ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เซียนกระบี่

    ลำดับตอนที่ #1 : [ภาค 1 ต่างภพต่างแดน] ตอนที่ 1 ค่ายกลโบราณ

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 65


       ใจกลางทวีปหลิวซู แท่นพิธีกรรมบนยอดสุดของภูเขาท้าสวรรค์ ที่ใจกลางมีแท่นพิธีสีขาวนวลเสมือนจันทรายามค่ำคื่น

    ร่างมนุษย์ชายสามหญิงสอง จำนวนห้าคนกำลังยืนเป็นวงกลมรอบ เสาเข็มสีทองที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้มาแล้วนานเท่าไหน

     

       “ใกล้แล้ว…” หนึ่งในห้าผู้แกร่งกล้า และเป็นสตรีเพียงสองคนภายในกลุ่ม พูดขึ้นพร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้า

    ที่เริ่มเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด เธอสวมใส่ชุดคลุมสีชมพูขาวปักรวดลายราวกับดอกบัว 

     

       เพียงสายลมพัดผ่านก็เสมือนมีกลิ่นดอกบัวอ่อนๆ ลอยไปตามสายลมจากชุดคลุมตัวนั้น เรือนผมสีชมพูอ่อนๆยาวจนถึงแผ่นหลัง

    เธอม้วนผมและปักด้วยปิ่นหยกสีเขียวสดใส ดวงตาสีชมพูของเธอจ้องมองท้องฟ้าอย่างไม่วางตา

     

       “ท่านหญิงจากตระกูลเหลียนฮวา พูดถูกมันกำลังมา โชควาสนาครั้งนี้ ทั้งห้าตระกูลต้องคว้าไว้ให้ได้!!”

    ชายชราร่างกำยำสูงสองเมตรหัวล้านเกลี้ยงเกลาพูดขึ้นด้วยเสียงดังสนั่น ร่างกายอันบึกบึนและอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

     

        ภายใต้ชุดสีเทากำลังกระตุกด้วยความกังวล ใบหน้าของชายชราเองก็กังวลใช่น้อย 

    ด้านข้างมีชายชราชุดคลุมขาว หนวดเครายาวคล้ายใบหลิว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา

     

        ชายชราแต่งตัวเสมือนเทพเซียนบนเขา ถือแส้หางม้าสีขาวด้ามจับแกะสลักด้วยลวดลายน่าพิศวง

    ปากของชายชราขมุบขมิบคล้ายกำลังอนุมานทำนายบางอย่าง ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมลูบเครายาวขาวของตน

     

        “วาสนาอันดี!! หากเราสามารถใช้งานแท่นพิธีจากยุคก่อนอันนี้ได้ วาสนาที่จะทำให้รุ่งเรืองนับพันปีก็จะมาถึง!”

    ชายชราดุจเทพเซียนพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เป็นขณะเดียวกันที่ลมและเมฆบนท้องฟ้าเริ่มแปรปรวน

     

        อัสนีแปลบปลาบเสมือน เทพเซียน และ เจียวหลง ปะหัตถ์ประหารกันในหมู่เมฆ

    ทำเอาจิตใจของผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ อัดแน่นไปด้วยความกังวลว่าจะมีอัสนีสายใหญ่ฟาดลงหัวพวกตนหรือไม่

     

       ไม่เพียงแต่เหล่าผู้แกร่งกล้าจากห้าตระกูล ที่อยู่บนยอดสุดของภูเขาท้าสวรรค์

    ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายจากห้าตระกูลบริเวณตีนเขา พวกเขามองเมฆดำด้วยสายตาเคร่งเครียด

     

       เสียงอัสนีกัมปนาทเสมือนยักษ์สายฟ้ากำลังตีกลอง สั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นฟ้า

    ณ เวลานี้ ห้าตระกูลมหาอำนาจจากทวีปหลิวซู รวมตัวกันใช้ค่ายกลโบราณเพื่อไขว่คว้าโชควาสนา

     

        ตระกูลเหลียนฮวา ตระกูลกู่ ตระกูลต้าเจียง ตระกูลเป่ย และ ตระกูลไป๋ 

    พวกเขารวมตัวกันเพื่อไขว่คว้าโชควาสนาอันไร้ขอบเขต ถึงแม้ภายในจิตใจจะกังวล แต่หากไม่เสี่ยงก็ไม่อาจคว้าโชควาสนาก้อนโต

     

        “ถึงเวลาแล้ว…” หญิงชราสวมชุดคลุมคล้ายแม่มดหมอผีพูดขึ้น 

    มืออันเหี่ยวแห้งของนางกำไม้เท้าแน่น ขณะเดียวกันพลังปราณในฟ้าดินเริ่มแปรปรวนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

        ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันมืดสลัวไร้ซึ่งความอบอุ่น มีเพียงแสงประกายแปลบปลาบในหมู่เมฆ

    “ตอนนี้แหละ!!” ชายชราในชุดคลุมเมฆสีครามพูดขึ้น ก่อนพลังปราณอันมหาศาลจากห้าผู้แกร่งกล้าจะปะทุออกมา

     

       คลื่นลมปราณห้าเฉดสีตัดสลับกันไปมา ทำให้เกิดภาพชวนเคลิบเคลิ้มยิ่ง 

    ทั้งห้าผู้แกร่งกล้าคือตัวตนบนจุดสูงสุดของทวีปหลิวซู ด้วยตบะลมปราณนับร้อยปีจึงมิมีใครกล้าท้าทาย 

     

       จักรพรรดิยุทธ์ทั้งห้า เพื่อโอกาสในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธ์ พวกเขาจึงมายังที่แห่งนี้เพื่อไขว่คว้าโชควาสนา

    โชควาสนาอันยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาทั้งห้าตระกูลจะจัดสรรปันส่วนกันเอง ไม่มีใครจะได้แบ่งน้ำแกงหม้อนี้นอกจากพวกเขา

     

        คลื่นลมปราณห้าเฉดสีหลั่งไหลเข้าไปภายในเสาเข็มทองคำ เป็นพลังงานขับเคลื่อนกลไกค่ายกลจากอดีตกาล

    อักขระสีทองเปล่งประกายขยุกขยิกไปมาจนน่าขนลุก เสียงฟันเฟืองขนาดมหึมาดังขึ้นกลไกขนาดใหญ่ ก็เริ่มหมุนแท่นพิธีไปตามเข็มนาฬิกา

     

        เป็นจังหวะเดียวกันบนฝากฟ้าที่มืดครึ้ม เริ่มเกิดวังวนราวกับพายุสายฟ้า เสมือนความพิโรธของเทพอัสนี

    เหล่าผู้คนใต้ภูเขามองปรากฎการณ์นี้อย่างหวั่นเกรง สายตาของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว

     

       เสาเข็มสีทองที่เปล่งประกายสาดแสงเจิดจ้า ตัวอักษรแปลกประหลาดปรากฏขึ้นรอบแท่นพิธี

    คลื่นลมโหมสาดซัดเสมือนเทพวายุกำลังแสดงอภินิหาร ทันใดนั้นเองเสาเข็มสีทองก็ยิงเสาแสงสีทองขึ้นสู่ฝากฟ้า

     

        ราวกับฟ้าดินบรรจบถูกเชื่อมต่อด้วยสะพานสวรรค์สีทองแสนงดงาม 

    เสียงฟ้าร้องครืนครั่นราวกับฟ้าดินแห่งนี้มิเต็มใจ เส้นสายฟ้าขนาดมหึมาราวกับมังกรยักษ์ฟาดใส่เสาเข็ม

     

       แต่เสาเข็มเองก็ไม่ได้หวั่นเกรง มันเปล่งแสงเจิดจ้ามากขึ้นโดยเผาไหม้ลมปราณจากห้าผู้แกร่งกล้า

    พรวด!! หญิงชราจากตระกูลเป่ยกระอักเลือดสีแดงสดออกมา ใบหน้าของเธอซีดเผือดร่างกายสั่นเทา ราวกับเธอแก่ลงไปหลายปี

     

       “เป่ยฮัวตู๋ เจ้าไม่ไหวแล้วรึไง!?” ชายชราร่างกำยำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หุบปากตาเฒ่า ข้าเป่ยฮัวตู๋ ไม่ต้องให้เจ้า กู่ไห่ปา มาเป็นห่วง!”

    เธอกระแทกแดกดันกลับก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันคนที่เด็กที่สุดภายในกลุ่ม

     

       อย่าง เหลียนฮวาเม่ยลี่ ใบหน้าของนางเองก็เริ่มซีดเผือดลมปราณปั่นป่วน หากเกิดอะไรขึ้นอาจจะกระทบกับรากฐานในอนาคต

    อีกสองคนที่เหลือก็ไม่ต่างกันนัก ชายชราทั้งสองขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเริ่มประสานมือใช้เทคนิคเคล็ดวิชาของตนเอง

     

       ชายชราชุดคลุมเมฆสีคราม โบกสะบัดแขนเสื้อประสานฝ่ามือ ปลดปล่อยลมปราณรูปลักษณ์คล้ายเมฆหมอกออกมาราวกับคลื่นทะเลสาดซัด

    เป็นขณะเดียวกับชายชราคล้ายเทพเซียน โบกแส้หางม้าในมือตนปลดปล่อยลมปราณขาวพิสุทธิ์ออกมาสายหนึ่ง

     

        เมื่อเสาเข็มทองคำได้รับปราณเพิ่มมากขึ้น มันก็ยิ่งเปล่งแสงละลานตาออกมา เมฆสายฟ้าเริ่มถูกแสงของมันผลักดันกลับไป

    ทิ้งไว้เพียงเสียงดังสะท้านราวกับท้องฟ้าปริแตก เป็นจังหวะเดียวกันที่เสาเข็มทองคำดูดกลืนปราณของห้าผู้แกร่งกล้าจนแห้งขอด

     

        ทั้งห้าล้มลงบนพื้นกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ ใบหน้าซีดเซียวดวงตาสั่นระริกด้วยความตื่นตระหนก คล้ายว่าขอบเขตบ่มเพาะจะร่วงลงมา

    เมื่อไม่มีเชื้อเพลิงมาเติมอีก กลไกภายใต้เสาเข็มทองคำก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ สาดแสงเจ็ดสีแสดงอำนาจอันน่าครั่นคร้ามของตน

     

        เสาแสงสีทองที่เชื่อมต่อกับฝากฟ้าเองก็เริ่มเปล่งแสงเจิดจ้า เพียงชั่วพริบตาแสงสว่างก็ปะทุขึ้นจนวิสัยทัศน์ขาวโพลน

    ทำให้ทั้งห้าคนยกมือขึ้นมาปิดตาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อแสงหายไปมันก็หอบเอาปรากฏการณ์ฟ้าดินหายไปอย่างไร้ร่องรอย

     

       ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆฝนดวงอาทิตย์ดวงโตแขวนอยู่บนฝากฟ้า เสาเข็มทองคำก็หายไปเสมือนมันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน

    รวมถึงแท่นหินแห่งนี้ที่กลายเป็นเพียงแท่นธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือคนหนุ่มสาวในชุดประหลาด

     

       จำนวนสามร้อยกว่าชีวิต พวกเขาพึมพำมองหน้ากันไปมาด้วยความตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่เหล่าห้าผู้แกร่งกล้า

    ที่ถลึงตามองคนหนุ่มสาวเหล่านั้น “ฮ่าฮ่าฮ่า โชควาสนาที่ว่าไม่ใช่ของพวกเรา แต่เป็นของเด็กเหล่านั้นสินะ จุจุจุ”

     

       ชายชราคล้ายเทพเซียนพูดขึ้นพร้อมจุปากอย่างเสียดาย “ท่านปรมาจารย์ไท่เซี่ย นี้หรือวาสนาค้ำฟ้าที่ท่านกล่าว?”

    ชายชราชุดคลุมเมฆสีครามพูดขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ “นี้แหละวาสนา ข้า ต้าเจียงไท่เซี่ย ขอยืนยัน เจ้าไม่เชื่อใจข้ารึ ไป๋หยุนเฉิน?”

     

        ชายชราคล้ายเทพเซียนพูดขึ้นพร้อมกับยืนขึ้นเอามือขัดหลัง และลูบเคราสีขาวโพลนคล้ายใบหลิวของตน

    “โชควาสนาที่ว่าสามารถแบกค้ำตระกูลไปพันปี คืออย่างงี้เองสินะ” กู่ไห่ปาพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว

     

        มีเพียงเหลียนฮวาเม่ยลี่ที่ไม่พูดจาสิ่งใด แต่ดวงตาของเธอกลับอัดแน่นไปด้วยความผิดหวังเหนือคณานับ

    ขณะที่เหล่าห้าผู้แกร่งกล้าปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหล่าหนุ่มสาวร่วมสามร้อยกว่าชีวิต

     

        ก็กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่อึดใจก่อนพวกเขายังมองปรากฏสุริยุปราคาอยู่เลย

    แต่เหตุไฉนจึงมาโผล่ในที่ประหลาดแห่งนี้ “มู่มู่ ดูห้าคนนั้นสิกำลังถ่ายหนังอยู่หรอ?” 

     

       หญิงสาวหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลผูกผมหางม้า กระตุกแขนเสื้อของชายหนุ่มที่ตนเรียกว่ามู่มู่ ก่อนจะชี้นิ้วไปทางห้าผู้แกร่งกล้าที่อยู่ไม่ไกล

    ชายหนุ่มมีผมสีดำเงางาม ดวงตาสีหมึกแฝงไปด้วยความสงสัย ใบหน้าธรรมดาออกไปทางหล่อเหลาเล็กน้อย

     

        ร่างกายสมส่วนค่อนข้างสูงเล็กน้อย สวมใส่ชุดนักเรียนฤดูร้อนของโรงเรียน ใช้สายตาสงสัยและใคร่รู้ของตนจ้องมองไปทางห้าผู้แกร่งกล้า

    “ไม่รู้สิ ฉันว่าสถานการณ์มันแปลกๆ หัวหน้าห้องลองไปถามคนอื่นดู” หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ชายหนุ่มเรียกว่าหัวหน้าห้องพยักหน้า

     

        ก่อนจะเดินไปถามคนอื่นภายในห้อง เสียงซุบซิบของเหล่านักเรียนดังขึ้น “โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลยแหะ ของใครมีสัญญาณบ้าง!?” บ้างก็ตะโกนสอบถามคนอื่น

    หลินมู่มองรอบข้างด้วยสายตานิ่งสงบ แต่ภายในใจลึกๆกลับมีคลื่นน้ำสาดซัด เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ไหนกันแน่

     

        ในขณะที่อีกกลุ่มกำลังตื่นตระหนก อีกกลุ่มกลับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี้เป็นการข้ามโลกกัน!? 

    ความคิดผุดขึ้นมาในหัวคนเหล่านั้น หลินมู่เริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ คนปริศนาทั้งห้าที่เหมือนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เริ่มหันมามองทางพวกตนแล้ว….

       

     

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×