คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #143 : ตอนที่ 143 ในที่สุด...
สายลมกระโชกอันร้อนแรงดุจเพลิงผลาญ ระเบิดและกระจัดกระจายอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของไป๋มู่แสดงถึงความตกตะลึงปนประหลาดใจ เหตุใดอีกฝ่ายเพียงออกกระบี่ธรรมดาไม่ใช่หรือ?
ในระหว่างที่จิตใจของเขาตกอยู่ในภวังค์คำถาม อีกฝ่ายก็พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วเสมือนสายฟ้าฟาด คมกระบี่สะท้อนแสงสาดประกายคมกริบสุดพรรณนา รู้ตัวอีกทีคมกระบี่สีขาวดุจหิมะยามเหมันต์ฤดู ก็ฟาดฟันเข้าหาด้วยความเร็วสูง
“อย่าฝัน!!!” ไป๋มู่คำรามอย่างเดือดดาล ระเบิดปราณฟ้าดินขึ้นอีกระลอก สะบัดดาบในมือปลดปล่อยดาบเพลิงผลาญ เผาไหม้บริเวณโดยรอบให้ไหม้เกรียม หยาดพิรุณมากมายระเหยเป็นไอลอยขึ้นฟากฟ้า
“นอกจากความบ้าคลั่ง และ ชิงชัง ในตัวข้้าแล้วเจ้าทำได้เพียงเท่านี้?” เสียงของหลินมู่ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด เขาก้าวออกมาจากหมอกควัน ด้วยใบหน้านิ่งสงบจนน่าประหลาด บรรยากาศรอบตัวคล้ายสูญญากาศไม่มีสิ่งใดกล้ากล้ำกราย
“หนวกหู!!!” สิ้นเสียงคมดาบลมปราณขนาดมหึมา ก็ฟาดฟันลงมาหวังสับร่างของชายหนุ่มเป็นสองส่วน หลินมู่แหงนหน้ามองสักพัก ก่อนจะก้าวขาออกไป
ฉิ้ง!! เพียงเสี้ยวพริบตาคมกระบี่ ก็ฟาดฟันดาบปราณจนแตกกระจาย บรรยากาศรอบตัวก็ยิ่งทวีคูณความแหลมคมอย่างไร้สิ้นสุด ดวงตาสีหมึกคู่นั้นคล้ายบรรจุทั้งดาราจักรอันพร่างพราว เปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายในห้วงจิตอันสว่างไสวที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด จิตต้นกำเนิดทั้งสองดวงดุจดวงอาทิตย์ หมุนวนโคจรอย่างรุนแรงก่อกำเนิดจิตกระบี่ด้วยความเร็วสูง หนึ่งสองสามสี่เพียงพริบตาเดียว จิตกระบี่นับสิบก็บินออกจากใจกลางห้วงจิตอย่างบ้าคลั่ง
บรรยากาศรอบตัวหลินมู่ยิ่งแหลมคม เสมือนเขากลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่งก็มิปาน ตงหยูที่อยู่ภายในมือสั่นพ้องกับผู้เป็นนายมากขึ้นเรื่อยๆ ไป๋มู่ขบฟันแน่นดวงตายิ่งนานยิ่งบ้าคลั่งคู่นั้น
สาดประกายจิตสังหารหนาข้น คมดาบในมือเริ่มปริแตกจากปราณฟ้าดินจำนวนมหาศาล ปะทุด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงดุจลาวาใต้ผืนโลก
“ตาย!!!” คมดาบเปลวเพลิงสูงหลายสิบจั้งฟาดใส่ ชายหนุ่มด้วยพลังอันบ้าคลั่ง แผดเผาอากาศรอบตัวจนบิดเบี้ยว “เห้อ….” หลินมู่ถอนหายใจเพียงเสี้ยวอึดใจ คมกระบี่ก็ฟาดฟันจนดาบเพลิงแบ่งเป็นสองส่วน
คมดาบในมือของไป๋มู่แตกละเอียด เหลือไว้เพียงด้ามดาบที่กำลังลุกไหม้ เขาเม้มปากแน่นไม่ยินยอมจะให้จบเช่นนี้ เพียงกระทืบเท้าเบาๆ เขาก็ถอยห่างไปหลายสิบจั้ง ก่อนจะคว้าเกาทัณฑ์ที่สะพายอยู่ ออกมาง้างไปทางหลินมู่ ควบแน่นปราณฟ้าดินเป็นศรเพลิงอันร้อนแรง ที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่ง
หลินมู่เองก็รับรู้แล้วว่านี่มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บกักอะไรไว้อีก ปณิธานกระบี่อันท่วมท้นระเบิดครอบคลุมบริเวณนี้อย่างกระทันหัน
ตงหยูบินออกจากฝ่ามือดั้งเป็นสิ่งมีชีวิต มันถูกทับซ้อนด้วยจิตกระบี่หลายร้อยเล่มจนเปล่งประกาย ขณะเดียวกันภายในห้วงจิตจิตกระบี่มากมาย นับหลายร้อยเล่มก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากหนึ่งร้อยเป็นสองร้อยก่อนจะถึงสามร้อย ห้วงจิตแห่งนี้ก็ส่อเค้าลางการพังทลาย ไม่อาจแบกรับจิตกระบี่จำนวน สามร้อยเล่มไหว ทั้งภายนอกและภายนอกเจอกับแรงกดดันมหาศาล
ด้านนอกคือลูกเกาทัณฑ์ที่อนุภาพยากจะหยั่ง เพียงออกจากสายก็พร้อมเผาทุกสิ่งทุกอย่าง ให้มอดไหม้เหลือไว้เพียงเถ้าธุลี ด้านในคือจิตกระบี่อันแหลมคมที่ห้วงจิตไม่อาจแบกรับไหว
ชายหนุ่มใบหน้านิ่งสงบคล้ายไม่สนใจ ตั้งท่าใช้เคล็ดสังหารไม่สนใจห้วงจิตของตนแม้แต่น้อย ไป๋มู่เองก็ได้รับภาระมหาศาลจากการง้างศรเป็นเวลานาน ผิวของเขาเริ่มแห้งจากความร้อน ก่อนจะปริแตกจนเลือดสีแดงสดไหลออกมา
เพียงไม่กี่เสี้ยวพริบตาเลือดที่ไหลออกมา ก็ถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนของศรเพลิง “หลินมู่!!!” สิ้นเสียงศรเพลิงก็ถูกปล่อยออกจากสาย พุ่งตรงเข้าหาหลินมู่ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ทุกๆพื้นที่ที่มันวิ่งผ่าน จะมอดไหม้เป็นตอตะโก แม้แต่ผืนดินยังมอดไหม้ไม่เหลือสิ่งใด หยาดพิรุณระเหยกลายเป็นไอ แม้ศรเพลิงจะเข้าใกล้ทุกขณะ แต่หลินมู่ยังคงยืนนิ่งคล้ายไร้สติ จ้องมองศรเพลิงนั้นอย่างไม่วางตา
“อาจจะถูกที่ข้าเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน แต่ข้าเองก็ทุกข์ทรมานไม่แพ้เจ้า ถ้าจะโทษตัวการจริงๆ ก็คงกล่าวโทษได้เพียงโชคชะตาที่มันกำหนดเช่นนี้…” เพล้ง!! สิ้นเสียงคล้ายมีบางสิ่งปริแตกในห้วงจิต
ห้วงจิตที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ปริแตกและเริ่มล่มสลายแทนที่ด้วยพื้นที่สีขาว สุดลูกหูลูกตาจิตกระบี่เล่มที่ 300 พุ่งออกมาจากใจกลาง ฟาดฟันเปิดฟ้าดุจตำนานผานกู่เปิดโลก ระเบิดด้วยพลังมหาศาลมากกว่าครั้งไหนๆ
หลินมู่ขยับมือไปทางศรเพลิง พร้อมระเบิดออกมาด้วยปณิธานกระบี่อันแข็งกร้าว “เคล็ดสังหาร มหาโคจร…” สิ้นเสียงกระบี่ดุจรุ้งขาวที่ถูกห่อหุ้มด้วยจิตกระบี่นับร้อย
ก็พุ่งออกไปทะลวงผ่านศรเพลิงไปภายในไม่กี่อึดใจ เสี้ยวพริบตาเดียวคมกระบี่สีขาว ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าไป๋มู่พร้อมจิตกระบี่นับสิบ ที่โคจรมาตามดุจดวงดาวอันเปล่งประกาย ปัง!!
คมกระบี่สัมผัสกับเป้าหมาย พร้อมเกิดแรงระเบิดมหาศาล จนฝุ่นควันตลบอบอวล บดบังวิสัยทัศน์รอบตัวอย่างสิ้นเชิง ตงหยูบินกลับมาหาชายหนุ่มด้วยความรวดเร็ว มันบินรอบตัวอย่างปิติยินดีสักพัก
ก่อนจะกลับเข้าฟักเองอย่างว่าง่าย หลินมู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล รอยถูกเผาจากความร้อน พร้อมรอยคมดาบมากมาย เขาเดินหน้าเข้าหาฝุ่นควันอย่างช้าๆ
สักพักฝุ่นที่บดบังวิสัยทัศน์ก็สลายหายไป ปรากฏร่างของชายหนุ่มที่อยู่ในท่าคุกเข่า แขนขวาหายไปจากเคล็ดสังหาร ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสมากมาย
เกาทัณฑ์ในมือซ้ายแตกหักไม่เป็นชิ้นดี เพียงหลินมู่เข้าใกล้จนห่างเพียงไม่กี่ช่วงแขน อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมเปล่งเสียงพูดด้วยอารมณ์นิ่งสงบ “ในที่สุดก็จบแล้ว….”
คล้ายปลดบางอย่างออกจากบ่า ร่างนั้นไร้ซึ่งจิตสังหารแม้แต่ประกายความบ้าคลั่ง ยังสลายหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ไป๋มู่หันหลังไปมองเหล่าคนตระกูลไป๋ ที่อยู่ห่างไปอีกหลายลี้
ดวงตาสาดประกายอารมณ์บางอย่าง “ไม่คิดจะต่อว่าข้าเลยงั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย หลินมู่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ทั้งใช่และไม่…”
อีกฝ่ายปิดปากเงียบงันก่อนขึ้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เจ้าคงมีเรื่องสงสัยมากมายสินะ หลังจากนี้ให้ไปพบข้าที่ภูเขาร้อยอสูร ข้าจะตอบทุกคำถามทุกความสงสัยเอง…แน่นอนนี่ไม่ใช่กับดัก ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าเพียงเท่านั้น….”
หลินมู่สูดหายใจเข้าจนสุดปอด ก่อนจะพยักหน้ารับคำเชิญของจอมมารอย่างรวดเร็ว “ดี…แต่ก่อนร่างนี้จะตาย ช่วยข้าสักนิดได้หรือไม่?…” ทางฝั่งตระกูลไป๋
แม้การต่อสู้จะจบไปได้สักพักแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นวี่แววเลยว่าใครกันแน่ที่ชนะศึกครั้งนี้ “นั้นอะไรนะ?” ไป๋หยงซุนพูดขึ้นอย่างสงสัย ขณะที่ร่างเงาปริศนากำลังเดินเข้าหา ภายใต้หยาดฝนอันโหมกระหน่ำ
ไม่นานร่างนั้นก็เดินออกจากสายฝน หลินมู่พยุงจอมมารเดินเข้าหาตระกูลไป๋ด้วยใบหน้านิ่งสงบ เหล่าคนตระกูลไป๋ก็แสดงท่าทีตกตะลึงปนหวาดผวา
เมื่อทั้งสองมาถึงตรงหน้าไป๋หยุนเฉิน หลินมู่ก็หยุดลงปล่อยจอมมาร ก่อนจะลากไป๋หลานหลงจากไป พร้อมส่งสัญญาณให้คนอื่นๆตามตนออกมาเช่นกัน “หลินมู่เจ้าจะทำอะไร!? ท่านพ่อ…”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็ถูกหลินมู่ลากจากไป ไม่นานตรงนั้นก็เหลือเพียงจอมมารและไป๋หยุนเฉิน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองพูดอะไรกัน ภายใต้สายฝนอันโหมกระหน่ำ
หลินมู่เห็นเพียงไป๋หยุนเฉินประคอง ร่างชั่วคราวอันว่างเปล่าของจอมมาร ก่อนจะสิ้นลมหายใจไป เสียงร่ำไห้ดังระงมไม่ขาดสาย ไป๋หลานหลงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็แข่งขาอ่อนยวบ
ทิ้งตัวลงนั่งบนโคลน มองร่างของบิดา และ พี่ชายต่างมารดาของตนอย่างทำอะไรไม่ถูก หลินมู่ไม่พูดสิ่งใดไม่คิดแม้แต่จะพักให้ร่างกายพื้นตัว ควบคุมกระบี่บินกลายเป็นรุ้งขาว พุ่งไปยังภูเขาร้อยอสูรด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำถาม….
ความคิดเห็น