คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
จากวันที่เขาและเธอยอมสงบศึกกันด้วยดีแล้วความรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆในวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมปีแล้วเขายังจำวันนั้นได้ดีที่สุดและตั้งแต่วันนั้นเช่นกันที่เขาไม่เคยพูดอะไรให้เคืองหูใครอีกแม้แต่เธอเองก็ตามแต่กลับมีความรู้สึกดีๆให้กันและกันเข้ามาแทนที่เช่นกัน
ที่สนามหญ้าหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ดูเหมือนว่าเป็นครอบครัวใหญ่แต่กลับมีคนอาศัยอยู่
น้อยมากชายหนุ่มยืนอยู่ตามลำพังแสงแดดอ่อนๆในยามเย็นสาดส่องใบหน้าคมเข้มนั้นให้ดูอ่อน
โยนลงกว่าแต่ก่อนเวลาที่เขาและเธอทะเลาะกันตอนนี้เขาไม่เคยพูดจาอะไรที่ไม่เข้าหูเธอเลยเธอจึง
กล้าพูดกับเขาดีๆบ้างเป็นการตอบแทน ความจริงมันก็ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องทะเลาะกัน
เหมือนเมื่อก่อน หญิงสาวเดินเข้ามาข้างหลังเขาเงียบๆ
“ คิดอะไรอยู่หรือคะ?
ใจลอยเชียว “
ชายหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อยก่อนที่จะหันกลับไปตามเสียงเรียกของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาอย่างพอดี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้เธอมากขนาดนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักจริงๆในสายตา
ของเขาในเวลานี้นับแต่วันที่เธอและเขาพูดอะไรที่ไม่ใมห้เคืองหูกันอีกเขาและเธอเริ่มมีความรู้สึก
บางอย่างเข้ามาแทนที่เขาและเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจต่างฝ่ายผิดกันทั้งคู่ โดยเขาคิดว่าเธอเป็น
ผู้หญิงที่ต้องห้ามของผู้เป็นลุง ส่วนเธอคิดว่าเขาเป็นผู้ขวางโลกอย่างยิ่งและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัว
เองอย่างมากๆ แต่ความจริงทั้งหมดคือทั้งคู่สร้างกำแพงให้กับตัวเองเพื่อไม่ให้แสดงความในใจ
ของต่างฝ่ายออกมาต่างหาก เอี้ยก้วยเป็นผู้ชายที่มีปมด้อยเรื่องครอบครัวเนื่องจากว่าพ่อและแม่
ของเขาทิ้งเขาไว้ให้ผู้เป็นลุงเลี้ยงดูเขาเนื่องจากพ่อและแม่ต้องการทำธุรกิจของตัวเองจนประสบ
ความสำเร็จและเมื่อสำเร็จแล้วท่านก็มัวแต่ยุ่งเรื่องงานจนลืมเขาดังนั้นเขาจึงปฏิเสธธุรกิจต่างๆที่ไม่
ว่าผู้เป็นลุงหรือใครหยิบยื่นให้เขา เขาจึงสร้างกำแพงขึ้นมาว่าผู้ที่ทำธุรกิจต้องเห็นแก่ตัวทุกคน
รวมทั้งเธอด้วย ส่วนแน่งน้อยนั้นเนื่องจากพ่อและแม่เสียชีวิตความสุขที่เวลาอยู่กับครอบครัวก็ได้
จางหายไปเธอจึงต้องต่อสู้ด้วยตัวเองและเพื่อเอาตัวรอดเธอจึงต้องทะเยอทะยานเข้าไว้ทั้งๆที่ตัว
เธอเองก็เหนื่อยเช่นกันนั่นเป็นการสร้างกำแพงกับตัวเองว่าเธอจะต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองโดย
การทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้คนอื่นเห็นว่าเธอก็ทำได้และทำได้ดีไม่แพ้ใครด้วยตัวอย่างเช่นบริษัทของ
พ่อบุญธรรมของเธอเองเธอสามารถทำให้มันยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ได้
“ เปล่าหรอกครับผมแค่คิดอะไรเพลินๆ “ เขาตอบ
“ คุณลุงให้มาตามไปทานข้าวน่ะค่ะ “ เธอตอบแบบอ่อนโยนยิ่ง
“ แน่งน้อย “ เขาเรียกชื่อเธอ
“ คะ “ เธอขานรับ
“ จากวันแรกที่เราพบกันช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าภิรมย์เลยนะ “ เขาเริ่มต้นพูด
“ ค่ะ คุณก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะคะ “ เธอพูดพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ คิดถึงวันนั้น
“ แต่วันนี้ผมคิดว่าคุณคือคนที่มีความสำคัญในชีวิตของผมคนหนึ่ง “
ตอนนี้เธอคิดว่าเธอต้องฝันไปแน่ๆที่เขาพูดแบบนี้กับเธอปกติเขาจะเป็นคนพูดน้อยมากจะพูดมากก็เฉพาะเวลาที่ทะเลาะกับเธอเท่านั้นล่ะแต่แปลกที่เธอสังเกตเห็นก็คือเขาจะไม่สบตากับเธอเธอคิดว่าเพื่อยับยั้งใจของตัวเองเพื่อไม่ให้ทะเลาะกับเธออีก หัวใจของแน่งน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเลยในตอนนี้โดยเฉพาะเมื่อเขายื่นหน้ามาใกล้ๆเธอแล้วหัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงขึ้นจนเธอรู้สึก ใบหน้าร้อนผ่าวสลับกับเย็นตลอดเวลาตอนนี้ความคิดเริ่มพร่าพรางเธอยอมปล่อยตัวไปกับใจของเธอโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาก้มลงจูบปากเธออย่างนุ่มนวลแบบไม่ให้เธอบอบช้ำเลยก็ว่าได้มือที่ไม่เคยล่วงเกินกันมากกว่าจับมือวันนี้ถึงกับลูบไล้ไปทั่วร่างของแต่ละฝ่ายเหมือนกับว่าจะเก็บทุกรายละเอียดของแต่ละฝ่ายไว้อย่างไม่มีใครยอมใครเลย
“ คุณแน่งน้อยคะ คุณเอี้ยก้วยคะ อยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ คุณท่านให้เรียกไปทานข้าวค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงที่เจื้อยแจ้วนั้นทั้งสองถึงกับสะดุ้งตัวแน่งน้อยสั่นน้อยๆ เอี้ยก้วยเองก็เช่นกันอย่างจะไม่ยอมหยุดอยู่เพียงนั้นเมื่อแยกออกจากกันแล้วเขาพยายามระงับอารมณ์ยกมือลูบหน้าของตัวเองหันไปมองแน่งน้อยประจวบกับเธอกำลังมองมาพอดีสายตาของเธอเหมือนหนึ่งว่าเขาคือคนแปลกหน้า
“ ผมขอโทษ
.ผมไม่ได้ตั้งจะให้มันเกิด..ความจริงผมน่าจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันพร้อมกว่านี้..ผม
”
“ หยุด
ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดตอนนี้
เราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะคุณพ่อรอนาน
แล้ว “
ต่อจากนั้นทั้งสองก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขาตั้งใจจะมาเจอกับเธอโดยเฉพาะเพราะเขาเร่งเคลียร์งานที่ค้างอยู่ของเขาแล้วรีบกลับบ้านแต่หัววัน
(ซึ่งถือว่าผิดปกติมาก
ฮึ่ม) เขามาถึงก่อนหน้าเธอเพียงไม่เท่าไหร่เขาเห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเขาชะเง้อดูว่าเป็นใครแต่ก็ต้องปวดใจ(เงียบๆ)เพราะรถคันนั้นเป็นของชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักมาส่งเธอถึงหน้าบ้านแถมยังทำกิริยาอาการเหมือนกับว่าเขาทั้งสองสนิทกันมาตั้งนานแล้วอย่างนั้นแหละ
เธอเดินเข้าบ้านมาแล้วแต่ยังไม่พ้นประตูดีเลยเขาลากเธอไปที่สวนหลังบ้านอย่างทุลักทุเล (ก็เพราะตัวเธอเองก็ขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตายเลยล่ะ) เขาเห็นว่าปลอดคนแล้วเขาก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเธอจับมือที่โดนเขาลากมานั่นหน้าคว่ำเลยทีเดียว
“ไอ้คนที่มาส่งเธอนั้นมันเป็นใคร” เขาเริ่มต้นถาม น้ำเสียงขุ่นเคืองของเขาทำให้หญิงสาวงง เพราะมีสิทธิอะไรที่จะถามแบบนี้
“คุณมีสิทธิอะไรมาถามฉันแบบนี้ล่ะ” เธอย้อนถาม ใบหน้าที่เชิดขึ้นแบบรั้นๆที่เขาคิดว่าน่าหมั่นไส้ที่สุด แต่เขาก็ได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบเธอ
ว่าเขาหึงเธอ หวงเธอ
และรักเธอมากแค่ไหน จนไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ
อีกแล้วกิริยานี้กลับมาอีกแล้ว
คือยกมือขึ้นจับท้ายทอยของตัวเองทำหน้ากวนปนเซ็งในที เธอไม่รู้เลยหรือไงนะว่าฉันทำแบบนี้เพื่ออะไรน่ะ
เฮ้อ เหนื่อยใจจริงจริ้ง เขาคิด ก่อนตัดสินใจตอบ
“ก็ฉัน
.!” เขาพูดได้แค่นั้น ไม่รู้จะพูดยังไงดีก็เขาพูดไม่เป็นนี่จะให้ทำอย่างไรเล่าก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้เขาก็ก้าวเข้ามาใกล้เธอแต่เห็นปฏิกิริยาเขาแบบนี้แล้วสัญชาตญาณก็พาเธอถอยหลังหนีเขาและตบหน้าเขาอย่างแรง เขาเองรู้สึกเหมือนมีอะไรทีแล่นผ่านอากาศเข้ามากระทบหน้าเขาจนชาดิกเขารู้สึกตัวจึงถอยห่างเธอ
โธ่เขาไม่น่าปล่อยให้ใจไปเร็วกว่าสมองเลยแฮะกะจะมาเคลียร์เรื่องของเราแต่วันนี้คงไม่เหมาะซะแล้วเขาก้มหน้าหลบตาของเธอก่อนจะเอ่ย
“ผม
ขอ
โทษ” พูดจบเขาก็หันหลังกลับไป เธอได้แต่มองตามเขาหารู้ไม่ว่าพอเขาหันหลังไปน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตกไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไมนักหนาเหมือนกันก็ในเมื่อเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอแต่รู้สึกใจหวิวๆชอบกลเมื่อเห็นเขาหันหลังให้เธอโดยไม่มองเธอเลย เราเป็นอะไรไปเนี่ย
เธอคิด
ความคิดเห็น