ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #140 : ตอนที่ 140 ปะทุ

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 66


       "ข้าหนีมานานแล้ว ข้าจะกลับไปตระกูลไป๋” สิ้นเสียงบรรยากาศภายในห้องส่วนตัว ก็ดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็งอันเงียบงัน หลินมู่มองหน้าไป๋มู่อย่างคาดคั้นแต่เหมือนสิ่งที่พูด นั้นเป็นความต้องการจริงๆของอีกฝ่าย

    “แล้วทำไมไม่กลับไปละ ทำไมต้องเรียกข้ามาพบเจ้า” หลินมู่ถามประเด็นที่น่าสงสัยทันที การที่อีกฝ่ายไม่ได้เลือกจะกลับไปในทันที แต่เลือกจะเรียกตนออกมาพบ

     

       แฝดคนละโลกของตนผู้นี้ จะต้องคาดหวังอะไรบางสิ่งบางอย่าง หรือ มีแผนเก็บซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ ที่จำเป็นต้องใช้เขาเป็นหมาก

    ไป๋มู่ไม่สะทกสะท้านเขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “แม้ข้าจะเป็นไป๋มู่ บุตรชายของไป๋หยุนเฉิน แต่ในเวลาเช่นนี้ใครมันจะเชื่อคำพูดข้ากัน? ฉะนั้นข้าจึงให้เจ้าพาข้ากลับตระกูลไป๋”

     

        หลินมู่พยักหน้าเล็กน้อยมันก็จริง คนที่ตายไปกว่า 30 ปีจู่ๆปรากฏขึ้นมา เป็นเขาเองก็ตกใจหวาดระแวงเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ไป๋หยุนเฉินยังบาดเจ็บสาหัส จากฝีมือของจอมมาร

    จึงมีสิทธิ์ที่การโผล่หน้าไปดื้อๆของไป๋มู่ จะถูกเหมารวมว่าเป็นแผนร้ายของพรรคมาร จึงไม่พ้นถูกตัดไฟแต่ต้นลมต่อให้ไป๋มู่พ่นคำอธิบายราวเขื่อนแตก ก็ยากจะมีใครรับฟัง

     

       คิดไตร่ตรองอยู่สักพักในที่สุดหลินมู่ก็เปิดปากพูด “ก็ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไป” ไป๋มู่ยิ้มแย้มเสมือนพบแสงที่ปลายอุโมงค์ “แต่…” ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

    ใบหน้าของหลินมู่มืดครึ้มดวงตาสีหมึก ดุจท้องนภายามรัตติกาลที่พร่างพราว ไปด้วยหมู่มวลดาราสาดประกายคมกริบและไอสังหารหนาข้นออกมา “แต่หากเจ้า คิดจะทำอะไรขึ้นมาอย่าหาว่าข้าโหดร้ายเลย…”

     

        ไป๋มู่ที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของอีกฝ่าย ก็ฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มแสนธรรมดาแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “แน่นอน” เขาพูดแค่เพียงสองคำเท่านั้น

    หลินมู่ผ่อนแรงกดดันลงเก็บกระบี่เข้าฟัก ยกน้ำชาในถ้วยที่เย็นไปแล้วขึ้นดื่ม “ไปกันเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ด้านนอกนานนัก” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทิ้งให้ไป๋มู่ที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัว

     

       ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องจนเงาดำปกปิดใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างสาดประกายสีแดงจางๆ แต่เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยวพริบตาก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

    มือเกาทัณฑ์หนุ่มคว้าผ้ามาพันปกปิดใบหน้าส่วนบนของตนเช่นเดิม เมื่อเดินออกจากโรงเหล้าก็พบกับหลินมู่ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “เราจะไปยังไง เดิน รถม้า หรือ ขี่ม้าไปดี?”

     

       ไป๋มู่ถามหลินมู่อย่างสงสัยระหว่างที่ทั้งสอง เดินออกจากประตูเมืองเดินตามถนนลูกรังจนไร้ผู้คน “ไม่ เราจะไม่ใช้ทางนั้น” พูดจบชายหนุ่มก็ควบคุมกระบี่บิน ขึ้นไปยื่นส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายขึ้นมาเช่นกัน

    แม้จะเพียงพอให้สองคนยืนแต่ ก็ช่างเป็นภาพที่แปลกประหลาด ที่ชายฉกรรจ์อกสามศอกยืนติดกันจนแทบเป็นปาท่องโก๋ “แล้วยังไง?” ไป๋มู่ถามอย่างสงสัย พลังจากขึ้นมายืนบนกระบี่

     

       หลินมู่แสดงสีหน้านิ่งงันพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงเอื่อย “เกาะแน่นๆ ถ้ายังไม่อยากตกลงไป” มือเกาทัณฑ์หนุ่มแสดงสีหน้าสงสัย อะไรคือตกลงไปแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม

    หลินมู่ก็ควบคุมตงหยูพุ่งขึ้นฟ้า กลายเป็นรุ้งขาวพุ่งไปยังที่ตั้งตระกูลไป๋ ไป๋มู่ที่เจอกับแรงกระซากอย่างกระทันหัน ก็ร้องเสียงหลงสักพักก็หัวเราะออกมา “สุดยอด!! กำลังบินอยู่ล่ะ!! แม้แต่ตำนานยุทธ์ก็ยังทำไม่ได้!!”  

     

       อีกฝ่ายแสดงท่าทีตื่นตาราวกับเด็กก็มิปาน ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วยามร่างในชุดคลุมฟ้าก็ร่อนลงมายังลานตระกูลไป๋ พ่อบ้านชราเดินมาต้อนรับด้วยใบหน้าเคารพ

    “นายน้อยหลินมู่กลับมาแล้วหรือขอรับ" ชายหนุ่มพยักหน้าเก็บกระบี่เข้าฟัก ไม่สนใจอีกคนที่ร่วงกระแทกพื้นเลยแม้แต่น้อย “เขาคือ?” พ่อบ้านชราถามอย่างสงสัย พร้อมจ้องมองไปยังไป๋มู่อย่างสนอกสนใจ

     

       “คนรู้จักนะ ข้าจะพาเขาไปหาท่านพ่อ” พ่อบ้านชราพยักหน้าก่อนจะจากไป เขาก็หันมามองอีกครั้งพร้อมพึมพำเสียงแผ่ว “แปลกเหตุใด ข้าจึงรู้สึกว่าทั้งนายน้อยหลินมู่ กับ ชายหนุ่มคนนั้นคลายกันนะ แถมยังรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ”

    คิดสักพักชายชราก็ส่ายหน้า ไม่สนใจมันอีกกลับไปทำงานของตนทันที ระหว่างเดินขึ้นหอชมวิวไป๋มู่ก็กระซิบกับหลินมู่ ด้วยน้ำเสียงสงสัยสุดขีด “นี่ๆ สหายมู่ไม่ใช่ว่าเจ้า เอาของของข้าไปหมดแล้วนะ”

     

       หลินมู่แสดงสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ “ก็นะ ทั้งตำแหน่งนายน้อย แม้แต่ชุดคลุมเมฆาตัวนี้มันก็เคยเกือบจะเป็นของเจ้า จากที่ข้าฟังไป๋หยุนเฉินเล่ามา ก็เอามาเกือบหมดแล้ว”

    ไป๋มู่มุมปากกระตุกแต่ก็ไม่พูดอะไร ถึงอย่างงั้นสายตาภายใต้ผ้าผืนนั้น ก็แสดงออกมาชัดเจนว่า เหตุใดไม่เอาไปให้หมดเลยเล่า จะเหลือเล็กเหลือน้อยไว้ให้ข้าทำไม?

     

       ทั้งสองขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ก็พบกับห้องชมวิวที่คุ้นเคย ภายในนั้นมีชายชราในชุดคลุมขาว ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งมาทางหน้าประตู “หลินมู่เจ้ากลัมาแล้ว" หลินมู่ยิ้มเล็กน้อยป้องมือโค้งตัวให้อีกฝ่าย

    “ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว…” ไป๋หยุนเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองด้านข้างอย่างสงสัย “หลินมู่เขาเป็นใครหรือ?” ชายชราถามออกมาอย่างสงสัย มองอีกฝ่ายขึ้นลงบังเกิดเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย

     

       ไป๋มู่ที่ยืนนิ่งงันไม่พูดสิ่งใด ดวงตาภายใต้ผ้าผืนนั้นจับจ้องไปยังชายชราท่าทางอ่อนแอ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลายปนเปกันไป สุข ทุกข์ เศร้า ดีใจ โกรธ รู้สึกผิด และ อีกมากมาย

    แม้ภายในหัวสมองจะวุ่นวายจนยากจะเข้าใจ แต่ร่างกายของอีกฝ่ายก็ขยับไปแล้ว ไป๋มู่ค่อยๆขยับมือไปปลดผ้าออกอย่างช้าๆ “ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วงและเป็นทุกข์ ข้ามันเป็นบุตรชายที่ไม่เอาไหน….ข้ากลับมาแล้วท่านพ่อ..”

     

       ผ้าขาวตกลงบนพื้นเผยให้เห็นใบหน้าที่ถูกปกปิดไว้ ไป๋หยุนเฉินลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล มองร่างตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาขยี้ตาเพื่อความแน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาด

    มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปลูบใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน “ไป๋มู่นั้นเจ้าจริงๆ…” ชายชราถามอย่างสงสัย ดวงตาเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา ไป๋มู่ยิ้มแย้มพยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “ใช่ข้าเองท่านพ่อ”

     

       แม้จะมีความสงสัยในใจแต่ชายชราเลือกจะเมินมันไป เขาโอบกอดร่างนั้นอย่างรักใคร่ “ลูกชายข้ายังไม่ตาย…เขายังไม่ตายเขายังมีชีวิตอยู่…” ชายชราสะอื้นไห้กอดร่างนั้นแน่น

    น้ำตาไหลออกมาจากหางตาเปี่ยมไปด้วยความปิติและยินดี ไป๋มู่ก็ยิ้มโอบกอดร่างนั้นอย่างหวนนึกถึง “ใช่ข้ายังไม่ตาย...ท่านพ่อช่วยทำอะไรสักอย่างให้ข้าได้หรือไม่” หลินมู่มองดูภาพนี้อยู่ห่างๆ ดวงตาราบเรียบแต่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

     

       เขามองสองพ่อลูกโอบกอดกันอย่างหวนนึกถึง “ได้สิเจ้าจะให้พ่อทำอะไรล่ะ” ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความสุข ถามคำถามบุตรชายพร้อมรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ 

    ขณะที่ทุกคนอยู่ในห้วงความสุข เสียงของไป๋มู่ที่เปลี่ยนไปก็ดังขึ้นอย่างกระทันหัน “ฉะนั้นท่านพ่อ ตายเพื่อข้าเถอะ…” สิ้นเสียงคมดาบที่รวดเร็วก็ออกจากฟัก แทงทะลุหน้าอกของชายชราอย่างไม่คาดคิด

     

        เลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปาก ใบหน้าของบิดาผู้แก่ชราว่างเปล่า เขาไม่ได้โกรธเพียงแค่มีแต่คำถาม มืออันเหี่ยวย่นเอื้อมไปลูบใบหน้านั้นอย่างเบามือ หลินมู่เบิกตากว้างการกระทำนั้นกระทันหันเกินไป

    ไม่มีแม้แต่สัญญาณรู้ตัวอีกที อีกฝ่ายก็ลงมือไปเสียแล้ว ไป๋มู่ดึงดาบออกจากร่างของบิดา หันมาหาหลินมู่พร้อมดวงตาสีแดงก่ำ หยาดน้ำตาไหลลงมาจากหางตา “หลินมู่ เรามาจบเรื่องราวนี้กันเถอะ” ปราณฟ้าดินระเบิดขึ้นฟ้า

     

       หลังคาของหอคอยชมวิวแตกกระจาย แรงกดดันอันหนักหน่วงกดทับลงมาใส่หลินมู่ ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังร่างของไป๋หยุนเฉิน ที่นอนไร้เรี่ยวแรงมองไป๋มู่อย่างไม่เข้าใจ

    ไม่มีแม้แต่อารมณ์ด้านลบใดๆ ดวงตาคู่นั้นดุจคริสตัลอันบริสุทธิ์ไร้ตำหนิในโลกโลกีย์ หลินมู่หลับตาสักพักก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองสบตาทันและกัน ก่อนจะเริ่มขยับเข้าหากันทีละก้าวทีละก้าว เพล้ง!! ดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างรุนแรง ปราณฟ้าดินและจิตกระบี่ระเบิดพวยพุ่ง จนหอชมวิวโอนเอนคล้ายจะถล่มลงมาทุกเมื่อ เปิดฉากสังหารเซียน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×