ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #101 : ตอนที่ 101 เดินหน้าหรือถอยหลัง

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 66


       ผิงฮวาร้องไห้อยู่หลายก้านธูป เมื่ออารมณ์ของเธอกลับมาคงที่อีกครั้ง เด็กสาวก็ลุกขึ้นยืนนำกระบี่ตงหยูกลับมาคืนหลินมู่ด้วยใบหน้าเขินอาย

    “เจ้าไม่เป็นไรแล้วหรือ จะร้องมากกว่านี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บกลั้นมันเอาไว้” ชายหนุ่มรับกระบี่ของตนคืน พร้อมสะบัดหนึ่งครั้งนำมันกลับเข้าฟัก

     

       ดรุณีน้อยมีสีหน้าว่างเปล่าแววตาแสดงถึงการขบคิด ก่อนนางจะส่ายหน้าราวกับกลองป๋องแป๋ง “ไม่เป็นไรท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ร้องอีกแล้ว” หลินมู่ได้แต่ถอนหายใจยาว

    ยกมือขึ้นลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นเขาถอนสายตาหันไปมอง อีกด้านหนึ่งที่มีศพนับร้อยถูกลากออกมากองเอาไว้ โดยมีเหล่าโจรผู้พ้นเคราะห์

     

       กำลังกุลีกุจอวิ่งไปตัดไม้มาอย่างขยันขันแข็ง “ไม่คิดว่าพวกเขาจะตัดไม้ โดยที่ข้าไม่ต้องสั่ง” ชายหนุ่มเดินมาหยุดข้างร่างมายาของหลัวกงฟาง เขามองสถานการณ์พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด

    “พวกมันคงหวังว่าการกระทำเล็กน้อยเช่นนี้ จะทำให้พวกมันรอดพ้น แต่น่าเสียดายพวกมันมาเจอกับเจ้า” ศิษย์พี่หลัวพูดขึ้นพร้อมส่ายหน้า

     

       “ว่าแต่ท่านไม่เป็นไรแล้วหรือ?” ชายหนุ่มหันหน้าไปถามผู้เป็นศิษย์พี่ของตนอย่างสงสัย หากเป็นตอนปกติที่วิญญาณของอีกฝ่ายค่อนข้างอ่อนแอ การออกมาโดนแดดในตอนกลางวันเช่นนี้

    ก็ไม่ต่างอะไรจากโดยไฟแผดเผาเท่าไหร่นัก “อืม ข้าดีขึ้นมากหลังจากนี้ ระหว่างเดินทางข้ากับเจ้าก็จะสามารถพูดคุยกันได้แล้วไงล่ะ” หลัวกงฟานหันหน้ามาพร้อมยิ้มยิ่งฟัน

     

       ไม่รู้เหตุใดชายหนุ่มตะหงิดใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงออกไป เขาเปิดถุงเฉียนคุนนำเอาผ้าพันแผล ยาสมุนไพร ยาลูกกลอนรักษาออกมา ส่วนหนึ่งมอบให้ผิงฮวาน้อย

    ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับมีคนนำมีดมากรีดทั่วทั้งตัวของนาง เมื่อเห็นสภาพของดรุณีน้อยแล้วหลินมู่ก็อดถอนหายใจไม่ได้

     

       เด็กสาวรับผ้าพันแผลและยาลูกกลอนมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอาจารย์” หลินมู่ไม่พูดสิ่งใดนอกจากยิ้มให้นาง ก่อนจะนำยาลูกกลอนเข้าปากเคี้ยวแล้วจึงกลืนลงไป

    แม้เขาจะฟื้นตัวด้วยอัตราน่าเหลือเชื่อ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่อาการก็ยังไม่คงที่ยังรู้สึกปวดแปลบไม่มากก็น้อย 

     

       “เจ้าไม่หลับตาแล้วหรือ?” หลัวกงฟานที่สังเกตเห็นความผิดปกติ ก็ถามขึ้นอย่างสงสัยหากเป็นยามปกติ ศิษย์น้องผู้นี้จะต้องหลับตา ราวกับคนตาบอดเดินไปไหนมาไหน

    แต่ตอนนี้กลับลืมตาราวกับคนปกติทั่วไป “ไม่จำเป็นแล้วหล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมนำชุดคลุมสีฟ้าออกมาเปลี่ยน กับชุดคลุมตัวปัจจุบันที่ขาดรุ่งริ่งราวกับผ้าขี้ริ้ว

     

       ศิษย์พี่หลัวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหล่าโจรสักพักแล้วจึงกลับเข้าไปภายในเฮ่ยซาน เขาได้แต่ไว้อาลัยให้โจรพวกนั้นล่วงหน้า

    บางส่วนไม่อาจหลบเลี่ยงโทษตาย บางคนอาจจะต้องชดใช้อย่างมหาศาล ไม่นานนักเหล่าโจรที่เกือบถางป่าบริเวณนี้จน กลายเป็นพื้นที่โล่ง ก็พากันมายืนรวมกันด้วยสีหน้ากังวล

     

       พวกเขามองชายหนุ่มสะพายกระบี่ชุดคลุมฟ้า ด้วยความหวั่นเกรงแม้ไม่มีอาวุโสแปลกประหลาดผู้นั้นอยู่ แต่ความกลัวก็ไม่อาจขจัดออกไปได้

    “ในที่แห่งนี้ พวกเจ้าคงแยกแยะถูกผิดเป็นกระมัง ข้าจะถามคำถามพวกเจ้าทำเพียงก้าวออกมาหนึ่งก้าว หรือถอยหลัง ไม่ต้องตอบคำถามใดๆ….และอย่าได้คิดจะโกหกข้า เพราะหากข้าจับได้พวกเจ้าจะทุกข์ทรมานจนแม้ความตาย ก็เป็นได้เพียงความฝัน อย่าคิดแค่ว่าข้าพูดเล่นๆ คิดให้ดีก่อนจึงก้าวขาออกมา”

     

        หลินมู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ไร้ซึ่งความปราณีพร้อมทั้งปลดปล่อยกลิ่นอายคมกริบจนหนังหัวชาหนึบ เหล่าโจรไม่กล้าตอบสิ่งใด เพียงพยักหน้างึกงักราวกับไก่จิกข้าวสารอย่างหวาดกลัว

    ชายหนุ่มกวาดสายตามองเหล่าโจรอีกครั้ง ก่อนจะเปิดปากถามคำออกมา “ในนี้มีใครฆ่าคนไปแล้วบ้าง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ให้ก้าวออกมา…”

     

       สิ้นเสียงโจรกว่าสามในสี่ก็ก้าวออกมาอย่างว่าง่าย ไม่มีใครคิดจะตุกติกใดๆ เพราะพวกเขาหวั่นเกรงประสบการณ์ที่ยิ่งกว่าความตายที่อีกฝ่ายกล่าว

    แม้จะไม่ทราบว่าจริงไหมแต่การที่อีกฝ่ายพูดออกมา แสดงว่ามีวิธีการไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่จะไปตอแยด้วย ทำตามอย่างเชื่องฟังคงเป็นหนทางเดียว และ ใช่ว่าจะไม่มีใครคิดโกหก

     

       คนเหล่านั้นหลินมู่สังเกตเห็นอย่างง่ายดาย แต่ไม่พูดอะไรทำเพียงสีหน้าเฉยเมย ไม่สนใจคนเหล่านั้น ผิงฮวาที่พันแผลเสร็จแล้ว กำลังเคี้ยวยาลูกกลอนอยู่ก็เดินมายืนข้างหลินมู่

    มองอาจารย์ของนางอย่างไม่เข้าใจ ว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่ “ในพวกเจ้าเคยฆ่าคนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งความผิดไปแล้ว ให้เดินออกมา…” สิ้นเสียง

     

       โจรเกือบทั้งหมดก็เดินออกมาหนึ่งก้าว หลินมู่ไม่พูดสิ่งใดทำเพียงกวาดสายตามองให้ทั่วก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

    “ในหมู่พวกเจ้าใครเคยฆ่าข่มขืนหญิงสาว…” โจรกว่าครึ่งเดินหน้าออกมาหนึ่งก้าว หลินมู่เหลือบมองพวกที่เดินออกมาสามก้าวด้วยความเย็นเยียบ พร้อมขยับสายตาไปมองพวกสองก้าวบางส่วน

     

       “ในหมู่พวกเจ้าใครประสบเหตุการณ์แตกหักในชีวิต จนต้องมาอยู่จุดนี้ ให้ถอยหลังหนึ่งครั้ง” เมื่อสิ้นคำถามเหล่าโจรก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ไม่นานพวกเขาก็ทำตาม

    พวกคนที่เดินถอยหลังมีไม่มากนัก ทำให้หลินมู่ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะถามคำถามอีกครั้ง “ในหมู่พวกเจ้าคิดว่าตนเองผิดหรือถูก หากคิดว่าตนถูกให้ก้าวขาออกมา หากคิดว่าตนผิดให้ถอนหลัง”

     

      เหล่าโจรเริ่มทำตามอย่างรวดเร็ว พวกที่ฉลาดแกมโกงและพยายามโกหกคำถาม เริ่มเข้าใจแล้วว่าหลินมู่ต้องการทำสิ่งใด จะก้าวก็ไม่ได้เพราะตายแน่นอน จะถอยก็ไม่ได้เพราะต้องเจอกับชะตาที่น่าสังเวชยิ่งกว่าตาย

    พวกเขาจึงได้แต่ยืนอยู่กับที่ ไม่กล้าจะเดืนหน้าหรือถอยหลัง “เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่เดินหรือถอยหลัง?” หลินมู่ถามคำถามขึ้นอย่างกระทันหัน เขายกคิ้วขึ้นสูงมองไปยังโจรหลายสิบคนที่ยืนอยู่กับที่ 

     

       โจรทั้งสิบนั้นก้มหน้าไม่ตอบคำถามใดๆ ได้แต่โทษตนที่โง่เขลาไม่ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา “ช่างเถอะ ข้าไม่ต้องการได้คำตอบอยู่แล้ว…”

    สิ้นเสียงคมกระบี่นับสิบเล่มก็พุ่งออกมาจากดวงตา พุ่งเข้าไปยังห้วงจิตของโจรที่ยืนนิ่งกับที่ ไม่นานร่างของพวกเขาก็ล้มลงตายอย่างรวดเร็ว ไม่มีโอกาสแม้จะต่อรอง

     

       “คำถามสุดท้าย ในนี้พวกเจ้าเสียใจกับการกระทำของตนหรือไม่ หากไม่ให้เดินหน้า หากใช่ให้ถอยหลัง…”

    เหล่าโจรที่เห็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ก็ยิ่งหวาดกลัวพวกเขาไม่อยากตาย จึงรีบตอบคำถามบางคนเดินหน้าบางคนถอยหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด ดวงตาหลายร้อยคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่ม

     

       ที่ราวกับพญายมที่ตัดสินการกระทำของพวกเขา เมื่อเสร็จสิ้นคำถามมีคนที่เดินออกมา 5 ก้าว จำนวน 20 คน ทั้ง 20 คน ถูกหลินมู่ฆ่าโดยไม่พูดอะไร

    ขนาดตอนตายบนใบหน้าของพวกเขา ยังเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนคนที่เหลือที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่สั่นกลัวกับความโหดเหี้ยมของอีกฝ่าย…

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×