ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Sky : Children of the light] OS/SF

    ลำดับตอนที่ #3 : 0 3 • Disintegrate [Re-write]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 64


    0 3 • Disintegrate

     

     

    ในดินแดนแห่งท้องฟ้า หลายคนมีคู่หูรู้ใจคอยผจญภัยไปด้วยกัน บางคนมีครอบครัวคอยช่วยกันประคับคองกันเติบโต บางคนก็ฉายเดี่ยวเดินทางไปมาเพียงลำพัง

     

    เอ็กโซเซียร์เป็นในบรรดาผู้คนที่เดินทางเพียงลำพัง

     

    เพียงแต่ครั้งหนึ่งเธอเคยมีครอบครัวดังเช่นเด็กน้อยผู้กำเนิดจากแสงคนอื่นๆ ...

     

    บทเพลงบรรเลงขึ้นอย่างเงียบงัน หญิงสาวผู้โศกศัลย์ยังคงเฝ้ารอและตามหาน้องชายที่หายตัวไปในดินแดนซากอารย ...

     

    เธอผู้เคยสดใสเช่นดอกไม้แรกแย้มและสุกสกาวเช่นดวงดาวได้แปรเปลี่ยนและโรยรา

     

    ท้ายที่สุดก็แตกสลาย ว่างเปล่าไร้สิ่งใดยึดเหนี่ยว ...

     

    .

    .

     

    นานมาแล้ว เอ็กโซเซียร์เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่ยังคงไร้เดียงสาเช่นผ้าขาวและสว่างไสวงดงามดังดวงดาวส่องประกายบนฟากฟ้า

     

    เธอเพียงเป็นเด็กน้อยที่ยังคงไร้เดียงสาที่เติบโตขึ้นกับพรสวรรค์เช่นเดียวกับเด็กๆ คนอื่นๆ เท่านั้น

     

    เด็กสาวมีพรสวรรค์ของนักประดิษฐ์ ทุกเครื่องดนตรีที่เธอสรรสร้างขึ้นมาล้วนแต่แตกต่างจากเครื่องดนตรีทั่วๆ ไป พวกมันล้วนแต่มีเสียงที่ใสกังวาลสลักลงไปในใจของเหล่านักดนตรีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังเสมอ

     

    พวกมันเป็นที่แย่งชิงของเหล่านักดนตรีเสมอยามเมื่อมีข่าวว่าเอ็กโซเซียร์สร้างเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ๆ ออกมา เพียงแต่แย่งชิงไปก็ไม่ได้อะไรเพราะเอ็กโซเซียร์จะเป็นคนเลือกเจ้าของให้กับเครื่องดนตรีของเธอเอง

     

    ยังไม่เพียงแค่นั้น นานๆ ครั้งเสียงเพลงถูกบรรเลงขึ้นใน Golden wasteland ...

     

    เพราะเอ็กโซเซียเป็นทั้งนักดนตรีและนักแต่งเพลงคนหนึ่งด้วย บทเพลงของเธอล้วนแต่ไพเราะราวกับว่ามีเวทมนต์

     

    บางคนพากันเล่าว่าบทเพลงของเธอขับกล่อมได้แม้กระทั่งมังกรทมิฬที่กำลังหิวโหยให้สงบลงได้ บางคนก็เล่าว่าบทเพลงของเธอทำได้กระทั่งส่งมันลงสู่นิทรา ...

     

    .

    .

     

    วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เอ็กโซเซียกลับเข้ามายังสถานที่ที่เธอเรียกได้ไม่เต็มปากว่าบ้าน ทุกคราที่เข้ามาก็เพื่อที่จะลองบรรเลงเพลงบทใหม่หรือลองใช้เครื่องดนตรีชิ้นใหม่เท่านั้น ...

     

    ปลายนิ้วจรดลงบนสายพิณชิ้นใหม่ที่เธอสร้างขึ้น บทเพลงจึงเริ่มบรรเลง เด็กสาวที่เริ่มใช้สมาธิไปกับบทเพลงและการตรวจสอบเสียงของเครื่องดนตรีชิ้นใหม่จึงไม่ได้สังเกตุว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งที่เข้ามานั่งฟังบทเพลงของเธอตั้งแต่เริ่ม

     

    แต่แล้วบทเพลงของเอ็กโซเซียก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับเด็กสาวเมื่อมังกรทมิฬทั้งสามที่มักจะคอยบินวนเวียนสอดส่องหาเด็กแห่งแสงอย่างพวกเธอเริ่มลอยตัวลงต่ำ

     

    ดวงตาที่มักจะสาดแสงสีฟ้าไปบนร่างของพวกเธอนั้นเริ่มที่จะหรี่ลงท้ายที่สุดมันก็ปิดลงไปพร้อมกับพวกมันที่จมลงสู่ห้วงนิทรา

     

    เรื่องเล่าที่ไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ เพียงแต่มันยังเป็นความจริงอีกด้วย ... ความจริงที่ถูกนำมาโยนลงตรงหน้าของเด็กสาวที่คิดว่าแค่จะเข้ามานั่งฟังเพลงของคนแปลกหน้าเท่านั้น ...

     

    " มาทำอะไรที่นี่ ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย? "

     

    เอ็กโซเซียร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างราบเรียบโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองร่างของเด็กน้อยที่เบื้องหลังของเธอ เธอเพียงหยิบขลุ่ยอีกอันออกมาลองเล่นดูเท่านั้น

     

    " พ เพลงของคุณเพราะมากเลยนะ! "

     

    เอ็กโซเซียร์เพียงผงกศรีษะให้กับเด็กคนนั้นไปเท่านั้นแล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพลงอีกบทกำลังจะถูกบรรเลงแต่กลับถูกขัดขึ้นโดยเด็กน้อยด้านหลัง

     

    " ถ ถ้าไม่เป็นอะไร ช่วยสอนหนูเล่นเพลงหน่อยนะคะ! "

     

    เรียวนิ้วที่วางบนขลุ่ยหยุดลง เอ็กโซเซียร์หันกลับไปมองเด็กน้อยคนนั้นด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ผ้าคลุมสีขาวของซีซั่นบีลองอิ่งสะบัดปลิวไปตามลม

     

    " ขอฟังเพลงที่เธอเล่นก่อน แล้วฉันจะติดสินใจอีกที "

     

    หลังจากที่เด็กน้อยได้เห็นร่างของผู้บรรเลงเพลงชัดๆ แล้วก็ต้องตาแวววาวระยับ ความจริงในฐานะคนที่ฝึกฝนดนตรีก็พอได้ยินมาบ้าง ชื่อของ 'เอ็กโซเซียร์' ในฐานะผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่มีฝีมือหาตัวจับยาก

     

    เด็กน้อยรีบนั่งลงแล้วนำพิณไม้ที่ราคาหาจับต้องได้ทั่วๆ ไปจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั่วๆ ไปใน Forgotten Ark ออกมาดีดเพลงที่เคยฝึกมาจากโน๊ตเพลงที่ได้รับมาพร้อมกับพิณ

     

    เสียงของเพลงที่บรรเลงออกมา ทำให้ดวงตาของเอ็กโซเซียร์เบิกกว้าง น้อยนักที่เหล่าเด็กวสาวจะมีความสามารถมากพอจะเป็นนักดนตรี และในบรรดานักดนตรีทั้งหมดน้อยนักที่จะได้รับพรสวรรค์

     

    พรสวรรค์ที่มารดาสูงสุดของพวกเขามอบให้ ... เด็กคนนี้หนึ่งในคนที่ได้รับพรสวรรค์

     

    เอ็กโซเซียร์นั่งฟังบทเพลงนั้นไปสักพักจนกระทั่งเด็กน้อยหยุดมือพร้อมกับเพลงที่จบลง แต่หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งจนเด็กน้อยหวั่นใจ

     

    จนกระทั่งเอ็กโซเซียร์นำพิณที่เธอใช้เล่นเมื่อครู่ออกมา แล้วเข้ามาทิ้งตัวลงใกล้ๆ เด็กสาว

     

    " เพลงเมื่อกี้ ท่อนแรกมันเริ่มจาก ... "

     

    เอ็กโซเซียร์เริ่มวางนิ้วลงบนสายพิณ เริ่มดีดช้าๆ เพื่อให้เด็กสาวสามารถที่จะดีดตามได้

     

    บทเพลงถูกบรรเลงคลอกันไป เพียงไม่นานมากนักเด็กสาวคนนั้นก็สามารถเล่นเพลงตามเอ็กโซเซียร์ได้แม้ว่าจะยังติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างก็ตาม

     

    เอ็กโซเซียร์ได้ให้พิณคันนั้น ที่เธอเล่นเพลงให้เด็กคนนั้นฟังให้กับเธอไป

     

    และได้ทราบว่าเด็กคนนั้นมีชื่อว่าเรเนียร์ในภายหลัง ...

     

    .

    .

    .

     

    เอ็กโซเซียร์กำลังเก็บเศษขี้ผึ้งอยู่ใน Daylight prairie วันนี้เธอยังไม่มีความคิดที่จะประดิษฐ์อะไรขึ้นมา ...

     

    ในระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่นั้นเอง ...

     

    " คุณเอ็กโซเซียร์!! "

     

    เสียงใสๆ ของเด็กสาวที่เธอเคยมอบพิณให้ตะโกนเรียกมาแต่ไกลๆ พร้อมกับคนที่สี่ห้าคนที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มของเด็กสาวนามเรเนียร์

     

    เด็กสาวผ้าคลุมสีชมพูวิ่งเข้ามาหาเอ็กโซเซียร์ในฐานะคนที่คุ้นเคยกันดีหลังจากที่เด็กน้อยมักจะมาขอให้เอ็กโซเซียร์สอนเล่นดนตรีบ่อยๆ

     

    หลังจากที่เรเนียร์เข้ามาหาเธอ ร่างสูงผมยาวที่ดูๆ ไปก็คล้ายกับผู้ดูแลของป่าที่ฝนไม่มีวันหยุดตก เขาระบายยิ้มอ่อนโยนให้กับเอ็กโซเซียร์

     

    " ขอบคุณที่ช่วยสอนเด็กคนนี้เล่นดนตรีนะ "

     

    เอ็กโซเซียร์เพียงผงกศรีษะให้กับชายแปลกหน้าเท่านั้น ก็เธอไม่ค่อยสันทัดจะคุยกับคนแปลกหน้านี่นา ...

     

    " จะว่าไป ... เธออยู่คนเดียวเหรอ? "

     

    " ... ค่ะ "

     

    ชายหนุ่มคนนั้นเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดอะไรที่ทำให้เอ็กโซเซียร์ต้องหลุดอุทานออกมา

     

    " งั้น ... เธอสนใจจะมาอยู่กับพวกผมมั้ยล่ะ? "

     

    " อะไรนะ? "

     

    .

    .

    .

     

    หลังจากถูกตามตื้ออยู่สี่ห้าวัน สุดท้ายเอ็กโซเซียร์ก็ตอบรับไปด้วยความหน่ายใจที่อีกฝ่ายขยันมาตามตื้ออยู่ทุกวัน แล้วยังพาเด็กมาช่วยกดดันอีกแรง

     

    เขาเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มที่เรเนียร์อยู่ เขาชื่อว่า 'เคออส' เป็นพี่คนโตของกลุ่มที่มักจะช่วยพาเหล่ามอธหน้าใหม่ๆ ที่มักจะหลงทางหรือต้องการความช่วยเหลือ

     

    บางคนก็ถูกชักชวนเข้ากลุ่มเหมือนกับเอ็กโซเซียร์หรือเรเนียร์

     

    ยังมีคนที่โตกว่าเอ็กโซเซียร์อีกสองคน 'ไซโค' และ 'ชินิงามิ' เห็นว่าเป็นคนที่เคออสพามาดูแลก่อนที่เขาจะมีน้องชาย ใช่ เคออสมีน้องชายอยู่หนึ่งคนชื่อ 'อพอลโล่'

     

    กลุ่มเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เพียงแต่ ... มันก็อบอุ่นดี อย่างน้อยก็อบอุ่นกว่าที่เวสแลนด์ ...

     

    .

    .

     

    กาลเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วยามที่เต็มไปด้วยความสุข

     

    เอ็กโซเซียร์ที่เติบโตมาพร้อมกับกลุ่มของเคออส จากดอกไม้ดอกเล็กๆ ในดินแดนซากอารย เบ่งบานกลายเป็นดอกไม้สีสันสดใส

     

    สมาชิกของกลุ่ม นอกบุคคลที่ได้กล่าวไปแล้วก็มีคนที่ไซโคกับชินิงามิพากลับมา เป็นเด็กน้อยทั้งสองท่าทางสะบักสะบอมไม่น้อย เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นเปื้อนน้ำเน่าเสียไปหมด

     

    อาคุโอะ กับ โอเนรอย เป็นฝาแฝดกัน อาจจะเพราะเป็นเด็กเหมือนๆ กัน ทั้งคู่จึงเข้ากับเรเนียร์และอพอลโล่ได้ดีกว่าคนอื่นๆ ในกลุ่ม

     

    แต่ใช่ว่า ... ครอบครัวของเธอจะไม่มีรอยร้าวที่หลบซ่อนอยู่ ...

     

    แต่เพราะมันเป็นรอยร้าวเล็กๆ ที่ไม่ทันสังเกตุ ทำให้ ... พอมันถูกกระทบกระทั่งทำให้แก้วทั้งใบร้างและแตกลงโดยที่ใครทำอะไรไม่ได้เลย

     

    .

    .

     

    อพอลโล่ทะเลาะกับเคออส ...

     

    เขาตวาดใส่เคออสเสียงดังด้วยถ้อยคำที่ค่อยข้างรุนแรงพอสมควรสำหรับการพูดใส่คนในครอบครัว

     

    เอ็กโซเซียร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่เธอกลับมาจากการพาเรเนียร์และสองแฝดไปเก็บเทียน เธอก็เห็นทั้งสองคนทะเลากันแล้ว

     

    ไซโคและชินิงามิพยายามแยกทั้งสองคนออกจากกันเพื่อให้ทั้งสองคนสงบสติอารมณ์ แต่คล้ายกับเป็นการโยนไม้เข้ากองเพลิง ทั้งสองยิ่งทวีความรุนแรงในการทะเลาะกันมากขึ้น

     

    " เดี๊ยวสิอพอลโล่! อพอลโล่! "

     

    สุดท้ายเขาก็หนีหายเข้าไปในประตูที่เชื่อมไปยัง Golden wasteland เอ็กโซเซียร์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วพยายามจะคว้าแขนของเด็กคนนั้นเอาไว้

     

    แต่กลับถูกไซโครั้งเอาไว้เสียก่อน

     

    " เด็กสติแตกแบบนั้นปล่อยไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ "

     

    " แต่ ไซโค! ถ้าอพอลโล่ "

     

    " เงียบน่าชินิงามิ! เด็กนั่นเดี๊ยวก็กลับมาเองนั่นแหละน่า! "

     

    ไซโคและชินิงามิมีปากเสียงกันเล็กน้อยหลังจากที่อพอลโล่หายเข้าไปในประตู ทำให้คนอื่นๆ ต้องเข้ามาช่วยกันแยกทั้งสองออกจากกัน

     

    จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นแววตาของเคออสที่มองตามแผ่นหลังของน้องชายไปเลยสักคน ...

     

    .

    .

     

    แม้ว่าจะหวังให้อพอลโล่จะรีบกลับมา แต่ผ่านไปแล้วร่วมสิบกว่าวันแล้วอพอลโล่ก็ยังไม่กลับมาเสียทีจนทุกคนเริ่มร้อนใจพร้อมกับลงความเห็นกันว่าจะแยกกันไปตามหาเด็กคนนั้น

     

    แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา

     

    ไซโคกับชินิงามิเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยขึ้นนับตั้งแต่วันที่กลับมาจากการออกไปตามหาอพอลโล่

     

    วันนี้ก็เช่นกัน ...

     

    เสียงตวาดใส่กันของทั้งไซโคและชินิงามิดังประสานกันไปท่ามกลางสายตาที่ทั้งหนักใจและไม่กล้าที่จะเข้าไปห้าม

     

    เรเนียร์มองเอ็กโซเซียร์ อาคุโอะและโอเนรอยที่พยายามที่จะเข้าไปห้ามและแยกคนทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ก่อนที่จะเริ่มลุกขึ้นและเดินหายเข้าไปในประตูบานเดียวกันกับอพอลโล่ ...

     

    " น นี่อย่าทะเลาะกันสิเจ้าพวกบ้า! "

     

    " ถ้าคุณเคออสกลับมาเห็นพวกนายสภาพนี้--- เหวออ!! "

     

    " อาคุโอะ! โอเนรอย! หลบมาทางนี้ก่อน! "

     

    ทั้งสองเริ่มที่จะใช้กำลังต่อกันรุนแรงมากขึ้นจนเอ็กโซเซียร์ต้องกันอาคุโอะกับโอเนรอยแยกออกมาก่อน ทั้งสามทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ เท่านั้น

     

    ใครๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้มีกำลังเยอะแค่ไหน เข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าประเดี๋ยวก็ได้แผล ... หรอก

     

    เรเนียร์

     

    เรเนียร์หายไปไหน ...?

     

    คล้ายสติรับรู้ของเอ็กโซเซียร์ถูกปิดกั้น คล้ายโลกทั้งใบพลันดำมืด คล้ายกับว่าเปลวแสงในอกนั้นดับวูบไปชั่วขณะ

     

    " เรเนียร์ ... ไปไหนแล้ว? "

     

    เพียงน้ำเสียงเบาหวิวแทบจะจะกลืนหายไปกับสายลมกลับหยุดทุกการวิวาทได้ชะงักนัก แต่ทว่ากลายเป็นความหวาดกลัวที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ

     

    พอร์ทัลที่แสดงออกว่าพึ่งจะทำงานไปเร็วๆ นี้กลับไม่ใช่บานที่จะนำไปสู่ทุ่งหญ้าแห่งแสงอรุณ

     

    มันกลับเป็นบานที่พรากอพอลโล่ไปจากพวกเขา

     

    ทั้งห้ารีบเข้าไปยังพื้นที่หลังพอร์ทัล กระวีกระวาดตามหาผู้เป็นน้องสาวคนเล็กของกลุ่มด้วยใจที่เต้นระส่ำ อาจจะมีเพียงเอ็กโซเซียร์ที่วิงวอนต่อมารดาของเหล่าผู้กำเนิดจากแสงสว่างด้วยความหวังในใจที่เริ่มเหือดแห้ง

     

    แต่จนแล้วจนรอด นอกจากพิณคันนั้นที่ตกอยู่ท่ามกลางบึงน้ำดำคล้ำส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน ทั้งห้าคนก็ไม่มีใครพบตัวเด็กสาวผู้ที่เคยร่าเริงคนนั้นอีกเลย

     

    พิณคันนั้น ฉไนเลยเอ็กโซเซียร์จำมันไม่ได้ในเมื่อเธอเป็นคนที่บรรจงสลักมันขึ้นมาและมอบให้เรเนียร์ด้วยตัวเอง

     

    เอ็กโซเซียร์เก็บตัวอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของโฮมล็อบบี้ ในอ้อมแขนนั้นมีพิณคันนั้นที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมของตัวเด็กสาวเองที่ถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยความหวงแหน

     

    ไซโคและชินิงามิไม่ได้มีการทะเลาะวิวาทกันอีกตั้งแต่วันนั้น พวกเขาเพียงนั่งแยกกันเงียบๆ

     

    เคออส

     

    นอกจากหน้ากากของเขาที่ชินิงามิเก็บได้จากที่เวสแลนด์ เขาก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีก ...

     

    อาคุโอะกับโอเนรอยขอแยกตัวออกไปเดินทางกันเพียงสองคนกับไซโคและชินิงามิที่ถือว่าเป็นคนที่โตที่สุดในกลุ่มในตอนนั้น

     

    แล้วพวกเขาก็จากไป เดินทางไปดินแดนแห่งท้องฟ้ากันสองพี่น้อง ... ได้แต่หวังว่าถ้าหากยังได้อยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันจะได้พบปะกันอีก ...

     

    แต่หลังจากนั้น ... เอ็กโซเซียร์ไม่รู้หรอกนะว่าไซโคไปเอาข้อมูลของพวกความมืดมาจากไหน แต่เหมือนเขาจะต้องการถามจากเอ็กโซเซียร์ตามตรง ...

     

    แต่เอ็กโซเซียร์ก็ตอบในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้หรอก ก็เธอไม่ใช่ความมืด ...

     

    " เอ็กโซเซียร์เรามีเรื่องต้องคุยกัน เธอ ... พวกนั้น "

     

    " ไม่หรอกฉันไม่ใช่พวกนั้นหรอก ... "

     

    " แต่เธอไม่ใช่พวกเดียวกันพวกเรา!! แล้วไม่ทราบว่าเธอเป็นตัวอะไร!? "

     

    เอ็กโซเซียร์ได้แต่หัวเราะเสียงแห้ง ไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา 

     

    " ไม่ใช่พวกไหนทั้งนั้นนั่นแหละ ... "

     

    " ความมืดไม่ต้อนรับเราด้วยซ้ำ ... "

     

    ตัวของเธอเป็นเพียงเงามืดเท่านั้น ...

     

    นับจากวันนั้นเอ็กโซเซียร์กับไซโคก็พูดคุยกันน้อยลงจนชินิงามิยังสังเกตุได้ แม้อจะยังคงยิ้มแย้มให้พี่ชายคนนี้อยู่ แต่ ...

     

    เหนื่อยเหลือเกิน ... การฝืนยิ้มออกมามันเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ?

     

    ชินิงามิเลยพยายามที่จะหาจังหวะพูดคุยกันน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยังหลงเหลือให้พบหน้าค่าตา ระหว่างทางไปอีเดนจึงเป็นสถานที่ ที่ไม่มีใครคิดจะมารบกวนพวกเขา

     

    แต่ว่าไม่มีคนคิดจะรบกวน ใช่ว่าจะไม่มีตัวอะไรมารบกวน ...

     

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เร็วเกินกว่าที่เปลวไฟน้อยๆ ในอกของเด็กสาวจะรับไหว

     

    สิ้นเสียงคำรามลั่นของมังกรทมิฬ ร่างของชินิงามิก็ร่วงลงไปด้านล่างพร้อมกับของเหลวดำคล้ำที่สาดกระเซ็นเป็นละอองล่องลอยไปอากาศ

     

    นอกจากที่เด็กสาววิ่งกลับไปตามพี่ชายอีกคนกลับมาแหกร่างของชินิงามิที่หายใจแผ่วลงไปทุกทีไปส่งกับพวกหมอ นอกนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย คล้ายกับสติตัดไปมามั่วซั่วจนจดจำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้

     

    .

    .

     

    เสียงคลื่นน้ำซัดเข้าหาฝั่ง สายลมที่พัดผ่านร่างกายที่ไม่ถูกยอมรับทั้งความมืดมิดอันเย็นยะเยือกและแสงอันสว่างไสวไปไม่พาให้รู้สึกว่าเปลวไฟในอกยังคงลุกโชติช่วงอยู่เลยแม้แต่น้อย

     

    มือเรียวหยาบกร้านของเด็กสาวลูบกลุ่มเส้นผมของไซโคผู้ที่เธอนับถือเป็นพี่ชายที่นอนหนุนตักของเธอหลังจากที่พาชินิงามิส่งถึงมือหมอแล้วช้าๆ

     

    อ่อนโยนและแผ่วเบา เศร้าโศกและอ้างว้าง ขอบคุณและขอโทษอย่างสุดดวงใจ

     

    ผู้ที่ซึ่งความมืดมิดไม่ยินดีจะต้อนรับ ผู้ที่ซึ่งแสงอันสว่างไสวไม่นำพา

     

    ยามลืมตาตื่นขึ้นมาพี่คงจะไม่เจอผู้ซึ่งไม่ถูกต้อนรับอย่างเธอแล้ว ...

     

    " เหลือพี่กับชินิงามิกันสองคนแล้ว ... "

     

    " อย่าทะเลาะกันอีกนะ "

     

    เด็กสาวจากมาอย่างเงียบงัน ตัวของเธอผู้ซึ่งไม่ถูกต้อนรับขอภาวนาและวิงวอน

     

    โอ้ เดอะ ไลท์ได้โปรดอย่าใจร้ายต่อแสงอันสว่างไสวอย่างสง่างามเช่นเขานักเลย

    ได้โปรดมารดาแห่งแสงสว่างเอ๋ย อย่าได้พาบุตรธิดาของท่านกลับไปเคียงกายท่านในยามเลย

    อย่าได้พรากครอบครัวไปจากเขาไปอีกเลยจะได้หรือไม่ มารดาแห่งเหล่าผู้กำเนิดจากแสง ...

     

    มีเพียงความเว้งว้างของดินแดนซากอารยที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีตอันแสนไกลและเสียงของสายลมอันว่างเปล่าเป็นสักขีพยานของการจากลาและการวิงวอนครั้งนี้ ...

     

    หายไปไม่บอกกล่าว หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

     

    หายไปราวกับชื่อ ' เอ็กโซเซียร์ ' เป็นเพียงความฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น ...

     

    .

    .

    .

     

    เด็กสาวออกเดินทางไปเพียงลำพัง พร้อมกับพิณไลลาร์คันนั้นที่เก็บรักษาเอาไว้อย่างหวงแหนกว่าชีวิต

     

    อาศัยซากเรือลำนั้นที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นสถานที่หลับนอน ยามลืมตาขึ้นอีกครา ความปรารถนาตามหาคนที่หายไปยังคงติดค้างอยู่ในใจ

     

    บทเพลงที่ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ที่เขียนแล้วทิ้งเอาไว้ในสถานที่ที่เคยอบอุ่นกว่าที่ไหนๆ ที่เธอเคยเรียกมันว่าบ้าน ถูกนำออกบรรเลงยามที่เธอนั้นเหน็ดเหนื่อย

     

    .

    .

     

    เด็กสาวที่ออกเดินทางตามหาน้องชายที่หายตัวไป จนไม่อาจจะเรียกตัวเองว่าเด็กสาวได้อีกต่อไป

     

    หญิงสาวยังคงออกเดินทางเพื่อบรรเลงเพลงบทนั้น วาดหวังว่าสักวันหนึ่งน้ำเสียงที่คุ้นเคยและกลับแสนเลือนลางในอดีตยามตนยังเยาว์วัยจะเรียกร้องหายามบทเพลงนั้นจบลง

     

    ผีเสื้อนับร้อยร่ายรำรับกับเสียงเพลงที่ถูกบรรเลงขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับร้อยนับพันครั้ง รอบกายของหญิงสาวในผ้าคลุมสีดำ

     

    เนิ่นนานเท่าใดแล้วที่เดินทางเพียงลำพังหญิงสาวสุดจะรู้ได้ สิ่งที่รับรู้คือการตามหาครอบครัวที่หายไปยามตนยังเยาว์วัยและไร้เดียงสาด้วยความหวังที่เหือดแห้งไปตามกาลเวลา

     

    กระนั้นบทเพลงจะยังคงถูกบรรเลงคลอไปกับสายลมและความโศกศัลย์ของหญิงสาวตราบจนกว่าร่างกายนี้จะกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนดินของดินแดนแห่งนี้

     

    บทเพลงที่เคล้าสุขสันต์คละโศกาที่หวังจะให้สายลมส่งให้ถึงใครบางคนที่เธอเฝ้าตามหาเรื่อยมา ...

     

     

     

     

    ________________________________-

    ไรท์หายไปนานมากขอโทษน้าาาาาาา ฮือ รู้สึกผิดค่ะ

    จากนี้ไรทจะทำการรีไรท์ตอนของเอ็กโซเซียร์กับตอนของอพอลโล่นะคะ เนื่องจากไรท์ได้กลับไปวางโครงของเวิร์สสกายของไรท์มาใหม่ค่ะ 

    ฮรุก ขอโทษที่ครั้งที่อยู่ๆ ก็หายไปเลยนะคะ ;0;

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×