ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #100 : ตอนที่ 100 ล้างแค้น

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 66


        ดรุณีน้อยเบิกตาโพลงอย่างตื่นตระหนก มองฝ่ามือที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย กำลังตรงเข้ามาลำคอของตนอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าภายใต้ฮู้ดสีดำของนักลอบสังหารสาว 

    กำลังยกยิ้มอย่างยินดีวาดฝันถึงการต่อลองกับราชายุทธ์ผู้นั้น “บังอาจ!!” แต่ในจังหวะนั้นเองเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ก็ดังขึ้นมาดับความฝันของนางลงในทันที

     

       ร่างโปร่งแสงโผล่ขึ้นมากลางอากาศ ปลดปล่อยแรงอาฆาตและจิตสังหารสูงเสียดฟ้า เงาพร่าเลือนนั้นคือชายวัยกลางคนธรรมดาๆ ที่มีน้ำเสียงทุ้มลึกราวกับผู้มากประสบการณ์

    อีกฝ่ายปรากฏร่างมายาในชุดคลุมน่าเกรงขาม “บังอาจ!! เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์หลานของข้างั้นหรือ!!?” เสียงคำรามของอีกฝ่ายทำให้ดวงวิญญาณของเธอสั่นสะเทือน

     

       แข้งขาอ่อนแรงล้มฟุบนั่งลงตรงนั้น ร่างกายสั่นเทาดวงตาอัดแน่นไปด้วยความกลัว ไม่รู้เหตุใดเธอจึงรู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายมากขนาดนี้ 

    ราวกับมันมาจากสัญชาตญาณ มาจากแก่นของดวงวิญญาณ ดวงตาคู่งามของนางคล้ายมองร่างนั้นปกคลุมไปด้วยออร่า อันน่าสะพรึงกลัว มันเป็นสีดำข้นผสมไปด้วยสีแดงเลือด มาพร้อมเสียงกรีดร้องของปีศาจวิญญาณร้าย

     

       นี่คงอาจจะเป็นผลกระทบ ของการอาศัยอยู่ใต้เหวเป็นเวลาหลายร้อยปีก็ได้ หลัวกงฟานลดแรงกดดันลงเอามือไขว้หลังเชิดหน้า มองลงไปยังนักลอบสังหารสาว

    นางคือต้นเหตุทำให้ศิษย์น้องต้องบาดเจ็บสาหัส และ เกือบทำให้ศิษย์หลานของตนตกอยู่ในอันตราย ตัวอาจารย์ของนางไม่เท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง

     

        แต่ผิงฮวาน้อยกลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เกือบเสียชีวิตลงภายในป่า แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่เขาก็เริ่มรู้สึกรักใคร่เอ็นดูศิษย์หลานผู้นี้บ้างแล้ว

    แม้แรงกดดันของศิษย์พี่หลัวจะลดลงหลายส่วน แต่หัวหน้านักลอบสังหารสาวก็ไม่กล้าขยับ แม้แต่การหายใจยังติดขัด ดวงตาคู่นั้นมองไปยังหลัวกงฟานอย่างสั่นกลัว

     

       “อะไรดลบันดาลให้ท่านออกมากัน…” หลินมู่ใช้วิชาตัวเบาก้าวเพียงไม่กี่สิบก้าว ก็มาปรากฏตัวด้านข้างเด็กสาว ก็ถามศิษย์พี่หลัวอย่างสงสัย

    ดวงตาสีหมึกคู่นั้นจับจ้องไปยังผิงฮวาน้อย ก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน “ข้าขอโทษที่ต้องทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย” ผิงฮวาน้อยเพลิดเพลินไปกับการลูบหัวจากอาจารย์ของนาง

     

       “อืม ข้าเกือบแย่แหนะ แต่ไม่เป็นไร” นางตอบกลับมาอย่างชื่อตรง จนหลินมู่หุบยิ้มไม่ได้ เหมือนใครกันนะความชื่อตรงเช่นนี้

    ตงหยูบินกลับเข้าฟักอย่างว่าง่ายเป็นจังหวะเดียวกันนั้นเอง ที่เหล่านักลอบสังหารตะโกนปลุกใจขึ้นมา “ช่วยท่านหญิง!!” สิ้นเสียงเสียงขลุ่ยอันน่าขนหัวลุกก็ดังขึ้น

     

       สั่งให้พวกซากศพวิญญาณแค้นเข้าโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง “เห้อ….” หลินมู่ถอนหายใจยาวเหยียด ดวงตาสีหมึกคู่นั้นโคจรหมุนวน เปล่งประกายด้วยดวงดาวปลดปล่อยจิตกระบี่เกือบร้อยเล่ม

    พุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง บางคนนั้นไม่มีโอกาสแม้จะร้องออกมาสักแอะ เพียงคมกระบี่โปร่งใสพุ่งผ่านไป ร่างของพวกเขาก็ล้มลงนอนบนฟื้น ขาดใจตายทั้งๆที่ไร้บาดแผล

     

       พริบตาเดียวคนกว่าร้อยกับซากศพอีกจำนวนมาก ก็สิ้นใจตายโดยยังไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว กระบี่โปร่งใสจำนวนหลายร้อยเล่ม พุ่งกลับมาหาหลินมู่มันหมุนวนรอบตัวอีกฝ่ายสักพัก 

    ก่อนจะพุ่งหายไปยังจุดระหว่างคิ้วของชายหนุ่ม “เอาหล่ะ เรามาจัดการเรื่องบุญคุณความแค้นกันดีกว่า” หลินมู่พูดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ขยับมือควบคุมเฮ่ยซานที่ผิงฮวาถืออยู่ กลับเข้าฟักอย่างเป็นธรรมชาติ

     

       นักลอบสังหารสาวริมฝีปากสีแดงดุจกุหลาบของนางสั่นระริก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อชายหนุ่มตรงหน้า เหล่าโจรที่รอดชีวิตมาอย่างงุนงง

    ต่างพากันยืนอ้ำอึ้งไม่กล้าทำอะไร ไม่แม้แต่จะคิดหนีเพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ต่อให้หนีก็หนีไม่พ้น จึงได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าทำอะไรปล่อยให้โชคชะตาและวาสนา ตัดสินจุดจบของตนในครั้งนี้

     

       “ศิษย์พี่ ไปบอกพวกโจรลากศพออกมากองไว้ ข้าต้องจัดการปมปัญหาของนางก่อน” หลินมู่พูดขึ้นพร้อมวางมือลงบนบ่าของดรุณีน้อย “ได้” ศิษย์พี่หลัวตอบกลับอย่างรวดเร็ว

    ปรากฏตัวขึ้นอีกทีก็อยู่ต่อหน้าเหล่าโจรเสียแล้ว “เคารพท่านอาวุโส” เหล่าโจรไม่กล้าต่อต้าน ก้มลงหมอบกราบอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัวในพลังอำนาจ “ขนศพของพวกมันออกไปกองกันเร็วเข้า”

      

       ไม่ต้องให้ศิษย์พี่หลัวพูดพร่ำเพรื่ออะไรอีก เหล่าโจรรีบกุลีกุจอลากร่างของนักลอบสังหาร และ ซากศพวิญญาณแค้นออกไปกองยังลานโล่งเตียนที่เป็นพื้นที่สรภูมิ

    ตัดกลับมาทางอีกฝั่งหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดคลุมเทาขาดรุ่งริ่งสวมเกี๋ยะไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว กำลังก้มหน้าลงจ้องไปยังนักลอบสังหารสาว

     

       “รู้หรือไม่การกระทำของเจ้า วันใดวันหนึ่งมันจะคืนสนอง และ รู้หรือไม่สิ่งที่พวกเจ้าทำอยู่มันชั่วร้ายเพียงใด?” ไม่มีการตอบกลับจากอีกฝ่าย

    ไม่มีแม้แต่การตะโกนกลับมาอย่างประชดประชัน มีเพียงแค่ความเงียบงัน “เช่นนั้น แล้วเหตุใดเหตุใดจึงสังหารพวกเขา? พวกเขาสร้างความเกลียดชังให้พวกเจ้า? พวกเขาทำร้ายพวกเจ้า? แล้วเหตุใดโจรอย่างพวกเจ้าจึงมุ่งมั่น สร้างภัยพิบัติขึ้นมา?”

     

       ทุกคำถามได้คำตอบเพียงแค่ความเงียบงัน หลินมู่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “เอาเถอะในเมื่อเจ้าไม่ตอบ ข้าก็ไม่บังคับถึงอย่างไร ชะตาชีวิตทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ แต่ความผิดของเจ้ามันใหญ่หลวงเกินกว่าจะให้อภัย”

    พูดจบหลินมู่ก็ชักกระบี่ออกจากฟัก เดินเข้าหาร่างที่นั่งนิ่งบนพื้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เดี๋ยวก่อนท่านอาจารย์..” เป็นเด็กสาวที่กล่าวขึ้นมาเสียก่อน ทำให้หลินมู่ต้องหยุดลง

     

       “มีอะไร?" เขาพูดขึ้นโดยไม่หันหลังกลับไปมอง รอฟังคำตอบจากผิงฮวาน้อย  “ข้าจะทำเอง…นางคือคนพังชีวิตข้า ข้าจะพังชีวิตนาง…” หลินมู่เงียบกริบหันหลังกลับมาจ้องตากับเด็กสาว

    “เจ้ารับความรู้สึกหลังจากนั้นได้หรือ? ทั้งความเศร้า โกรธ ทุกข์ ดีใจ ว่างเปล่า และ สงสัย มันจะประเดประดังเข้ามาหาเจ้ารวดเดียว เจ้ารับไหวหรือ?” 

     

       เด็กสาวก้มหน้าลงแต่ไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาอันมุ่งมั่นของนางคือคำตอบ “เช่นนั้นก็ได้” ชายหนุ่มยื่นกระบี่ให้เด็กสาวโดยไม่พูดอะไรอีก

    ร่างเล็กผอมแห้งนั้นก้าวขาออกไปเอื้อมมือไปกุมด้ามกระบี่ ยกกระบี่ที่มีใบขาวดุจหิมะสะท้อนกับแสงแดดยามเย็น เดินตรงเข้าหานักลอบสังหารสาว

     

       “นางมารร้าย วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้ท่านพ่อท่านแม่ ครอบครัวของข้าหมู่บ้านของข้า เหล่าคนบริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าสังฆ่าอย่างเลือดเย็น” นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือดวงตาแดงก่ำ มือกุมกระบี่แน่นจ้องเขม็งไปยังนักลอบสังหารสาว

    อีกฝ่ายมีปฎิกริยาเล็กน้อย นางค่อยๆเงยหน้ามาจ้องตากับเด็กสาว ก่อนจะแสดงรอยยิ้มที่ไม่เข้าใจออกมา “ในเมื่อข้าลงมือไปแล้ว ก็ไม่เคยย้อนกลับไปเสียใจ แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม…”

     

       สิ้นเสียงของอีกฝ่ายผิงฮวาก็ราวกับกลายเป็นภูเขาที่ถูกปะทุ คมกระบี่สีขาวดุจหิมะฟาดลงมาปาดลำคอของอีกนาง เลือดสีแดงสดไหลชโลมทั่วทั้งชุดคลุมสีดำ ร่างของนางล้มลงนอนบนพื้น ใบหน้างดงามภายใต้ฮู้ดดำ เผยออกมา

    ดวงตาที่ไม่มีทั้งโกรธ เศร้า มีแต่ความเสียใจ เสียใจที่วันนั้นปล่อยให้นังเด็กเหลือขอรอดไปได้ จนกลับมาวันนี้อีกฝ่ายออกกระบี่สังหารตนเพื่อแก้แค้น

     

       ผิงฮวามองร่างของอีกฝ่ายอย่างนิ่งงัน สักพักอารมณ์มากมายก็ประเดประดังเข้ามา ร่างเล็กนั้นล้มลงบนพื้นร้องไห้คร่ำครวญ เม็ดน้ำตาไหลลงมาตามใบหน้า

    หยดลงบนพื้นชโลมความเสียใจและอารมณ์อันมากมายของนาง ลงบนฝืนดินที่ครั้งหนึ่งนายเคยมีความสุข เสียงร้องไห้ของเด็กสาวดังไปทั่วผืนป่า ปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่หลายเดือน 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×