คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #135 : ตอนที่ 135 จอมมารลงมือ
หลินมู่วางจดหมายไว้บนโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้วภายในใจของชายหนุ่ม เกิดการคาดเดาบางอย่างแต่เนื่องจาก ขาดมูลความจริงชายหนุ่มจึงปัดเรื่องนี้ตกไปชั่วคราว
เป็นขณะเดียวกันที่หลินมู่กำลังครุ่นคิด จอมมารที่อยู่ในห้องลับบนเขาร้อยอสูร ก็ลืมตาขึ้นปลดปล่อยออร่าสีเลือดพร้อมพลังกดขี่อันมหาศาล
“ถึงเวลาแล้ว….” สิ้นเสียงร่างในเงาพร่ามัวก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านโลหิต จอมมารปรากฏตัวอีกทีอยู่บนสุดของภูเขาร้อยอสูร รอบตัวปกคลุมไปด้วยละอองโลหิตไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ชัดเจน
“ข้าจอมมาร!! ขอประกาศสารท้าดวลให้แก่เหล่าห้าผู้แกร่งกล้า และ บรรพชนเมืองหลิว!!” เสียงคำรามดังกึกก้องทั่วผืนทวีปอย่างน่าประหลาด ออร่ากดขี่ข่มเหงหล่นใส่ทุกคนอย่างไม่คาดคิด
อักษรโลหิตสีเลือดปรากฏขึ้นเหนือฟากฟ้า เป็นการนับถอยหลังราว 7 วัน พร้อมสถานที่ในการท้าดวลนั้นคือ ที่ราบสูงบริเวณภาคกลาง
หลายขุมกำลังแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า ดวงตาสั้นเทาอย่างหวาดกลัว จักรพรรดิยุทธ์ไม่เคยมีพลังอำนาจเท่านี้มาก่อน จอมมารต้องกลายเป็นตำนานยุทธ์แล้วอย่างแน่นอน!!
ไป๋หยุนเฉิน เป่ยฮัวตู๋ ต้าเจียงไท่เซี่ย กู่ไห่ปา และ เหลียนฮวาเม่ยลี่ ต่างแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า ด้วยใบหน้าไม่สู้ดี นอกจากนั้นพวกเขายังรับรู้ความจริงบางอย่าง
จากการท้ารบของจอมมาร บรรพชนเมืองหลิวหรือเจ้าเมืองหลิวรุ่นก่อน แอบเก็บตัวอย่างลับๆจนสามารถทะลวงกลายเป็นจักรพรรดิยุทธ์โดยไม่มีใครรู้เห็น
สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนทั่วทั้งผืนทวีป ณ เมืองหลิว ร่างแก่ชราคล้ายต้นไม้เหี่ยวแห้ง ปรากฏตัวขึ้นมาบนกิ่งหลิว หรี่ตามองไปยังตัวอักษรสีเลือดขนาดมหึมาบนฟากฟ้า
ชายชราร่างกายผอมแห้งผมและหนวดเคราสีขาว ยาวเฟื้อยไม่ต่างจากใบหลิว ชุดคลุมสีขาวสลับเขียวอ่อนโบกกระพือไปตามสายลม ชายชราขมวดคิ้วการที่เขาทะลวงขอบเขตลับๆ
มันไม่ควรมีใครรู้เห็น ชายชราจึงใคร่สงสัยว่าจอมมารใช้กลวิธีอันใด จึงสามารถล้วงความลับเช่นนี้ออกมาเปิดเผยได้กัน ความลับนี้ต่อให้เป็นตระกูลต้าเจียง ยังพึ่งทำนายถึงได้ไม่นาน
แต่จอมมารกลับล่วงรู้แล้ว เหล่าบุคคลระดับสูงจึงบังเกิดการคาดเดา ที่เพียงคิดพวกเขาก็เสียวสันหลังวาบ จอมมารมีเทคนิคทำนายที่เหนือกว่าตระกูลต้าเจียง….
เหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์น้อยใหญ่ต่างกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลินมู่ที่อยู่ภายในห้องมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังท้องฟ้าที่ตัวอักษรสีแดงดุจเลือด สาดแสงทะลุเมฆหมอกเข้ามาจนเห็นได้อย่างเด่นชัด
ไป๋หยุนเฉินที่อยู่บนหอชมวิว ก็หรี่ตาเล็กลงมองไปยังตัวอักษรบนฟากฟ้า “ไม่คิดเลย เจ้านั้นไม่คิดจะทำสงครามยืดเยื้อแต่แรก มันกะจะกวาดล้างระดับสูงของฝ่ายธรรมะ ภายในครั้งเดียว….เกรงว่าจอมมารคงเป็นตำนานยุทธ์แล้วแน่นอน”
ไป๋หยุนเฉินพึมพำเสร็จก็ม้วนตัว เดินจากไปเขาไล่ให้ไป๋หลานหลงออกไป ก่อนจะเริ่มเรียกอาวุโสมาพูดคุยเตรียมรับมือ กับความสับสนวุ่นวายที่กำลังจะมาถึง
หลายขุมกำลังต่างๆ ตกอยู่ในความตึงเครียดการแสดงพลังของจอมมาร เริ่มทำให้พวกเขาสิ้นหวัง สนามรบแนวหน้าเองก็สูญเสียกำลังใจไปหลายส่วน แม้จะเคยมีข่าวลือที่หลินมู่เป็นต้นเหตุ ทำให้กำลังพุ่งสูงลิ่วมาก่อน แต่มันเทียบไม่ได้กับครั้งนี้ที่พวกเขาทั้งหมด รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เพียง 1 วันหลังจะนั้นกองทัพพรรคมาร พร้อมซากศพวิญญาณแค้นจำนวนหลักล้าน ก็บุกโจมตีชายแดนของทางเหนือและตะวันออกจนแตกพ่าย พวกมันใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยาม ก็สามารถกวาดล้างป้อมปราการ ที่มียอดฝีมือและทหารจำนวนมากได้สำเร็จ
ด้วยกองทัพซากศพวิญญาณแค้น ที่ถูกนำทัพด้วยผีดิบร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีเขียวอมดำ กำลังยืนกอดอกมองซากเมืองที่พังทลาย ทางเหนือมีผีดิบมือเกาทัณฑ์กำลังมองไปยังสุดขอบฟ้า ท่ามกลางซากเมืองที่เต็มไปด้วยซากศพ
“รายงานรายงาน ใต้เท้าแม่ทัพกองทัพผีดิบกวาดล้างป้อมปราการตะวันออก ของตระกูลกู่จนหมดสิ้นแล้ว” ผีดิบผู้เป็นแม่ทัพไม่พูดสิ่งใด ทำเพียงมองขึ้นไปบนฟ้ามองตัวอักษรสีเลือด
“หยุดทัพและเลี้ยงซากศพเสีย ข้าจะไปแจ้งเรื่องขุนพลฝ่ายขวา” ผู้ฝึกฝนมารผู้นั้นตอบรับ “ขอรับท่านแม่ทัพโต๋ว” ใช่แล้วร่างผีดิบในชุดคลุมผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากโต๋วเจิ่งอดีตผู้นำกองโจรพิสดาร ที่ตกตายภายใต้กระบี่ของหลินมู่
ส่วนผีดิบมือเกาทัณฑ์คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากมือเกาทัณฑ์ทมิฬผู้นั้น น่าแปลกใจที่ทั้งสองสามารถปลุกสติปัญญา และ เลื่อนขั้นจนกลายเป็นแม่ทัพผีดิบ
แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ ขอบเขตที่ควรจะเป็นปฐพีที่ 2 กลับมีขอบเขตเพียงปฐพีที่ 1 คาดเดาว่าเคล็ดเลี้ยงซากศพของพรรคมาร คงเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์พวกเขาคงได้รับ มาจากซากโบราณสถานภายมหาสงครามในอดีต
ปัง!! ร่างสูงโปร่งกระโดดขึ้นสูง เพียงสองสามครั้งก็หายไปจากสายตา เขาต้องนำข่าวนี้ไปแจ้งขุนพลฝ่ายขวา และ ถามอีกฝ่ายว่าแผนต่อไปควรจะทำเช่นไร
ทางเหนือผีดิบมือเกาทัณฑ์ ก็ทำเฉกเช่นเดียวกับโต๋วเจิ่ง สั่งให้เหล่าผู้ฝึกฝนมารเลี้ยงซากศพ แล้วตนจะนำข่าวไปแจ้งแม่ทัพฝ่ายขวา
หลังจากนั้นไม่นานผู้รอดชีวิตจากป้อมปราการทั้งสอง ก็แจ้งข่าวไปยังขุมกำลังต่างๆ ป้อมปราการหน้าสุดของทางเหนือและตะวันออกแตกพ่าย ผู้รอดชีวิตไม่แน่ชัดซากศพกองสูงเป็นภูเขาลูกย่อมๆ เลือดสีแดงไหลรินจนเป็นทะเลสาบ
พอข่าวนี้กระจายออกไป กำลังใจของฝ่ายธรรมะก็ลดลงหวบ พวกเขาหวังให้ใครสักคนสร้างปาฏิหาริย์เฉกเช่น ข่าวของยอดฝีมือชุดขาวดุจเทพยดาผู้นั้น พวกเขาอ้อนวอนให้อีกฝ่ายลงมืออีกสักครั้ง
เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ฝ่ายธรรมะอีกสักนิดก็ยังดี แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจนเวลาล่วงเลยไปอีก 5 วัน ในที่สุดเวลาแห่งการตัดสินก็กำลังมาถึง
ร่างของจอมมารปรากฏขึ้นที่ใจกลางที่ราบลุ่ม อีกฝ่ายปกคลุมไปด้วยม่านหมอกโลหิต ไม่อาจบอกรูปพรรณสัณฐานได้แน่ชัด ที่ตั้งตระกูลต่างๆเหล่าห้าผู้แกร่งกล้า เริ่มออกเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด บรรพชนเมืองหลิวก็เช่นกัน เขาเริ่มออกเดินทางด้วยความรวดเร็ว ในเมื่อถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีก
ไป๋หยุนเฉินที่อยู่บนหลังผีเสื้อเมฆาขาว กำลังจะเตรียมเดินทางเพื่อไปตามนัดหมาย ร่างของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน ชุดคลุมเมฆาโบกสะบัด ทำเอาชายชราประหลาดใจจนต้องถามออกมา
“หลินมู่เจ้าต้องการอะไร?” ชายชราถามอย่างสงสัยมองไปทางหลินมู่อย่างสงสัย “ไม่มีอะไรมาก ข้ามาอวยพรท่าน และ เพื่อทำให้กำลังใจฝ่ายเรามีกำลังใจมากขึ้น ข้าเลยจะลงมืออีกสักครั้ง”
ไป๋หยุนเฉินใบหน้าว่างเปล่า ก่อนจะแสดงสีหน้าตระหนักถึงบางอย่าง “หรือว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือชุดขาวในข่าวลือ!?” หลินมู่พยักหน้า หลายวันมานี้มีข่าวออกมาหนาหู ถึงการร้องเรียกให้ยอดฝีมือชุดขาวปริศนา ลงมืออีกสักครั้ง
หลินมู่ที่ตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายก็เลือกจะลงมืออีกสักครั้ง “งั้นหรองั้นหรอ…” ชายชราพูดอย่างเข้าใจ “ขอให้เจ้าโชคดี” หลินมู่ยิ้มแย้ม “ท่านพ่อเองก็เช่นกัน…”
ไป๋หยุนเฉินนิ่งค้างอีกครั้ง เขายกยิ้มใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยกำลังใจ ผีเสื้อเมฆาขาวบินจากไปด้วยความเร็วสูง ทะลุม่านหมอกตรงไปยังที่ราบภาคกลาง
หลินหมู่ยกยิ้มน้อยๆควบคุมกระบี่บิน ขึ้นไปยังตะวันออกตรงไปหากองทัพพรรคมาร ที่มีกองทัพซากศพจำนวนหลายล้านกำลังรุกคืบเข้ามา ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรกองทัพซากศพ จากทางเหนือลงมาเสริมกำลังกันที่ทางตะวันออก
ทำให้ตระกูลกู่และขุมกำลังมากมาย ต้องรับศึกหนักแม้จะมีกำลังเสริมจากทั่วสารทิศ เข้ามาให้การช่วยเหลือแต่ด้วยการขนส่งล่าช้า
สถานการณ์ตอนนี้จึงสุ่มเสี่ยงที่ตะวันออกจะล่มสลาย ร่างในชุดคลุมฟ้าเดินทางเหนือหมู่เมฆ เพียงหนึ่งวันก็มาถึงเขตสนามรบ กลิ่นคาวเลือดพุ่งสูงถึงท้องฟ้าเสียงขลุ่ยราววิญญาณโหยหวน ภาพแขนขาปลิวว่อน จากมุมนี้ภาพเบื้องล่างไม่ต่างอะไรจากกองทัพมดจำนวนนับล้าน ที่กำลังเข้าห้ำหั่นกันอยู่
ความคิดเห็น