้นอนจนเต็มอิ่ม หลายวันมานี้เจ้าหักโหมเกินไป”
พอยื่นกระบี่อ่อนให้เด็กสาวเสร็จ เขาก็หันไปถามพ่อบ้านว่าตอนนี้ไป๋หลานหลงอยู่ที่ไหน พ่อบ้านตระกูลไป๋ก็ตอบกลับทันทีว่า ตอนนี้อยู่ที่สุสานตระกูลไป๋ไม่ไปไหนมาหลายวันแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้าพูดขอบคุณพ่อบ้านตระกูลไป๋ แล้วเดินนำผิงฮวาไปทางสุสานตระกูลไป๋ เพียงมาถึง บรรยากาศของสุสานที่วังเวงและเย็นยะเยือก ก็พัดเข้าหาทั้งสองทันที
เดินตัดผ่านสุสานของบุคคลมากมาย จนมายืนอยู่ข้างไป๋หลานหลงหน้าสุสานแห่งหนึ่ง “หลินมู่เจ้ากลับมาแล้ว?” อีกฝ่ายกล่าวถามแต่ก็ไม่ได้หันมา เพียงมองหลุมศพด้วยสายตาเหม่อลอย
หลินมู่พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพ่อกับไป๋มู่คงถูกฝังข้างกันกระมัง” ไป๋หลานหลงพยักหน้า เขาเม้มปากแน่นคล้ายพยายามห้ามไม่ให้ตนเองกล่าวบางคำออกมา หลินมู่สังเกตอีกฝ่ายจากหางตา แต่ก็ไม่พูดอะไรทำเพียงยืนอย่างนิ่งงัน มองไปยังหลุมศพตรงหน้าตน
ความคิดเห็น