ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #147 : ตอนที่ 147 ของขวัญ

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 66


       กวนเจี้ยนโปไม่พูดอะไรทำเพียงยิ้มน้อยๆ ประมาณว่าอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ เขาหันไปมองหลินมู่พร้อมพูดอย่างยินดีกับหลินมู่ “ศิษย์ข้ายินดีด้วยที่สามารถ ทลายขีดจำกัด”

    ชายหนุ่มพยักหน้าให้ผู้เป็นอาจารย์พร้อมพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณท่านอาจารย์” กวนเจี้ยนโปยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปคุยกับกวนจิวต่อ “ศิษย์พี่ 500 ปีมานี้ท่านพัฒนาขึ้นมากเลยนะ”

     

       กวนจิวยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน แม้ข้าจะไม่อาจเล่าเรียนเวทย์กระบี่สายอาจารย์ได้ แต่พรสวรรค์ของข้าก็ดีมากเช่นกัน แต่เจ้าเถอะเหตุใดจึงตกอยู่ในสภาพนี้” เขาถามศิษย์น้องของตนอย่างสงสัย

    ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ร่างก็ไม่เหลือ เหลือไว้เพียงวิญญาณขนาดขอบเขตยังหยุดอยู่ที่เดิม แม้จะไม่ได้หยุดลงอย่างสิ้นเชิง แต่การพัฒนากลับเชื่องช้าสุดขีด ยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าศิษย์น้องของตนไปเจอสิ่งใด จึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

     

       กวนเจี้ยนโปเริ่มอธิบายคลายความสงสัยเล็กน้อย สักพักเจ้านิกายก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้กวนเจี้ยนโปจะไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมด เขาก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ต่อการที่อีกฝ่ายไม่พูด มันต้องมีเหตุผลของมัน

    หลินมู่ที่ยังคงถูกหิ้วเป็นสัมภาระ ก็นึกสงสัยบางเรื่องจึงถามขึ้นมา “ท่านอาจารย์ อาจารย์ลุง พวกท่านเป็นพี่น้องกันหรือ?” เขาเริ่มสงสัยตั้งแต่อยู่บนเรือบินแล้ว

     

        จึงอาศัยจังหวะนี้ไตร่ถามคลายข้อสงสัย กวนจิวที่กำลังขบคิดบางเรื่องอยู่ก็ตอบกลับอย่างทันท่วงที “ไม่ใช่หรอกแรกเริ่มเดิมที ข้าและอาจารย์ของเจ้าเป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ชื่อไร้แซ่ เคราะห์ดีที่อาจารย์ของพวกเราหรืออาจารย์ปู่ของเจ้า ได้พบกับพวกเราเข้า ท่านบอกเป็นเพราะวาสนาจึงได้พบกัน”

    เจ้านิกายเริ่มอธิบายที่มาที่ไปของชื่ออย่างละเอียด “ท่านอาจารย์ที่รับข้าและอาจารย์เจ้าเป็นศิษย์ ได้ตั้งชื่อตามลักษณะ ข้ากวนจิว กวนคือแซ่ของอาจารย์ จิวในชื่อมีความหมายว่าสุรา เหตุผลนะหรือคงเพราะข้าเวลาดื่มสุรา จะใบหน้าแดงก่ำดุจคนเมามาย ท่านอาจารย์จึงตั้งชื่อข้าว่ากวนจิว ส่วนอาจารย์เจ้า กวนเจี้ยนโป เจี้ยนได้จากความคลั่งไคล้ในวิถีกระบี่ของเขาจึงได้รับมา โป แค่มองก็รู้ว่ามาจากสีผมของอาจารย์เจ้า ที่เหมือนทองคำขาว นี้คือที่มาของชื่อ”

     

       หลินมู่พยักหน้าบอกว่าตนเข้าใจแล้ว หลังจากไข้ข้อสงสัยของชายหนุ่มเสร็จ กวนจิวก็เข้าเรื่องทันที “เอาหล่ะคุยมามากพอแล้ว ทองขาวน้อยข้ามาพาเจ้ากลับนิกาย….แต่เหมือนจะยากเล็กน้อยข้าต้องขุดไปทั้งภูเขาเลยกระมัง”

    ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ถลึงตามอง อะไรนะ!? ท่านจะขุดภูเขา!? ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มสงสัยนาน ผู้เป็นอาจารย์ก็ตอบรับ ควบคุมกระบี่ของตนออกจากต้นเลี้ยงตะวัน ส่งไปทางชายหนุ่ม

     

       หลินมู่ที่ยังตกใจอยู่ก็รู้สึกตัวคว้ากระบี่ของอาจารย์ตนไว้ ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นออร่าบางอย่างที่ปัดเป่าจิตใจให้นิ่งสงบ ทันใดนั้นเอง กวนจิวก็โบกมือช้อนอากาศขุดภูเขาที่สูงกว่า 7 ลี้ขึ้นมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

    ชายหนุ่มแทบถลึงตาหลุดจากเบ้า มองภูเขาลูกโตค่อยๆลอยขึ้นจากผืนดิน ก่อนจะถูกเก็บเข้าแขนเสื้ออย่างง่ายดาย หลินมู่อ้าปากพะงาบพะงาบ ไม่รู้จะอธิบายภาพตรงหน้าเช่นไรดี 

     

       กวนเจี้ยนโปมองลูกศิษย์ของตนอย่างขบขันเล็กน้อย แม้ร่างหลักของเขาอย่างต้นไม้เลี้ยงตะวัน จะถูกเก็บเข้าจักรวาลในแขนเสื้อ เขาก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    กวนเจี้ยนโปหันไปคุยกับกวนจิวเล็กน้อย บอกว่าแถวนี้มีเส้นเลือดปฐพีที่ปนเปื้อนอยู่ คุ้มค่าแก่การนำกลับไปนิกายเพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ได้ฝึกฝน กวนจิวพยักหน้าบอกว่าตนเข้าใจแล้ว เสร็จเรื่องของตนกวนเจี้ยนโปก็หายไปในกระบี่

     

       ทิ้งให้หลินมู่ถูกกวนจิวหิ้วไปมาเสมือนกระเป๋าใบหนึ่ง กวนจิวที่บินเพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงหุบเขาสำเร็จมาร เจ้านิกายผู้นี้ก็ลงมืออีกครั้ง ขุดผืนดินจากก้นเหวดึงเส้นเลือดปฐพี ที่ยาวดุจมังกรจากยุคแรกเริ่ม

    คาดด้วยตาเปล่าคาดว่าประมาณยาวประมาณ 100 กว่าลี้ ถูกขุดจากใต้ดินขึ้นมาราวกับหัวมันยวงหนึ่ง “…..” ชายหนุ่มที่เห็นการลงมือโชว์อภินิหารครั้งแล้วครั้งเล่า ก็กลายเป็นเงียบงันเขารู้แล้วว่า ความแข็งแกร่งระหว่าง ปฐพีที่ 3 และ นภาที่ 1 มันห่างยิ่งกว่าหนึ่งแสนแปดพันลี้ ห่างชนิดที่ว่าปฐพีที่ 3 ไม่มีโอกาสต่อกรเลย

     

        ผู้อาวุโสหลงซวีที่อยู่หมู่บ้านตระกูลเสี่ยว รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจึงรีบบินมาทางหุบเขาสำเร็จสาร ก็พบกับเจ้านิกายของตนกำลังเก็บเกี่ยวเส้นเลือดปฐพีอยู่ “เจ้านิกายใช่อย่างที่ข้าคิดหรือไม่?”

    อาวุโสหลงซวีบินเข้าใกล้เส้นเลือดปฐพี มองมันขึ้นลงก่อนจะพยักหน้า กวนจิวตอบกลับพร้อมเก็บเส้นเลือดปฐพีเข้าแขนเสื้อ “ใช่ อย่างน้อยมันก็เคยเป็นเส้นเลือดปฐพีระดับสูงพอควร แต่เนื่องจากมันปนเปื้อนจึงใช้งานได้แค่ให้เหล่าศิษย์ใช้ฝึกฝน แต่หลังจากนี้อีก 1,000 ปีคาดว่าไอชั่วร้ายจะสลายไปหมด มันก็จะผลิตผลึกวิญญาณได้อีกครั้ง”

     

       กวนจิวพูดอย่างฉะฉานเริ่มวางแผนการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาวุโสหลงซวีได้แต่จุปาก “ไม่คิดเลยว่าเกาะเล็กๆเช่นนี้ จะมีสมบัติระดับนี้แต่น่าเสียดาย เราไม่อาจขุดค้นได้ไม่งั้นที่แห่งนี้จะได้รับผลกระทบ จึงเก็บได้เพียงเล็กน้อยตามวาสนา” 

    อาวุโสหลงซวีพูดคุยกับกวนจิวสักพัก ก่อนจะแยกกันไปทำเรื่องของใครของมัน หลังจากเก็บเส้นเลือดปฐพีเข้าแขนเสื้อ เขาก็เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังตะวันตก “เอาหล่ะไปรับศิษย์พี่ของเจ้า และ ครอบครัวกัน”

     

       พูดจบรุ้งสีทองก็พุ่งตัดฟากฟ้าจากตะวันออก ไปยังภาคกลางภายในไม่กี่อึดใจ ก่อนจะหยุดลงอย่างกระทันหัน เหนือเมืองท่าภาคกลาง หลินมู่ที่ถูกหิ้วอยู่ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

    “อาจารย์ลุงหยุดทำไมหรือ?” กวนจิวไม่ตอบทำเพียงมองลงไปยังเมืองด้านล่าง ไปยังบ้านเก่าๆแห่งหนึ่งที่มี ชายหนุ่มที่แต่งตัวด้วยชุดคลุมสีดำมิดชิด กำลังกินข้าวกับเหล่าเด็กน้อยตัวมอมแมมอย่างมีความสุข

     

       “มู่น้อย ข้ายังไม่ให้ของขวัญแรกพบเลยใช่หรือไม่?” หลินมู่ที่ถูกถามอย่างกระทันหัน ก็พยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “ท่านจะให้อะไรข้าก็ได้ ว่าแต่ทำไมท่านหยุดอยู่ตรงนี้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าของขวัญให้ตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ?”

    เจ้านิกายยิ้มแยกเขี้ยวพร้อมพูดขึ้น “เพราะตรงนี้มีสมบัติดีๆอยู่ไงล่ะ” หลินมู่กระพริบตาปริบๆในระหว่างที่จะถามว่าสมบัตินั้นคืออะไร กวนจิวก็เริ่มลงมือกระดิกนิ้วคล้ายดึงเส้นด้าย ดึงเอาบางสิ่งขึ้นมา

     

       เป่ยจี่ที่กำลังกินข้าวเย็นอยู่กับพวกเด็กๆ ก็ถูกพลังอันท้วมท้นจับลากออกจากบ้าน เหล่าเด็กน้อยแสดงสีหน้าแตกตื่น ร้องตะโกนอย่างหวาดกลัว พยายามคว้าเสื้อของเป่ยจี่แต่ไร้ผล

    พริบตาเดียวร่างของเป่ยจี่ก็ถูกลากขึ้นมาบนฟ้า เจ้าตัวกระพริบตาปรับตัวสักพัก ก็เห็นหลินมู่ที่โดนหิ้วอยู่ เขาพูดไม่ออกเหตุใดคนรู้จักของตน จึงโดนชายวัยกลางคนที่มีวงแหวนอะไรไม่รู้หิ้วอยู่ได้ล่ะ

     

     

      

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×