คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #137 : ตอนที่ 137 การมาถึง
ชั่วพริบตาที่ทั้งคู่เข้าโรมรันแลกคมดาบคมกระบี่ บริเวณโดยรอบจิตต่อสู้ก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด เป็นผลให้ทุกคนหยุดชะงักยืนมองการปะทะของยอดฝีมือทั้งสอง
เพล้ง!!! เฉียนโม่ยิ้มแย้มดวงตาสาดประกายความตื่นเต้นสุดพรรณนา “ยอดเยี่ยม!! แค่เพียงฝีกระบี่เจ้าก็สูสีกับฝีดาบของข้าแล้ว ข้าตื่นเต้นจริงๆที่เลือดของเจ้าจะเป็นส่วนหนึ่ง ของดาบและชุดของข้า!!”
เฉียนโม่พูดอย่างฮึกเหิมผมยาวโบกสะบัด เสมือนอสูรกายจากใต้พิภพอเวจีกำลังสยายแผงคอ ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจับจ้องไปยังดวงตาสีหมึกของฝ่ายตรงข้าม
ชุดคลุมสีดำที่ย้อมด้วยเลือดโบกสะบัดแม้ไร้สายลม หลินมู่แสดงสีหน้าเรียบเฉยขยับริมฝีปาก พูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบดุจผิวน้ำ
“ก็ไม่แน่ว่าเลือดของเจ้าอาจจะสังเวยให้กระบี่ข้า…” เฉียนโม่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะแยกเขี้ยว หัวเราะชอบอกชอบใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า พูดมากก็เสียเวลาเปล่า มา!! เรามาฆ่ากันให้ตายไปข้างเลย!!”
สิ้นเสียงมารโลหิตก็เพิ่มแรงฟันดาบขึ้นอีกสามส่วน ปัง!! คมดาบฟาดฟันลงพื้นดินจนแตกระแหง ร่างในชุดคลุมฟ้าร่อนลงมาบนพื้นอย่างผ่อนคลาย สะบัดกระบี่ตั้งท่าขึ้นอีกครั้ง
ฟิ้ว!! เงาสีดำและฟ้าพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง ประกายแสงจากการปะทะกันของดาบและกระบี่ ระเบิดระยิบระยับเสมือนแสงดาราบนฟากฟ้า
“ดาบโลหิตคร่าวิญญาณ!!!” เฉียนโม่กู่ร้องขึ้นฟ้าอัญเชิญอวตารลมปราณ ใช้เคล็ดวิชาดาบฟาดฟันใส่หลินมู่อย่างกระหายเลือด ชายหนุ่มแหงนหน้ามองอวตารลมปราณเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวด้วยท่วงท่าสะกดสายตา
“เพลงกระบี่พื้นฐานนิกายเจี้ยนเสินเฟิง…” สิ้นเสียงประกายแสงเจิดจ้าก็ปะทุขึ้น บดบังวิสัยทัศน์ของทุกคนอย่างสิ้นเชิง เพล้ง!!! ภายใต้แสงอันเจิดจ้าคมดาบและคมกระบี่ เข้าปะทะกันและกัน
“อั๊ก!!!” ร่างในชุดคลุมดำกระเด็นถอยหลัง ตีลังกาลอยละลิ่วดุจว่าวสายป่านขาด อวตารลมปราณยักษ์โลหิตสูงหลายสิบจั้ง ถูกฟันขาดครึ่งแตกสลายหายไป
แต่ก็มีอีกร่างเช่นกันที่กระเด็นจากแรงปะทะ เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้าเขาม้วนตัวร่อนมายืนบนพื้น ใช้หลังมือเช็ดมุมปากที่มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นสาย
ดวงตาสีหมึกคู่นั้นจับจ้องไปยังมารโลหิต ที่ลุกขึ้นยืนตัวตรงราวกับไม่มีผลกระทบใดๆ อีกฝ่ายเช็ดใต้จมูกก่อนจะยิ้มแยกเขี้ยว “ดี!! เรียกอวตารลมปราณของเจ้าออกมาเสีย!!”
เขาคำรามเสร็จลมปราณสีเลือดก็พวยพุ่งขึ้นฟากฟ้า ราวกับเสาโลหิตที่เชื่อมต่อผืนดินและฟากฟ้าเข้าด้วยกัน ยักษ์โลหิตสูงเสียดฟ้าปกคลุมทั้งสนามรบ ปรากฏขึ้นอีกครั้งคราวนี้ไม่ได้สูงเพียงหลายสิบจั้ง
แต่สูงชะลูดราวกับภูเขาลูกหนึ่ง แรงกดดันอันหนักอึ้งกดลงมาใส่ทุกๆคน ไม่เว้นหลินมู่ที่ยืนแหงนหน้ามองอวตารลมปราณด้วยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย
“แสดงไม้ตายของเจ้าออกมา!!” เฉียนโม่คำรามพร้อมชี้ดาบใส่หน้าชายหนุ่ม ดวงตาสาดประกายการต่อสู้ล้ำลึก ปณิธานคมดาบพุ่งขึ้นสูง ราวกับภูเขาไฟถูกจุดปะทุขึ้นมา
นอกทวีปเหนือผืนทะเลไร้สิ้นสุด เรือบินขนาดมหึมาราวกับเกาะบนฟ้า พุ่งออกมาจากความว่างเปล่าพลางตัวเหนือหมู่เมฆ ก่อนจะหยุดนิ่งห่างจากทวีปหลิวซูเพียงไม่กี่ลี้
“เจ้านิกาย เรามาถึงแล้ว” ศิษย์สายในผู้หนึ่งรายงานกวนจิวด้วยใบหน้าเลื่อมใส กวนจิวในชุดคลุมสีฟ้าประจำตำแหน่งเจ้านิกาย พยักหน้าให้ชายหนุ่มก่อนจะก้าวขาไปปรากฏอยู่ที่หัวเรือ
“เขตอาคมและค่ายกลถูกปลดออกแล้ว ยัยหลิวน้อยนั้นตัวโตขึ้นเยอะเลย” กวนจิวพูดพร้อมมองไปยังเมืองหลิวบรรพต หลิวเอ๋อร์ที่จับจ้องอยู่ภาคกลางของทวีป ก็หันมาสบตากับชายวัยกลางคน ก่อนจะแลบลิ้นหยีตาให้อีกฝ่าย
กวนจิวหัวเราะเหอะๆและไม่สนใจอีก เขาใช้วิชาเปิดภาพฉายบนฝ่ามือ ปรากฏเป็นภาพสนามรบตะวันออก ที่หลินมู่กำลังปะทะกับเฉียนโม่อย่างสูสี “เขาสินะ…” ชายวัยกลางคนมองสำรวจชายหนุ่มอย่างละเอียด
กวนจิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันวงแหวนทั้งสองของเขาก็หมุนวนช้าลงหลายส่วน “เราจะไม่ลงไปหรือ?” อาวุโสหยางปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมชายชราอีกคนที่พกพู่กันด้ามยักษ์
กวนจิวส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ยัง ให้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกสักหน่อย อีกอย่างคนแถวนี้คงไม่ให้เราลงไปก่อนแน่ๆ ไว้จบเรื่องวุ่นวายนี้เราจึงจะลงไป อาวุโสหลงซวี ท่านใกล้พัฒนาแล้วหรือ?” กวนจิวถามชายชราที่พกพู่กันอย่างประหลาดใจ
ชายชราลูบหนวดของตนพร้อมพูดอย่างภาคภูมิ “ฮ่าฮ่าฮ่า แค่เล็กน้อยคาดว่าอีกหลายปี” ทั้งสามมีวงแหวนอยู่หลังหัว บ่งบอกชัดเจน ว่าพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่ควรไปทำให้ขุ่นเคือง
“โอ้ พวกท่านคนจากเจี้ยนเสินเฟิง เสียมารยาทแล้ว” เสียงชายชราแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ดังขึ้น พร้อมปรากฏเรือบินทองคำขึ้นจากหมู่เมฆ
กวนจิว อาวุโสหยาง และ อาวุโสหลงซวี บินออกนอกเรือราวกับรู้อยู่แล้ว พร้อมป้องมือให้อีกฝ่าย “คารวะต้าเซียนจวินแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์” ร่างในชุดคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์ ลอยออกจากหมู่เมฆ
ชายชราใบหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบายยกยิ้มอย่างเป็นมิตร ดุจจิ้งจอกเฒ่าที่มีเล่ห์กลสารพัดนึก ภายในมือถือแส้หางม้าที่เป็นสมบัติระดับเซียน ด้านหลังมีวงแหวนขนาดใหญ่สี่ชั้นหมุนวน ปลดปล่อยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์จนกลายเป็นม่านหมอก
“หามิได้ เหล่าเซียนจวินจากเจี้ยนเสินเฟิงเป็นกันเองเถิด” ชายชราตอบปัดพร้อมหันไปมองทางหนึ่ง “เหตุใดเจ้าอาวาส ซงซู จึงเงียบงันอยู่เล่าออกมาพบปะกันเถิด”
สิ้นเสียงพระชราในจีวรมาพร้อมกลิ่นอายพุทธศาสนา ก็ลอยออกมาจากหมู่เมฆใบหน้าของพระชราเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและใจดีดั่งมหาสมุทรไร้สิ้นสุด
“อามิตตาพุทธ ขออภัยเสียมารยาทแล้ว” พระชราพนมมือพร้อมกล่าวขออภัย วงแหวนทองคำที่สลักจารึกคำสอนทั้งสี่ชั้น หมุนวนเปล่งแสงออกมาจากด้านหลัง "เห้อเราออกไปกันเถิด ปราชญ์แห่งต้าฉิน” เสียงชายชราปริศนาพูดออกมาสั่นๆ
ก่อนจะมีอีกสองร่างปรากฏขึ้นมา หนึ่งคล้ายบัณฑิตสวมหมวกทรงสูงเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งปัญญา ใบหน้าเยาว์วัยหล่อเหลา ผิดจากช่วงวัยของผู้คนส่วนใหญ่โดยรอบ เขาถือตำราไร้ชื่อปกสีดำสันสีแดงสดเล่มหนึ่งไว้ในมือ
วงแหวนสามชั้นที่บรรจุภาพภูเขาแม่น้ำ และ หลักทำคำสอนของบรรพบุรุษหมุนวนอย่างรวดเร็ว ด้านข้างคือชายชราคล้ายนักบวชเต๋า สวมกวานปักปิ่นราคาถูกๆ ท่าทางดูซอมซ่อและธรรมดาสุดๆ
ชุดคลุมสีซีดตัวหลวมโครกโบกสะบัดอย่างรุนแรง ใต้เท้าของชายชราคือกระจกหกเหลี่ยมแสนพิศวง วงแหวนทั้งสี่ชั้นสลับขาวดำราวกับหยินหยาง
ในที่นี้ปรากฏตัวเซียนและผู้สูงส่งจากหลากนิกายอย่างไม่คาดคิด กวนจิวใบหน้ามืดครึ้มไม่คิดว่า จะมีขอบเขตนภาที่ 2 อยู่ที่นี่ถึงสามคน แถมยังเป็นคนที่เรื่องชื่อลือนามในโลกหล้าทั้งสิ้น
ในขณะที่สถานการณ์นอกทวีปกำลังอยู่ในสภาวะแข็งค้าง ที่สนามรบตะวันออกชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้า ยืนตัวตรงไม่ไหวเอนกับแรงกดดันแม้แต่น้อย
เขาตั้งท่าด้วยท่วงท่าแปลกประหลาด ขยับนิ้วทำให้กระบี่บินวนรอบกาย เฉียนโม่ขมวดคิ้วแน่น “ดี! ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะเอาจริง!! ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจเอง!!” อีกฝ่ายคำรามระเบิดลมปราณ
สร้างเป็นดาบขนาดมหึมาเตรียมฟาดฟัน ผ่าผืนพสุธาให้แยกจากกัน ร่างในชุดคลุมฟ้าที่อยู่ใจกลางความวุ่นวาย กำลังเปล่งประกายด้วยปณิธานอันแหลมคม
คลื่นจิตสำนึกปกคลุมไปทั่วบริเวณ กระบี่โปร่งใสปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า วนรอบตัวชายหนุ่มเป็นภาพที่แสนพิศวง เฉียนโม่ไม่รั้งรออีกต่อไปขยับตัวระเบิดพลัง ฟาดฟันดาบโลหิตหวังบดขยี้สังหารอีกฝ่าย
เป็นช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่ร่างในชุดคลุมฟ้าขยับตัว เขาขยับนิ้วชี้ไปทางมารโลหิตก่อนจะดีดออก ทั่วสนามรบนิ่งสนิทมีเพียงเสียงของชายหนุ่ม ที่ดังสะท้อนอยู่ในห้วงสำนึกของทุกๆคน
“เคล็ดสังหาร มหาโคจร…” เส้นรุ้งสีขาวพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง บดขยี้ดาบโลหิตจนแหลกละเอียด “อ๊ากกกก!!!” พุ่งทะลุอกลากร่างของมารโลหิตพุ่งขึ้นฟากฟ้า พร้อมกับกระบี่โปร่งใสดุจดาวตก โคจรราวกับสายรุ้งเข้าใส่ร่างอีกฝ่าย
ปัง!! คลื่นพายุอันคมกริบระเบิดออก หมู่เมฆถูกพัดหายไปกับสายลม ร่างในชุดคลุมขาดรุ่งริ่งร่วงหล่นมาบนผืนดิน ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลลึกเห็นกระดูก มือกุมดาบที่เต็มไปด้วยรอยร้าว
ทรวงอกทะลุจนเป็นรูโบ๋ สภาพร่อแร่ใกล้ตายได้ทุกเมื่อ เฉียนโม่มองไปยังหลินมู่ด้วยความตกตะลึง “เจ้าทำได้อย่างไร…” เสียงอันแหบพร่าที่ถูกเปล่งออกมา ทำให้ทุกคนขนลุกได้อย่างไม่ยากเย็น
ชายหนุ่มคว้าด้ามกระบี่ที่กลับมาหาตน ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดพลังจิตร่อยหรอ เพียงใช้เคล็ดสังหารเพียงครั้งเดียวเขาก็ไม่มีแรงออกกระบวนท่าอื่นๆอีกเลย
ชายหนุ่มเดินโซเซเข้าหาอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกไป “ข้าฝึกฝนจนได้มา…” เฉียนโม่ใบหน้าแข็งค้างก่อนจะหัวเราะร่วน หลินมู่หรี่ตาเล็กน้อยยกกระบี่ขึ้น จ้วงแทงเข้าลำคออีกฝ่าย
มารโลหิตดวงตาแข็งค้างอ้าปากพยายาม เปล่งเสียงออกมาแต่ทำไม่ได้ จบชีวิตของขุนพลฝ่ายขวาจบลงตรงนี้อย่างไม่น่าเชื่อ หลินมู่ถอนหายใจความเจ็บปวดระเบิดขึ้นทุกส่วนในร่างกาย
ในขณะที่คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้วนั้นเอง ตู้ม!!! ระเบิดขนาดมหึมาก็พวยพุ่งขึ้นฟากฟ้า ส่งแรงกระแทกจากภาคกลางไปทั่วผืนทวีป คลื่นพลังมหาศาลปกคลุมทั่วผืนฟ้า การต่อสู้ของเหล่าจักรพรรดิยุทธ์ และ จอมมารเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น