ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #103 : ตอนที่ 103 คืนเดียว

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 66


       ภายในส่วนลึกของค่ายกองโจร ภายในกระโจมแห่งหนึ่งบุรุษวัยกลางคน ไว้หนวดไว้เคราหน้าตาชั่วร้ายกำลังแต่งตัวด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว

    “ใครมันกล้าบุกโจมตีพวกเรากัน มันคิดว่าเพราะพี่ใหญ่และพวกชนชั้นยอดไม่อยู่ จะทำอะไรก็ได้หรือไง? ข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าก็อันตรายไม่แพ้พวกพี่ใหญ่เหมือนกัน!!” 

     

       เขาประกาศกร้าวอย่างดุร้ายเมื่อสวมเกราะอ่อนเสร็จ ชายผู้นั้นก็คว้าง้าวยาวเดินออกจากกระโจม ก่อนจะจากไปอีกฝ่ายหันไปมองด้านหลังด้วยสายตาลามก

    “พวกเจ้ารอข้าที่นี่ อย่าคิดจะวิ่งไปไหน” เหล่าเด็กสาวที่ถูกโจรจับมา ได้แต่พยักหนึ่งอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าแม้จะมองสบตากับอีกฝ่าย เมื่อแน่ใจแล้วว่าเด็กสาวพวกนี้จะไม่หนีไปไหน

     

       อีกฝ่ายก็ก้าวขาออกจากกระโจมทันที “ศัตรูหน้าไหนมันกล้า….” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี คมกระบี่สีขาวดุจหิมะก็กุดหัวของอีกฝ่ายหลุดจากบ่า

    เหล่าเด็กสาวที่เห็นภาพนั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว ร่างไร้ศีรษะล้มตึงตายลงตรงนั้นไม่มีโอกาสได้ประกาศศักดาใดๆ ชายหนุ่มในชุดคลุมฟ้าสวมเกี๋ยะสะบัดกระบี่

     

       หันหน้าไปมองเหล่าเด็กสาวที่แต่งตัวน้อยชิ้นอย่างถอดถอนใจ “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่างพวกเจ้าก็จะได้กลับบ้านแล้ว” พูดเสร็จชายหนุ่มก็ม้วนตัวพุ่งไปยังทิศทางอื่น

    โดยไม่ปล่อยให้เหล่าเด็กสาวเอ่ยถามใดๆ “มันคือปีศาจ!!" เสียงตะโกนคร่ำครวญดังขึ้นไม่หยุด เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นท้องฟ้า พร้อมกลิ่นโลหิตเสียดจมูก

     

       คนจำนวนหนึ่งที่ตามหลินมู่มา ก็ยืนมองสถานการณ์ภายในค่ายด้วยใบหน้าซีดเผือด “พวกเราคงโชคดี หากผู้อาวุโสไม่คิดจะพูดคุย จุดจบของพวกเราคงไม่ต่างกับพวกเขานัก”

    แต่ละคนพยักหน้าหงึกหงัก ภายในค่ายอันวุ่นวายเมื่อชายหนุ่มย่างก้าวไปที่ใดก็จะมีโจรตกตายที่นั้น ภายใต้กระโจมแห่งหนึ่งที่เหล่าโจรนำผู้หญิงที่จับมาได้มาขังเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเด็กรับใช้เก่าคร่ำครึ แหวกม่านมองออกไปก่อนใบหน้าจะเริ่มซีดเซียว 

     

       “เจ้าก้อนหินด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?” สตรีน้อยใหญ่ต่างรุมถามเด็กหนุ่มอย่างสงสัย เด็กหนุ่มที่ถูกพวกนางเรียกว่าเจ้าก้อนหิน ก็หันมาตั้งด้วยใบหน้าหวาดกลัว

    “มีคนบุกค่าย…" ไม่ทันจะให้เขาพูดจบพวกนางก็รีบพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น “มาเท่าไหร่? ดูเป็นคนดีไหม? ผู้นำหล่อเหลาหรือเปล่า?” คำถามมากมายประเดประดังเข้ามา จนเจ้าก้อนหินยกมือขึ้นพร้อมสะบัดไปมา

     

       “ไม่ไม่ มีเพียงคนเดียวเป็นชายหนุ่ม เขาดูแก่กว่าข้าเพียงไม่กี่ปีเอง” เหล่าสตรีน้อยใหญ่ที่เคยดวงตาลุกวาว ก็เหี่ยวเฉาลงพริบตา “แค่คนเดียว เขาบ้ารึไงกัน”

    พวกนางพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง พวกทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามพวกนางเห็นมานักต่อนักแล้ว จุดจบก็ไม่ต่างกันนัก ถูกลูกพี่ใหญ่ของค่ายที่คอยดูแลอยู่ สังหารอย่างง่ายดาย

     

       เจ้าก้อนหินที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจ เขายกม่านขึ้นพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะออกไปบอกให้เขาหนี เขาสู้กับผู้นำของกองโจรพงไพรสายลมไม่ได้แน่นอน” พูดจบเจ้าก้อนก็วิ่งออกไปด้วยความหวังดี

    แต่ต้องหยุดชะงักดวงตาเบิกโพลง มองไปยังชายหนุ่มชุดคลุมฟ้าอย่างหวาดกลัว อีกฝ่ายง้างกระบี่ขึ้นฟ้าเตรียมฟาดฟันลงมา ใบหน้าเรียบเฉยนั้นสร้างความเย็นเยียบจนถึงกระดูก

     

       “ไม่!!” เหล่าสตรีน้อยใหญ่ตะโกนขึ้นอย่างกระทันหัน พวกนางรีบเอาตัวออกมาอ้าแขนเพื่อกันคมกระบี่ ร่างนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ลดกระบี่ลงหันไปมองสำรวจอีกฝ่าย

    “เพราะเหตุใด” ชายหนุ่มเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดุจผิวน้ำไร้แรงลม เหล่าสตรีน้อยใหญ่ถอนหายใจโล่งอก ก่อนหนึ่งในนั้นที่ดูมีอายุมากที่สุด จะเริ่มต่อว่าหลินมู่อย่างกราดเกรี้ยว

     

       “ไอ้หนู!! เจ้ารู้ตัวไหมกำลังทำอะไรอยู่!?” ชายหนุ่มกระพริบตาก่อนจะพูดออกมา “ตีค่ายโจร..” เงียบกริบราวกับเสียงถูกตัดออกไปดื้อๆ ทั้งสองมองหน้ากันไปมา โดยอีกฝ่ายบอกว่าไม่เห็นสิ่งที่ข้าทำรึไง

    ส่วนอีกฝ่ายก็แปะคำว่า ก็เห็นเห็นอยู่ว่าเจ้าทำอะไร สตรีนางนั้นส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ใช่เรื่องนั้น เรื่องที่เจ้าเกือบฆ่าเขาต่างหาก” หลินมู่ขยับสายตาไปมองเด็กหนุ่ม ก่อนจะละสายตาไป

     

       หลินมู่สะบัดกระบี่พร้อมเดินไปทางอื่น “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ เมื่อเสร็จเรื่องข้าจะกลับมาอีกครั้ง” ยังไม่ทันจะให้ชายหนุ่มจากไป หนึ่งในสตรีเหล่านั้นก็คว้าแขนเสื้อเขาไว้ 

    พร้อมพูดเตือนอย่างหวังดี “เจ้ารีบหนีไปเถอะ อย่าทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามเลย เจ้าสู่เจ้าหลางเล็กไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ พร้อมตอบกลับพร้อมแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย

     

       “หากตบะไม่เกินเจ้ายุทธ์ หรือ ราชายุทธ์ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสชนะข้าหรอก” พูดจบอีกฝ่ายก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวหายไป ทิ้งให้พวกนางและเจ้าก้อนหินยืนนิ่งอ้ำอึ้งไปไม่ถูก

    เสียงกรีดร้องของโจรดังขึ้นไม่หยุด เมื่อยามรุ่งสางมาถึงทั่วทั้งค่ายถูกไฟไหม้วอดวาย ชายหนุ่มสะพายกระบี่เดินออกมาจากป่า เนื้อตัวสะอาดสะอ้านไร้บาดแผล

     

       “พวกเจ้าไปช่วยพวกที่ถูกจับมาซะ แล้วไปเตรียมรถม้าด้วย ส่วนที่นี่ก็ปล่อยไว้เช่นนี้แหละ พวกที่ปล่อยให้หลุดแหไป น่าจะวิ่งแจ้นไปแจ้งข่าวผู้นำมันแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็ปลดน้ำเต้า

    เปิดจุกแล้วค่อยๆจิบสุราอย่างเชื่องช้า คนเหล่านั้นที่ได้รับคำสั่งก็วิ่งไปในค่าย ปล่อยชาวบ้านและเหล่าหญิงสาวที่ถูกจับเป็นอิสระ โดยหลินมู่เดินกลับไปยังกระโจมนั้นอีกครั้ง

     

       เมื่อมาถึงก็พบว่าหญิงสาวเหล่านั้นกำลังยืนรอตนอยู่ ใบหน้าพวกนางเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ชายหนุ่มยกน้ำเต้ากระดกสุราลงอีกใหญ่

    “ตอนนี้ค่ายก็แตกแล้ว พวกท่านออกจากป่าได้แล้ว รถม้ากับม้ายังดีอยู่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไป โดยไม่รอรับคำตอบใดๆ

     

       ไม่นานรถม้าทั้งหมดในค่ายก็มีคนหลายร้อยชีวิตนั่งอยู่ ชาวบ้านที่คุมบังเหียนม้าเป็นก็ขึ้นบังคับรถม้า ค่อยๆวิ่งออกจากค่ายตรงออกจากป่า

    หลินมู่ที่จัดการทุกอย่างเสร็จภายในคืนเดียว ก็เก็บเงินทองกับเหล้าบางส่วนก่อนจากไป ที่เหลือก็ให้เหล่าชาวบ้านและหญิงสาวเอาไว้ใช้ตอนถึงเมือง

     

       ใช้เวลาอีกหลายชั่วยาม หลินมู่ก็ร่อนลงยืนบริเวณที่โล่ง มองดูพื้นที่เหลือแต่เถ้าถ่านโดยรอบมีเหล่าโจรนั่งนอนอย่างหมดแรง ผิงฮวาน้อยที่นั่งพิงต้นไม้ กอดกระบี่เฮ่ยซานด้วยใบหน้าหิวโหย

    หลินมู่ที่เห็นก็นึกขึ้นได้ว่าคนลืมทิ้งน้ำทิ้งข้าวเอาไว้ จึงรีบเข้าหาเด็กสาวอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงดรุณีน้อยก็เงยหน้าส่งยิ้มให้อย่าร่าเริง “ท่านอาจารย์ท่านกลับมาแล้ว” หลินมู่ได้แต่ยิ้มแห้ง ลูบหัวนางอย่างขอโทษขอโพย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×