ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #115 : ตอนที่ 115 พบเจอพี่น้อง

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 66


       หลินมู่ที่รู้สึกถึงการสั่นเบาๆของตงหยู ก็ยกยิ้มเล็กน้อยแม้ไม่รู้ว่ามันจะสื่ออะไร แต่มันต้องการสื่อถึงความดีใจแน่นอน 

    ชายหนุ่มนำผ้าถูกๆที่ได้รับมาจากการ ซื้อน้ำมันเสวียนชุบน้ำมันในขวดดินเผา โดยหารู้ไม่ว่าไอ้น้ำมันบำรุงที่ตนนำมาถูให้ตงหยูทุกวี่ทุกวัน มันเป็นสมบัติวิเศษยากจะพานพบ

     

       แต่ชายหนุ่มกลับใช้เป็นเพียงน้ำมันบำรุงอาวุธธรรมดาๆ หากเซียนท่านไหนผ่านมาเห็นเข้า คงอกแตกตายได้แต่ถามฟ้าว่าเหตุใดของล้ำค่าเช่นนั้น ถึงถูกใช้ทิ้งขว้างสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้

    “ท่านอาจารย์" เสียงน่ารักสดใสดังขึ้นก่อนร่างเล็ก ในชุดสีเขียวสดใสจะวิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ ใบหน้ากล้มๆของนางยิ้มแย้ม เมื่อวิ่งมาถึงตรงหน้าหลินมู่

     

       ผิงฮวาก็หมุนตัวอย่างร่าเริง “ผิงผิงน่ารักหรือไม่?” นางถามอย่างไร้เดียงสา พร้อมแสดงสีหน้าคาดหวังรอฟังคำตอบจากผู้เป็นอาจารย์ของตน

    หลินมู่หยิบผ้าแห้งอีกผืนมาเช็ดใบกระบี่ให้แห้ง พร้อมหันไปชมเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม “อืม มันเข้ากับเจ้ามากเลยล่ะ เอาหล่ะถึงตาข้ามั่งแล้ว”

     

       พูดจบชายหนุ่มก็เก็บกระบี่เข้าฟักลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ ผิงฮวาน้อยที่เห็นอาจารย์ของตนจากไป โดยที่ยังไม่เก็บของบนโต๊ะ

    จึงทำหน้าที่เป็นศิษย์ที่ดี แบกตงหยูที่อยู่บนโต๊ะไปโขวนโชว์เอาไว้ข้างกำแพง ปิดจุดขวดดินเผาไปวางไว้บนโต๊ะอื่น พร้อมนำผ้าเปื้อนน้ำมันไปกองรวมกันไว้

     

       ขณะเดียวกันนั้นเองหลินมู่ที่พึ่งลงไปแช่น้ำร้อน ก็รู้สึกว่าตนได้รับการปลดปล่อยจากสภาพตึงเครียดหลายเดือน “นี่หล่ะน้าความสุข” พูดจบชายหนุ่มก็แช่อยู่ในกาละมังอีกสักพัก

    ก่อนจะลุกขึ้นมาทำความสะอาดตนเอง ใช้เวลาไม่กี่เค่อชายหนุ่มที่ผมยังไม่แห้งดี ก็เดินออกจากห้องอาบน้ำในชุดคลุมสีน้ำเงิน เมื่อก้าวขาออกมาเขาก็ต้องตกตะลึง

     

       เพราะตรงจุดที่ตนเคยนั่งเช็ดกระบี่ ตอนนี้สะอาดเรียบร้อย โดยด้านข้างมีผิงฮวาน้อย ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาชงชาอย่างสุดความสามารถ

    “ท่านอาจารย์ท่านอาบเสร็จแล้วหรือ?” นางถามอย่างสงสัย พร้อมกับลุกขึ้นมาวิ่งรอบตัวชายหนุ่มสองสามครั้ง “ผมของท่านยังเปียกอยู่เลย!” ผิงฮวามองผมยาวของหลินมู่อย่างทำอะไรไม่ถูก

     

       กว่านางจะเดินออกมาก็เช็ดผมอยู่นานสองนาน จนผมเกือบแห้ง แล้วอาจารย์ของนางทำไมถึงได้มักง่ายเช่นนี้ ผมยังไม่แห้งดีก็ออกมาเสียแล้ว 

    “ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยระหว่างทางไปยังห้องจัดงานเลี้ยง ผมน่าจะแห้งทันพอดี” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน นั่งลงบนเบาะรองนั่งรินชาให้ตนเอง “อ่า!! ท่านอาจารย์อันนั้นผิงผิงชงพลาด!!” ยังพูดไม่ทันจบชายหนุ่มก็ยกชดไปแล้ว รสขมปรีดตีขึ้นหัวอย่างจัง

     

        มุมปากของชายหนุ่มกระตุกถี่ยิบ เม็ดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากหางตา เด็กสาวที่เห็นอาจารย์ของนางรับผลกรรม ก็ก้มหน้าใช้มือสองข้างปิดตา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มปลอบประโลมเด็กสาว 

    พร้อมตบหัวนางเบาๆบอกว่าตนไม่เป็นไร “เอาหละ เราควรไปร่วมงานเลี้ยงได้แล้ว หากไปสายกว่านี้ก็เป็นการไม่เคารพเจ้าของงานเปล่าๆ” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกจากห้องพัก เขาก็เก็บขวดดินเผาและผ้าทั้งสองผืนเขาถุงเฉียนคุน

     

       บอกลาตงหยูเสร็จชายหนุ่มชุดคลุมสีน้ำเงินสวมเกี๋ยะ ก็เดินไปยังห้องที่จัดงานเลี้ยง พร้อมกับเด็กสาวในชุดเขียวสดใส นางมองนั่นมองนี้อย่างตื่นตา

    แม้จะได้เห็นมาบ้างแล้ว แต่พอได้มองชัดๆ จวนหลังนี้ก็ใหญ่กว่าที่นาวคิดหลายเท่า แม้แต่สวนหย่อมระหว่างเส้นทางยังมีไม้ประดับนานาพันธุ์ 

     

       ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็พึ่งนึกขึ้นได้ ว่าตนยังไม่ได้บอกห้องจัดงานเลี้ยงให้ท่านอาจารย์ของตน เมื่อหันไปเตรียมจะกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่าย นางก็ต้องตกตะลึงเพราะพวกเขามาถึงแล้ว

    บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความแปลกใจ "ได้อย่างไร" นางพึมพำอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ไม่ได้บอกแท้ๆ หลินมู่ผู้ใช้ขอบเขตจิตสัมผัสค้นหา ก็ไม่ได้บอกอะไรกับเด็กสาว เพียงบอกให้นางไปรวมกลุ่มกับคนรุ่นเดียวกัน

     

       ก่อนตนจะไปทักทายเหล่าอาวุโส ผิงฮวาน้อยที่ถูกปล่อยไว้ในห้องโถงแสนกว้างขวาง มากไปด้วยผู้คนก็ไม่ได้แสดงท่าทีแตกตื่นใดๆ

    ทำเพียงเดินไปมามองดูห้องโดยรอบอย่างสนใจ โดยที่หลินมู่กำลังพูดคุยกับอาวุโสเฟิงจิน และ อาวุโสซาง “ทำความเคารพปู่เล็ก” เพียงชายหนุ่มเสนอหน้าเข้ามา

     

       ก็ถูกอีกฝ่ายเรียกปู่เล็กทันที ส่วนคนที่ถูกเรียกก็แสดงสีหน้าปกติ ทำเป็นไม่ได้ยินคำหลังสุดที่อีกฝ่ายเรียกตน “สวัสดีอาวุโสเฟิงจิน อาวุโสซาง และ ท่านอื่นๆ”

    หลินมู่ทักทายตามมารยาท ก่อนจะหันไปพูดคุยกับอาวุโสเฟิงจิน “อาวุโสเฟิงจินแล้วผู้นำสกุลที่ 14 ท่านยังไม่มาหรือ?” หลัวเฟิงจินที่ได้ยินก็หัวเราะร่วน “คุณชายหลิน ท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพทางการมากก็ได้ เอาที่ท่านสบายใจ ท่านลุงจะเข้ามางานเลี้ยงช่วงท้ายๆ”

     

       ชายหนุ่มพยักหน้าบ่งบอกว่าตนเข้าใจแล้ว “ไม่ทราบว่าคุณชายหลิน มีตบะวรยุทธ์อยู่ขอบเขตใดกัน?” ชายวัยกลางคนร่างเล็กผมสีน้ำตาลเสมอบ่า ดวงตาสีฟ้าถามออกมาอย่างสุภาพ กลิ่นสุราตลบอบอวลทั่วตัว

    พร้อมยื่นจอกเหล้ามาให้ชายหนุ่ม หลินมู่แย้มยิ้มรับจอกเหล้ามาพร้อมกับพูดอย่างถ่อมตน “ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ครั้งล่าสุดที่ข้าตรวจสอบตนเองก็เมื่อนานมาแล้ว หวังว่าอาวุโสจะไม่ถือสา”

     

       ชายวัยกลางคนยกยิ้มพร้อมยกจอกสุราดื่ม “หามิได้ คุณชายหลินเรียกข้าว่าเหล่าเผิง หรือพี่เผิงก็ได้ ข้าได้ยินท่านเรียกว่าอาวุโสก็รู้สึกตัวเองแก่เกินไป” อีกฝ่ายพูดพร้อมรินเหล้าให้ตน

    “เช่นนั้น พี่เผิงท่านชอบดื่มสุรางั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าครุ่นคิด มองชายหนุ่มขึ้นลง เมื่อเห็นน้ำเต้าสีน้ำตาล เขาก็ยิ้มแยกเขี้ยว “ไม่คิดเลยว่าน้องมู่ จะเป็นพวกเดียวกันเป็นผีสุราเช่นเดียวกัน”

     

       ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนสรรพนาม จากคุณชายหลิน เป็น น้องมู่เฉยเลย ซึ่งหลินมู่เองก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ เพียงยิ้มแล้วยื่นจอกเหล้าไปทางอีกฝ่าย

    ชายวัยกลางคนเองก็รินให้อย่างไม่พูดมาก “เจ้าได้ลิ้มรสสุราที่ไหนมาบ้างแล้วล่ะ” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างสนิทสนม หลินมู่นึกคิดสักพัก ก่อนจะเริ่มไล่ชื่อสุราที่ตนพอจำได้

     

       “ฮ่าฮ่าฮ่า!! ไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะได้เจอพี่น้อง มาๆน้องมู่ดื่ม!!” พูดจบอีกฝ่ายก็ชนจอกเหล้ากับชายหนุ่ม โดยคนอื่นๆได้แต่ส่ายหน้าให้กับ เจ้ายุทธ์ผีขี้เหล้าของพวกตน

    ที่เริ่มมอมเหล้าแขกผู้มีเกียรติของจวนไปแล้ว “น้องมู่มา!! ข้าจะดื่มกับเจ้า! หลังงานเลี้ยงข้าจะนำของสะสมของข้า มาให้เจ้าลิ้มลอง!!” เหล่าเผิงพูดเสียงดังโผงผาง ยกไหเหล้าขึ้นสูงพร้อมกอดคอชายหนุ่มอย่างร่าเริง 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×