**เรื่องนี้พี่มาร์ตินจากเรื่อง Cargo นะคะ ส่วนพี่เบนจากเรื่อง The child in time ใครที่รู้จักคร่าวๆแล้วข้ามช่วงนี้ได้เลยนะคะ
Andy (Cargo)
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับแอนดี้ซึ่งติดเชื้อซอมบี้ เขามีเวลาเพียง 48 ชั่วโมงในการพาลูกน้อยของเขา 'โรซี' ไปอยู่ในที่ปลอดภัย
Stephen Lewis (The child in time)
สตีเฟ่น เลวิสผู้สูญเสียลูกสาวของเขาไป เขาต้องรับมือกับความรู้สึกสูญเสียให้ได้
*เนื้อเรื่องต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับตัวหนังนะคะเป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น
เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงชั่วโมง...อีกไม่ถึงชั่วโมงเขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือด เขาต้องพาโรซี่ลูกสาวของเขาไปที่ๆปลอดภัยที่สุด ก่อนที่เขาจะทำร้ายเธอ
ทูมิเด็กสาวพื้นเมืองที่เขาได้ช่วยเอาไว้บอกเขาว่าชนเผ่าของเธอสามารถปกป้องโรซีได้ ที่นั่นจึงเป็นจุดหมายที่พวกเรากำลังจะไป ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แอนดี้ก็ยิ่งรู้สึกคุมตัวเองได้ยากขึ้น สัณชาติญาณดิบในตัวกำลังพยายามปะทุออกมา
"หยุดๆ" เขาพูดและหยุดกับที่เขารู้สึกปวดหัวมากและเหมือนจะเสียการทรงตัว
"ช่วยที"เขารีบเอาโรซีส่งให้ทูมิอุ้ม เขารีบเดินออกจากเด็กทั้งสองคนแต่ก็ล้มลงไป อยู่ๆเขาก็ได้กลิ่นหอมหวนเหมือนเชิญชวนให้เขาเดินไปหา แอนดี้ค่อยๆเหลือบมองไปตามฝั่งที่ได้กลิ่น มันคือซากสัตว์ตายที่มีเลือดคละคลุ้ง
"กินมันสิ กินมันซะ"
เสียงกระซิบในหัวเชิญชวญให้เขาขยับไปใกล้ๆซากศพนั่นแต่จิตสำนึกก็เตือนให้หันไปมองเด็กสองคนที่นั่งอยู่ ทำให้เขาดึงสติกลับมาได้ เขาหันไปมองซากเนื้อเน่านั้นและกิ่งไม้อันใหญ่ตรงพื้นมีความคิดขึ้นมา
"ทูมิ ฉันมีเรื่องจะข้อร้อง เอาเนื้อนี้เกี่ยวกับไม้ไว้ซะพอฉันกลายเป็นซอมบี้เธอกับโรซี่ขี่หลังฉันไว้แล้วล่อฉันไปหาชนเผ่าของเธอ โอเคนะ"
"แต่คุณ.."
"เข้าใจไหม"
ทูมิเงียบและพยักหน้า
"เอาหล่ะ จัดการเลย"
.
.
.
.
.
ตอนนี้สติของเขาไม่เหลืออีกแล้วมีเพียงสัณชาติญาณดิบที่สั่งให้เขาเดินตามกลิ่นคราวเลือดนี้ไป ตอนนี้ตัวเขาซึ่งกลายเป็นซอมบี้และลูกน้อยของเขาถึงชนเผ่าที่ทูมิอยู่แล้ว คนในชนเผ่าเตรียมยิงปืนปลิดชีพเขา แต่ก่อนที่เขาจะตายเขาก็ได้กลิ่นหอมไม่ใช่กลิ่นคาวเลือด
"กลิ่น...น้ำหอมของโรซี" นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ในฐานะมนุษย์ก่อนที่จะ....
"ปัง!"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"เธออยู่ไหนสตีเฟน!! ลูกของเราอยู่ไหน!" เสียงกรีดร้องของจูลี่ ภรรยาของชายหนุ่มที่พึมพำขอโทษอยู่
"เธอควรอยู่ตรงนี้ เธอควรที่จะอยู่ตรงนี้ ผมขอโทษจูลี่ผมขอโทษ" สตีเฟ่นโอดครวญสีหน้าของเขาซีดเผือก ตัวของเขาสั่นสะท้าน
"ผ...ผมพาเธอไปซื้อของแล้วเธอก็หายไป เธอหายไป" จูลี่เบือนหน้าหนีทั้งน้ำตา
"ผมขอโทษจูลี่ ผมขอโทษ" สายไปแล้วหญิงสาวเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่ซุดนั่งลงกับพื้น
.
.
.
.
.
ผ่านไป 1 เดือนแล้วตั้งแต่ลูกสาวของเขา เคท หายตัวไป สตีเฟ่นดื่มเหล้าอย่างหนักตัวของเขาผอมลงมาก
"ฉันทนไม่ไหวแล้ว" จูลี่พูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพของคนรักตน
"ฉันทนเห็นคุณเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว" เธอพูดทั้งน้ำตา เธอหนีไปอยู่แถบชนบท หนีไปจากสตีเฟนตั้งแต่วันนั้น
.
.
.
.
"ไม่มีอะไรกิน..." สตีเฟนพึมพำตั้งแต่จูลี่แยกทางกับเขา เขาก็แทบไม่ได้กินอะไรเลยจนร่างกายเขาเริ่มไม่ไหว เขาจึงตัดสินใจออกจากบ้านและเดินไปร้านสะดวกซื้อ หลังจากซื้ออาหารสำเร็จรูปมาหลายแพ็ค อยู่ๆเขาก็อยากไปนั่งเล่นสวนสาธารณะซักหน่อย
สตีเฟนเดินไปเรื่อยๆมองรอบๆสวน เขานึกถึงตอนที่เขากับเคทนั่งเล่นกันในสวนนี้ นึกถึงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเธอ เขายิ้มนิดๆกับความทรงจำนั้นแม้ว่าน้ำตาจะเริ่มไหล
เขาเดินไปเรื่อยๆคนเริ่มบางตาลง ฉับพลันหางตาเขาก็ไปสะดุดกับร่างๆนึงที่สลบอยู่ข้างหลังพุ่มไม้ เขาเดินไปดูทันที ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มคนนึงตัวค่อนข้างเล็กหน้าตาเขาดูอิดโรยอย่างมาก
"คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ" สตีเฟ่นตกใจทันทีเมื่อเห็นตัวเขาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด เขาสำรวจแต่ก็ไม่เจอแผลตรงไหนเลย
สตีเฟ่นตัดสินใจพาชายแปลกหน้าไปที่บ้านตนเอง เขาอุ้มชายร่างเล็กและวางลงบนโซฟา
.
.
.
.
เขาค่อยๆลืมตาขึ้นและสำรวจรอบๆ ตอนนี้เขาอยู่่ในบ้านหลังหนึ่งที่ดูหรูหลา
"ตื่นแล้วหรอครับ" เสียงชายหนุ่มข้างตัวดังขึ้นทำให้เขาหันไปมองทันที ข้างตัวเขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงเขาดูซีดผอม
"ที่นี่ที่ไหน" แอนดี้ถามขึ้นเมื่อมองรอบๆความทรงจำสุดท้ายคือเขากำลังจะกลายเป็นซอมบี้และ...
"บ้านของผมในลอนดอนครับ ผมสตีเฟน เลวิส" สตีเฟ่นพูดและยื่นมือให้คนที่นั่งบนโซฟาซึ่งมีสีหน้าแตกตื่น
"ลอนดอน! เป็นไปไม่ได้ผมจำได้ว่าผมอยู่ออสเตเรีย แล้วพวกซอมบี้อยู่ไหนหล่ะ" แอนดี้รัวถามทันที
"พูดอะไรของคุณ ซอมบี้อะไรคุณดูหนังมากไปรึเปล่า" สตีเฟ่นพูดและขมวดคิ้ว
"เฮ้! คุณจะไปไหนหน่ะ!" สตีเฟ่นร้องเมื่ออยู่ๆแอนดี้ก็ลุกพรวดไปดูตรงหน้าต่างทันที
"ป..เป็นไปไม่ได้" เขาพึมพำเมื่อเห็นผู้คนเดินขวักไขว่และรถยนต์ที่กำลังขับอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื้อซอมบี้มันระบาดไปทั่วโลกไม่ใช่รึไง
"นี่ปีอะไร" เขาถามเผื่ออาจมีแฟนตาซีอย่างย้อนเวลาหรือไปอนาคตเกิดขึ้น
"20xx ไงจะปีอะไร" สตีเฟ่นพูดอย่างงงวย แอนดี้ขมวดคิ้วปีเดียวกับโรคระบาดนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ยังไงก็เหอะ คุณเป็นใครแล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณหน่ะ ตอนผมเจอคุณครั้งแรกคุณเลือดท่วมเลย" แอนดี้ก้มลงมองเสื้อตัวเองทันที แต่เสื้อของเขาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดตัวยาวแทน
"เอ่อ คือผมเห็นคุณเปื้อนไปหมดคงนอนไม่สบาย คุณคงไม่ว่านะถ้าเสื้อผมใหญ่ไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมแอนดี้...เอ่อ" ถ้าบอกเรื่องโลกของเขาสตีเฟ่นคงไม่เชื่อแน่ๆ
"ผมกับภรรยาเคยอยู่อังกฤษแต่ต้องย้ายไปออสเตเรียกับลูกสาวผมโรซี..." แอนดี้หยุดกึกไปเมื่อนึกถึงลูกสาว เธอไม่ได้มาที่นี่ด้วย...เขาทิ้งเธอไว้ในนรกนั่น
สตีเฟ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็มองอย่างสงสัย ตอนนี้แอนดี้มีสีหน้าเสียใจอย่างมาก
"ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรครับ แล้ว..คุณจะเอายังไงต่อ"
"ผ...ผมไม่รู้" แอนดี้พูดอย่างสับสน เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
"คุณอยู่กับผมก่อนก็ได้...หมายถึง..คือผมอยู่คนเดียว" สตีเฟนก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไว้ใจคนที่พึ่งเจอได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่เขารู้สึกไว้ใจคนตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล
"โอ้จริงหรือครับ!ขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้ผมไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ" แอนดี้พูดแล้วเขย่ามือกับสตีเฟน สตีเฟ่นเพียงยิ้มแล้วบอกไม่เป็นไร
"คุณนอนห้องนี้ก็ได้" เขาพูดและพาแอนดี้ไปห้องลูกสาวตนซึ่งตอนนี้ไม่มีของเหลืออยู่เพราะเขาเก็บหมดแล้ว
"เอ่อ นี่ห้อง..."
"ลูกสาวผมครับ เธอ...หายตัวไป" สตีเฟ่นหยุดชะงักและเบือนหน้าหนี
"โอ้..เอ่อ ผมเสียใจด้วย"
"ไม่เป็นไรครับ เธอหายไปเดือนกว่าแล้ว ภรรยาก็แยกทางกับผมแล้ว"
"ผมเข้าใจความรู้สึกคุณครับ" แอนดี้พูดแล้วยิ้มเศร้าๆ
สตีเฟ่นอยากสวนไปว่าคุณไม่เข้าใจผมหรอก แต่เมื่อเห็นยิ้มที่แสนเศร้าของแอนดี้เขาก็ตัดสินใจไม่พูดไปและแค่ยิ้มกลับไป
.
.
.
.
"ทำอะไรอยู่ครับ คุณสตีเฟ่น" แอนดี้ถามเมื่อเห็นคนที่ตนอาศัยอยู่ด้วยนั่งพิมพ์อะไรซักอย่างอยู่หน้าคอมในห้องนั่งเล่น
"ผมกำลังทำงานอยู่ครับ ผมเป็นนักเขียน" พูดแล้วก็หันไปมองคนที่นั่งตรงข้าม
"คูณโกนหนวด?"
"โอ้ ใช่คุณคงไม่ว่านะที่ผมยืมที่โกนหนวดคุณ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"แล้ว...มันเป็นยังไงบ้างครับ" สตีเฟ่นเหลือบมองแอนดี้และเผลอกระตุกยิ้ม
"น่ารั...ผมหมายถึงมันดูดีมากครับ"
"อันที่จริงภรรยาผมก็บอกว่ามันไม่เข้ากับผม แต่ตอนนั้นเราไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ แค่มีชีวิตให้ปลอดภัยก็ยากแล้ว"
"คุณหนีอะไรอยู่หน่ะครับ" แม้จะเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวแต่เขาก็ควรรู้ข้อมูลของคนที่จะมาอาศัยอยู่กับเขา
"พูดไปคุณก็คงไม่เชื่อหรอก" เขาพูดและขำนิดๆแม้ในดวงตาจะไม่มีร่องรอยขบขันเลย
"แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เหลือใครแล้ว ภรรยาของผมก็กลายเป็น..ไม่สิเธอตายแล้ว ต่อหน้าต่อตาผมเลย ส่วนลูกสาวผม เธออยู่คนละโลกกับผมแล้ว..." น้ำตาของเขาค่อยๆไหลออกมา เขาเอามือกุมหน้าและสะอื้นอย่างหนัก
สตีเฟ่นเมื่อได้ฟังก็รู้สึกสงสารชายตรงหน้าจับใจ เขาสองคนคล้ายกันมากแม้จะคนละแบบแต่ก็ต้องสูญเสียคนที่รักไปทั้งคู่....เขาลุกไปนั่งข้างๆแอนดี้และตบหลังเป็นการปลอบประโลมแม้ใจจริงอยากกอดเขาไว้ก็ตาม...
"เราไปกินข้าวเย็นกันไหมครับ" สตีเฟ่นเอ่ยถามเมื่อแอนดี้เริ่มดีขึ้น
"ครับ" แอนดี้ยิ้มอย่างขอบคุณคนข้างตัว
________________________________________________________________________________________________________________
ฟิคชั่ววูบจริงๆค่ะอยู่ๆพล็อตก็ผุดขึ้นมาในหัวภาษาอาจเรียบเรียงไม่ดีเท่าไหร่ยังไงก็ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
**ควรแต่งคู่ #andystephen ต่อไหมหรือเปลี่ยนคู่ดี??
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย