คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความวุ่นวาย
เช้าอันแสนวุ่นวาย ถึงแม้ว่าที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพก็ตามเถอะแต่ไอ้ความวุ่นวายที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันย่อมเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ น้องภูมิเด็กชายตัวน้อยดวงตากลมโตเหมือนพ่อไม่มีผิด น่าเสียดายที่พ่อของเขานั้นต้องจากโลกนี้ไปเสียก่อนวัยอันควร แต่ไม่เป็นไรเขาก็มีแม่ที่ดีแต่ถึงจะให้ดีแค่ไหนก็อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นนั่นแหระ ว่าความวุ่นวายมันเกิดขึ้นได้เสมอ
“พี่ วันนี้ช่วยไปส่งภูมิหน่อยนะ วันนี้ฉันต้องไปพบกับลูกความ” ทนายฝีปากดีอย่างแนนนี่ที่บางครั้งไม่วุ่นวายก็ทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่เสมอ แม้กระทั่งวันนี้
“แต่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมลูกเธอวันแรกนะ จะไม่ไปส่งหน่อยเหรอ”
“ฉันติดงานจริงๆ” เธอคว้ากุญแจห้องของเธอพร้อมกับกระเป๋าสะพายเก๋สุดเดิร์นที่เธอเชื่อว่ามันสวยเหมาะสำหรับเธอเหลือเกิน “ฉันฝากด้วยนะพี่ แล้วยังไงเดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะไปรับภูมิเอง”
เฮ้อ...บอกว่ารับภูมิทีไร ฉันนี่แหละที่เป็นคนไปรับทุกที
จังหวัดเลยคือจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แต่เมื่อไหร่ที่เข้าฤดูหนาวก็จะหนาวใจจริงๆ เพราะอะไรอย่างนั้นเหรอ ก็เพราะว่าฉันยังโสดอยู่น่ะซิแย่จังที่น้องสาวฉันดันชิ้งมีแฟนเสียก่อนแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ทันไรเขาก็ด่วนจากเธอไป
“คุณป้าครับ เจ็ดโมงแล้วครับ” น้องภูมิวางแก้วนมบนโต๊ะอาหารพร้อมกับดวงตาที่บ่งบอกถึงความอยากไปโรงเรียนของเขา “ผมไม่อยากไปเรียนสายวันแรกหรอกนะครับ”
สมศรีคือชื่อของฉันเพื่อนฝูงมักเรียกฉันว่ายัยศรีสั้นๆ แต่ถึงชื่อฉันจะเชยแต่ฉันก็ยังสาวโสดและซิงอยู่อย่างแน่นอน วันนี้ฉันต้องรีบไปส่งน้องภูมิให้ทันก่อนที่จะสายและดูท่าทางวันนี้รถจะติดเสียด้วย ทั้งรถประจำทาง รถเก๋งและมอเตอร์ไซด์ที่มีอยู่ในเมืองจนแทบจะเบียดเสียดล้นออกมาจากเลนถนน ที่นี่ฉันว่าไม่ต่างอะไรกับกรุงเทพดีดีนี่เอง ในที่สุดภารกิจแรกของวันนี้ก็เสร็จสิ้น
สวัสดีครับคุณป้า....
ฉันขับรถฮอนด้าสีเงินเก่าๆเลี้ยวออกจากหน้าโรงเรียนและรีบดิ่งกลับบ้านทันที เพราะฉันไม่อยากเสียเวลากับการปั่นนิยายของฉัน แต่ก่อนที่จะรีบดิ่งกลับบ้านฉันก็จะต้องแวะตลาดซื้ออาหารมื้อเที่ยงเข้าบ้านก่อน ก่อนที่ฉันจะนั่งทำงานอย่างยาวนานถึงตอนเย็นและที่สำคัญฉันก็จะต้องกลับมารับน้องภูมิอีกครั้งตอนที่เขาเลิกเรียน
“สวัสดีค่ะน้องสมศรี” แม่ค้าขายขนมหวานเรียกเธอ “วันนี้จะรับอะไรดีค่ะ”
“ขอขนมเปียกปูนละกันจ๊ะ สองห่อนะฉันกินคนเดียวไม่หมด”
“ไม่เอาไปฝากลูกชายเธอเหรอ” แม่ค้าทักท้วง
“น้องภูมิน่ะเหรอ วันนี้เขาไปเรียนจ๊ะกว่าจะถึงเย็นฉันกลัวว่าจะเสียซะก่อน”
“โธ่ ก็เก็บแช่ตู้เย็นไว้ก่อนซิจ๊ะ” แหมถ้าคุณพี่คนนี้เป็นตัวแทนเซลล์แมนละก็ ท่าทางจะทำยอดตัวเองได้ดีจนทะลุเป้าแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอขนมสอดไส้ให้แกสองห่อล่ะกัน เท่าไหร่จ๊ะ” ฉันเตรียมหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาและควักแบงค์ร้อยออกมารอ
“สามสิบบาทจ๊ะ ฉันแถมขนมสอดไส้ให้เป็นสามห่อเลยนะวันหลังอย่าลืมแวะมาซื้ออีกละ”
ถึงเธอจะไม่ค่อยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับน้องภูมิ และมักจะคิดว่าน้องภูมิเป็นลูกชายฉันเสมอแต่ฉันไม่โทษเธอหรอก ก็แน่ล่ะน้องสาวฉันไม่เคยจะเหยียบตลาดเลยสักนิด วันไหนที่เธอมานะใครๆก็ไม่รู้จักเว้นแต่ว่าฉันจะมาพร้อมกับเธอซึ่ง ก็ไม่เคยอีกเช่นกัน เราสองคนมักจะสวนทางกันเสมอๆ ถ้าเธอมาตลาดฉันก็จะอยู่บ้านเขียนนิยาย แต่ถ้าฉันมาตลาดเธอก็จะออกไปทำงานข้างนอก
ฉันออกจากตลาดมาพร้อมหิ้วกับข้าวและขนมที่แสนอร่อยที่ฉันชื่นชอบกินมาด้วย ฉันกลับอพาร์ทเม้นและขึ้นห้องด้วยความหิวโหยและรีบทานอาหารมื้อเช้าก่อนที่จะรีบลงมือทำงานอย่างเต็มที่ แต่เชื่อไหมว่าเวลาเผลอแป๊บเดียวก็บ่ายสองแล้ว ทำให้ฉันลืมกินข้าวเที่ยงไปเลยวันนี้และต้องเตรียมตัวไปรับน้องภูมิเสียแล้ว
“สวัสดีครับคุณป้า ผมกะไว้แล้วเชียวว่าคุณแม่ต้องไม่มารับผมอีก” ใบหน้าที่แฝงความเศร้าผ่านดวงตาของเขา ช่างน่าสงสารแกจริงๆ
“คุณแม่เขาติดธุระจริงๆ เอาเป็นว่าวันนี้เดี๋ยวป้าพาไปทานไอศกรีมละกันนะ”
“จริงเหรอครับ”
“จริงซิ เรารีบไปกันดีกว่าก่อนที่จะเย็นมากกว่านี้นะ”
น้องภูมิพยักหน้าแล้วหลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถและไปที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง พวกเราป้าหลานเดินเตร็ดเตร่อยู่ในห้างไม่เพียงแต่ยังทานไอศกรีมของโปรดของเจ้าตัวเล็กแล้ว ฉันยังแอบเหลือบเห็นร้านค้าขายของจำพวกเครื่องสำอางที่แนนนี่ชื่นชอบ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็ฉันมันนักเขียนไส้แห้งอยู่ตอนนี้
“วันนี้น้องภูมิมีการบ้านรึเปล่า” ฉันหันมาคุยกับน้องภูมิขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร้านขายของเล่นเด็กในห้าง “ผมอยากได้สไปเดอร์แมนจัง”
และฉันก็ใจอ่อนซื้อมาจนได้ และเราก็รีบกลับบ้านทันทีเพราะขืนอยู่ต่ออีกฉันต้องเสียเงินอีกอย่างแน่นอน ระหว่างทางที่ฉันกลับบ้านเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้าของฉันดังขึ้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะว่าแนนนี่เป็นคนโทรมา
“โอ้ยพี่ ฉันเพิ่งออกจากศาลเนี่ย เหนื่อยจริงๆ” เสียงโอดครวญดังแทรกออกมาจากหูโทรศัพท์จนลูกชายเธอต้องหันมามอง “คุณแม่เหรอครับ”
“แล้วเป็นไง วันนี้ชนะหรือว่าแพ้คดี” ฉันเอ่ยถามขณะที่พยายามทำสมาธิกับรถเพื่อจะประคองไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ก็ฝ่ายทางโน่นเขาไม่ยอมส่วนฉันซิ สงสัยต้องกลับมาหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มอีก”
“แล้วเธอคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ” ฉันถามพลางเลี้ยวรถเข้าสู่อพาทเม้น
“ก็ดูจากหลักฐานทั้งหมดนะ ฉันชนะเจ็ดสิบเปอร์เซนจะเหลือก็ลุ้นแต่พยานปากสุดท้ายว่าจะยอมรับหรือไม่ ตอนนี้กำลังเข็นกันอยู่”
“อืมก็ดี” ฉันหยุดรถส่วนน้องภูมิที่รู้หน้าที่ตัวเองดีก็ปลดเข็มขัดแล้วรีบคว้ากุญแจห้องแล้วหิ้วตุ๊กตาตัวใหม่อุ้มแจไปที่ห้องทันที “ว่าแต่วันนี้พี่ไปรับภูมิรึเปล่า”
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นใครจะไปรับ”
“ฉันเป็นหนีบุญคุณพี่จริงๆเลยนะ”
แนนนี่มักจะพูดอยู่เสมอๆว่าความฝันของเธอนอกจากเป็นทนายความแล้วเธอก็ยังคงอยากยังอยากลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านๆตามต่างจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดเลย เธอไม่ชอบเลยกับการจราจรที่ติดขัดแต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคิดว่าเธอไม่มีวันทำได้หรอกเพราะวันๆชีวิตที่ถูกขีดเขียนอย่างเป็นระเบียบในทุกวันนี้ก็ทำให้เธอไม่ว่างสายตัวแทบขาด
“คุณป้าครับ คุณแม่จะกลับบ้านกี่โมง” น้องภูมิรีบวิ่งแจ้นมาหาฉันทันทีที่ปิดประตูบ้าน “คงไม่นานมั้งจ๊ะ”
ชีวิตที่ปามาก็อายุยี่สิบแปดแล้ว ส่วนน้องสาวคนเก่งที่เรียนจบใช้เวลาเพียงสามปีครึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของกรุงเทพ ก็สอบเนติผ่านและเป็นถึงทนายความชั้นดีที่บางครั้งเธอเองก็ดูสับสนบนระเบียบของเธออยู่เหมือนกัน ทำไมนะฉันถึงไม่มีใครเข้ามาในชีวิตสักคนเลยเว้นแต่ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามกับอพาร์ตเม้นที่ฉันเฝ้ามองเขาอยู่ทุกวัน
ความคิดเห็น