ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15 เหว

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 65


       ทางเดินภายในหุบเขาสำเร็จมาร บรรยากาศรอบข้างช่างแสนอึมครึม เสียงลมหวีดหวิว วนเวียนอยู่ภายในหุบเขา

    ราวกับเสียงโหยหวนของภูติผีวิญญาณร้าย หลินมู่ที่ก้าวเดินไม่ช้าไม่เร็วค่อยๆเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าปกติ

     

       ทุกหนึ่งก้าวราวกับจะมีไอเย็นที่อธิบายไม่ถูก แทรกซึมเข้ามาภายในจิตใจพยายามทำให้จิตใจของเขาเกิดช่องโหว่

    ยิ่งนานเขาก็ราวกับจะได้ยินเสียงกระซิบบางอย่าง “นี้หรอส่วนหน้าสุดของหุบเขาสำเร็จมาร ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด…”

     

       หลินมู่พึมพำเขายืนตัดสินใจสักพัก ก่อนจะเลือกเดินลึกเข้าไปอีกโดยที่ด้านหลังมีไป๋หลานหลงตามมาอย่างเงียบงัน

    เขาหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก อากาศอันเย็นยะเยือกภายในหุบเขาเข้าแทรกซึมไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย ไป๋หลานหลงแสดงสีหน้าเจ็บปวด “บัดซบ…นี้มันจะเข้าส่วนกลางอยู่แล้ว…ทำไมหลินมู่มันถึงไม่เป็นไรเลย?”

     

       ไป๋หลานหลงพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ส่วนกลางของหุบเขาสำเร็จมารมีแต่พวกอาวุโส หรือ พวกอัจฉริยะที่จิตใจแข็งแกร่งเท่านั้น

    ที่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับผลจากจิตชั่วร้าย แต่นี่หลินมู่มันเดินเข้าไปอย่างน่าตาเฉย เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือป่าว?

     

       หากพยายามอยู่ตรงนี้และปรับสภาพ ตรงพื้นที่รอยต่อระหว่างส่วนนอกและส่วนกลาง คาดว่าเขาอาจจะทนได้หากอยู่อีกวันสองวัน

    คิดไปคิดมาไป๋หลานหลงก็ส่ายหัวไล่ความคิดอื่นทิ้งไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสอีกหาปล่อยโอกาสครั้งนี้ผ่านไป หลินมู่อาจจะไม่ออกมาจากรถม้าอีกเลยก็ได้

     

       คิดได้อย่างงั้นเขาก็ขบฟันแน่นก่อนจะเดินตามหลินมู่ไป หลินมู่ที่ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองเข้ามาส่วนกลางแล้วก็ยังคงเดินด้วยความเร็วที่คงที่

    เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนกว่าตนจะไปไม่ไหว “บริเวณนี้เริ่มรู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาบ้างแล้ว บางทีก็เหมือนมีอะไรสักอย่างมากระซิบข้างหู หรือจะเห็นภาพลางๆตรงหางตา ไม่เลวแต่ยังไปได้ลึกกว่านี้…”

     

       เขาเดินต่อไปโดยไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งเร้ารอบกาย ภายในหุบเขานั้นมืดครึ้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอมีเมฆฝนมาเพิ่ม มันก็ยิ่งมืดครึ้มมากขึ้นไปอีก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับหลินมู่

    เขาเดินลึกเข้าไปอย่างมั่นคง กลับกันทางฝั่งไป๋หลานหลงที่พึ่งเดินเข้ามาส่วนกลาง ก็ต้องเผชิญกับความลำบากอันใหญ่หลวง

     

       ร่างของเขาทรุดอยู่บนพื้นสีหน้าแดงก่ำ “หนวกหู!!” เขาเอามือสองข้างมาอุดหู สีหน้าส่อแววจะบ้าคลั่งขึ้นมา

    ในมุมมองของเขามีร่างเงามายามากมายยืนอยู่เต็มไปหมด บางตัวก็กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา บางตัวก็พูดขึ้นอย่างจับใจความไม่ได้

     

       แต่ที่น่ากลัวสุดคือภาพหลอนที่เขากำลังเห็นอยู่ ภายในภาพหลอนเขาเห็นหลินมู่ยืนยิ้มอย่างท้าทายมาทางเขา

    อีกฝ่ายตัวเปื้อนเลือดยืนถือดาบที่เลือดยังไม่แห้งสนิท ด้านข้างมีศพอยู่สองร่างหนึ่งคือไป๋หยุนเฉินผู้เป็นบิดาตน และอีกหนึ่งเป็นสตรีมารดาของเขาไป๋เสวียนหยู “อ๊าก!!! ข้าจะฆ่าเจ้า!!!!”

     

        ชายหนุ่มกรีดร้องพร้อมแสดงสายตาอาฆาต เหล่าเงาดำราวกับภูติผีฉีกยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป

    ‘สังหารเขา สังหารเขา สังหารเขา สังหารต้นกล้าอมตะ!!’ เสียงกระซิบหลากวัยหลายเพศ ปะปนกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ แม้แต่ภาษาที่ใช้เขายังไม่เคยได้ยิน

     

       แต่ไป๋หลานหลงกับสามารถเข้าใจสิ่งที่พวกมันจะสื่อ สังหารหลินมู่!! และเขาจะได้รางวัลจากจากพวกมัน

    ดวงตาของไป๋หลานหลงแดงก่ำราวกับเลือด เขามองเห็นในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น นี่คือรางวัลที่พวกมันพูดถึง

     

       นี่คือ'เนตรภูติผี'สามารถทำให้เขาเห็นถึงการเคลื่อนตัวของสวรรค์และโลก ฟ้าดินโชควาสนาของผู้อมตะ ศัตรูชั่วฟ้าดินสลายของเผ่าปีศาจ

    หากเขาสังหารผู้มีชะตาอมตะได้ เขาก็จะได้รับวาสนามาส่วนหนึ่ง หากวันใดวันหนึ่งเขาแข็งแกร่งมากพอจะออกไปจากกรงขังที่ชื่อทวีปหลิวซูได้ จะมีตัวแทนจากภพปีศาจจะมารับตัวเขา 

     

       “จะเรื่องอะไรก็ช่างเถอะ….แต่เป้าหมายของข้าคือสังหารหลินมู่ เรื่องที่พวกเจ้าพูดจะจริงหรือไม่ช้าไม่สน!” เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้น ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป 

    ไป๋หลานหลงที่มีดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจจากอเวจี ชักดาบออกจากฝักเดินเข้าไปภายในหุบเขาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

     

       หลินมู่เดินทีละอย่างก้าวรู้ตัวอีกที ก็มาอยู่ในที่ไม่คุ้นตารอบข้างเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้

    หินปริแตกรอยกระบี่และดาบที่ฝังลึกอยู่ในพื้นและขอบหุบเขา แม้แต่รอยหมัดยังถูกประทับไว้ น่าแปลกที่กลิ่นอายบริเวณนี้ดูเบาบางกว่าที่อื่นๆ

     

       สุดทางคือเหวลึกดำมืดราวกับหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสรรพชีวิตให้หายไป หลินมู่ที่ยืนอยู่บริเวณปากเหวก็ก้มลงมองเหวลึกไร้ก้นนี้ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น

    เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาเช่นกัน จ้องมองมาจากเบื้องล่าง “มารกระบี่เมื่อ 200 ปีก่อน?” หลินมู่พึมพำก่อนจะหันตัวกลับไป

     

       เขาไม่อยากอยู่ใกล้เหวนี้นัก และที่นี่ไม่มีอะไรให้เขาดูแล้วด้วย ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปเขาก็หยุดเดินก่อนจะค่อยๆถอยหลังกลับไป

    “สัญชาตญาณไม่เลว…แต่ก็ไม่ช่วยให้เจ้ารอดไปได้หรอก” เสียงของไป๋หลานหลงดังขึ้นก่อนเขาจะเดินออกมาจากมุมอับสายตา

     

       เขามีดวงตาที่แดงก่ำราวกับเลือด ดวงตาสีแดงนั้นจ้องมองมาทางหลินมู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

    หลินมู่ขมวดคิ้วแน่นสรุปเขาก็หนีไม่พ้นหรือ? เขาสอดส่องสายตาไปรอบข้างหวังหาทางหนีทีไล่ “ไม่ต้องดิ้นรนให้เสียแรงหรอก เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว” ไป๋หลานหลงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม 

     

       ทุกครั้งที่หลินมู่ถอยไปหนึ่งก้าว ไป๋หลานหลงก็จะเดินหน้ามาหนึ่งก้าว หลินหมู่ถอยหลังจนไม่สามารถถอยได้อีก

    หากถอยแม้แต่ก้าวเดียวเขาจะร่วงลงไปภายในเหวลึกนี้ “เป็นอะไรไปไม่ถอยหลังต่อแล้วหรือ?”

     

       ไป๋หลานหลงพูดขึ้นอย่างติดตลก สีหน้าของหลินมู่ก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นอีกหลายส่วน

    แปะ แปะ แปะ หยาดพิรุณเม็ดเล็กๆเริ่มตกลงมา ไม่นานพวกเขาก็ยืนจ้องหน้ากันภายใต้สายฝนที่เย็นยะเยือก

     

       ด้านนอกหุบเขาสำเร็จมาร ไป๋หยงซุนที่เดินวนทั่วค่ายแล้วก็ไม่อาจเจอตัวหลินมู่ ก็แสดงสีหน้ากังวลอย่างมาก “เขาไปไหนกัน?….” ไป๋หยงซุนพึมพำก่อนจะเอะใจบางอย่าง

    เขาก็ไม่เห็นนายน้อยหลานหลงเช่นกัน “หรือว่า!?” ชั่วพริบตาร่างของมือดาบผู้นี้ก็ตรงดิ่งเข้าไปภายในหุบเขาสำเร็จมาร

     

       ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนบดบังวิสัยทัศน์ “ขอให้ทันทีเถอะ…” ไป๋หยงซุนพึมพำทุกการก้าวหนึ่งครั้ง เขาจะอยู่ห่างจากจุดเดิมครึ่งลี้ 

    หุบเขาสำเร็จมารตั้งแต่ปากหุบเขาจนสุดทางบริเวณปากเหว มีความยาวประมาณหกลี้ไป๋หยงชุนเร่งความเร็วขึ้นอีก

     

       เมื่อมาถึงสุดทางก็เห็นร่างของไป๋หลานหลงที่ยืนอยู่ปากเหว ไร้วี่แววของหลินมู่ “ท่านมาช้านะอาวุโสหนึ่ง”

    ไป๋หลานหลงหันมาพูดกับไป๋หยงซุนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีแดงก่ำราวกับเลือดของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว

     

       ภายใต้หยาดพิรุณที่โหมกระหน่ำ ไป๋หยงซุนแสดงสีหน้าตกตะลึง ตนมาช้าไปหากเอะใจว่าทำไมเหล่าผู้ติดตามของไป๋หลานหลง เข้ามาเกาะแกะตนและอาวุโสคนอื่น

    หากเอะใจตอนนั้นอาจจะมาทันก็เป็นไปได้ เขาเดินไปมองหุบเหวลึกที่ดำมืดไม่อาจมองเห็นก้น ด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูก

     

       ไป๋หลานหลงที่ทำตามเป้าหมายแล้วก็เดินจากไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน ไป๋หยงซุนยังคงยืนสติหลุดอยู่ปากเหว

    สุดท้ายก็ขบฟันแน่นม้วนตัวจากไป ไม่เคยมีใครที่ตกก้นเหวแล้วกลับมาได้ เขาจะไม่เสี่ยงเขาต้องรีบเอาเรื่องนี้กลับไปแจ้งไป๋หยุนเฉิน  

     

       เบื้องล่างหุบเหวที่ปลดปล่อยไอปราณดำมืด ร่างของหลินมู่ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและเสื้อผ้าฉีกขาด

    นอนจมอยู่ในแอ่งน้ำ ปาฎิหารย์ที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด หากไม่ได้ต้นที่เกิดในร่องเหวคอยลดแรงต้านเขาอาจจะตกลงมาตายแล้วก็เป็นไปได้

     

       “แค่ก แค่ก!!” หลินมู่สำลักด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาพยุงร่างที่สะบักสะบอมของตนลุกขึ้นยืน “ยังไม่ตายสินะ…”

    หลินมู่พูดด้วยน้ำเสียงตะลึงปนดีใจ ดีใจที่ตนยังมีชีวิตอยู่ เขาหันหน้าไปมองรอบตัวก็พบแต่กับความดำมืด

     

       กลิ่นอายชั่วร้ายรวมตัวอย่างหนาแน่นที่ก้นหุบเหวนี้ "ต้องหาที่หลบฝน….” หลินมู่พึมพำกับตนเอง เขาลากขาเดินกะเพลกหาถ้ำที่สามารถใช้หลบฝน ภายในหุบเหวดำมืดนี้

    เดิมทีร่างกายก็ยังไม่พื้นตัวเต็มที่ พอโดนถีบลงมาอาการก็กลับมาย่ำแย่

     

       ชะตาบัดซบสุดๆไปเลย ชายหนุ่มแบกร่างอันสะบักสะบอมเดินเรียบผนังไปเรื่อยๆ 

    หวังเจอถ้ำสักแห่งที่สามารถใช้หลบฝน นานเข้าสติก็เริ่มพร่าเลือนวิสัยทัศน์มืดมัว “ต้องมีชีวิตรอด…จะต้องกลับไปให้ได้..”

     

       ชายหนุ่มกัดลิ้นเพื่อคงสติของตนเอง ใช้จิตใจอันแน่วแน่แบกร่างของตนเดินต่อไป

    ในที่สุดเขาก็สามารถหาถ้ำจนเจอ ร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่ง นอนนิ่งอยู่ภายในถ้ำก่อนจะสงบไป

     

       ด้านนอกด้วยเหตุผลบางอย่างการเก็บประสบการณ์ถูกยกเลิก และจะเดินทางกลับทันที

    เมื่อจัดการเสร็จไป๋หยงซุนก็เริ่มออกเดินทาง เขาก้าวเพียงสิบก้าวก็หายไปจากสายตาของทุกคน

     

       เขาต้องนำข่าวร้ายนี้กลับไปแจ้งไป๋หยุนเฉิน ด้านขบวนที่กำลังเดินทางกลับภายใต้พายุฝน

    ภายในรถม้าไป๋หลานหลงกำลังนั่งยิ้มอยู่กับความสำเร็จของตนเอง “อึก!อ๊าก!!!”

     

       จู่ๆดวงตาของเขาก็ปวดแสบปวดร้อน ราวกับกำลังโดนของมีคมคว้านดวงตาออกมา

    ‘บัดซบไอ้ศิษย์เซียนกระบี่เหม็นเน่า!! เหตุใดเจ้าไม่ยอมตายเสียที!! คิดหรอว่าผีก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงอย่างเจ้า จะช่วยเด็กคนนั้นได้!!?' เสียงอันโกรธแค้นดังขึ้นภายในหัวของ ไป๋หลานหลงที่ไม่อาจเข้าใจ ทำได้แต่แสดงสีหน้าเจ็บปวด

     

       ทันใดนั้นเองคมกระบี่โปร่งใสก็พุ่งเข้านัยตาของไป๋หลานหลง ตัดเสียงภายในหัวจนหมดสิ้น แม้แต่เนตรภูติผีเขาก็สูญเสียไปด้วยเช่นกัน

    ร่างของไป๋หลานหลงนอนนิ่งสีหน้าบิดเบี้ยว เขายังไม่ตายความดีใจที่ตนทำตามเป้าหมายสำเร็จ หายไปจนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความหวาดกลัว มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×