ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #138 : ตอนที่ 138 ความพ่ายแพ้ของเหล่าจักรพรรดิ

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 66


        คลื่นพลังอันมหาศาลและน่าหวั่นเกรง ปะทุขึ้นสู่ฟากฟ้าดั่งเสาเพลิงพิพากษาของทวยเทพ มนุษย์ปุถุชนต่างก้มกราบอย่างหวาดกลัวในพลังอำนาจ

    แม้แต่เหล่าเซียนนอกทวีปยังต้องเอ่ยปากชมเชย “ระบบการฝึกฝนใหม่ แม้จะพึ่งก่อร่างแต่ทรงพลังพอสมควร ถึงอย่างงั้นพวกเขายังไม่อาจเทียบเคียงกับทางสายใหญ่ได้”

     

        นักพรตเต๋านั่งลงบนกระจกหกเหลี่ยม เท้าคางใช้ดวงตามองเข้าไปภายในทวีป เหล่าเซียนโดยรอบพยักหน้าเห็นด้วย แม้พลังที่แสดงออกมาตอนนี้ มันจะถึงขีดสุดบางทีอาจจะระคายเคืองขอบเขตปฐพีที่ 2 ได้

    แต่มันก็เท่านั้นหากไม่มีผู้ทรงอำนาจระดับนภา ต่อให้ชนชั้นล่างทรงพลังถึงขั้นพลิกโลกผันเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ก็ถูกลบหายเพียงหนึ่งลมหายใจจากผู้ทรงพลังอย่างแท้จริง

     

        ชายชราท่าทางเจ้าเล่ห์ลูบหนวดเคราเล็กน้อย สะบัดแส้หางม้าในมือสร้างเป็นกระจกสะท้อนภพ ฉายภาพการปะทะของยอดฝีมือบนหมู่เกาะแห่งนี้

    คนจำนวนหกคนปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาล ยักษ์สูงเสียดฟ้าทั้งหกปลดปล่อยคลื่นพลังอันปั่นป่วน จนฟ้าดินผันเปลี่ยนสี ใจกลางของแรงกดดันดุจเขาไท่ซาน คือร่างในชุดคลุมสีดำที่หมุนวนไปด้วยอักขระแปลกประหลาด

     

        ใบหน้าถูกบดบังด้วยม่านหมอกสีดำ ไม่อาจมองเห็นได้ว่าอีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เช่นไร แต่คลื่นพลังอันเอ่อล้นและความคุ้นเคยทางวิญญาณนั้น ทำให้คนจากเจี้ยนเสินเฟิงไม่อาจลืม

    “เขายังไม่ตายอีกหรือ? ประหลาดนัก” อาวุโสหลงซวีลูบหนวดด้วยสีหน้าสงสัย “มันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะอยู่มาถึงยุคนี้ ต่อให้กินสมุนไพรฟ้าดิน สรรพคุณที่รับได้ก็ไม่ควรทำให้อายุขัยอยู่ได้ถึง 2,000 ปี” น้ำเสียงของชายชราเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยเหนือคณานับ

     

        เซียนจากหลากขุมกำลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก่อกบฏในครั้งนั้น แต่พวกเขาเคยได้ยินมาว่ามีหนึ่งในครอบครัวของผู้ก่อกบฏ มีพรสวรรค์ด้านเวทย์คาถาระดับสูง

    แต่เพราะโทษทัณฑ์ที่ต้นตระกูลอีกฝ่ายนั้นสาหัส จนเกินจะให้อภัยอีกฝ่ายจึงถูกทำลายตันเถียร สลายเวทย์คาถาส่งมาจองจำยังหมู่เกาะแห่งนี้ ร่วมกับสายเลือดผู้ผิดบาปอื่นๆ

     

        ไม่น่าเชื่อว่าอีก 2,000 ปีต่อมา เวลาแห่งการปลดปล่อยมาถึง อีกฝ่ายก็ยังมีชีวิตอยู่แถมยังเดินบนเส้นทางสายเล็กสายใหม่ ที่ไม่พึ่งพามหามรรคาดั้งเดิม

    คาดว่าอีกฝ่ายคือผู้บุกเบิกและสรรสร้างเส้นทางนี้ขึ้นมา ช่างน่าเสียดายที่อัจฉริยะเช่นนี้ มีบรรพบุรุษที่โง่เขลาและโลภมาก ถูกกิเลสกลืนกินสุดท้ายทำให้พวกเขาทั้งหมดดิ่งลงเหว

     

        ภาคกลาง เหล่าห้าผู้แกร่งกล้ามองไปยังจอมมารด้วยสีหน้าตกตะลึง ปนหวาดกลัวสุดขีดแม้แต่บรรพชนเมืองหลิว ยังแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “จอมมาร!! เจ้าเป็นตำนานยุทธ์แล้วจริงๆสินะ!!”

    ต้าเจียงไท่เซี่ยกระแทกเสียงถามออกไป ทำให้จอมมารหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ตำนานยุทธ์? จุจุจุ ข้าอยู่บนจุดสิ้นสุดต่างหาก อีกเพียงก้าวเดียว ข้าจะกลายเป็นปฐพีที่ 2 อยู่นอกเหนือความสำเร็จทั้งหมด!!!”

     

        จอมมารอ้าแขนคล้ายโอบกอดท้องฟ้า พร้อมกู่ร้องดั่งสนั่น ใบหน้าของแต่ละคนว่างเปล่า แม้จะไม่รู้ว่าอะไรคือปฐพีที่ 2 แต่พวกเขาสามารถรู้ได้ว่า นั้นคือขอบเขตที่อยู่เหนือตำนานยุทธ์ 

    “ย๊าก!!!!” ไป๋หยุนเฉินเปลี่ยนสีหน้า ระเบิดลมปราณดั่งมหาสมุทรแห่งหมู่เมฆ ปกคลุมสวรรค์ชั้นฟ้าควบแน่นเป็นหอกให้อวตารลมปราณใช้งาน ก่อนจะโจมตีใส่จอมมารอย่างรุนแรง ลมปราณมหาศาลระเบิดขึ้นอีกครั้ง

     

        ปัง!!! หอกลมปราณสีขาวราวภูเขาสูง ปะทะกับอักษรสีแดงเลือดอันแปลกประหลาด แรงกระแทกกระจายไปหลายร้อยลี้ทำให้ทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง ปัง! พลังถูกสะท้อนกลับยักษ์เมฆาสลายไปอย่างกระทันหัน

    ชายชรากระอักเลือดใบหน้าซีดเผือด ร่างกายโอนเอนคล้ายจะล้มลงได้ทุกเมื่อ “เริ่มจากเจ้าละกัน…” จอมมารพึมพำชี้นิ้วไปทางไป๋หยุนเฉิน สร้างเป็นนิ้วสีเลือดในเกราะสีดำ

     

       พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง รอบนิ้วขนาดมหึมานั้นมีอักษรหมุนวนราวกับดาราบนฟากฟ้า “อย่าฝัน!!!” คนอื่นๆคำรามลั่น ใช้อวตารลมปราณปิดกั้นการโจมตีอย่างสุดความสามารถ

    เหลียนฮวาเม่ยลี่ ปลดปล่อยลมปราณสีชมพูสวยสดงดงาม สร้างเป็นดอกบัวเก้ากลีบดอกใหญ่ คล้ายโล่ปิดกั้นเส้นทางของนิ้วยักษ์นั่น ปัง!! ต้านทานไว้ได้เพียงเสี้ยวพริบตา

     

       ดอกบัวเก้ากลีบก็แตกกระจายหายไปในฟ้าดิน หญิงสาวกระอักเลือดสีแดงสด ถอยหลังไปอีกหลายก้าว ต่อมาคือโครงข่ายคล้ายหมู่ดาวบนฟากฟ้า ที่ถูกบดขยี้ในชั่วอึดใจ

    ต้าเจียงไท่เซี่ยใบหน้าซีดเซียว ภาพลักษณ์คล้ายเทพเซียนพังทลาย แส้หางม้าในมือแตกหักไม่เป็นชิ้นดี ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาสั้นเทาอย่างหวาดกลัว

     

        แม้แต่กู่ไห่ปาที่ชกหมัดสวนกับนิ้วนั้น ยังถูกปัดออกอย่างไม่ใยดีราวกับขยะชิ้นหนึ่ง ร่างสูงใหญ่ดุจภูเขาไม่มีพังทลาย ตกลงมาสร้างหลุมลึกใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

    แม้แต่เป่ยฮัวตู๋ที่สร้างกำแพงทมิฒสูงเสียดฟ้า ย้งต้านได้ไม่มีอึดใจก่อนจะพังทลายไป ไม่ต้องพูดถึงบรรพชนเมืองหลิวเลยอีกฝ่ายสาหัสกว่าคนอื่นมาก เพียงเสี้ยวพริบตาที่นิ้วนั้นสัมผัสกับอวตารลมปราณ

     

       ยักษ์พฤกษาก็แตกกระจายคล้ายเศษแก้ว ไม่อาจต้านทานพลังใดๆได้เพียงอึดใจเดียว ในเส้นกั้นระหว่างความเป็นและความตาย ผีเสื้อขนาดมหึมาราวกับช้างตัวเขื่องๆ ก็บินเข้ามาลากร่างของไป๋หยุนเฉินจากไป

    ตู้ม!! แรงระเบิดมหาศาลทำให้ผีเสื้อเมฆขาว บินอย่างทุลักทุเลทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เพียงเสี้ยวพริบตาความเร็วที่เหนือจินตนาการก็ระเบิดออกมา ส่งให้ผีเสื้อเมฆขาวหายไปจากสนามรบทันที

     

       ทิ้งให้คนที่เหลือรับมือกับจอมมาร โดยมันแบกร่างของไป๋หยุนเฉินที่ถูกพลังสะท้อนกลับ มุ่งหน้ากลับไปยังหุบเขาตระกูลไป๋ด้วยความเร็วสูงสุด

    “แหมๆ มันก็ยังเร็วเหมือนเดิม…” จอมมารพึมพำด้วยน้ำเสียงยากจะคาดเดา เขาเหลือบไปมองจักรพรรดิยุทธ์ที่เหลือ ก็แสดงสีหน้าดูแคลน ก่อนจะโบกมือสร้างพายุขนาดย่อม พัดพวกที่เหลือกระจัดกระจายกันไป

     

       “พอแล้ว ข้าเบื่อจะเล่นกับพวกเจ้าแล้ว” สิ้นเสียงร่างของอีกฝ่ายก็หายไป เหลือไว้เพียงความว่างเปล่า ทำให้จักรพรรดิยุทธ์ต่างแสดงสีหน้าสงสัยไม่เข้าใจ

    ต้าเจียงไท่เซี่ยขยับนิ้วไปมา คล้ายอนุมานทำนายหาสาเหตุ พรวด!! เขากระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ ดวงตาสาดความไม่อยากจะเชื่อ “เขาปิดกั้นการทำนายของข้า!?” แม้จะเป็นครั้งที่สอง ที่เขาโดนเช่นนี้แต่ไม่มันน่าเชื่อเกินไป สิ่งสำคัญคือจอมมารไปเอาเทคนิคทำนายทรงพลังเช่นนี้มาจากไหน

     

        เมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไม่เห็นเคยมีเช่นนี้มาก่อน มันต้องมีเงื่อนงำบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้แน่นอน ต้าเจียงไท่เซี่ยไม่ยอมแพ้ขยับมืออนุมานทำนายอีกครั้ง แต่ไม่ได้ผลเขาขมวดคิ้ว

    สังเวยอายุขัยของตนอีกสามปี เพื่อทำนายถึงจุดประสงค์ครั้งนี้ พรวด!! เขากระอักเลือดอีกครั้ง แต่แววตากลับฉายประกายความเข้าใจบางอย่าง “อย่างงี้นี่เอง!! พวกเราไม่สลักสำคัญใดๆเลย! เราไม่แม้แต่จะเป็นส่วนในการตัดสินศึกครั้งนี้!! เพราะการตัดสินที่แท้จริงพึ่งเริ่มเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”

     

        ความจริงบางอย่างที่พรั่งพรูออกมาจากปากชายชรา ทำเอาจักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย ต้าเจียงไท่เซี่ยเลี่ยงจะตอบคำถาม 

    เขารีบกลับไปรักษาตัวอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความสงสัยในใจของทุกคน เวลาก็ผ่านพ้นไปอีก 3 วัน ข่าวคราวที่ว่าจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหก พ่ายแพ้แก่จอมมารก็ทำให้กำลังของฝ่ายธรรมะลดลงจนเกือบต่ำสุด

     

       แต่กลับมีข่าวคราวที่ว่ายอดฝีมือชุดขาวลงมืออีกครั้ง สังหารขุนพลฝ่ายขวาผู้ทะลวงเป็นจักรพรรดิยุทธ์ ตายลงภายในไม่กี่กระบี่ นำชัยชนะทางตะวันออกมาให้ฝ่ายธรรมะอย่างปาฎิหาริย์ ทำให้กำลังใจกลับมาสมดุลอีกครั้ง

    แม้สงครามจะยังไม่จบลง แต่บรรยากาศทุกอย่างก็เงียบสงบอย่างแปลกประหลาด คล้ายความสงบก่อนพายุครั้งใหญ่จะมาถึง ที่เมืองแห่งหนึ่งที่ตะวันออก ในร้านเหล้าบนชั้นสอง ภายในห้องส่วนตัว

     

       ชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่ กำลังนั่งนิ่งจ้องตาเขม็งไปยัง มือเกาทัณฑ์ตาบอดพกดาบที่ตนคุ้นเคย “ต้องการอะไรสหายหยู…” หลินมู่ถามออกไปโดยไม่แม้แต่ คิดจะแตะต้องสุราในจอกแม้แต่น้อย

    จ้าวมู่หยูยกยิ้มแห้งๆ ใช้มือลูบผ้าที่พันปิดตาและใบหน้าส่วนบน ของตนอยู่คล้ายตัดสินใจบางอย่าง “สหายมู่ข้ามีเรื่องขอร้อง แต่ก่อนจะไปต่อข้าจะให้เจ้าดูอะไรก่อน…” พูดจบอีกฝ่ายก็ค่อยๆแกะผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง หลินมู่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ 

     

       “เป็นเจ้า…” จ้าวมู่หยูยกยิ้มอย่างไม่พูดอะไร ฉิ้ง!! คมกระบี่พาดลงบนบ่าอีกฝ่ายอย่างทันท่วงที จิตกระบี่ระเบิดขึ้นภายในห้องอันคับแคบ

    กดดันอีกฝ่ายด้วยพลังอันมหาศาล แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับหลินมู่ราวกับแกะ ยกยิ้มพร้อมพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “อย่าหัวเสียสิสหาย….”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×