คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 0 1 • ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน
0 1 • ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่ว สายลมที่พัดผ่านร่างกายอย่างเกรี้ยวกราด ก้อนหินที่ลอยไปตามสายลมที่รุนแรงประหนึ่งพายุอันบ้าคลั่งและท้องฟ้าที่มีสีแดงฉานราวกับโลหิต
ทั้ง ๆ ที่เป็นจุดสูงสุดแท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ ที่ผ่านมาทุกสถานที่ล้วนงดงามแต่เหตุใดจุดสูงสุดกลับดำมืด วุ่นวายและน่าหวาดกลัวได้เพียงนี้กันนะ?
เป็นคำถามที่อาฟเทรอสถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่ติดอยู่ในประตูสุดท้ายของโฮมที่ถูกเรียกว่า 'อาย ออฟ อีเดน' ที่เขาวาดฝันมาตลอดว่าจะสวยงามสักแค่ไหนในเมื่อสถานที่ที่ผ่านมาล้วนสวยงามกันทั้งนั้น ซึ่งไม่นับโกลเด้น เวสแลนด์แน่นอน
แสงจากปีกของเขาหมดลงจากการถูกคริลล์พุ่งใส่และตกลงมากระแทกพื้นซ้ำอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ฝืนแข็งใจเดินมาถึงตรงนี้แล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถที่จะไปต่อได้ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวอาฟเทรอสเอง
เขากำลังหวาดกลัว หวาดกลัวต่อสถานที่แห่งนี้
แต่ในขณะที่กำลังนั่งกอดเข่าซ่อนตัวให้พ้นจากแสงสีฟ้าที่สอดส่องหาตัวของเขาอยู่นั้น เสียงคำรามน่าหวาดหวั่นของคริลล์ก็ดังกึกก้องขึ้นพร้อมกับแสงสีฟ้าที่กลายเป็นสีแดงที่เป็นสัญญาณว่ามันก็จะโจมตีใครสักคนหนึ่ง
ชั่วขณะหนึ่งที่มันพุ่งเข้าชนใครคนนั้น อาฟเทรอสได้แต่กอดเข่าของตนแน่นขึ้นอีกด้วยความหวาดกลัว
แต่กลับมาร่างสีเทาหม่นหมองของใครบางคนร่อนลงมาหยุดตรงหน้าของเขาใครคนนั้นคุกเข่าลงมาและยื่นเทียนสีแดงสดมาตรงหน้าของอาฟเทรอส เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็ลนลานรีบยกเทียนของเขาที่ไฟนั้นมอดดับไปแล้วขึ้นมาต่อกับเทียนของร่างสีเทา
เรือนร่างจืดชืดพลันปรากฏสีสันต์ เป็นหญิงสาวที่ตัวสูง ผมสีขาวสะอาดของเธอยาวระบ่าและมีหน้ากากที่คล้ายกับเอลเดอร์ด่านฮิดเด้น ฟอร์เรสประดับสวมใส่อยู่
" พึ่งจะเข้ามาที่นี่ครั้งแรกใช่มั้ย? "
เสียงเย็นของเธอเอ่ยถามอาฟเทรอส ซึ่งเขาก็ได้แต่พยักหน้าตอบเธอไปเท่านั้น
" กำลังกลัวอยู่ใช่มั้ย? "
" มา ฉันจะไปส่งเธอเอง "
เป็นเพียงประโยคง่าย ๆ แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มน้ำแตกได้อย่างง่ายดาย อาฟเทรอสสวมกอดพี่สาวแปลกหน้าแล้วแหกปากร้องไห้โฮออกมาจนเธอต้องชะงักไปด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว เธอจึงปล่อยให้อาฟเทรอสกอดตนไปแบบนั้นจนเขาเริ่มใจเย็นลงไปบ้าง
" ใจเย็นลงแล้วใช่มั้ย? งั้นยื่นมือมาฉันจะพาเธอไปเอง "
อาฟเทรอสยื่นมือไปจับกับมือของพี่สาวแปลกหน้า หลังจากนั้นเธอก็จูงอาฟเทรอสเดินขึ้นไปหลบแสงสีฟ้าจากคริลล์อยู่ใต้แผ่นสังกะสีเก่า ๆ จนกระทั่งมันบินผ่านไปเธอถึงได้จูงมืออาฟเทรอสเดินต่อไปจนถึงกับลานที่มีหินปลิวไปมาพร้อมสายลมและคริลล์อีกตัวที่บินวนอยู่บนอากาศ รอที่จะโจมตีใครสักคนอยู่
" ว ว่าแต่คุณ . . . ชื่ออะไรเหรอครับ "
อาฟเทรอสถามพี่สาวแปลกหน้าขณะที่ยืนหลบก้อนหินที่หวาดว่าจะลอยมาถูกศรีษะให้ได้แผลสักทีอยู่หลังเสาร์ประตูเก่า ๆ
" เอ็กโซเซียร์ ถ้ามันยาวไปเรียกโซเฉย ๆ "
เธอตอบกลับมา ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงดวงตาของเธอที่มองเขาผ่านหน้ากากสีหมองนั่น ราวกับจะให้เขาแนะนำตัวออกไปบ้าง
" เอ่อ ผม ผมชื่ออาฟเทรอสครับ "
เอ็กโซเซียร์พยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้แล้วและหันหน้ากลับไปโฟกัสกับทางข้างหน้า
เมื่อเห็นว่าคริลล์ลอยตัวผ่านพวกเขาไปแล้ว เอ็กโซเซียร์ก็รีบกระชากให้อาฟเทรอสออกวิ่งตามไปในทันที
ทันทีที่ดวงตาสบเข้ากับร่างที่เรืองแสงสีนวลตาตัดกับแสงสีต่าง ๆ ในอายออฟอีเดน ใจที่สั่นระรัวเช่นกลองศึกก็ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง อาฟเทรอสและเอ็กโซเซียร์รีบตวัดมือผ่านร่างเรืองแสงและรีบตรงเข้าไปในปากอุโมงที่จะทอดยาวไปถึงสถานที่ต่อไปที่เขาจะต้องเผชิญ
ระหว่างทางนั้นก็มีแท่นจุดไฟวางเรียงราย บ้างจุด บ้างไม่ได้จุดไฟเอาไว้และก็มีร่างที่เรืองแสงนั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่ตลอดทาง
จนไปถึงจุด ๆ หนึ่งเอ็กโซเซียร์ก็ปล่อยมือของอาฟเทรอสและหันหน้ามาหาเขา
" หลังจากจุดนี้ไป นายจะหันหลังไม่ได้แล้วนะ "
" ยังจะไปต่อมั้ย? "
เอ็กโซเซียร์ถามอาฟเทรอส
ท่าทีนิ่งเฉยของเธอนั้นราวกับผ่านประสบการณ์น่าหวาดหวั่นแบบนี้มานับไม่ถ้วนนั้นทำให้อาฟเทรอสแอบขบคิดอยู่ในใจ นัยน์ตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากที่ทุกคนมีแต่แรกเริ่มหลุบต่ำมองพื้น ก่อนที่จะเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้า
" ครับผมจะไปต่อ "
อาฟเทรอสตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เอ็กโซเซียร์มองนิ่ง ๆ และคว้ามือของอาฟเทรอสมาไว้ในมือของเธอ
" ดี แล้วก็จำไว้ ครั้งหน้าจะได้มาเองได้ "
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในสถานที่ที่คล้ายกับโถงขนาดใหญ่
สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือความวุ่นวาย ก้อนหินน้อยใหญ่ลอยลงมากระทบก็โขดหินและพื้นที่เจิงนองไปด้วยน้ำที่ดำคล้ำ ก้อนหินที่ตกกระทบและแตกออกก็ปรากฏให้เห็นคริสตัลสีแดงที่ไม่ได้ปรากฏเป็นเศษเสี้ยวเล็ก ๆ อย่างที่เคยมีตามทางที่ผ่านมา กระจัดจายเต็มลานที่เจิงนองไปด้วยน้ำสีดำสนิท
แลดูปั่นป่วนวุ่นวายไปเสียหมด
" นายเห็นนั่นมั้ย? เอาแสงที่เราเก็บมาจากเด็กแสงให้เขาไปซะ "
อาฟเทรอสยังไม่ทันที่จะถามไถ่ก็ถูกแรงกระชากของเอ็กโซเซียร์กระชากจนตัวปลิวออกไปหาร่างที่ถูกก้อนหินสีดำกัดกินที่ใกล้ที่สุด อาฟเทรอสจึงได้แต่เออออมอบดาวที่เก็บมาจากเด็กแสงให้กับร่างหิน
อาฟเทรอสทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเหลือดาวกับตัวแค่สองสามดวงเท่านั้น แค่มรสุมคริสตัลสีแดงกับก้อนหินที่ลอยมาชนเขาก็มากพอจะทำให้ดาวหายไปสิบกว่าดวงแล้ว ไหนจะต้องให้กับร่างหินอีก
มันทำให้ดาวของอาฟเทรอสหมดลงได้ไม่ยากเย็น หลังดาวหมดลง อาฟเทรอสรับรู้ได้ถึงความหนาวเหน็บที่ฝังลงลึกไปถึงกระดูก ร่างเริ่มเย็นลงจนชา สายตาพร่ามัวลงไปเรื่อย ๆ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากบริเวณที่ถูกก้อนหินสีดำกัดกินจนสุดท้ายทุกอย่างก็มืดลง
อาฟเทรอสรู้สึกราวกับว่ากำลังฝัน ฝันเห็นเอ็กโซเซียร์กำลังมอบดาวให้กับร่างที่กลายเป็นหินเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรือนร่างนั้นถูกกัดกิน ภาพทุกอย่างจึงดับไป
อาฟเทรอสรู้สึกราวร่างของเขากำลังค่อย ๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นช้า ๆ เมื่อเขาลุกขึ้นมาก็พบเข้ากับร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังเปล่งแสงเรืองรองกำลังกอดเข่าของตนคุดคู้อยู่เกือบจะสุดสายตา
ร่างกายของเขานั้นรู้สึกอ่อนล้าแต่ใจกลับเรียกร้องให้เข้าไปหาร่างที่กำลังส่องแสงเรืองรองนั่น
จนไปถึง อาฟเทรอสยื่นมือไปดึงเด็กคนนั้นให้ลุกขึ้นและกางแขนออก แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมแต่เขาก็กางแขนออกทั้งสองข้าง เด็กคนนั้นเห็นเช่นนั้นจึงสวมกอดอาฟเทรอสแน่น
หลังนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ผ้าคลุมที่เป็นดั่งปีกบนแผ่นหลังสยายออกและพาตัวเขาโผบินออกไป ออกไปจากลานที่มีเด็กที่กลายเป็นหิน
บินตามร่างเรืองรองของคนอื่นไปเข้าหาแสงสว่างที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางที่เป็นจุดรวมสายตา
หลังจากที่บินมายาวนานและรับเทียนสีแดงที่มีรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดอยู่ตรงกลางมา อาฟเทรอสก็หยุดลงบนเส้นที่ที่ประดับประดาไปด้วยประกายแสงสวยงามของดวงดาว
ร่างของเอ็กโซเซียร์ยืนรอเขาอยู่แล้ว เธอชี้ไปที่ประตูที่ส่องแสงสว่างมากที่สุดหลังจากเห็นว่าเขามองไปที่เธอ
" ไปตรงนั้นสิ นายจะกลับไปที่โฮมได้ "
เอ็กโซเซียร์กล่าวจบก็เดินไปตามทางที่เกิดจากดวงดาว
" นี่เอ็กโซเซียร์ ถ้าออกไปแล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย . . . ? "
เอ็กโซเซียร์เหลียวหลังมามองเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเธอมา ก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาประตูเหมือนเดิม
" ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน เราก็มีโอกาสเจอกันอีกนั่นแหละ "
อาฟเทรอสมอง . . .
มองพิณที่แขวนเก็บเอาไว้นั้นดูมีร่องรอยที่ผ่านการใช้มายาวนานแต่กลับยังดูเหมือนใหม่
มองแผ่นหลังใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทของเอ็กโซเซียร์ที่ดูมั่นคงแต่มีกลิ่นอายของความเหนื่อยล้าแฝงมาเจือจาง ราวกับเธอนั้นต้องเป็นกำแพงให้ใครบางคนพึงพิง
แต่มันกลับดูมีความสุขดีนะ แผ่นหลังนั้นน่ะ . . .
.
.
.
ร่างที่สั่นไหวด้วยความกลัวของเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน นัยน์ตาใต้หน้ากากสั่นไหวรุนแรง หัวใจเต้นระรัวดั่งกลองที่ถูกรัวตี เบื้องหน้ามีคริลล์บินวนอยู่ถึงสามตัว
เขาแค่ต้องการที่จะเข้ามาเดินเล่นในสถานที่สุดท้ายที่ไม่เคยเข้ามาเท่านั้นเอง เขาไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้
ตึก
ร่างสีหม่นหมองหยุดยืนข้าง ๆ เขายื่นเทียนสีแดงสดมาด้านหน้า เด็กหนุ่มดีใจรีบต่อเทียนกับคนแปลกหน้าคนนี้ทันที
เรือนผมสีขาวสะอาดที่ไถข้างไปข้างหนึ่ง หน้ากากที่ผูกผ้าปิดส่วนล่างของใบหน้าที่เป็นหน้ากากที่สามารถแลกกับสปิริตในคาราวานที่แวะเวียนมาในตอนปัจจุบันได้ปรากฏแก่สายตาของเด็กหนุ่ม
" นายเข้ามาที่นี่ครั้งแรกเหรอ? "
" แล้วกำลังกลัวกลัวอยู่ใช่มั้ย? "
คนแปลกหน้าเอ่ยถามเด็กหนุ่ม ซึ่งได้การพยักหน้าเป็นการตอบรับ
" ให้ฉันไปส่งมั้ย? "
.
.
" ทำไมคุณถึงช่วยผมล่ะอาฟเทรอส? "
ร่างในผ้าคลุมสีน้ำเงินหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่เขาจูงมือมาจนเกือบจะถึงโถงกว้างที่มีรูปปั้นเด็กวางเรียงราย ใต้หน้ากากนั้นมีรอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นมา
" แค่ . . . ฉันแค่เห็นนายแล้วคิดถึงคน ๆ หนึ่งที่เคยช่วยฉันตอนที่ฉันมาที่นี่น่ะ "
" คุณเคยเจอปัญหาที่นี่เหรอครับ? "
" แน่นอน ทุกคนล้วนมีครั้งแรกกันทั้งนั้นนั่นแหละ "
หลังจากที่เดินออกจากประตูนั่นมาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เขาใช้น้ำยารีไซต์ทำให้สูงขึ้นนิดหน่อย ตอนนี้ก็เล่นเปียโนได้บ้างนิดหน่อย แล้วตอนนี้ดอกไม้ที่ฟอก็อตเท่น อาร์คก็ผลิบานแล้วด้วยล่ะ
หวังว่าสักวันนึงเขาอาจจะมีโอกาสเล่นดนตรีคู่กับคน ๆ นั้นสักครั้งนะ
[ End Chapter ]
-นิยายเรื่องนี้เป็นช็อตแฟนฟิคของเกมที่ชื่อว่า 'Sky : Children of the light' นะคะ
ความคิดเห็น