ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Sky : Children of the light] OS/SF

    ลำดับตอนที่ #1 : 0 1 • ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 63


     

     

    0 1 • ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน

     

    เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่ว สายลมที่พัดผ่านร่างกายอย่างเกรี้ยวกราด ก้อนหินที่ลอยไปตามสายลมที่รุนแรงประหนึ่งพายุอันบ้าคลั่งและท้องฟ้าที่มีสีแดงฉานราวกับโลหิต

     

    ทั้ง ๆ ที่เป็นจุดสูงสุดแท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ ที่ผ่านมาทุกสถานที่ล้วนงดงามแต่เหตุใดจุดสูงสุดกลับดำมืด วุ่นวายและน่าหวาดกลัวได้เพียงนี้กันนะ?

     

    เป็นคำถามที่อาฟเทรอสถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่ติดอยู่ในประตูสุดท้ายของโฮมที่ถูกเรียกว่า 'อาย ออฟ อีเดน' ที่เขาวาดฝันมาตลอดว่าจะสวยงามสักแค่ไหนในเมื่อสถานที่ที่ผ่านมาล้วนสวยงามกันทั้งนั้น ซึ่งไม่นับโกลเด้น เวสแลนด์แน่นอน

     

    แสงจากปีกของเขาหมดลงจากการถูกคริลล์พุ่งใส่และตกลงมากระแทกพื้นซ้ำอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ฝืนแข็งใจเดินมาถึงตรงนี้แล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถที่จะไปต่อได้ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวอาฟเทรอสเอง

     

    เขากำลังหวาดกลัว หวาดกลัวต่อสถานที่แห่งนี้

     

    แต่ในขณะที่กำลังนั่งกอดเข่าซ่อนตัวให้พ้นจากแสงสีฟ้าที่สอดส่องหาตัวของเขาอยู่นั้น เสียงคำรามน่าหวาดหวั่นของคริลล์ก็ดังกึกก้องขึ้นพร้อมกับแสงสีฟ้าที่กลายเป็นสีแดงที่เป็นสัญญาณว่ามันก็จะโจมตีใครสักคนหนึ่ง

     

    ชั่วขณะหนึ่งที่มันพุ่งเข้าชนใครคนนั้น อาฟเทรอสได้แต่กอดเข่าของตนแน่นขึ้นอีกด้วยความหวาดกลัว

     

    แต่กลับมาร่างสีเทาหม่นหมองของใครบางคนร่อนลงมาหยุดตรงหน้าของเขาใครคนนั้นคุกเข่าลงมาและยื่นเทียนสีแดงสดมาตรงหน้าของอาฟเทรอส เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็ลนลานรีบยกเทียนของเขาที่ไฟนั้นมอดดับไปแล้วขึ้นมาต่อกับเทียนของร่างสีเทา

     

    เรือนร่างจืดชืดพลันปรากฏสีสันต์ เป็นหญิงสาวที่ตัวสูง ผมสีขาวสะอาดของเธอยาวระบ่าและมีหน้ากากที่คล้ายกับเอลเดอร์ด่านฮิดเด้น ฟอร์เรสประดับสวมใส่อยู่

     

    " พึ่งจะเข้ามาที่นี่ครั้งแรกใช่มั้ย? "

     

    เสียงเย็นของเธอเอ่ยถามอาฟเทรอส ซึ่งเขาก็ได้แต่พยักหน้าตอบเธอไปเท่านั้น

     

    " กำลังกลัวอยู่ใช่มั้ย? "

     

    " มา ฉันจะไปส่งเธอเอง "

     

    เป็นเพียงประโยคง่าย ๆ แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มน้ำแตกได้อย่างง่ายดาย อาฟเทรอสสวมกอดพี่สาวแปลกหน้าแล้วแหกปากร้องไห้โฮออกมาจนเธอต้องชะงักไปด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว เธอจึงปล่อยให้อาฟเทรอสกอดตนไปแบบนั้นจนเขาเริ่มใจเย็นลงไปบ้าง

     

    " ใจเย็นลงแล้วใช่มั้ย? งั้นยื่นมือมาฉันจะพาเธอไปเอง "

     

    อาฟเทรอสยื่นมือไปจับกับมือของพี่สาวแปลกหน้า หลังจากนั้นเธอก็จูงอาฟเทรอสเดินขึ้นไปหลบแสงสีฟ้าจากคริลล์อยู่ใต้แผ่นสังกะสีเก่า ๆ จนกระทั่งมันบินผ่านไปเธอถึงได้จูงมืออาฟเทรอสเดินต่อไปจนถึงกับลานที่มีหินปลิวไปมาพร้อมสายลมและคริลล์อีกตัวที่บินวนอยู่บนอากาศ รอที่จะโจมตีใครสักคนอยู่

     

    " ว ว่าแต่คุณ . . . ชื่ออะไรเหรอครับ "

     

    อาฟเทรอสถามพี่สาวแปลกหน้าขณะที่ยืนหลบก้อนหินที่หวาดว่าจะลอยมาถูกศรีษะให้ได้แผลสักทีอยู่หลังเสาร์ประตูเก่า ๆ

     

    " เอ็กโซเซียร์ ถ้ามันยาวไปเรียกโซเฉย ๆ "

     

    เธอตอบกลับมา ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงดวงตาของเธอที่มองเขาผ่านหน้ากากสีหมองนั่น ราวกับจะให้เขาแนะนำตัวออกไปบ้าง

     

    " เอ่อ ผม ผมชื่ออาฟเทรอสครับ "

     

    เอ็กโซเซียร์พยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้แล้วและหันหน้ากลับไปโฟกัสกับทางข้างหน้า

     

    เมื่อเห็นว่าคริลล์ลอยตัวผ่านพวกเขาไปแล้ว เอ็กโซเซียร์ก็รีบกระชากให้อาฟเทรอสออกวิ่งตามไปในทันที

     

    ทันทีที่ดวงตาสบเข้ากับร่างที่เรืองแสงสีนวลตาตัดกับแสงสีต่าง ๆ ในอายออฟอีเดน ใจที่สั่นระรัวเช่นกลองศึกก็ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง อาฟเทรอสและเอ็กโซเซียร์รีบตวัดมือผ่านร่างเรืองแสงและรีบตรงเข้าไปในปากอุโมงที่จะทอดยาวไปถึงสถานที่ต่อไปที่เขาจะต้องเผชิญ

     

    ระหว่างทางนั้นก็มีแท่นจุดไฟวางเรียงราย บ้างจุด บ้างไม่ได้จุดไฟเอาไว้และก็มีร่างที่เรืองแสงนั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่ตลอดทาง

     

    จนไปถึงจุด ๆ หนึ่งเอ็กโซเซียร์ก็ปล่อยมือของอาฟเทรอสและหันหน้ามาหาเขา

     

    " หลังจากจุดนี้ไป นายจะหันหลังไม่ได้แล้วนะ "

     

    " ยังจะไปต่อมั้ย? "

     

    เอ็กโซเซียร์ถามอาฟเทรอส

     

    ท่าทีนิ่งเฉยของเธอนั้นราวกับผ่านประสบการณ์น่าหวาดหวั่นแบบนี้มานับไม่ถ้วนนั้นทำให้อาฟเทรอสแอบขบคิดอยู่ในใจ นัยน์ตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากที่ทุกคนมีแต่แรกเริ่มหลุบต่ำมองพื้น ก่อนที่จะเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้า

     

    " ครับผมจะไปต่อ "

     

    อาฟเทรอสตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เอ็กโซเซียร์มองนิ่ง ๆ และคว้ามือของอาฟเทรอสมาไว้ในมือของเธอ

     

    " ดี แล้วก็จำไว้ ครั้งหน้าจะได้มาเองได้ "

     

    หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในสถานที่ที่คล้ายกับโถงขนาดใหญ่

     

    สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือความวุ่นวาย ก้อนหินน้อยใหญ่ลอยลงมากระทบก็โขดหินและพื้นที่เจิงนองไปด้วยน้ำที่ดำคล้ำ ก้อนหินที่ตกกระทบและแตกออกก็ปรากฏให้เห็นคริสตัลสีแดงที่ไม่ได้ปรากฏเป็นเศษเสี้ยวเล็ก ๆ อย่างที่เคยมีตามทางที่ผ่านมา กระจัดจายเต็มลานที่เจิงนองไปด้วยน้ำสีดำสนิท

     

    แลดูปั่นป่วนวุ่นวายไปเสียหมด

     

    " นายเห็นนั่นมั้ย? เอาแสงที่เราเก็บมาจากเด็กแสงให้เขาไปซะ "

     

    อาฟเทรอสยังไม่ทันที่จะถามไถ่ก็ถูกแรงกระชากของเอ็กโซเซียร์กระชากจนตัวปลิวออกไปหาร่างที่ถูกก้อนหินสีดำกัดกินที่ใกล้ที่สุด อาฟเทรอสจึงได้แต่เออออมอบดาวที่เก็บมาจากเด็กแสงให้กับร่างหิน

     

    อาฟเทรอสทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเหลือดาวกับตัวแค่สองสามดวงเท่านั้น แค่มรสุมคริสตัลสีแดงกับก้อนหินที่ลอยมาชนเขาก็มากพอจะทำให้ดาวหายไปสิบกว่าดวงแล้ว ไหนจะต้องให้กับร่างหินอีก

     

    มันทำให้ดาวของอาฟเทรอสหมดลงได้ไม่ยากเย็น หลังดาวหมดลง อาฟเทรอสรับรู้ได้ถึงความหนาวเหน็บที่ฝังลงลึกไปถึงกระดูก ร่างเริ่มเย็นลงจนชา สายตาพร่ามัวลงไปเรื่อย ๆ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากบริเวณที่ถูกก้อนหินสีดำกัดกินจนสุดท้ายทุกอย่างก็มืดลง

     

    อาฟเทรอสรู้สึกราวกับว่ากำลังฝัน ฝันเห็นเอ็กโซเซียร์กำลังมอบดาวให้กับร่างที่กลายเป็นหินเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรือนร่างนั้นถูกกัดกิน ภาพทุกอย่างจึงดับไป

     

    อาฟเทรอสรู้สึกราวร่างของเขากำลังค่อย ๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นช้า ๆ เมื่อเขาลุกขึ้นมาก็พบเข้ากับร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังเปล่งแสงเรืองรองกำลังกอดเข่าของตนคุดคู้อยู่เกือบจะสุดสายตา

     

    ร่างกายของเขานั้นรู้สึกอ่อนล้าแต่ใจกลับเรียกร้องให้เข้าไปหาร่างที่กำลังส่องแสงเรืองรองนั่น

     

    จนไปถึง อาฟเทรอสยื่นมือไปดึงเด็กคนนั้นให้ลุกขึ้นและกางแขนออก แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมแต่เขาก็กางแขนออกทั้งสองข้าง เด็กคนนั้นเห็นเช่นนั้นจึงสวมกอดอาฟเทรอสแน่น

     

    หลังนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ผ้าคลุมที่เป็นดั่งปีกบนแผ่นหลังสยายออกและพาตัวเขาโผบินออกไป ออกไปจากลานที่มีเด็กที่กลายเป็นหิน

     

    บินตามร่างเรืองรองของคนอื่นไปเข้าหาแสงสว่างที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางที่เป็นจุดรวมสายตา

     

    หลังจากที่บินมายาวนานและรับเทียนสีแดงที่มีรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดอยู่ตรงกลางมา อาฟเทรอสก็หยุดลงบนเส้นที่ที่ประดับประดาไปด้วยประกายแสงสวยงามของดวงดาว

     

    ร่างของเอ็กโซเซียร์ยืนรอเขาอยู่แล้ว เธอชี้ไปที่ประตูที่ส่องแสงสว่างมากที่สุดหลังจากเห็นว่าเขามองไปที่เธอ

     

    " ไปตรงนั้นสิ นายจะกลับไปที่โฮมได้ "

     

    เอ็กโซเซียร์กล่าวจบก็เดินไปตามทางที่เกิดจากดวงดาว

     

    " นี่เอ็กโซเซียร์ ถ้าออกไปแล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย . . . ? "

     

    เอ็กโซเซียร์เหลียวหลังมามองเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเธอมา ก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาประตูเหมือนเดิม

     

    " ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน เราก็มีโอกาสเจอกันอีกนั่นแหละ "

     

    อาฟเทรอสมอง . . .

     

    มองพิณที่แขวนเก็บเอาไว้นั้นดูมีร่องรอยที่ผ่านการใช้มายาวนานแต่กลับยังดูเหมือนใหม่

     

    มองแผ่นหลังใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทของเอ็กโซเซียร์ที่ดูมั่นคงแต่มีกลิ่นอายของความเหนื่อยล้าแฝงมาเจือจาง ราวกับเธอนั้นต้องเป็นกำแพงให้ใครบางคนพึงพิง

     

    แต่มันกลับดูมีความสุขดีนะ แผ่นหลังนั้นน่ะ . . .

     

    .

    .

    .

     

    ร่างที่สั่นไหวด้วยความกลัวของเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน นัยน์ตาใต้หน้ากากสั่นไหวรุนแรง หัวใจเต้นระรัวดั่งกลองที่ถูกรัวตี เบื้องหน้ามีคริลล์บินวนอยู่ถึงสามตัว

     

    เขาแค่ต้องการที่จะเข้ามาเดินเล่นในสถานที่สุดท้ายที่ไม่เคยเข้ามาเท่านั้นเอง เขาไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้

     

    ตึก

     

    ร่างสีหม่นหมองหยุดยืนข้าง ๆ เขายื่นเทียนสีแดงสดมาด้านหน้า เด็กหนุ่มดีใจรีบต่อเทียนกับคนแปลกหน้าคนนี้ทันที

     

    เรือนผมสีขาวสะอาดที่ไถข้างไปข้างหนึ่ง หน้ากากที่ผูกผ้าปิดส่วนล่างของใบหน้าที่เป็นหน้ากากที่สามารถแลกกับสปิริตในคาราวานที่แวะเวียนมาในตอนปัจจุบันได้ปรากฏแก่สายตาของเด็กหนุ่ม

     

    " นายเข้ามาที่นี่ครั้งแรกเหรอ? "

     

    " แล้วกำลังกลัวกลัวอยู่ใช่มั้ย? "

     

    คนแปลกหน้าเอ่ยถามเด็กหนุ่ม ซึ่งได้การพยักหน้าเป็นการตอบรับ

     

    " ให้ฉันไปส่งมั้ย? "

     

    .

    .

     

    " ทำไมคุณถึงช่วยผมล่ะอาฟเทรอส? "

     

    ร่างในผ้าคลุมสีน้ำเงินหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่เขาจูงมือมาจนเกือบจะถึงโถงกว้างที่มีรูปปั้นเด็กวางเรียงราย ใต้หน้ากากนั้นมีรอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นมา

     

    " แค่ . . . ฉันแค่เห็นนายแล้วคิดถึงคน ๆ หนึ่งที่เคยช่วยฉันตอนที่ฉันมาที่นี่น่ะ "

     

    " คุณเคยเจอปัญหาที่นี่เหรอครับ? "

     

    " แน่นอน ทุกคนล้วนมีครั้งแรกกันทั้งนั้นนั่นแหละ "

     

    หลังจากที่เดินออกจากประตูนั่นมาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เขาใช้น้ำยารีไซต์ทำให้สูงขึ้นนิดหน่อย ตอนนี้ก็เล่นเปียโนได้บ้างนิดหน่อย แล้วตอนนี้ดอกไม้ที่ฟอก็อตเท่น อาร์คก็ผลิบานแล้วด้วยล่ะ

     

    หวังว่าสักวันนึงเขาอาจจะมีโอกาสเล่นดนตรีคู่กับคน ๆ นั้นสักครั้งนะ

     

    [ End Chapter ]

    -นิยายเรื่องนี้เป็นช็อตแฟนฟิคของเกมที่ชื่อว่า 'Sky : Children of the light' นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×