ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #142 : ตอนที่ 142 ขอเพียงไม่มีเจ้า

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 66


       ปัง!! พื้นดินแตกระแหงคลื่นคมดาบคมกระบี่ กระจัดกระจายสะเปะสะปะไปทั่วบริเวณ เหล่าคนตระกูลไป๋ที่ตามมาจากระไกล มองภาพนี้อย่างหวาดผวา

    นี่ไม่ใช่ขอบเขตที่ผู้ฝึกฝนวรยุทธ์โดยทั่วไปสามารถทำได้ อย่างต่ำๆจะต้องเป็นจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไป จึงส่งผลกระทบมหาศาลมากขนาดนี้

     

       ไป๋หยุนเฉินที่ถูกไป๋หลานหลงพยุงอยู่ใต้ร่มกันฝน มองภาพการห้ำหั่นระหว่างบุตรชายของตนด้วยสีหน้าเจ็บปวด แม้หัวใจจะได้รับความเสียหายร้ายแรง

    แต่จักรพรรดิยุทธ์ใช่ตัวตนที่ตกตายง่ายฉะไหน แม้จะได้กินสมุนไพรหายากเพื่อฟื้นฟูไปมากมาย แต่อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ยังไม่หายดี บวกกับตอนนี้ที่ถูกโจมตีจุดตายกระทันหัน

     

       ปาฏิหาริย์มากแล้วที่ชายชราผู้นี้ยังขยับตัวได้ เพล้ง!! เสียงฟาดฟันของอาวุธดังก้องสะท้าน แม้แต่หยาดพิรุณจากฟากฟ้ายังสั่นสะเทือน

    จิตสังหารและความคมกริบลอยมาตามอากาศ สัญชาตญาณของพวกเขากู่ร้องว่าอันตรายอย่างยิ่ง “ท่านพ่อเราถอยก่อนเถอะ ตอนนี้ร่างกายของท่าน…” ไป๋หลานหลงแสดงท่าทีลนลาน

     

       เสนอให้พวกตนถอยกลับไปยังหุบเขาเมฆา ไป๋หยุนเฉินเมินเฉยต่อข้อเสนอของบุตรชาย ใช้ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังการปะหัตถ์ประหารที่อยู่ห่างไกลหลายลี้

    ปัง!! คมปราณดาบพุ่งขึ้นฟ้าแหวกเมฆดำออกจากกัน พร้อมสร้างพายุขึ้นทั่วบริเวณร่างในชุดคลุมฟ้าลอยตัวอยู่กลางอากาศ สะบัดกระบี่ดิ่งตัวลงมาพร้อมฟาดฟันกระบี่ เปรี้ยง!!

     

       คมสายฟ้าอัสนีพุ่งลงมาด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ เข้าหาไป๋มู่ที่ดวงตาแดงก่ำดุจปีศาจจากอเวจี “ย๊าก!!! แหลกไปซะ!!!” เขาคำรามจนฟ้าสะเทือนง้างดาบในมือขึ้นสูง

    อัดปราณฟ้าดินเข้าไปพร้อมใช้วิชาดาบ “คิมหันต์ผลาญฟ้า!!!” สิ้นเสียงคมดาบจากเปลวเพลิงขนาดหลายสิบจั้ง ก็ถูกตวัดฟาดฟันขึ้นไปบนฟากฟ้า ดาบเพลิงผลาญทลายคมกระบี่สายฟ้าได้อย่างง่ายดาย

     

        พร้อมพุ่งหาชายหนุ่มที่ดิ่งลงมาด้วยความเร็วสูง “ฟู่…” หลินมู่ถอนหายใจเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ควบคุมจิตกระบี่ด้วยสีหน้าเข้มขรึมถึงที่สุด เปรี้ยง!! อาณาเขตสายฟ้าระเบิดขึ้นกระทันหัน

    กินอาณาเขตบริเวณหลายสิบจั้ง ก่อนจะกลืนหายไปในใบกระบี่ขาวนวลดุจหิมะ ร่างที่เปล่งประกายดุจหอกสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ พุ่งปะทะกับคมดาบเพลิงผลาญอย่างไม่กลัวเกรง

     

       ตู้ม!!! เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจนเมฆฝนแตกระแหง ห่าพายุหยาดพิรุณระเหยเป็นไอในชั่วพริบตา ประกายแสงและเปลวเพลิงกระจัดกระจายไปหลายลี้ ดุจดั่งดาวตกแดงฉานจากฟากฟ้า

    แม้คนจากตระกูลไป๋จะหวาดกลัวเพียงใด พวกเขาก็ไม่กล้าขยับตัวได้แต่ยืนนิ่ง เคียงคู่ประมุขตระกูลของพงกตน ไป๋หยุนเฉินหายใจถี่รัวเร็ว มองการปะทะของทั้งสองอย่างเจ็บปวดใจ ริมฝีปากเริ่มซีดจางแสดงสัญญาณถึงร่างกายเริ่มขาดเลือด

     

        ไป๋หลานหลงผู้พยุงบิดาอยู่ก็ยิ่งกระวนกระวาย พยายามดึงบิดาของตนกลับไปรักษาตัวที่ตระกูล “พอเถอะนายน้อย ปล่อยให้ท่านประมุขได้ดูเถอะ จนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย…” เหล่าอาวุโสห้ามปรามอย่างเศร้าโศก 

    ไป๋หยงซุนอาวุโสหนึ่งผู้เป็นเลิศในวิถีแห่งดาบ มองการปะทะจากระยะไกลก็ได้แต่เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ เขาไม่อาจต่อกรได้เลย เพียงเฉียดเขาใกล้ก็อาจกลายเป็นไอหรือถูกสับเป็นชิ้นๆอย่างไม่ทันรู้ตัว

     

       คนที่ยืนอยู่ในที่นี้จึงทำได้เพียงมองดูเท่านั้น ท่ามกลางฝุ่นควันจากแรงระเบิด ไป๋มู่ระเบิดปราณฟ้าดินง้างดาบกระโดดเข้าหาหลินมู่ พร้อมตะโกนเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือน “หลินมู่!!! ขอเพียงไม่มีเจ้า!!!”

    ปัง!!! คมดาบที่หนักอึ้งดุจภูเขาไท่ซาน ฟาดใส่กระบี่อย่างรุนแรงกดให้ชายหนุ่มต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงใสกระจ่างไร้มลทินใดๆ ภาพนี้ยิ่งทำให้ไป๋มู่คลุ้มคลั่งขึ้นไปอีก 

     

       “ขอเพียงไม่มีเจ้า!! ขอเพียงไม่มีเจ้า!!! ข้าและท่านพ่อท่านแม่ก็จะได้ใช้ชีวิตปกติ!! เหตุใดฟ้าดินจึงเลือกให้ข้าต้องแบกรับหน้าตาเฉกเช่นเจ้า!!! หากไม่มีเจ้าจิตใจของข้าก็ไม่ต้องชิงชังโลกหล้าเช่นนี้!!” ปัง!! แรงมหาศาลดุจอสูรจากบรรพการ กดลงมาจนร่างของหลินมู่จมลงไปในผืนดิน

    เลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปาก “ขอโทษก็แล้วกัน แต่หากจะโทษเจ้าก็ควรโทษฟ้าดินเหตุใดจึงกำหนดชะตาเช่นนี้!!!” สิ้นเสียงคมกระบี่ก็ตวัดสวนกลับด้วยความเร็วสูง ฟาดฟันคมกระบี่สายฟ้าเข้าใส่ร่างนั้นอย่างรวดเร็วเฉียบขาด

     

        ร่างของไป๋มู่ที่ชุดขาดหลุดรุ่ย กระเด็นลอยออกไปดุจว่าวสายป่านขาด ใบหน้าเคียดแค้นชิงชังจ้องมองหลินมู่อย่างไม่วางตา เขาพลิกตัวลงมายืนอย่างมั่นคง ร่างสูงโปร่งยืนตรงดุจเสาค้ำสวรรค์ ปลดปล่อยปราณฟ้าดินอย่างไม่เก็บกักใดๆ

    หลินมู่เดินขึ้นจากหลุมดินที่เปียกแฉะ ใบหน้ายังคงนิ่งสงบดุจผิวน้ำไร้คลื่น แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือดวงตาที่ใสกระจ่างขึ้นหลายส่วน ปณิธานกระบี่นิ่งสงบถึงจุดนิ่งสงัด อากาศรอบกายคล้ายเป็นพื้นที่ที่แตกต่างออกไป

     

       หยาดพิรุณใดๆหรือฝุ่นควันไหนไม่อาจกล้ำกลาย บรรยากาศอันคมกริบแผ่กระจายออกจากภายในตัว ดั่งมหาสมุทรไร้ก้นบึ้ง “มาสิ หากแค้นเคืองชิงชังข้านักก็เข้ามา แสดงให้ข้าเห็นว่าดาบของเจ้าจะดุดันเพียงใด…”

    คมกระบี่สีขาวดุจหิมะชี้เข้าใส่ไป๋มู่อย่างท้าทาย ไป๋มู่ขบฟันแน่น “เป็นแค่คนต่างแดนแท้ๆ เป็นแค่สิ่งที่ไม่สมควรมีอยู่แท้ๆ!!!” ปัง!!! เพียงกระทืบเท้าหนึ่งครั้งร่างนั้นก็พุ่งออกไป ดุจลูกศรที่ออกจากสายเกาทัณฑ์

     

       คมดาบเพลิงผลาญสูงเสียดฟ้านับหลายร้อยจั้ง พวยพุ่งขึ้นฟากฟ้าปลดปล่อยไอความร้อนจนหยาดพิรุณ ระเหยเป็นไอเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ 

    หลินมู่ยังคงแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้าน ควงกระบี่เดินด้วยท่วงท่าสะกดสายตา ง้างกระบี่ขึ้นสูงฟาดฟันสวนกลับไป เพล้ง!!! จิตกระบี่ระเบิดพวยพุ่งตัดกับดาบเพลิงผลาญอันร้อนแรง

     

        ผลกระทบจากแรงปะทะเปลี่ยนพื้นที่โดยรอบ ให้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสิ่งมีชีวิตใดห้ามย่างกลาย เหล่าเซียนนอกทวีปมองภาพนี้ไปด้วย พลางวิจารณ์การปะทะของทั้งสองอย่างไม่ทุกข์ร้อน

    จ้าวหยู หรือมักจะรู้จักในนาม จอมมาร หรือ เก่าแก่กว่านั้นบรรพบุรุษของมรรคายุทธ์ หรือ ไป๋มู่ ก็มองภาพนี้อยู่ในห้องลับในภูเขาร้อยอสูร เขาถอนหายใจยาวเหยียด 

     

       “ท้ายสุดแล้ว ชะตาและอนาคตเช่นนั้น เหตุใดท่านจึงให้ข้าเห็นมันกัน…” จอมมารคล้ายพึมพำอยู่คนเดียว แต่ก็คล้ายถามคำถามกับใครบางคน 

    หลังจากจุติเกิดเป็นไป๋มู่ เขาก็ได้รับเสี้ยวความทรงจำวิชาทำนายมาอย่างไม่คาดคิด ไม่เพียงเท่านั้นมารดาของตนผู้นั้นยังรู้อีกว่า ตนคือใครภายใต้หมอกควันที่เต็มไปด้วยปริศนา สตรีผู้นั้นรับรู้สิ่งใดบางก็ไม่มีใครรู้

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×