ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #113 : ตอนที่ 113 เจ้าจะรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 66


       หลัวกงฟานที่กำลังจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก็ราวกับถูกเจ้าเชือกวิเศษมันเหม็นขี้หน้า เจ้าอสรพิษเทียมตนนี้ก็ชูคอออกมาจากแขนเสื้อของชายหนุ่ม โยกตัวไปมาราวกับมันกำลังพูดว่า

    สนใจข้าสิ!! หลัวกงฟานพยายามเมินมันในถึงที่สุด พร้อมกับละสายตาไปมองยังขอบฟ้า พยายามเรียบเรียงคำพูดภายในหัว ค่อยๆพูดออกมา โดยทำร้ายจิตดั้งเดิมของชายหนุ่มให้น้อยที่สุด

     

       “ก่อนอื่นเลยนะศิษย์น้อง แม่หนูน้อยไม่ได้มีวาสนาใดๆกับท่านอาจารย์ เพราะก่อนข้าจะตกตายท่านอาจารย์บอกว่า เขาจะรับคนแซ่หลินเป็นศิษย์คนสุดท้าย หรือก็คือเจ้าถูกกำหนดไว้ก่อนแต่แรก และ การที่อาจารย์รู้แซ่ของเจ้าและอนาคตนับ 200 ปี แสดงว่าอาจารย์ก็ต้องรู้ว่าเจ้าจะเจอกับนาง…”

    หลัวกงฟานปิดปากเงียบครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “บางทีอาจารย์อาจจะกำลังเดิมพันบางอย่างอยู่ แต่เราก็ไม่อาจรู้ แต่ที่ข้าทราบแน่นอนคือ แม่หนูน้อยนั้นวาสนาต้องกันกับเจ้า เจ้าเป็นคนเจอนางเจ้าเป็นคนอุปถัมภ์นาง มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจะตัดสินเช่นไร จะให้นางเป็นเพียงศิษย์ในนาม หรือ เป็นศิษย์ของเจ้า ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”

     

       หลินมู่ที่ได้ยินก็พยักหน้าเขาละทิ้งความคิด ที่จะรับผิงฮวาน้อยเป็นศิษย์น้องเล็กทิ้งไป ทั้งสองไม่พูดคุยใดๆกันอีกทำเพียงมองออกไปยังสุดขอบฟ้า

    “เหมือนข้าจะได้คำตอบแล้ว ขอบคุณศิษย์พี่ที่ให้ข้ามาปรึกษา” หลินมู่ยกยิ้มอ่อนๆ หรี่ตาลงเล็กน้อยคล้ายตัดสินใจได้แล้ว ศิษย์พี่หลัวของเขาก็หลับตาพยักหน้าช้าๆ

     

       ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร “มิเป็นไร ข้ากับเจ้าคือศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ก็ไม่ต่างอะไรจากครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ข้าพร้อมช่วยเหลือหากเจ้าลำบากและข้าสามารถช่วยเหลือได้”

    หลินมู่พยักหน้าบ่งบอกว่าตนรับรู้แล้ว “ท่านลุง” ทันใดนั้นเองน้ำเสียงเคารพ ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้หลัวกงฟานต้องหันไปมอง ทั้งสองรู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังยืนรอพวกตนอยู่

     

       แต่อีกฝ่ายกำลังรอให้ทั้งสองปรึกษากันเสร็จ จึงค่อยเอ่ยขัดในจังหวะที่เหมาะสม หลัวกงฟานพยักหน้าให้อาวุโสเฟิงจิน พร้อมหันมาบอกลาชายหนุ่ม

    “ข้าขอไปจัดการบางเรื่องก่อน ส่วนเจ้าก็คิดไตร่ตรองให้ดี…ถ้าดีข้าอยากได้นางเป็นศิษย์หลาน หรือถ้าไม่ข้าก็จะรับนางเป็นศิษย์แทน เพราะข้าค่อนข้างชอบนาง” พูดจบอีกฝ่ายก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม หลินมู่ยิ้มพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ

     

       อาวุโสเฟิงจินสอดแขนไว้ในแขนเสื้อโค้งให้หลินมู่ ก่อนจะเดินตามหลัวกงฟานหายไปในห้องบรรพชน ชายหนุ่มเปลี่ยนท่ายืนเป็นเอามือขัดหลัง แหงนหน้ามองดวงดาวบนฟากฟ้า

    ไตร่ตรองกับตนเองอยู่สักพักก่อนจึงยกยิ้มบาง ม้วนตัวเดินกลับไปยังห้องพักของตนเอง ภายในห้องบรรพชนหลัวกงฟานนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สัก

     

       พูดคุยกับอาวุโสเฟิงจินอย่างใคร่สงสัย “เฟิงเฟิงน้อย เจ้าอยู่นานกว่าที่ข้าคิดมาก ขนาดราชายุทธ์ทั่วไปยังมีอายุไขไม่ยืนยาวเท่าเจ้า พูดตามตรงอายุไขของเจ้าควรถึงขีดจำกัดมานานแล้ว ระหว่าง 200 ปีมานี้ เจ้าพบเจอกับโชควาสนาอันใดหรือไม่?” 

    เมื่อได้ยินคำถามจากผู้เป็นลุงของตน อาวุโสเฟิงจินก็ไม่คิดปิดบัง เขาตอบอย่างสุภาพด้วยใบหน้าหวนนึกถึง “ท่านลุงเข้าใจถูกแล้ว เมื่อตอนสกุลหลัวถูกกวาดล้างใหม่ๆ ช่วงปีแรกข้าหลงทางกับคนอื่นๆ ข้าหลงอยู่ในป่าเขาร่วมหลายวัน จนเดินตกร่องเขา และข้าก็ได้พบกับสมุนไพรในตำนาน โสมหนวดมังกร ข้าในตอนนั้นที่หิวโซและไร้ซึ่งความรู้ จึงใช้มือเปล่าขุดมันขึ้นมากิน จนทำให้ลมปราณเข้าถึง เจ้ายุทธ์ เป็นตอนนั้นที่ทำให้ข้ารับรู้ว่ามันคือสมุนไพรหายาก”

     

        หลัวกงฟานชื่นชมโชคของหลานชายตน เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพบเจอโสมหนวดมังกร กว่ามันจะโตเต็มที่จนเก็บเกี่ยวได้ ต้องใช้เวลาน้อยๆ เกือบ 300 ปี เทียบเท่าอายุขัยของ ตำนานยุทธ์ผู้หนึ่ง

    และสรรพคุณของโสมนั้นก็ท้าทายฟ้าเช่นกัน ขนาดหลัวเฟิงจินในตอนนั้นเป็นเพียง จอมยุทธ์ธรรมดาๆ ยังทะลวงลมปราณรวดเดียวจนถึงเจ้ายุทธ์ ไม่เพียงแค่นั้นในตำรายังกล่าวอีกว่า ผู้ใดที่ได้กินโสมหนวดมังกร ก็จะได้รับอายุขัยที่แม้แต่ตำนานยุทธ์ยังต้องอิจฉา

     

       มันจึงไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายอยู่มานานขนาดนี้ โดยไม่แสดงอาการของการเสื่อมโทรม “เจ้าห่างจากราชันย์ยุทธ์เท่าใดกัน?” หลัวเฟิงจินที่ได้ยินคำถามก็โคจรลมปราณ ตรวจทานตนเองอยู่สักพักจึงตอบกลับ

    “เรียนท่านลุง ข้าต้องการลมปราณอีกไม่กี่ปี ก็จะทะลวงขอบเขตถึงราชันย์ยุทธ์ น่าเสียดายพรสวรรค์ของข้าต่ำต้อย หากไม่ได้รับโสมหนวดมังกร อย่าว่าแต่เจ้ายุทธ์เลย แม้แต่ยอดยุทธ์ก็ยังยาก”

     

       หลัวกงฟานไม่พูดตำหนิใดๆทำเพียงพยักหน้า ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง และ กล่าวกับหลานชายของตนอย่างเคร่งเครียด 

    “หลังจากจัดพิธีแล้ว เจ้าก็ปิดด่านเสียจนกว่าจะทะลวงราชันย์ยุทธ์ ห้ามออกจากด่านเด็กขาด ลำพังตัวข้าในตอนนี้ ไม่สามารถปกป้องสกุลหลัวจากกลียุค ตามคำทำนายของบรรพบุรุษตระกูลต้าเจียงได้ หากเจ้าเป็นราชันย์ยุทธ์เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น”

     

       หลัวเฟิงจินก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับพูดออกมาอยู่กังวล “ลุงเล็ก….คุณชายหลินจะไม่อยู่กับจวนสกุลหลินงั้นหรือ?” หลังกงฟานส่ายหน้าแผ่วเบา

    “การเดินทางของเขายังไม่จบ จุดสิ้นสุดของเขาคือตระกูลไป๋ ยากคาดเดาว่าเขาจะกลับมาทันหรือไม่ ข้าเกรงว่ากลียุคจะเริ่มขึ้น ก่อนเขาจะออกจากตะวันตกด้วยซ้ำ” หลัวเฟิงจินพยักหน้าอย่างเข้าใจ

     

       ทั้งสองพูดคุยเกี่ยวกับแผนรับมือต่อไป โดยหลินมู่กำลังยืนขบคิดอยู่หน้าห้องพักของตน เมื่อคิดเสร็จเขาก็ผลักประตูเดินเข้าไป ก็พบกับผิงฮวาน้อยที่กำลังหัดชงชาอยู่

    “ท่านอาจารย์ท่านกลับมาแล้ว” นางพูดอย่างกระตือรือร้น ร่างเล็กๆในชุดสีแดงสดใส วิ่งมาหาชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้ากลมๆนั้น “อืม”

     

       หลินมู่เพียงส่งเสียงสั้นๆเอื้อมมือไปลูบหัวนางอย่างนุ่มนวล ตงหยูเองก็สั่นพ้องเบาๆต้อนรับผู้เป็นนายกลับมา

    ชายหนุ่มนั่งลงข้างโต๊ะน้ำชาได้ไม่นาน ดรุณีน้อยก็เดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางรีบชงชาอย่างรวดเร็วเพียงไม่นาน ถ้วยชาก็วางอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม

     

       เด็กสาวมองด้วยดวงตาคาดหวัง มีหรือชายหนุ่มจะทำให้นางผิดหวัง เขาหมุนถ้วยชาเล็กน้อยยกขึ้นมาสูดดม ก่อนจะค่อยๆจิบอย่างเชื่องช้า

    “ไม่เลว เจ้าเรียนรู้ได้รวดเร็วนัก” ชายหนุ่มพูดชื่นชมเด็กสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดรุณีน้อยที่ได้ยินก็แสดงท่าทีภาคภูมิใจ ยิ้มยิ่งฟันน่ารักน่าชัง เห็นเช่นนั้นเขาก็อดยิ้มไม่ได้

     

       เมื่อหลินมู่วางถ้วยชาลงราวกับเสียงรอบข้าง ถูกพัดให้หายไปพร้อมกับเสียงถ้วยชา เขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง

    หันไปมองผิงฮวาที่แสดงท่าทีงุนงง “ผิงฮวา เจ้าคิดเช่นไรกับข้า?” เมื่อได้ยินคำถามนางก็แสดงท่าทีลนลาน นี้ตนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ทำไมอาจารย์ถึงดูโกรธตนเช่นนั้น

     

       “ไม่เป็นไรข้าไม่ได้โกรธ ตอบมาเถอะ” เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นชายหนุ่มก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง ทำให้เด็กสาวสงบลงเล็กน้อย นางครุ่นคิดไม่กี่อึดใจก่อนจะตอบกลับ “ท่านเป็นคนมีเมตตา ทั้งยังเป็นยอดฝีมือ ใจดี และ ยังเป็นคนช่วยชีวิตข้า สำหรับข้าท่านก็ไม่ต่างอะไรจากบิดามารดา สำหรับข้าที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว….และก็…และก็”

    พูดจบนางก็ก้มหน้าลง เงียบงันอย่างสมบูรณ์ นอกจากเสียงนอกห้องแล้ว ภายในห้องนี้กลับเงียบงันราวกับดินแดนไร้ผู้คน ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับพูดในสิ่งที่เด็กสาวต้องเงยมอง “ผิงฮวาน้อย เจ้าจะรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?” 

     

     

     

     

    เมื่อวานลืมตั้งแจ้งเตือน ตื่นอีกทีเกือบ 5 ทุ่ม เลยไม่ได้อัพ ขอโทษเด้อ (⁠´⁠;⁠ω⁠;⁠`⁠)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×