ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #132 : ตอนที่ 132 กลับมาแล้วจริงๆ

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 66


       หุบเขาเมฆาตกลงสู่ความตื่นตระหนกอีกครั้งในรอบหลายวัน เหล่าอาวุโสและอาวุโสใหญ่ ต่างพูดไม่ออกและไม่อาจจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างครบถ้วน

    ไป๋หยงซุนที่สะพายดาบนอนเอกเขนก อยู่ใต้ต้นสาลี่ก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างกระทันหัน ดวงตาของเขาสั่นเทาแม้บางส่วนจะหลงลืมไปแล้วว่าหลินมู่คือใคร

     

       แต่สำหรับมือดาบขี้เมาผู้นี้ไม่มีวันลืม เพราะอีกฝ่ายคือผู้มีร่างตัวอ่อนยุทธ์อันหายาก และ มีร่างพิการวรยุทธ์แต่กำเนิด ตัวตนแสนย้อนแย้งต่อโลกเช่นนั้นสำหรับเขายากจะลืมได้ลง

    และอีกฝ่ายก็เป็นสาเหตุให้การฝึกฝนของไป๋หยงซุนหยุดชะงัก เพราะความล้มเหลวในการคุ้มกันทำให้อีกฝ่าย ถูกไป๋หลานหลงถีบตงลงไปในเหวลึกของหุบเขาสำเร็จมาร

     

        สร้างเป็นบาดแผลที่มองไม่เห็นคอยขัดแข้ง ขัดขาไป๋หยงซุนในเส้นทางวรยุทธ์ยากจะก้าวหน้าต่อ ไม่เพียงแค่ไป๋หยงซุน ไป๋หยาง และ ไป๋อาน ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

    ทำให้การฝึกฝนวรยุทธ์ล้าช้า แต่คนที่รับผลกระทบมากที่สุดไม่พ้นไป๋หยุนเฉิน หลังจากรู้ข่าวเขาก็แทบคลั่งขี่ผีเสื้อเมฆาขาว ตรงดิ่งไปยังหุบเขาสำเร็จมารแถมยังแทบจะกระโดดลงไปด้วยซ้ำ

     

       พอขบวนเก็บประสบการณ์กลับมาถึง นางสตรีอสรพิษ ก็เข้ามาเยาะเย้ยและเปิดเผยว่าตนเป็นคนเป่าหูให้ ไป๋หลานหลงสังหารหลินมู่เอง นางคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าสิ้นหวังจากจักรพรรดิยุทธ์แห่งตระกูลไป๋

    แต่ผิดถนัดพอรับรู้ตัวการ ไป๋หยุนเฉินก็เสียสติระเบิดลมปราณ หวังตบสตรีร้ายผู้นี้ให้ตายทันที แต่อาวุโสใหญ่ที่คอยหนุนหลังนางอยู่ออกมารับการโจมตี เป็นผลให้ถูกบดขยี้จนตายภายในทันที

     

       อวตารลมปราณของยักษ์เมฆาปกคลุมไปทั่วตระกูลไป๋ มันแสดงถึงความบ้าคลั่งและโกรธแค้นของร่างต้น ยกกำปั้นควบแน่นลมปราณที่ฟ้าดินเปลี่ยนสี

    เตรียมบดขยี้มารดาของไป๋หลานหลงให้ตกตายในทันที เป็นผลให้อาวุโสให้อีก 2 คนที่เหลือต้องลงมืออย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาปลดปล่อยลมปราณทั้งหมด ทั้งยอมกลืนยาที่มีผลเสียร้ายแรง

     

       แต่สุดท้ายก็ถูกหมัดของอวตารลมปราณ ต่อยจนตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ในจังหวะที่นางกำลังจะถูกสังหารผู้เป็นบุตรชายคนที่สอง อย่างไป๋หลานหลงเข้ามาห้ามและขอร้องเอาไว้

    ด้วยความใจอ่อนไป๋หยุนเฉินจึงปล่อยไป สตรีนางนั้นเสียขวัญเป็นอย่างมาก แม้จะรู้ว่าจักรพรรดิยุทธ์ไร้เทียมทาน ภายใต้ตำนานยุทธ์ แต่ไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนี้ถึงขั้นตบทีเดียว ราชันย์ยุทธ์ที่สนับสนุนนางอยู่ตายทันที

     

        ทำให้นางสงสัยว่ามารกระบี่ทำเช่นไร จึงสามารถฆ่าจักรพรรดิยุทธ์และต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด ในยุคนั้นได้โดยเกือบสังหารได้ทั้งหมด

    หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้สตรีนางนั้นเข็ดหลาบไปสักพัก ไม่กล้ายั่วโมโหสามีผู้แก่ชราของตนอีก ส่วนไป๋หยุนเฉินหลังจากเหตุการณ์นั้น

     

       เขาก็เก็บตัวอยู่บนหอคอยนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านข้างมักมีชุดคลุมจากไหมเมฆาวางเอาไว้ และบนโต๊ะก็มักจะมีกระดาษ ที่เขียนไว้ด้วยภาษาโบราณวางอยู่

    ร่างกายของจักรพรรดิยุทธ์ซูบผอม เขาไม่กินอาหารใดๆทำเพียงดื่มน้ำค้างเป็นบางครั้ง แม้จักรพรรดิยุทธ์ผู้นี้จะแสดงถึงอาการร่วงโรย แต่เมื่อถึงเหตุการณ์ที่ทุกขุมกำลังถูกพรรมาร ลอบสังหารพร้อมๆกัน

     

        ไป๋หยุนเฉินที่ถูกนักฆ่าขอบเขตราชายุทธ์โจมตี ก็ทำเพียงตบหัวคนเหล่านั้นจนแตกกระจาย ราวกับลูกแตงโมที่สุกงอมเต็มที่ ก่อนจะลงมือช่วยเหลือลูกศิษย์ของตนอย่างไป๋เทีย

    และก็ไม่ลงมือใดๆอีก ปัจจุบัน ทันทีที่หลินมู่ประกาศชื่อของตนออกมา ไป๋หยุนเฉินก็ลุกขึ้นยืนอยู่กระทันหัน มองออกไปนอกม่านหมอกที่คอยคุ้มกันหุบเขาเมฆา 

     

       ใบหน้าที่ตนคุ้นเคยยืนนิ่งสงบอยู่หน้าหุบเขา อีกฝ่ายปลดปล่อยกลิ่นอายบางอย่างที่ไม่อาจหยั่งถึง ออร่าอันคมกริบตลบอบอวลอยู่รอบชายหนุ่ม

    ภายในแววตาสีหมึกที่พร่างพราวดุจดวงดารา เต็มไปด้วยปณิธานที่บ้าคลั่งดุจคลื่นในมหาสมุทร ปัง!! ร่างในชุดคลุมฟ้ากระโดดออกจากหอคอย พุ่งตรงไปยังหน้าหุบเขา

     

       สร้างความแตกตื่นให้ทุกคนเป็นอย่างมาก “ท่านอาจารย์!!?/ท่านพ่อ!!?” ไป๋เทียและไป๋หลานหลงที่เห็นเข้า ก็ร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

    แต่ชายชราหาได้สนใจทั้งสองเลย เขามุ่งหน้าไปยังหน้าหุบเขาเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของชายชราก็ทิ้งตัวลงมายืนห่างจากชายหนุ่ม เพียงไม่กี่ช่วงแขน

     

       ดวงตาที่เริ่มกลับมามีประกายของชายชรา มองไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมขาวอย่างหวนคะนึงถึง ชายหนุ่มสะพายกระบี่ยกยิ้มบาง โค้งตัวป้องมือพร้อมพูดออกมาอย่างนอบน้อม

    “ประมุขตระกูลไป๋ ข้าหลินมู่กลับมาแล้ว และ ข้าต้องขอบคุณท่านอย่างสูง ที่คอยดูแลและช่วยเหลือข้าในอดีตที่ผ่านมา” นิ่งเงียบดุจบรรยากาศทุกอย่างถูกแช่แข็งไว้ในช่วงเวลานี้

     

       ไป๋หยุนเฉินอ้าปากคล้ายจะพูดบางสิ่ง แต่เขาก็พูดไม่ออกชายชราเดินเข้าไปโอบกอดชายหนุ่ม อย่างกระทันหันโดยไม่มีใครคาดคิด “ไป๋มู่ของข้าเจ้ากลับมาแล้ว เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ…” เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

    ที่จักรพรรดิยุทธ์ผู้นี้หลั่งน้ำตา แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่บุตรชายของตน กับ นางคนนั้น แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไป เพราะอีกฝ่ายแทบจะเป็นร่างอวตารของไป๋มู่ไปแล้ว

     

       หลินมู่ผงะแต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด จากห้วงความรู้สึกที่อยู่ลึกสุดภายในหัวใจ “ข้ากลับมาแล้ว…” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมตบหลังชายชราอย่างปลอบประโลม

    ไป๋หยุนเฉินยิ่งกอดชายหนุ่มแน่น หวั่นว่าหากปล่อยไปอีกฝ่ายจะมลายกลายเป็นเพียงภาพมายา แต่เขากลับพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมีพละกำลังมากเกินไป ชายชราจึงรีบผละออกกลัวว่าจะทำร้ายชายหนุ่มเข้า

     

       แต่เมื่อมองชายหนุ่มดีๆ อีกฝ่ายนั้นยังคงมีรอยยิ้มบางประดับอยู่ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากแรงกอดเมื่อได้

    “หลินมู่เจ้าฝึกฝนได้!?” ชายชราโพล่งคำในใจออกไปอย่างลืมตัว เขามองชายหนุ่มชุดขาวอย่างตะลึงพรึงเพริด ไม่คาดคิดว่าหลังจากอีกฝ่ายกลับมา ก็กลายเป็นผู้ทรงพลังที่แม้แต่เขาก็แทบมองตื้นลึกหนาบางไม่ออก 

     

       พอสัมผัสบรรยากาศอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ก็สัมผัสได้ถึงคมกระบี่อันแกร่งกล้า ที่ซ่อนอยู่ภายใต้บรรยากาศอันนิ่งสงบ คล้ายคมกระบี่ในฟักที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา

    แต่สำหรับชายชราที่แทบมองชายหนุ่ม ไม่ต่างอะไรจากลูกในไส้เขาก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ไป๋เทียไป๋หลานหลงและคนอื่นๆ ที่ตามออกมาเห็นภาพ ที่ชายหนุ่มที่ค่อนข้างคุ้นเคย กับ ชายชรากำลังโอบกอดกันเสมือน บุตรและบิดาได้พบกันอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ ได้แต่มองภาพนี้เงียบๆเก็บคำถามไว้ในใจ 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×