ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #106 : ตอนที่ 106 ไม่แค้นข้าหรือ

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 66


       ร่างในชุดคลุมฟ้าร่อนลงมายืนบนพื้นอย่างนิ่มนวล เขาสะบัดกิ่งไม้ด้วยความเคยชิน เสียงกิ่งไม้ดังก๊อกแก๊กก่อนจะเกิดรอยร้าวไปทั้งกิ่งอย่างแปลกประหลาด

    “อืม น่าจะทนได้อีกสักนิด” ชายหนุ่มพึมพำพร้อมสะบัดกิ่งไม้เบาๆ ทุกคนที่ยืนมองการปะทะในชั่วพริบตานั้น ได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ถูก

     

       เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวผู้นำที่พวกมันเคยมองว่า ไร้เทียมทาน กลับโดนกิ่งไม้เพียงแท่งเดียวแทงหน้ากระอักเลือด หากนี้เป็นการแสดงท่านจะไม่ แสดงดูปลอมไปหน่อยหรือ?

    ผู้นำกองโจรที่นอนไร้เรี่ยวแรงใช้แขนกำยำทั้งสองข้าง พยุงตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเช็ดมุมปาก พร้อมกับถามชายหนุ่มสะพายกระบี่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า! เจ้าเป็นราชายุทธ์!?”

     

       ทั่วบริเวณเงียบสนิทไม่เว้นแม้แต่เหล่าโจร แม้แต่เหล่าชาวบ้านยังนิ่งอึ้ง สวรรค์เกิดอะไรขึ้นเหตุใดราชายุทธ์ผู้สูงส่ง จึงมายังหมู่บ้านเล็กๆไร้ชื่อแห่งนี้กัน

    “หืม? คนที่บอกข่าวคราวข้า ไม่ได้บอกหรือ?” ในเมื่อพวกเขาเข้าใจผิดว่าตนเป็นราชายุทธ์ หลินมู่จึงสวมรอยมันซะเลย คำถามเพียงง่ายๆทำเอาผู้นำกองโจรต้องแข็งทื่อ

     

       กวาดสายตาไปมองยังเหล่าลูกน้องของตน มองเข้าไปภายในฝูงชนมองไปยัง คนของกองโจรพิสดารที่แจ้งข่าวให้ตน ‘บัดซบ!!! หากข้ารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชายุทธ์ คงไม่คิดจะมาหาเรื่องหรอก!! เจ้าพวกนั้นมันไม่บอกข้า!!’

    หน้าอกคล้ายจะปวดขึ้นมาอีกระลอก เลือดก้อนใหญ่ตีขึ้นมาก่อนเขาจะกระอักเลือดอีกครั้ง ตบะลมปราณถูกทำลายกลายเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่สิต้องบอกว่าอ่อนแอกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ 

     

       หากจะฟื้นฟูตบะก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี แถมก็ไม่รับประกันว่าจะกลับไปแข็งแกร่งเฉกเช่นเดิม นี่มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นชัดๆ หลินมู่เหลือบมองอีกฝ่ายที่กระอักเลือดด้วยใบหน้าบึ้งตึง

    “หึ่ม เหมือนในกองโจรก็มีคนคิดร้ายกับเจ้าอยู่สินะ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงตอกย้ำจากอีกฝ่าย ผู้นำกองโจรก็ทนไม่ไหวหมดสติเป็นลมตรงนั้น แม้จะดูเหมือนยืดยาวแต่ตั้งแต่ต้นจนจบ

     

       ใช้เวลาไม่ถึง 1 เค่อด้วยซ้ำ เวลาเพียงเท่านั้นผู้นำกองโจรสุดน่าเกรงขาม ก็สูญสิ้นตบะหมดสติเป็นลมภายใต้สายตาประชาชีจำนวนมาก

    อดีตคนของกองโจรพิศดาร เมื่อเห็นท่านผู้นำเป็นลมก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ราชายุทธ์ผู้นั้นจะเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บมาตลอด ไม่คิดว่าตอนสู้กับท่านโต๋วเจิ่ง อีกฝ่ายจะเก็บงำฝีมือมากขนาดนี้

     

     “หัวหน้าหมู่บ้านบอกได้หรือไม่ ว่าคนใดเป็นคนของหมู่บ้านท่านบ้าง ข้าจะได้ยั้งมือไว้” หัวหน้าหมู่บ้านหลุดจากภวังค์ ก่อนจะเริ่มชี้ตัวเท่าที่เขาจำได้ โดยมีชาวบ้านคนอื่นๆ ช่วยชี้ญาติมิตรเพื่อนพี่น้องของตน

    ผ่านไปเกือบ 2 เค่อ ชายหนุ่มสะพายกระบี่ก็พยักหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าโจรเริ่มกลับมารู้สึกตัว ยังไม่ทันได้ตั้งตัวร่างในชุดคลุมฟ้า ก็พุ่งเข้าคลุกวงในพร้อมกวัดแกว่งกิ่งไม้ราวกับกระบี่

     

       ร่างของสหายสองสามคนเริ่มล้มลงทีละคนทีละคน นอกจากผมยาวสีดำที่โบกสะบัดราวผ้าคลุมมัจจุราชแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นสิ่งใดอีก ชั่วพริบตาคนเป็นร้อยๆ ก็ลงไปนอนโอดโอยอย่างเจ็บปวด

    เหลือเพียงอดีตคนของกองโจรพิสดาร ที่ยืนตัวสั่นงันงก “อาวุโส ได้โปรดให้โอกาสเราอีกครั้ง พวกเราจะเปลี่ยนแปลงพวกเราจะ…” ยังพล่ามไม่ทันจบกิ่งไม้ก็แทงเข้าหว่างคิ้ว ถูกจิตกระบี่รุกรานทลายจิตวิญญาณจนแหลกสลาย

     

       ร่างของพวกเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงล้มตึงตายลงตรงนั้น เมื่อคนสุดท้ายล้มลงกิ่งไม้ที่ชายหนุ่มใช้เป็นอาวุธพิฆาต ก็แตกสลายกลายเป็นเพียงเศษไม้

    “เอาหล่ะ เราคุยกันถึงตรงไหนแล้วนะ?" จูหยงอันอ้าปากค้าง มองชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าผู้นั้น ที่ยืนอยู่ท่ามกลางร่างของชายฉกรรจ์มากมาย ที่นอนร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวดไร้แรงต่อต้าน

     

       “โอ้หัวหน้าหมู่บ้าน สำหรับคนของหมู่บ้านถูกข้าทำลายลมปราณ และ ทำให้เส้นลมปราณเสียหาย พวกเขาจะไม่อาจฝึกฝนสั่งสมตบะได้อีก ไม่ต้องห่วงพักสองสามวันเดี๋ยวก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ส่วนโจรพวกนี้ ท่านจับพวกมันส่งที่เมือง เพื่อรับค่าหัวได้เลย”

    เหล่าชาวบ้านพยักหน้างึกงักก่อนจะเดินเข้าไปลาก ลูกไม่รักดีหรือเหล่าญาติพี่น้องผู้หลงผิดของตนออกมา โดยมีชายหนุ่มตัวล่ำบึกนำเชือกมามัดแขนเหล่าโจรเอาไว้

     

       ผู้นำของพวกเขานะหรือ? ตอนนี้ถูกลากเหมือนกระบือแก่หายไปแล้ว เจ้าก้อนหินและเหล่าสาวๆที่นำรถม้าไปซ่อน มองเหตุการณ์จากไกลๆ ก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

    “ไม่คิดเลยว่ายอดฝีมือท่านนั้นเป็นถึงราชายุทธ์ น่านับถือน่านับถือ จะมีโอกาสหรือไม่ที่ข้าจะกลายเป็นราชายุทธ์บ้าง?” เหล่าสาวๆน้อยใหญ่หัวเราะคิกคัก “ไม่เอาน่าเจ้าก้อนหิน เจ้าตีรันฟันแทงเป็นกับเขาด้วยหรือ?”

     

       เจ้าก้อนหินที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าขบคิด ก่อนจะพยักหน้าและพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ไม่ได้แน่นอน ข้ากลัวเจ็บด้วยสิเป็นคนเลี้ยงม้าธรรมดาๆดีกว่า” เหล่าสตรีน้อยใหญ่ที่ได้พากันหัวเราะอย่างชอบใจ

    “พวกท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันหรือ?” ผิงฮวาน้อยที่ตื่นจากการนอนระยะสั้น ก็เข้าร่วมวงสนทนาอย่างสงสัย “อ้าวสาวน้อย เจ้าตื่นแล้วหรือ? เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับชายผู้นั้นหล่ะ”

     

       หนึ่งในคนหน้าตาดีที่สุดถามผิงฮวาอย่างสงสัย ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลินมู่ ดรุณีน้อยแสดงสีหน้าสงสัยก่อนจะมองออกไปนอกรถม้า เมื่อเห็นนิ้วของพี่สาวท่านนี้ชี้ไปที่อาจารย์ของนาง

    นางก็หันหน้ามาตอบตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม “เขาเป็นอาจารย์ของข้า” เหล่าสตรีที่ได้ยินคำตอบก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง โดยเจ้าก้อนหินกับผิงฮวาน้อย ได้แต่ยืนฟังบทสนทนาด้วยใบหน้างุนงง

     

       หลินมู่ที่พาจูหยงอันไปคุยกันใต้ต้นไม้ใกล้ๆทางเข้าหมู่บ้าน เขาพูดขึ้นพร้อมยกสุราขึ้นมาจิบ “เจ้าถามสินะว่าใครที่เข้าประลองกับพ่อของเจ้า เจ้าลองๆเดาดูสิ” พูดจบชายหนุ่มก็ยกน้ำเต้าขึ้น จิบสุรารอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย

    “ท่านมีคำใบ้หรือไม่?” จูหยงอันถามเพื่อขอคำใบ้ หลินมู่ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ ก่อนจะตอบกลับ “เจ้าเคยเจออีกฝ่ายแล้ว..” เมื่อได้รับคำใบ้ จูหยงอันก็เริ่มขบคิดก่อนจะตอบกลับ “ใช่ผู้นำกองโจรคนเมื่อกี้หรือไม่?”

     

       ชายหนุ่มสะพายกระบี่ส่ายหัว ก่อนจึงใบ้ให้อีกครั้ง “เจ้าเคยได้คุยกับอีกฝ่ายแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็จิบสุรา มองภาพหมู่บ้านอันเงียบสงบภายในหุบเขาสีดำแห่งนี้

    จูหยงอันขมวดคิ้วแน่น ขบคิดย้อนไปถึงสหายของบิดาในอดีต ที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของตนเมื่อนานมาแล้ว หลินมู่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้คำตอบ จึงใบ้คำใบ้สุดท้ายให้อีกฝ่าย

     

       “เจ้าดื่มสุรากับอีกฝ่ายแล้ว” สิ้นประโยคจูหยงอันก็แข็งทื่อ มองไปยังหลินมู่ด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นท่าน!?” หลินมู่พยักหน้าดื่มสุราล้างคอ รอรับความเกรี้ยวโกรธจากอีกฝ่าย

    แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากความเงียบงัน เมื่อหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มที่ใบหน้าเหม่อลอย ยืนแข็งทื่อมองไปยังหมู่บ้านอันเงียบสงบ ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนสติหลุด

     

       “ดื่มไหม?” น้ำเต้าถูกแกว่งอยู่ด้านหน้าชายหนุ่ม อีกฝ่ายแสดงท่าทีเล็กน้อยก่อนจะรับมาแล้วค่อยๆจิบ “สีหน้าสุดท้ายของพ่อข้า เป็นอย่างไร…" หลินมู่เอนกายพิงต้นไม้หลับตา ปล่อยให้สายลมบางๆกระทบร่างกาย

    ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพ “เสียใจ เสียใจที่เขาไม่เคยได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกอันท่วมท้นบางอย่าง” จูหยงอันที่ได้ยินคำตอบก็ยกยิ้มพร้อมพูดออกมา ด้วยน้ำเสียงคล้ายปลงแล้ว

     

       “ก็สมกับเป็นเขาดี” พูดจบอีกฝ่ายก็ดื่มสุราอึกใหญ่ จนใบหน้าแดงก่ำเนื้อตัวร้อนผ่าว “เจ้าไม่แค้นข้าหรือ?” จูหยงอันนั่งแหมะลงใต้ต้นไม้ สายตาเหม่อลอยมองไปยังฟากฟ้า

    ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ “แค้น? ข้าจะเอาความสามารถใดไปแค้นเคืองท่าน ข้ามันก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาๆ เปรียบกับท่านที่เป็นราชายุทธ์แล้ว กำลังแตกต่างกันเกินไป ต่างอะไรจากไม้ซีกงัดไม้ซุง” พูดจบอีกฝ่ายก็กระดกเหล้าลงคอ เหม่อลอยมองท้องฟ้าภายใต้ความเงียบงัน 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×