ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #108 : [จบ ภาค 1 ต่างภพต่างแดน] ตอนที่ 108 การเดินทางกำลังจะสิ้นสุด

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 66


       เกือบสองสัปดาห์ผ่านไป หลังจากหลินมู่ไปจากหมู่บ้านศิลานิล ทางด้านใต้ของทวีปหุบเขาอันเป็นที่ตั้งของตระกูลไป๋ แม้จะผ่านมาเป็นเวลานานพอสมควร บรรยากาศภายในตระกูลยังอึมครึมมิแปรเปลี่ยน

    เหล่าอาวุโสต่างตกอยู่ในสภาพงอมืองอเท้าไม่กล้าทำอะไร ไป๋เทียลูกศิษย์สืบทอดของประมุขตระกูลไป๋ แสดงสีหน้าวิตกกังวล มือทั้งสองข้างถือถาดไม้วิจิตรงดงาม

     

       กลิ่นหอมหวนของยาสมุนไพรราคาแพงโชยออกมา จากถ้วยหยกชั้นเลิศ “ท่านอาจารย์ข้าขออนุญาต” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็ผลักประตูเดินเข้าไปอย่างเคารพนอบน้อม

    ชายชราในชุดคลุมขาวสะอาดราศีอันสูงส่งเปล่งประกาย แต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอยู่เด่นชัด ร่างนั้นนั่งพิงหน้าต่างสายตาเหม่อลอย มองออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย

     

       “ท่านอาจารย์ ศิษย์นำยาต้มมาให้ เพื่อบำรุงลมปราณและร่างกาย” ไป๋เทียคุกเข่าลงวางถาดไม้อย่างเบามือ ไป๋หยุนเฉินหันมามองชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์ของตนเล็กน้อย

    “ยื่นแขนของเจ้าออกมา” ไป๋เทียไม่ขัดขื่นยื่นแขนของตนออกไป มืออันเหี่ยวย่นของไป๋หยุนเฉินสัมผัสกับแขนของชายหนุ่ม ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น

     

       “อ่อนแอ อ่อนแอเกินไป นานขนาดนี้เจ้ายังเป็นเพียงยอดยุทธ์ แม้ในหมู่ห้าเกลียวคลื่น เจ้าจะเป็นคนที่เกือบจะแข็งแกร่งที่สุด แต่กำลังเพียงเท่านี้ในอนาคต ไม่อาจทำให้เจ้าปลอดภัย ไปซะ!! ไปฝึกให้หนักกว่านี้!!”

    ไป๋หยุนเฉินสะบัดมือไล่อีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี และไม่สนใจศิษย์สืบทอดของตนอีก ไป๋เทียใบหน้าหม่นหมองก้มหัวให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องชมวิวไป

     

       เมื่อเสียงของประตูปิดลงดังขึ้นมา ร่างอันแก่ชราก็ถอนหายใจยาวเหยียด “ข้ารู้ว่าข้าโหดเหี้ยมกับศิษย์ตนเองมากเกินไป แต่ด้วยกำลังเท่านี้เขาก็จะถูกพวกอาวุโสสูงสุดรังแก ไอ้พวกไม้ใกล้ฝั่งนั้นอยู่ไปก็คอยแต่ฉุดรั้งความเจริญ หึ่ม!!”

    ไป๋หยุนเฉินแค่นเสียงในลำคอ ยังไม่นับนังสตรีโฉดชั่วผู้นั้นอีก เล่นเล่ห์เป่าหูลูกชายตนเองสั่งหารลูกศิษย์เพื่อลองเชิงจักรพรรดิยุทธ์ น่าขันที่ผลออกมาไม่ใช่อย่างที่นางคิด ทำให้นางต้องเกือบตาย

     

       แม้แต่อาวุโสสูงสุดที่คอยสนับสนุนนาง ยังถูกไป๋หยุนเฉินชกหมัดเดียวหัวใจแตกตาย หากไม่ได้ไป๋หลานหลงผู้เป็นบุตรชายขอร้องไว้ ป่านนี้ร่างอ้อนแอ้นที่เก็บงำแต่ความคิดชั่วร้ายนั้น

    คงได้ลงไปนอนในหลุมมีดินกลบหน้าร่างเย็นชื่นไร้ชีวิต ทั้งชั่วชีวิตเขาสูญเสียสิ่งสำคัญ ด้วยน้ำมือคนในตระกูลถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก คือสตรีที่เขารักและให้กำเนิดบุตรชายด้วยกัน แต่นางต้องถูกเหล่าอาวุโสสูงสุดกดดัน จนหนีหายออกไปจากตระกูลไป๋ 

     

       ครั้งที่สอง คือลูกชายที่เขามีกับนาง ถูกกฎแสนโบร่ำโบราณบีบให้เข้าออกจากตระกูล เพราะกลัวว่าอำนาจจะตกไปอยู่ในมือลูกหลานคนอื่น ไป๋มู่ที่ร่างพิการวรยุทธ์แต่กำเนิด จึงต้องไปอยู่ภายนอกตระกูล

    สุดท้ายก็ถูกลูกหลงจากพรรคมารตายจากไป ครั้งที่สาม คือลูกศิษย์อีกคน เปรียบเสมือนตัวแทนของบุตรชาย แต่กลับถูกบุตรชายแท้ๆคนที่สองของตนสังหาร แม้แต่ร่างยังถูกโยนลงเหวสำเร็จมาร ไร้ดินกลบหน้า

     

       ยิ่งคิดร่างกายยิ่งสั่นเทาด้วยความโกรธอันเหลือล้น ลมปราณคล้ายเมฆหมอกแผ่ออกมาจางๆ เปลี่ยนคอหอยกลายเป็นแดนมายา เหล่าผู้คนแถวนั้นที่เห็นถึงความผิดปกติก็รีบออกห่างทันที

    “มาดูกันสิว่า ตระกูลไป๋จะอยู่รอดกลียุคหรือไม่!!” ไป๋หยุนเฉินคำรามในลำคอ เขาจะไม่ทำอะไรอีกจะดูอยู่วงนอก ปล่อยให้ตระกูลไป๋ตกสู่ความวิบัติกับกลียุคที่กำลังจะมาถึง

     

       นอกจากศิษย์สืบทอดของเขาแล้วเขาจะไม่สนสิ่งใดอีก บุตรชายเจ้าปัญหาของเขาหล่ะ พูดไม่ได้เต็มปากว่าไม่สนใจแต่ยิ่งคิดหัวใจของไป๋หยุนเฉินยิ่งเย็นเยียบ

    ภูเขาสูงที่ตั้งตระกูลกู่ ร่างกำยำหัวล้านเกลี้ยงเกลา กำลังยืนขมวดคิ้วแน่นในลานฝึกวิชายุทธ์ “มีอะไรให้ศิษย์ช่วยหรือขอรับท่านอาจารย์” ตงเสี่ยวซานเดินเข้ามาภายในลานฝึก

     

       ด้วยชุดต่อสู้ทั้งตัวของเขามีกล้ามเนื้อหนาแน่น ปลดปล่อยกลิ่นอายอันแข็งกร้าวดุจหินผา “ข้าจะสอนกระบวนท่าพิเศษให้เจ้า สัญชาตญาณของข้ากำลังบอกว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า”

    เสียงหัวเราะที่แสนคุ้นเคยหายไป เหลือไว้เพียงใบหน้าอันเข็มขรึม “ทราบแล้วท่านอาจารย์” ตงเสี่ยวซานตอบกลับด้วยใบหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน

     

       สระบัวขนาดมหึมาเรียกว่าทะเลสาบดอกบัว อันเป็นที่ตั้งของตระกูลเหลียนฮวา ศาลาลอยน้ำท่ามกลางดอกบัวบานสะพรั่ง เหลียนฮวาเม่ยลี่ประมุขตระกูลเหลียนฮวา หรือ ตระกูลหยินหยาง สายเหลียนฮวา

    ผมยาวสีชมพูของเธอโบกสะบัดตามสายลม ร่ายรำบนสระบัวด้วยท่างานงดงามหยดย้อย “อาจารย์เรียกศิษย์มามีเรื่องอันใดหรือ?” หลินหลงที่มาถึงศาลาลอยน้ำ 

     

       ก็ทำความเคารพอาจารย์ของนาง พร้อมถามคำถามอย่างสงสัย ใบหน้าอันงดงามและห้าวหาญของนาง กระทบกับแสงแดดอ่อนๆจนบุรุษใดเห็นต้องลุ่มหลง

    เหลียนฮวาเม่ยลี่หยุดการร่ายรำ ใช้ปลายเท้าสัมผัสผิวน้ำยืนนิ่งมองมาทางลูกศิษย์ของนาง “ภายในตระกูลวุ่นวายเกินไปแล้ว ในช่วงเวลาก่อนกลียุคจากการทำนายของตระกูลต้าเจียง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่หลวง ข้าจึงจำส่งเจ้าไปลี้ภัยที่เมืองหลิวบรรพตชั่วคราว พร้อมกับเหล่าพรสวรรค์ในตระกูลบางส่วน ข้าเจรจากับเจ้าเมืองหลิวไว้แล้ว เจ้าควรออกเดินทางได้แล้ว”

     

       ขนตางอนยาวสั่นสะท้านเบาๆ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ใบหน้างดงามของนางแตะแต้มด้วยความกังวลจางๆ สายลมพัดผ่านชุดคลุมขาวของนางจนกลิ่นดอกบัวกระจายไปตามสายลม 

    “ศิษย์ทราบแล้ว ศิษย์ขอตัว” สิ้นเสียงหลินหลงก็จากไปเตรียมเดินทางไปยังเมืองหลิวบรรพต แม้แต่ตระกูลเป่ยที่ค่อนข้างเงียบสงบ ยังอยู่ในบรรยากาศที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

     

       ไม่รู้เหตุใดเมฆดำขมุกขมัวกลับลอยอยู่บนฟากฟ้า ทำให้ทุกสรรพชีวิตสัมผัสได้ถึงเค้าลางแห่งหายนะ ต้นสายของแม่น้ำใหญ่ทางเหนือสุด ภายในห้องลับตระกูลต้าเจียง

    ต้าเจียงไท่เซี่ยลืมตาขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้!! มารเฒ่าทำได้เช่นไร!!” สิ้นเสียงเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากมุมปาก ชายชราคล้ายเทพเซียนล้มลงไปนอนบนพื้น ใบหน้าเปื้อนเลือด

     

       ตระกูลต้าเจียงตกลงสู่ความโกลาหล ที่ภูเขาร้อยอสูร ภายในห้องลับที่มืดมิดดวงตาสีแดงสดคู่หนึ่งส่องแสงในความมืดมิด “คิดว่าเพราะข้าเรียนวิชาทำนายช้ากว่าเจ้า เจ้าจะขัดขวางการอ่านโชคชะตาของข้าได้หรือ?”

    พูดจบอีกฝ่ายก็คีบเม็ดหมากสีแดงก่ำดุจทำมาจากเลือดสดๆ วางลงในเมืองหลิว ก่อนจะหลับตาทำสมาธิอีกครั้งทำให้ภายในห้องลับเงียบสงัดไร้ซึ่งชีวิต

     

       ภายในเมืองสักแห่งทางตะวันตก แม่นางชุดเขียวที่ใช้ผ้าขาวปกปิดใบหน้า กำลังแสดงสีหน้ากลุ่มใจอย่างหนัก ตั้งแต่ตามหาตัวอีกฝ่ายมา ก็ไร้วี่แววโดยสิ้นเชิงไม่มีใครพบเห็นร่องรอยแม้แต่น้อย

    “โถ่เว้ย!! ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้านะ!! พอ!! ข้าจะกลับเมืองหลิวแล้วให้คนออกตามหาตัวเจ้า!!” หลิวเซียนหลู่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว จนผู้คนแถวนั้นไม่กล้าเข้าใกล้ได้แต่มองตาปริบๆ หวั่นว่าจะโดนสตรีบ้าผู้นี้เชือดตนทิ้งหรือไม่

     

       ณ เมืองหวู่มณฑลซ่งหลุย ชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่ กำลังยืนอยู่กับสาวน้อยที่กอดกระบี่ไม้ โบกมือลารถม้าคันหนึ่งจากระยะไกล “ขอให้พวกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ!!”

    เจ้าก้อนหินที่คุมบังเหียนรถม้าอยู่ โบกไม้โบกมือลาชายหนุ่มกับดรุณีน้อยอย่างร่าเริง บนรถม้าเหลือหญิงสาวไม่กี่คน เพราะระหว่างทางพวกนางถึงเป้าหมายจึงแยกตัวจากไป จนเหลืออีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย

     

       บอกลาเสร็จหลินมู่ก็เดินจากไป พร้อมกับผิงฮวาในชุดคลุมสีแดงน่ารักน่าชัง กอดกระบี่ไม้เดินตามต้อยๆ ชายหนุ่มขยับดวงตาสีหมึกของตนมองไปรอบเมือง

    มือซ้ายสัมผัสด้ามกระบี่ที่แขวนอยู่เอวด้านซ้าย ส่งจิตกระบี่ให้ศิษย์พี่ของตนที่กำลังตื่นเต้น ว่าตนกำลังจะกลับถึงบ้านในอีกไม่นาน

     

       เดินไปสักพักชายหนุ่มก็มาถึงสาขาของหอการค้าต่วนเจิ่น เมื่อเดินเข้าไปด้านในและนำป้ายไม้ส่งคืน อีกฝ่ายก็นำลาเทาตัวหนึ่งออกมาจากคอก หนึ่งลาหนึ่งมนุษย์จ้องหน้ากันสักพัก

    ก่อนเจ้าซุยโก๋จะวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างยินดี เจ้านายของมันยังไม่ตาย!! มันวิ่งวนรอบตัวอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง กัดตรงนั้นตรงนี้เพื่อแน่ใจว่าจะไม่ใช่ภาพมายา

     

       “พอแล้ว ข้าคือตัวจริง” ชายหนุ่มลูบหัวเจ้าลาเทาลายด่าง พร้อมแนะนำให้มันรู้จักกันดรุณีน้อย ทั้งสองมองหน้ากันสักพัก ก่อนจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

    ผิงฮวาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าลาด้วยรอยยิ้ม โดยมีหลินมู่คอยจูงเจ้าลาไปตามทาง เจ้าเซือกวิเศษเข้าประจำการมัดข้าวของให้เข้าที่อีกครั้ง

     

       หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งเด็กสาวหนึ่งลาเทา เดินออกจากเมืองหวู่ไปตามเส้นทาง ผ่านไปอีกสองสามวันที่สุดทางมีจวนขนาดใหญ่ แขวนป้ายตัวอักษรจวนสกุลหลัว

    เพียงอีกไม่กี่ร้อยก้าวการเดินทางก็กำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับการเปิดม่านของการเดินทางครั้งใหม่ ที่ยาวนานและยากลำบากยิ่งกว่าเดิม….

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×