ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #145 : ตอนที่ 145 ความแตกต่าง

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 66


        ในขณะเรือกำลังค่อยๆลอยลงมา กวนจิวก็บินมาหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม เขามองสำรวจหลินมู่ขึ้นลงก่อนจะพยักหน้า “ยินดีที่ได้รู้จักหลินมู่ ข้ามีนามว่ากวนจิวเป็นเจ้านิกายคนปัจจุบัน ของนิกายเจี้ยนเสินเฟิง และ เป็นศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ของเจ้าด้วย”

    ชายหนุ่มที่ได้ยินการแนะนำตัวของอีกฝ่าย ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะโค้งคำนับอีกครั้ง “คาราวะเจ้านิกาย” กวนจิวโบกมือบอกไม่ต้องเป็นทางการมากนัก

     

        เขาโบกมือพาชายหนุ่มขึ้นไปบนเรือบินอย่างง่ายดาย เมื่อชายหนุ่มขึ้นมาบนเรือก็พบกับหนุ่มสาวมากมาย ที่แต่งตัวด้วยชุดคลุมของนิกาย หนุ่มสาวเหล่านั้นมองชายหนุ่มอย่างสนใจ พวกเขาในที่นี้ล้วนแต่เป็นศิษย์หลักและศิษย์ชั้นใน

    ขอบเขตมิตื่นเขินส่วนใหญ่อยู่ขอบเขตปฐพีที่ 2 ช่วงปลายเข้าใกล้ขอบเขตปฐพีที่ 3 อย่างไรก็สิ้นสุด หากไม่ตกตายหรือเจอเงื่อนตายบนบนมหามรรคา หนุ่มสาวเหล่านี้อาจจะมีบางส่วนกลายเป็นเซียนในอนาคต

     

       พวกเขาสำรวจศิษย์น้องหน้าใหม่ได้ไม่นานนัก ก็ถูกเหล่าอาวุโสไล่ให้ไปทำงานของตน ชายชราในชุดขาวและชายชราสะพายพู่กันด้ามยักษ์ เดินเข้ามาสำรวจชายหนุ่มอย่างสงสัย

    วงแหวนหนึ่งวงที่อยู่ด้านหลังศีรษะของพวกเขา หมุนวนด้วยความรวดเร็วคล้ายครุ่นคิดบางเรื่องไม่ตก หลินมู่จ้องมองวงแหวนเหล่านั้นอย่างสนใจ คล้ายสังเกตเห็นถึงความสงสัยและสนใจในตัววงแหวน

     

       กวนจิวจึงเปิดปากอธิบาย “นี่คือวงแหวนสวรรค์ ในหนึ่งวงแหวนบรรจุความเข้าใจ และ เคล็ดวิชาของเซียนผู้หนึ่งเอาไว้จนหมด ประกอบขึ้นจากเต๋าและกฎเกณฑ์ของฟ้าดิน มีอำนาจสั่งการควบคุมกฎเกณฑ์ที่หล่อหลอมพวกมันขึ้นมา ยังช่วยในการฝึกฝนอีกด้วย” หลินมู่พยักหน้าก่อนจะหันไปถามกวนจิวอย่างสงสัย

    “เจ้านิกายหมายความว่า ในวงแหวนแต่ละวงไม่ซ้ำกันเลยใช่หรือไม่?” กวนจิวพยักหน้าก่อนจะพูดอธิบายอีกครั้ง “ใช่ทุกวงแหวนของเซียนแต่ละคน ไม่เหมือนกันเลยแม้จะได้เรียนวิชาเดียวกันก็ตาม แม้แต่กฎเกณฑ์และเต๋าภายในนั้น ยังไม่เหมือนกัน เช่นมีผู้หนึ่ง หล่อหลอมวงแหวนที่ก่อรูปขึ้นจากกฎธาตุไฟ อีกคนก็หล่อหลอมวงแหวนกฎธาตุไฟเช่นกัน แต่มีกฎธาตุไม้แฝงมากับความเข้าใจ หรือโชควาสนาบางอย่าง”

     

        หลินมู่พยักหน้าทำความเข้าใจความรู้ใหม่อย่างกระตือรือร้น ตอนนี้เองเป็นฝ่ายกวนจิวที่แสดงสีหน้าสงสัย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกไป “อาจารย์ของเจ้าไม่เคยบอกเลยหรือ?”

    หลินมู่ที่ได้ยินคำถามก็ตอบไปตามตรง “ไม่ขอรับ ท่านอาจารย์บอกเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับขอบเขตนภา นอกจากนั้นข้ารู้เพียงแค่ว่าขอบเขตปฐพีที่ 2 แบ่งขั้นตอนอย่างไรเท่านั้น” บนดาดฟ้าเรืออันกว้างขวางเงียบงันดุจป่าช้า

     

        กวนจิวตบหน้าผากตัวเองดังตุบ “อา…ก็สมเป็นเขาดี สอนอะไรลูกศิษย์ลูกหาก็สอนแบบเฉพาะหน้า ไม่คิดจะสอนอะไรที่สำคัญในอนาคตให้เลย" หลินมู่ที่เห็นถึงความกลุ่มใจของกวนจิว ก็เอ่ยปากถามอย่างสงสัยเพื่อพิสูจน์ความเข้าใจในบางสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวสมอง

    “เอ่อเจ้านิกาย ความรู้เกี่ยวกับวงแหวนสวรรค์สำคัญมากหรือ?” กวนจิวปวดหัวตุบเขาบีบสันจมูกพร้อมเอ่ยออกมา “เรียกข้าว่าอาจารย์ลุงเถอะ ส่วนในเรื่องที่เจ้าถามใช่มันค่อนข้างสำคัญประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เรื่องวงแหวนสวรรค์ เจ้าค่อยไปทำความสนใจตอนเป็นปฐพีที่ 3 ก็ไม่สาย แต่อาจารย์ของเจ้า ไม่สอนความรู้เกี่ยวกับขอบเขตปฐพีแม้แต่นิดเดียว ก้าวสำคัญอยู่ที่ ปฐพีที่ 3 ด้วยศักยภาพของเจ้า คาดว่าภายใน 600 ปี ก็สามารถไปถึงได้แล้ว”

     

        หลินมู่แข็งทื่อตอนอยู่ภูเขาสุดขอบตะวันออก ตนก็ไม่ได้ถามออกไปแถมอาจารย์ก็ไม่ได้บอก หลินมู่จึงติ๊ต่างว่ามันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่พอได้ยินน้ำเสียงของกวนจิว เขาก็รู้แล้วว่าตนทำพลาดในจุดที่ไม่ควรไปแล้ว

    “แล้วสิ่งที่ข้าควรรู้เกี่ยวกับขอบเขตปฐพี มีอะไรบ้างหรือ?” ชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างมาตลอด ก็ตอบหลินมู่ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ขอบเขตปฐพี หากจะให้จำแนกก้าวสำคัญว่าจะพิสูจน์ว่า เจ้ามีศักยภาพกลายเป็นเซียนหรือไม่มีอยู่สองอย่าง”

     

       หลินมู่เงียบงันรอฟังคำพูดจากชายชราชุดขาว ชายชราชุดขาวก็ไม่เว้นจังหวะนานนัก เขาเริ่มพูดออกมาหลังจากครุ่นคิดได้สักพัก “อย่างแรก ดูที่ว่าเจ้าทำได้ดีเพียงใดและเติบโตมากขนาดไหนในปฐพีที่ 1 อย่างที่สอง คือเส้นทางที่เจ้าจะเดินเมื่อขึ้นเป็นปฐพีที่ 3 ว่าเหมาะสมกับตัวเจ้าหรือไม่”

    ชายหนุ่มเอามือกุมปากพลางครุ่นคิด ก่อนจะถามอีกคำถามออกไป “อาวุโสปฐพีที่ 3 มีเส้นทางที่ข้าต้องเลือกด้วยหรือ?” อาวุโสชุดขาวพยักหน้าแผ่วเบา พร้อมพูดอธิบายออกมา

     

        “ใช่เมื่อถึงปฐพีที่ 3 ผู้ฝึกฝนจะต้องเลือกว่าตนจะเดินทางสายไหน หากไม่นับพวกทางไม่เป็นโล้เป็นพาย เซียนกระบี่อย่างเราๆ มีเส้นทางที่ปลอดภัยและมั่นคงสองสาย สายแรกคือสายเซียนกระบี่ เน้นขัดเกลาจิตวิญญาณ เวทย์กระบี่ และ อนุภาคสังหารจนถึงขีดสุด ข้อเสียคืออายุขัยน้อยถึงขีดสุดในหมู่เซียน แต่แลกกับที่เป็นตัวตนที่ครอบครอง พลังสังหารจนถึงขีดสุดขั้ว สายต่อมาคือสายปรมาจารย์กระบี่ เน้นยืดอายุขัย หลอมรวมกันกระบี่คู่ชีวิต และ บรรลุจุดสูงสุดในเพลงกระบี่ของตน ขอเสียคือการโจมตี และ อนุภาคสังหารระยะไกลค่อนข้างอ่อนด้อย ถึงจะยืดอายุขัยออกไป ก็มากกว่าสายเซียนกระบี่ไม่มากนัก แต่หากในระยะประชิดถือว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัวอย่างมาก”

    เมื่อได้ยินคำอธิบายชายหนุ่มก็พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะถามต่อไป “เซียนกระบี่อย่างเรา มีอายุขัยประมาณไหน และ ขอบเขตปฐพีที่ 3 แบ่งขั้นตอนอย่างไรหรือขอรับ”

     

        อาวุโสหยางเริ่มถูกใจหลินมู่ที่เป็นคนใฝ่เรียนรู้ จึงตอบเท่าที่ตนเคยเรียนรู้มา “อายุขัยของเซียนกระบี่ ขอบเขตปฐพีที่ 1 คือไม่เกิน 100 ปี ปฐพีที่ 2 เริ่มที่ 200 ปี สูงสุดคือ 300 ปี ปฐพีที่ 3 สายเซียนกระบี่ เริ่มที่ 1,500 ปี หากไปถึงขั้นตอนสุดท้าย มากถึง 3,000 ปี สายปรมาจารย์กระบี่ เริ่มต้นที่ 3,000 หากไปถึงขั้นตอนสุดท้าย สามารถยืดอายุได้ถึง 7,000 ปี แม้จะดูเยอะในสายตาเจ้าแต่เชื่อข้าเถอะ ไอ้พวกเซียนสายหลักมันมากกว่านี้หลายเท่า”

    อาวุโสหยางส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจก่อนจะอธิบายต่อ “ขั้นตอนการฝึกฝนของปฐพีที่ 3 แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนเช่นปฐพีที่ 2 โดยสายเซียนกระบี่ จะแบ่งเป็น จิตแรก จิตก่อกำเนิด จิตเสียดนภา สายปรมาจารย์กระบี่ แบ่งเป็น กระบี่ผูกพัน กระบี่หลอมรวม และ มนุษย์กระบี่”

     

        ชายหนุ่มได้รับความรู้มาอย่างมากมาย ก่อนจะเอ่ยปากถามในเรื่องที่ตนค่อนข้างสงสัย “อาวุโสท่านบอกว่าเซียนสายหลักมีอายุไขมากกว่าเราเซียนกระบี่หลายเท่า แต่มากเพียงใด?”

    ได้ยินคำถามของชายหนุ่มอาวุโสหยางก็ลูบเคราของตน สักพักก็ตอบคลายข้อสงสัยของฟองน้ำน้อยผู้นี้ “เท่าที่ข้าจำได้ ปฐพีที่ 1 พวกเซียนสายหลักมีอายุขัยไม่เกิน 500 ปี ปฐพีที่ 2 ไม่เกิน 2,500 ปี ปฐพีที่ 3 ข้ารู้เพียงสองสาย สายแรกสายเซียนมนุษย์ อายุขัยสูงสุดคือ 25,000 ปี สายมนุษย์สวรรค์ 10,000 ปี” หลินมู่กลืนน้ำลายดังอึกไม่คิดเลยว่ามันจะแตกต่างมากขนาดนี้

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×