คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [ภาค 1 ต่างภพต่างแดน] ตอนที่ 1 ค่ายกลโบราณ
ใจกลางทวีปหลิวซู แท่นพิธีกรรมบนยอดสุดของภูเขาท้าสวรรค์ ที่ใจกลางมีแท่นพิธีสีขาวนวลเสมือนจันทรายามค่ำคื่น
ร่างมนุษย์ชายสามหญิงสอง จำนวนห้าคนกำลังยืนเป็นวงกลมรอบ เสาเข็มสีทองที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้มาแล้วนานเท่าไหน
“ใกล้แล้ว…” หนึ่งในห้าผู้แกร่งกล้า และเป็นสตรีเพียงสองคนภายในกลุ่ม พูดขึ้นพร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้า
ที่เริ่มเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด เธอสวมใส่ชุดคลุมสีชมพูขาวปักรวดลายราวกับดอกบัว
เพียงสายลมพัดผ่านก็เสมือนมีกลิ่นดอกบัวอ่อนๆ ลอยไปตามสายลมจากชุดคลุมตัวนั้น เรือนผมสีชมพูอ่อนๆยาวจนถึงแผ่นหลัง
เธอม้วนผมและปักด้วยปิ่นหยกสีเขียวสดใส ดวงตาสีชมพูของเธอจ้องมองท้องฟ้าอย่างไม่วางตา
“ท่านหญิงจากตระกูลเหลียนฮวา พูดถูกมันกำลังมา โชควาสนาครั้งนี้ ทั้งห้าตระกูลต้องคว้าไว้ให้ได้!!”
ชายชราร่างกำยำสูงสองเมตรหัวล้านเกลี้ยงเกลาพูดขึ้นด้วยเสียงดังสนั่น ร่างกายอันบึกบึนและอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
ภายใต้ชุดสีเทากำลังกระตุกด้วยความกังวล ใบหน้าของชายชราเองก็กังวลใช่น้อย
ด้านข้างมีชายชราชุดคลุมขาว หนวดเครายาวคล้ายใบหลิว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา
ชายชราแต่งตัวเสมือนเทพเซียนบนเขา ถือแส้หางม้าสีขาวด้ามจับแกะสลักด้วยลวดลายน่าพิศวง
ปากของชายชราขมุบขมิบคล้ายกำลังอนุมานทำนายบางอย่าง ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมลูบเครายาวขาวของตน
“วาสนาอันดี!! หากเราสามารถใช้งานแท่นพิธีจากยุคก่อนอันนี้ได้ วาสนาที่จะทำให้รุ่งเรืองนับพันปีก็จะมาถึง!”
ชายชราดุจเทพเซียนพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เป็นขณะเดียวกันที่ลมและเมฆบนท้องฟ้าเริ่มแปรปรวน
อัสนีแปลบปลาบเสมือน เทพเซียน และ เจียวหลง ปะหัตถ์ประหารกันในหมู่เมฆ
ทำเอาจิตใจของผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ อัดแน่นไปด้วยความกังวลว่าจะมีอัสนีสายใหญ่ฟาดลงหัวพวกตนหรือไม่
ไม่เพียงแต่เหล่าผู้แกร่งกล้าจากห้าตระกูล ที่อยู่บนยอดสุดของภูเขาท้าสวรรค์
ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายจากห้าตระกูลบริเวณตีนเขา พวกเขามองเมฆดำด้วยสายตาเคร่งเครียด
เสียงอัสนีกัมปนาทเสมือนยักษ์สายฟ้ากำลังตีกลอง สั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นฟ้า
ณ เวลานี้ ห้าตระกูลมหาอำนาจจากทวีปหลิวซู รวมตัวกันใช้ค่ายกลโบราณเพื่อไขว่คว้าโชควาสนา
ตระกูลเหลียนฮวา ตระกูลกู่ ตระกูลต้าเจียง ตระกูลเป่ย และ ตระกูลไป๋
พวกเขารวมตัวกันเพื่อไขว่คว้าโชควาสนาอันไร้ขอบเขต ถึงแม้ภายในจิตใจจะกังวล แต่หากไม่เสี่ยงก็ไม่อาจคว้าโชควาสนาก้อนโต
“ถึงเวลาแล้ว…” หญิงชราสวมชุดคลุมคล้ายแม่มดหมอผีพูดขึ้น
มืออันเหี่ยวแห้งของนางกำไม้เท้าแน่น ขณะเดียวกันพลังปราณในฟ้าดินเริ่มแปรปรวนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันมืดสลัวไร้ซึ่งความอบอุ่น มีเพียงแสงประกายแปลบปลาบในหมู่เมฆ
“ตอนนี้แหละ!!” ชายชราในชุดคลุมเมฆสีครามพูดขึ้น ก่อนพลังปราณอันมหาศาลจากห้าผู้แกร่งกล้าจะปะทุออกมา
คลื่นลมปราณห้าเฉดสีตัดสลับกันไปมา ทำให้เกิดภาพชวนเคลิบเคลิ้มยิ่ง
ทั้งห้าผู้แกร่งกล้าคือตัวตนบนจุดสูงสุดของทวีปหลิวซู ด้วยตบะลมปราณนับร้อยปีจึงมิมีใครกล้าท้าทาย
จักรพรรดิยุทธ์ทั้งห้า เพื่อโอกาสในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธ์ พวกเขาจึงมายังที่แห่งนี้เพื่อไขว่คว้าโชควาสนา
โชควาสนาอันยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาทั้งห้าตระกูลจะจัดสรรปันส่วนกันเอง ไม่มีใครจะได้แบ่งน้ำแกงหม้อนี้นอกจากพวกเขา
คลื่นลมปราณห้าเฉดสีหลั่งไหลเข้าไปภายในเสาเข็มทองคำ เป็นพลังงานขับเคลื่อนกลไกค่ายกลจากอดีตกาล
อักขระสีทองเปล่งประกายขยุกขยิกไปมาจนน่าขนลุก เสียงฟันเฟืองขนาดมหึมาดังขึ้นกลไกขนาดใหญ่ ก็เริ่มหมุนแท่นพิธีไปตามเข็มนาฬิกา
เป็นจังหวะเดียวกันบนฝากฟ้าที่มืดครึ้ม เริ่มเกิดวังวนราวกับพายุสายฟ้า เสมือนความพิโรธของเทพอัสนี
เหล่าผู้คนใต้ภูเขามองปรากฎการณ์นี้อย่างหวั่นเกรง สายตาของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว
เสาเข็มสีทองที่เปล่งประกายสาดแสงเจิดจ้า ตัวอักษรแปลกประหลาดปรากฏขึ้นรอบแท่นพิธี
คลื่นลมโหมสาดซัดเสมือนเทพวายุกำลังแสดงอภินิหาร ทันใดนั้นเองเสาเข็มสีทองก็ยิงเสาแสงสีทองขึ้นสู่ฝากฟ้า
ราวกับฟ้าดินบรรจบถูกเชื่อมต่อด้วยสะพานสวรรค์สีทองแสนงดงาม
เสียงฟ้าร้องครืนครั่นราวกับฟ้าดินแห่งนี้มิเต็มใจ เส้นสายฟ้าขนาดมหึมาราวกับมังกรยักษ์ฟาดใส่เสาเข็ม
แต่เสาเข็มเองก็ไม่ได้หวั่นเกรง มันเปล่งแสงเจิดจ้ามากขึ้นโดยเผาไหม้ลมปราณจากห้าผู้แกร่งกล้า
พรวด!! หญิงชราจากตระกูลเป่ยกระอักเลือดสีแดงสดออกมา ใบหน้าของเธอซีดเผือดร่างกายสั่นเทา ราวกับเธอแก่ลงไปหลายปี
“เป่ยฮัวตู๋ เจ้าไม่ไหวแล้วรึไง!?” ชายชราร่างกำยำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หุบปากตาเฒ่า ข้าเป่ยฮัวตู๋ ไม่ต้องให้เจ้า กู่ไห่ปา มาเป็นห่วง!”
เธอกระแทกแดกดันกลับก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันคนที่เด็กที่สุดภายในกลุ่ม
อย่าง เหลียนฮวาเม่ยลี่ ใบหน้าของนางเองก็เริ่มซีดเผือดลมปราณปั่นป่วน หากเกิดอะไรขึ้นอาจจะกระทบกับรากฐานในอนาคต
อีกสองคนที่เหลือก็ไม่ต่างกันนัก ชายชราทั้งสองขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเริ่มประสานมือใช้เทคนิคเคล็ดวิชาของตนเอง
ชายชราชุดคลุมเมฆสีคราม โบกสะบัดแขนเสื้อประสานฝ่ามือ ปลดปล่อยลมปราณรูปลักษณ์คล้ายเมฆหมอกออกมาราวกับคลื่นทะเลสาดซัด
เป็นขณะเดียวกับชายชราคล้ายเทพเซียน โบกแส้หางม้าในมือตนปลดปล่อยลมปราณขาวพิสุทธิ์ออกมาสายหนึ่ง
เมื่อเสาเข็มทองคำได้รับปราณเพิ่มมากขึ้น มันก็ยิ่งเปล่งแสงละลานตาออกมา เมฆสายฟ้าเริ่มถูกแสงของมันผลักดันกลับไป
ทิ้งไว้เพียงเสียงดังสะท้านราวกับท้องฟ้าปริแตก เป็นจังหวะเดียวกันที่เสาเข็มทองคำดูดกลืนปราณของห้าผู้แกร่งกล้าจนแห้งขอด
ทั้งห้าล้มลงบนพื้นกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ ใบหน้าซีดเซียวดวงตาสั่นระริกด้วยความตื่นตระหนก คล้ายว่าขอบเขตบ่มเพาะจะร่วงลงมา
เมื่อไม่มีเชื้อเพลิงมาเติมอีก กลไกภายใต้เสาเข็มทองคำก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ สาดแสงเจ็ดสีแสดงอำนาจอันน่าครั่นคร้ามของตน
เสาแสงสีทองที่เชื่อมต่อกับฝากฟ้าเองก็เริ่มเปล่งแสงเจิดจ้า เพียงชั่วพริบตาแสงสว่างก็ปะทุขึ้นจนวิสัยทัศน์ขาวโพลน
ทำให้ทั้งห้าคนยกมือขึ้นมาปิดตาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อแสงหายไปมันก็หอบเอาปรากฏการณ์ฟ้าดินหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆฝนดวงอาทิตย์ดวงโตแขวนอยู่บนฝากฟ้า เสาเข็มทองคำก็หายไปเสมือนมันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
รวมถึงแท่นหินแห่งนี้ที่กลายเป็นเพียงแท่นธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือคนหนุ่มสาวในชุดประหลาด
จำนวนสามร้อยกว่าชีวิต พวกเขาพึมพำมองหน้ากันไปมาด้วยความตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่เหล่าห้าผู้แกร่งกล้า
ที่ถลึงตามองคนหนุ่มสาวเหล่านั้น “ฮ่าฮ่าฮ่า โชควาสนาที่ว่าไม่ใช่ของพวกเรา แต่เป็นของเด็กเหล่านั้นสินะ จุจุจุ”
ชายชราคล้ายเทพเซียนพูดขึ้นพร้อมจุปากอย่างเสียดาย “ท่านปรมาจารย์ไท่เซี่ย นี้หรือวาสนาค้ำฟ้าที่ท่านกล่าว?”
ชายชราชุดคลุมเมฆสีครามพูดขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ “นี้แหละวาสนา ข้า ต้าเจียงไท่เซี่ย ขอยืนยัน เจ้าไม่เชื่อใจข้ารึ ไป๋หยุนเฉิน?”
ชายชราคล้ายเทพเซียนพูดขึ้นพร้อมกับยืนขึ้นเอามือขัดหลัง และลูบเคราสีขาวโพลนคล้ายใบหลิวของตน
“โชควาสนาที่ว่าสามารถแบกค้ำตระกูลไปพันปี คืออย่างงี้เองสินะ” กู่ไห่ปาพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว
มีเพียงเหลียนฮวาเม่ยลี่ที่ไม่พูดจาสิ่งใด แต่ดวงตาของเธอกลับอัดแน่นไปด้วยความผิดหวังเหนือคณานับ
ขณะที่เหล่าห้าผู้แกร่งกล้าปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหล่าหนุ่มสาวร่วมสามร้อยกว่าชีวิต
ก็กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่อึดใจก่อนพวกเขายังมองปรากฏสุริยุปราคาอยู่เลย
แต่เหตุไฉนจึงมาโผล่ในที่ประหลาดแห่งนี้ “มู่มู่ ดูห้าคนนั้นสิกำลังถ่ายหนังอยู่หรอ?”
หญิงสาวหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลผูกผมหางม้า กระตุกแขนเสื้อของชายหนุ่มที่ตนเรียกว่ามู่มู่ ก่อนจะชี้นิ้วไปทางห้าผู้แกร่งกล้าที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มมีผมสีดำเงางาม ดวงตาสีหมึกแฝงไปด้วยความสงสัย ใบหน้าธรรมดาออกไปทางหล่อเหลาเล็กน้อย
ร่างกายสมส่วนค่อนข้างสูงเล็กน้อย สวมใส่ชุดนักเรียนฤดูร้อนของโรงเรียน ใช้สายตาสงสัยและใคร่รู้ของตนจ้องมองไปทางห้าผู้แกร่งกล้า
“ไม่รู้สิ ฉันว่าสถานการณ์มันแปลกๆ หัวหน้าห้องลองไปถามคนอื่นดู” หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ชายหนุ่มเรียกว่าหัวหน้าห้องพยักหน้า
ก่อนจะเดินไปถามคนอื่นภายในห้อง เสียงซุบซิบของเหล่านักเรียนดังขึ้น “โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลยแหะ ของใครมีสัญญาณบ้าง!?” บ้างก็ตะโกนสอบถามคนอื่น
หลินมู่มองรอบข้างด้วยสายตานิ่งสงบ แต่ภายในใจลึกๆกลับมีคลื่นน้ำสาดซัด เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ไหนกันแน่
ในขณะที่อีกกลุ่มกำลังตื่นตระหนก อีกกลุ่มกลับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี้เป็นการข้ามโลกกัน!?
ความคิดผุดขึ้นมาในหัวคนเหล่านั้น หลินมู่เริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ คนปริศนาทั้งห้าที่เหมือนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เริ่มหันมามองทางพวกตนแล้ว….
ความคิดเห็น