ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #105 : ตอนที่ 105 กิ่งไม้

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 66


       จูหยงอันหรี่ตาลงเล็กน้อย มองบุคคลตรงหน้าอย่างสงสัย มือของเขากำด้ามขวานแน่น “เช่นนั้นท่าน เชิญเข้ามาภายในบ้านก่อน แม้ข้าจะไม่มีชาแต่อย่างน้อยก็ขอต้อนรับด้วยน้ำร้อนสักถ้วย” 

    อีกฝ่ายเชิญหลินมู่เข้าไปภายในตัวบ้าน โดยที่สายตายังจ้องมองไปยังหลินมู่เพื่อจับผิดบางอย่าง หลินมู่ไม่ได้ถือสาอะไรอีกฝ่ายการที่อีกฝ่ายระมัดระวังตัวนั้น ถือว่าดีด้วยซ้ำ 

     

       “ไม่เป็นไร ข้ามาเพียงครู่เดียวเดี๋ยวจะต้องเดินทางต่อแล้ว ข้าเพียงนำคำพูดและคำสั่งเสียของจอมยุทธ์ใหญ่จู มาบอกให้เจ้าผู้เป็นบุตรชายฟัง ว่าแต่มารดาเจ้าอยู่ที่ใดกัน?” หลินมู่ยืนห่างออกไปจากรั้วราวสามช่วงแขน

    ขยับสายตามองไปทั่วลานบ้าน “ท่านแม่ข้าจากไปเมื่อ 2 เดือนก่อน” จูหยงอันตอบกลับเสียงแผ่วเมื่อรู้ความจริง หลินมู่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

     

       “เสียใจด้วยที่พวกท่านจากไปเร็วนัก” จูหยงอันคล้ายจะลดความระมัดระวังลงเล็กน้อย เขาเงยหน้าสบตากับดวงตาสีหมึกคู่นั้นก่อนจะพูดขึ้น

    “ท่านพ่อฝากคำพูดอะไรมาให้ข้า แล้วท่านตายได้อย่างไร?” หลินมู่ปลดน้ำเต้าเปิดจุกค่อยๆยกขึ้นจิบ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “เพียงไม่กี่ประโยค ส่วนเรื่องที่พ่อของเจ้าตายได้อย่างไร เพราะการดวลกับคนผู้หนึ่ง”

     

       พูดจบชายหนุ่มก็ยกน้ำเต้ากระดกสุราลงอึกใหญ่ จูหยงอันแสดงสีหน้าแปลกใจเขาแสดงสีหน้าขบคิดสักพัก ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านพ่อฝากคำพูดอะไรมากับท่าน”

    สิ้นเสียงหลินมู่ที่กำลังจะยกน้ำเต้าขึ้นดื่มสุรา ก็หยุดชะงักลงเขาค้นความทรงจำสักพัก ก่อนจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดในตอนนั้น “จูหยงอันขอโทษ ข้ามันเป็นบิดาที่แย่ ข้าทำหน้าที่ของบิดาและหัวหน้าครอบครัวได้ไม่ดีพอ…”

     

       จูหยงอันที่ยืนฟังอยู่ก็ปล่อยขวานหลุดมือ ยืนเหม่อลอยคล้ายไม่ได้สติสักพัก ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เพียงเท่านี้?” หลินมู่พยักหน้าก่อนจะกล่าวเสริมออกไปอีก

    “ก่อนเขาจะได้พูดคำสุดท้าย เขาก็สิ้นใจตายไปแล้วข้าเสียใจด้วย” พูดจบชายหนุ่มก็ยกน้ำเต้าขึ้นดื่ม พร้อมกับกล่าวในใจ ‘เอาตามตรง คำสั่งเสียของจอมยุทธ์ใหญ่จู นั้นสั้นกว่านี้เยอะ’

     

       เมื่อเขาลดน้ำเต้าลงชายหนุ่มนามจูหยงอัน ก็เดินออกมาจากรั้วบ้านด้วยใบหน้าว่างเปล่า “ข้าขอดื่มได้หรือไม่?" หลินมู่แสดงสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ พร้อมยื่นน้ำเต้าให้อีกฝ่าย

    “หากจอมยุทธ์ใหญ่จู เห็นข้ามอบเหล้าให้ลูกชายเขาดื่ม เขาคงหยิบดาบมาไล่ฟันข้าแน่นอน แต่เพื่อเป็นการอาลัยข้าจะให้เป็นกรณีพิเศษ” จูหยงอันที่ได้ยินคำพูดที่เป็นมิตร ต่างจากช่วงแรกที่ค่อนข้างห่างเหิน

     

       ก็ยกยิ้มรับน้ำเต้ามายกขึ้นดื่มสองสามอึกใหญ่ จนใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์สุรา “ใครเป็นคนประลองกับพ่อข้า…" ชายหนุ่มที่พึ่งเคยสัมผัสกับสุราแรงเช่นนี้

    ก็พูดออกมาด้วยใบหน้าตั้งเป้าหมายบางอย่าง หลินมู่ไม่ได้คิดจะปิดบังแต่แรกแล้ว จึงเตรียมจะเปิดปากบอกความจริงไป แต่ทันใดนั้นเอง 

     

       “ไอ้พวกหมู่บ้านศิลานิล ไอ้พวกไม่สำนึกบุญคุณ!!” เสียงตะโกนกราดเกรี้ยวดังขึ้นมาจากทางหน้าหมู่บ้าน จนทำให้ทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่าง มองไปทางเข้าหมู่บ้านอย่างหวาดกลัว

    หลินมู่หันไปมองเล็กน้อยก่อนจะคว้าน้ำเต้าจากมืออีกฝ่าย พร้อมเดินตรงไปทางหน้าหมู่บ้าน “มาสิหยงอัน” เขากล่าวเชื้อเชิญเสร็จก็ใช้วิชาตัวเบา ก้าวเดินเพียงสามสี่ก้าวก็เกือบไปถึงหน้าหมู่บ้าน

     

       จูหยงอันลังเลเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบขวานขึ้นสนิมของตน แล้วจึงรีบวิ่งไปยังหน้าหมู่บ้าน ทางหน้าหมู่บ้านเหล่าชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้าน

    กำลังยืนสั่นงันงกโดยฝั่งตรงข้ามคือ ผู้นำกองโจรพงไพรสายลมคนใหม่ และลูกน้องของพวกมันอีกร่วมหลายร้อยชีวิต “เจ้าพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!! แกยังต้องการอะไรอีก!!” หนึ่งในพวกอาวุโสในหมู่บ้านตะโกนขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

       ผู้นำกองโจรที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “เลี้ยงเสียข้าวสุก? ไม่ใช่พวกแกรึไงไอ้พวกไม่สำนึกบุญคุณ พวกเราเคยบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่พวกแกกลับจ้างคนไปถล่มค่ายชั่วคราวเราซะเละ!! จะไม่ให้ข้าโมโหได้เช่นไร!!”

    สิ้นเสียงตะคอกออร่าลมปราณอันหนักอึ้งก็แผ่กระจายออกมา จนคนแถวนั้นต้องหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ แข้งขาอ่อนแรง มือไม่หยิบจับอะไรแทบไม่อยู่

     

       เหล่าชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพวกตนไปจ้างคนไปถล่มค่ายอีกฝ่ายเมื่อใด แต่ที่แน่นอนคือพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

    แต่อีกฝ่ายก็คล้ายจะไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด จึงเอามาลงกับหมู่บ้านที่เคยเป็นบ้านเกิดของตน ไร้สาระสิ้นดี ทันใดนั้นเองร่างในชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่ ก็เดินย่างก้าวมาจากระยะไกลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ ภายในมือกำลังควงกิ่งไม้ด้วยความคล่องแคล่วและชำนาญ

     

       “มันไม่ดีไม่ใช่หรือ ที่กล่าวหาผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้ แล้วตั้งแต่เมื่อใดกันที่โจรอย่างพวกเจ้าหัดใช้เหตุผล?” ผู้นำกองโจรที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว เส้นเลือดปูดโปนมองผู้มาใหม่อย่างประสงค์ร้าย

    “เจ้าเป็นใคร เหตุใดเจ้าจึงเข้ามายุ่งกับเรื่องภายในหมู่บ้านของคนอื่น?” อีกฝ่ายพยายามพูดพร้อมควบคุมอารมณ์อันพุ่งพล่านของตน มองชายหนุ่มขึ้นลงพิจารณาอีกฝ่ายเงียบๆ

     

       “เป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าข้าต่างหากที่ถล่มค่ายโจรพวกเจ้า หากจะแก้แค้นก็มาเลย จะไม่ได้เสียเปล่าที่ข้าปล่อยให้พวกไม่สำนึกบุญคุณรอดไปคาบข่าวให้เจ้าฟัง…” สิ้นประโยคของชายหนุ่ม

    ทุกคนในหมู่บ้านรวมถึงเหล่าโจรต่างแสดงสีหน้านิ่งงัน กระไรนะ? จะบอกว่าเจ้าคนเดียวถล่มค่ายของพวกข้า? มองยังไงยังไงบุรุษแรงน้อยเช่นเจ้าก็ไม่น่าทำได้

     

       เส้นเลือดบนศีรษะของผู้นำกองโจรเต้นตุบตับ ดวงตาแทบแดงก่ำจากเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก “ดี!ดี!! ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาเอง ว่าไม่ควรปากพล่อย!!” สิ้นเสียงออร่าลมปราณที่มากกว่าจอมยุทธ์ทั่วไป ราวๆ 5 เท่า 

    ก็ปะทุขึ้นมาจากตัวอีกฝ่าย พร้อมกับเสียงของดาบโค้งขนาดใหญ่ที่ถูกดึงออกจากฟัก หลินมู่แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแปลกใจ “ไม่น่าหล่ะ จอมยุทธ์เช่นเจ้าจึงคุมคนเป็นร้อยโดยไม่มีใครกล้าหือ กล้าอือ แม้แต่คนสนิทของจอมยุทธ์ใหญ่จูยังไม่กล้าก่อกบฏ”

     

       เมื่ออีกฝ่ายได้ยินแซ่จูจากปากของหลินมู่ ก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นอีกระรอก “บัดซบให้มันน้อยๆหน่อย!! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้าจะรู้อะไร!!” อีกฝ่ายคำรามจนคอเป็นเอ็น

    กระโดดขึ้นสูงหลายสิบเมตร ทิ้งดิ่งลงมาพร้อมดาบโค้งขนาดมหึมา ที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยลมปราณสีเพลิง ดุจดวงตะวันบนฟากฟ้า “เห้อ ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นฉากนองเลือดด้วยสิ”

     

       สิ้นเสียงกิ่งไม้ที่เคยถูกควงเล่นไปมา ก็ขยับในวิถีที่น่าเหลือเชื่อ มันปลดปล่อยความคมราวกับจะฟาดฟันผืนฟ้าให้แยกจากกัน ร่างในชุดคลุมฟ้าระเบิดความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

    พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายที่ทิ้งตัวลงมาจากฟ้า ราวกับเป็นอุกกาบาตที่มอดไหม้ด้วยเปลวเพลิง คมดาบผ่านร่างของชายหนุ่มไปราวกับเขาเป็นเพียงมายา เข้าใกล้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

     

       ผู้นำกองโจรแสดงสีหน้าหวาดวิตก พยายามเหวี่ยงดาบโค้งในมือ ฟาดฟันใส่ร่างที่กำลังเข้าใกล้ตนด้วยพละกำลังมหาศาล ปึง!! กิ่งไม้ที่ดูธรรมดาๆแทงเข้ากลางหน้าอก

    ส่งจิตกระบี่เข้าไปบ่อนทำลายลมปราณจนหมดสิ้น ตบะไม่เหลือแม้แต่เสี้ยวเดียว อีกฝ่ายกระอักเลือดสีแดงสดออกมาก้อนใหญ่ ร่างอันมหึมาล่วงลงมานอนแน่นิ่งบนพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม 

     

       จูหยงอันที่มาทันได้เห็นภาพเมื่อครู่ ก็มองร่างในชุดคลุมฟ้าสะพายกระบี่นั้น ด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง 

    ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ว่าสักวันในอนาคตตนจะแข็งแกร่ง อย่างชายหนุ่มผู้นั้นได้หรือไม่

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×