ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( `fic exo。) 백부정 แบคพูจอง。#chanbaek

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ห้า : ลายดอกโบตั๋น

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 63



    -แบคพูจอง-

    บทที่ 5 
    ลายดอกโบตั๋น



      
        

                                         
    ตึง~ แต๊ะ~ ตึง~ ตึง~


              เสียงบรรเลงดนตรีจังหวะเชื่องช้าแต่มีความไพเราะเป็นเอกลักษณ์ ดังกังวานไปทั่วลานศาลาสำหรับซ้อมรำของนางรำ รอบๆเป็นลานกว้างกลางแจ้งไว้สำหรับซ้อมรำ ที่แห่งนี้คือสถานที่เรียนการรำของพวกนักแสดงหญิง 


              ไม่ว่าจะเป็นใครที่มาเล่าเรียนที่นี่เมื่อเรียนจบตามตำราท่ารำของหลวงแล้ว สามารถไปสอบคัดเลือกของทางพระราชวังได้ หรือบางคนมีความสามารถที่โดดเด่นก็จะได้คัดตัวเข้าวังโดยที่ไม่ต้องสอบคัดเลือกเหมือนคนอื่นๆ และซึ่งคนที่สอบผ่านจะได้เป็นนางรำหลวงประจำราชสำนัก เมื่อมีงานมงคลสำคัญอะไรก็จะมีหน้าที่ทำการแสดงต่อหน้ากษัตริย์ เหล่าราชวงศ์และขุนนาง หรืออาจจะโชคดีนางรำคนใดที่มีหน้าตางดงาม ก็อาจจะได้รับไปเป็นสนมของกษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์


             เสียงพินบรรเลงอย่างไพเราะ มือเรียวสวยกรีดไปตามสายคายากึม ดวงตากลมเป็นประกายงดงามมองเพียงเครื่องดนตรีข้างหน้า แบคฮยอนได้รับหน้าที่ให้เป็นคนบรรเลงคายากึมแทนคนเก่าที่ตอนนี้ป่วยหนัก อาจารย์แม่จึงให้แบคฮยอนมาช่วยเล่น และร่างเล็กก็ทำมันได้ดีเลยทีเดียว ปลายนิ้วเรียวบรรเลงเพลงไปอย่างตั้งใจ พอโน๊ตตัวสุดท้ายของเพลงจบ ร่างบางจึงเงยหน้าขึ้นมา 


            "เอาล่ะ ข้าอยากให้พวกเจ้าฝึกซ้อมกันจนจำท่าให้ได้ขึ้นใจ ส่วนเจ้า! เยอึน เจ้าเป็นคนนำและต้องโดดเด่นในการแสดงนี้ เพราะเยี่ยงนี้ เจ้าจึงจะต้องฝึกซ้อมให้หนักกว่าคนอื่น"


           บทเพลงจบลง อาจารย์สอนการรำ หรืออาจารย์แม่ที่นางรำคนอื่นใช้เรียกกันเมื่อจบเพลงสุดท้ายก็ชี้พัดไปที่นางรำคนสวยที่ได้เป็นผู้นำในการแสดงนี้ พอแนะนำเหล่านางรำหญิง ถึงแม้ท่านจะอายุเข้าเลขห้าแล้วแต่นางก็ยังคงความเป็นนางรำที่ยังดูสวยงดงาม 


           เมื่ออาจารย์แม่พูดกับนางรำทั้งหมดจบก็บอกให้พวกนางไปพักได้ แล้วเดินมานั่งคุยกับร่างบางที่นั่งตาแป๋วอยู่หลังเครื่องดนตรี


           "แบคฮวอน เดี๋ยววันนี้เจ้าก็กลับไปพักซะนะ แล้วพรุ่งนี้ก็มาแต่รุ่งเช้า มาช่วยพวกข้าขนของเตรียมเข้าวัง" อาจารย์แม่พูดเสร็จก็ยิ้มมาให้เขา ที่ตอนนี้ตาเบิกโตเพราะได้ยินแว่วๆว่าจะได้เข้าวังๆ อะไร? อย่างไรรึ? หรือข้าได้ยินผิด?


           "ขะ เข้าวัง? จริงหรือขอรับ? แล้วๆทำไมต้องเข้าวังด้วยล่ะขอรับ?" 


            แบคฮยอนถามพลางเอียงคอสงสัย หน้าผากนวลเหงื่อเริ่มผุดเล็กน้อย แล้วทำไมต้องเป็นตอนที่นักดนตรีคนเก่าป่วยแล้วตอนนี้แบคฮยอนก็คือคนที่เล่นคายากึมแทน ทำไมต้องเป็นตอนที่ข้าเล่นด้วยล่ะ ฮือออ


            "ก็ในวันพรุ่งนี้น่ะ จะมีราชวงศ์อื่นจากต่างแคว้นมาทำการสานไมตรีกับแคว้นชิลลาไงล่ะ ทางวังหลวงก็ส่งสารมาว่าให้โรงฝึกของเราไปทำการแสดงต้อนรับ ถ้าแสดงดีจะได้รางวัลอย่างงามจากกษัตริย์เลยนะ"


            "โห งานใหญ่ขนาดนั้นให้ข้าไปเล่นแทน ไม่กลัวข้าทำงานล่มหรือขอรับ ข้าว่าอาจารย์ให้คนอื่นเล่นแทนข้าเถอะนะขอรับ"


            "ตอนนี้ไม่มีใครเล่นคายากึมได้เพราะเท่าเจ้าอีกแล้ว ให้เจ้าเล่นนั่นแหละ ช่วยข้าเถิดนะ ถือว่าข้าขอร้องเจ้า"


            "กะ ก็ได้ขอรับอาจารย์"


            ร่างบางเดินกลับบ้านพร้อมกับคายากึมในอ้อมแขน เครื่องดนตรีนี้ท่านพี่จงอินเป็นคนซื้อมาให้เขาจากต่างเมือง เห็นว่าข้าอยากเล่นเลยซื้อให้ในวันเกิดของเขา ตอนนั้นจำได้ว่าดีใจจนร้องไห้ออกมาและฝึกเล่นจนโดนสายของมันบาดเลือดออกทั้งสิบนิ้ว หลายวันกว่าจะได้เล่น พี่จงอินเห็นความตั้งใจของเขาจึงฝากฝังให้เรียนกับอาจารย์แม่ที่โรงฝึก จนเล่นเป็นอย่างตอนนี้


            แบคฮยอนเดินจนถึงบ้านเห็นท่านแม่กับพี่จีซูนั่งอยู่หน้าบ้านกันสองคน 


            "ท่านแม่ พี่จีซู ทำอะไรกันหรือ" เมื่อร่างบางเดินเข้ามาวางคายากึมไว้บนแคร่ไม้ไผ่อีกฝั่งก่อนจะนั่งลงแล้วถามหาพี่ชาย

     
           "ทำกิมจิน่ะ ลองชิมดูสิ" ซอนฮวายิ้มให้ลูกสาวก่อนจะเอื้อมมือป้อนกิมจิที่กำลังทำใส่ปากเล็ก 


          "ท่านแม่ของข้านี่เก่งจังเลยเจ้าค่ะ ทำอาหารอะไรก็อร่อยทุกอย่างเลย"


          "หืม ลูกคนนี้นี่เดี๋ยวนี้ปากหวานจังเลยนะเจ้าน่ะ ฮ่าๆ"


          "ก็มันจริงนี่เจ้าค่ะ เอ้อ แล้วพี่จงอินไปไหนหรือเจ้าคะ"


           "จงอินกลับเข้าวังไปแล้วน่ะ บอกว่ามีงานด่วนสำคัญก็เลยให้ข้าฝากบอกกับเจ้า แล้วนี่ จงอินฝากไว้ให้กับเจ้า ลองเปิดดูสิ" จีซูพูดจบก็หยิบกล่องไม้ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือยื่นมาให้แบคฮยอน ก่อนที่ร่างบางจะรับมันไว้แล้วเปิดดู


            "หือ? ถ้าเป็นของมีค่าเยอะๆนะข้าจะเอาไปคืนถึงในวังเลย" ร่างบางนั่งบ่นปากขมุบขมิบขณะเปิดกล่องดู ก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อข้างในมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรนักแต่มันคือสิ่งที่แบคฮยอนอยากได้แต่ไม่มีโอกาสจะได้ซื้อ


            
              'ผ้าผูกผมสีชมพูปักด้วยลายดอกโบตั๋น'

            
           


           เมื่อแบคฮยอนอาบน้ำเสร็จก็มานั่งสางผมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆของตนเอง มือเรียวสวยบรรจงลูบผมยาวสลวยพลางมองใบหน้าของตนเองในกระจก 

           มือเรียวยกขึ้นมาจับแก้มพินิจมองไปในกระจก ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะโตได้มาจนเปลี่ยนไปขนาดนี้ จากเด็กหญิงในร่างของชายวิ่งเล่นซน ปีนป่ายต้นไม้โดยไม่สนใจอะไร พอจนมาถึงตอนนี้มองหน้าของตนเองในกระจกว่าข้ามีผิวที่ขาวใสขนาดนี้เลยหรือ 

              รำพันเพียงเท่านั้นสายตาเบนมองไปยังกล่องไม้ขนาดเล็กบนโต๊ะ เปิดกล่องแล้วหยิบสิ่งนั้นออกมา ใช้นิ้วลูบมันไปมาอย่างชอบใจ ก่อนจะใช้มือเกล้าผมของตนเองขึ้นแล้วใช้ผ้าผูกผมที่ได้มาผูกมาลงกับผมสีดำขลับของตนเอง แล้วพิจารณาตนเองในกระจก


               ครืด


             เสียงประตูเปิดตามด้วยร่างของหญิงผู้เป็นแม่เดินเข้านั่งข้างร่างบางที่หันหน้าเอียงอาย 


            “ไหนขอแม่ดูเจ้าหน่อยสิ" ซอนฮวาประคองหน้าเรียวให้หันมาทางตน ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู


             "หน้าข้าทำไมหรือเจ้าคะท่านแม่?" 


             "ทำไมเจ้าถึงได้น่ารักน่าชังอะไรเช่นนี้" ซอนฮวาแย้มยิ้มแล้วโอบกอดแบคฮยอนไว้


             "ทะ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?" 


              "เฮ้อ ทำไมชีวิตเจ้าต้องพบเจออะไรเยี่ยงนี้ด้วยนะ รอเวลาอีกนิดนะแบคฮยอน แม่เชื่อ ว่าสักวันเจ้าจะมีความสุข" นางพูดเสียงเบาพลางลูบหัวร่างเล็กในอ้อมกอด 


              "ท่านแม่ ท่านพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ ข้าไม่ค่อยได้ยินเลย" แบคฮยอนค่อยผละออกจากอ้อมกอดทำหน้าสงสัยไปให้ผู้เป็นแม่ที่ลูบแก้มใสของตนอยู่


              "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พวกเราเข้านอนกันเถิด วันพรุ่งนี้เจ้าต้องไปโรงฝึกไม่ใช่หรือ"


              "จริงด้วยสิเจ้าคะ ข้าเกือบลืม งั้นนอนกันเถอะเจ้าค่ะ"







              ภายในพระราชวัง เหล่าขุนนางและข้ารับใช้ทั้งชายและหญิงต่างยุ่งเรื่องงานการเตรียมต้อนรับทูตที่จะมาทำสัมพันธ์ไมตรีจากต่างแคว้น ทำให้วังหลวงครึกครื้นขึ้นมาทันที 

             ร่างสูงหยุดตรงทางเดินเชื่อมทางไปหอสมุดหลวงมองข้ารับใช้ที่วิ่งวุ่นกันทั่ววัง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าที่งดงามดั่งเทพบุตรหันหน้าประมาณว่า 'คนพวกนั้นทำอะไรกัน' จนจุนมยอนที่ทำหน้าสงสัยร้องอ้อขึ้นมาก่อนจะบอกคำตอบของคำถามที่องค์ชายทรงถามมา(?)


            "กำลังเตรียมงานต้อนรับทูตจากแคว้นชิลลาน่ะพะย่ะค่ะ"


            "มาวันนี้หรือ?"


            "พะย่ะค่ะองค์ชาย"


            "เหตุใดถึงไม่มีใครบอกข้า?"


            "อ่าว หม่อมฉันก็คิดว่าพระองค์รู้แล้วเสียอีก ข้าให้คยองซูมาบอกกับพระองค์แล้วหนิ"


            "ตั้งแต่เช้าข้ายังไม่เห็นหน้าน้องสาวของเจ้าเลย"


            "เอ่อ แหะๆ ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะองค์ชาย"


            "แต่เอาเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเสด็จพ่อเอง ว่าข้าจะเป็นคนต้อนรับทูตจากแคว้นชิลลาด้วยตัวข้าเอง" ร่างสูงขององค์ชายชานยอลพูดเสร็จก็เดินไปอีกทางพร้อมกับสหายคนสนิท

            


             ตึก ตึก ตึก 

           เสียงฝีเท้าก้าวเดินไปยังหน้าห้องภายในตำหนักของพระราชาของแคว้นโคกูรยอ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าบานประตูห้องทรงงาน


           "บอกเสด็จพ่อ ว่าข้ามาขอเข้าเฝ้า" องค์ชายชานยอลเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อน ขันทีหน้าประตูจะพูดขออนุญาตจากองค์ราชาก่อนที่จะได้รับอนุญาต บานประตูจะเปิดออกร่างสูงจึงเดินเข้าไป


            "มีอะไรหรือองค์รัชทายาทชานยอล ถึงเสด็จมาหาข้าที่นี่" กษัตริย์แห่งโคกูรยอเงยหน้าขึ้นมาจากสารงานบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถาม


           "หม่อมฉันจะมาขอพระองค์ทรงประทานอนุญาตให้หม่อมฉันเป็นคนต้อนรับทูตจากแคว้นชิลลาด้วยตนเองพะย่ะค่ะ"


           "เหตุใดรึ ที่ทำให้เจ้าอยากจะทำหน้าที่นี้"


           "การที่ฝั่งนั้นส่งองค์ชายของแคว้นชิลลามาสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับแคว้นของเรา อาจเกอดผลดีกับเราทั้งสองฝ่ายก็เป็นได้ ทางแคว้นชิลลาขาดกำลังพลทหารเราก็ส่งทหารของเราเข้าไปช่วย ส่วนแคว้นโคกูรยอของเราขาดทรัพยากรการเกษตรบางชนิดเราก็สามรถแลกเปลี่ยนกับทางฝ่ายนั้นได้ หม่อมฉันคิดว่าถ้าฝั่งนั้นส่งองค์ชายมาหม่อมฉันก็อาจสรงความสัมพันธ์แบบเพื่อนได้ มันจะอาจจะเป็นผลดีทั้งสองฝั่งพะย่ะค่ะ" 


           องค์ชายชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และแสดงความคิดของตนออกมาได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ใบหน้าขององค์กษัตริย์ของโคกูรยอยิ้มอย่างภูมิใจในตัวของพระโอรสองค์โต


           "หึ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงต้องอนุญาตเจ้าแล้วล่ะ ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีล่ะ องค์ชายรัชทายาทชานยอล"





            หลังจากออกจากตำหนักมาองค์ชายชานยอลก็เดินหาจุนมยอนที่ตอนแรกเขาบอกให้ยืนรอข้างนอก พอออกมาก็หายไปแล้ว 

           เดินหามาเรื่อยก็เห็นหลังสหายคนสนิทยืนอยู่ข้างเสาทางเดิน หลบทำไม? คิดว่าคนอื่นเขาไม่เห็นหรือ ส่ายหน้าระอากับความคิดที่มีอันน้อยนิดของสหายคนสนิทก่อนจะเดินเข้าไปสะกิดที่ไหล่

           "อย่าเพิ่งสิ ข้ากำลังดูอยู่ ถ้าองค์ชายมาค่อยมาบอกข้า" จุนมยอนสบัดไหล่พลางเอามือปัดออก



          จึก จึก

          "ข้าบอกว่าเพิ่งไง นั่นๆ นางเดินมาแล้วๆ วาา ช่างงามจริงๆ" ร่างขาวทำหน้าเพ้อฝันเอามือปัดๆมือของทหารที่มาด้วย จะสะกิดอะไรนักหนา ฮึ่ย 


           "ต้องให้ข้าจับเจ้าไปโบยก่อนหรือถึงจะมีสติ" องค์ชายชานยอลพูดเสียงเข้มตีหน้าขรึม พลางยกมือขึ้นกอดอก เสียงนั้นเองทำให้สหายคนสนิทของเขาหันหน้าขวับเบิกตากว้างก่อนจะเอามือกุมไว้ข้างหน้าอย่างสำรวม ทำเสียงแหะๆออกมา


           "อะ องค์ชาย แหะๆ ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ คะ คือ ว่าหม่อมฉันแค่ออกมาชมนกชมไม้เท่านั้นเองนะพะย่ะค่ะ"


            "งั้นหรือ ชมนกชมไม้ที่เจ้าว่านั้นคือนางรำพวกนั้นนะหรือ" ร่างสูงเลิกคิ้วก่อนจะยกมือชี้นิ้วไปยังขบวนเหล่านางรำที่เดินไปตามทางเดิน


            "ก็องค์ชายยย นานๆครั้งนะพะย่ะค่ะ ที่จะมีสิ่งสวยๆงามๆมาเดินเล่นในวัง ก็ต้องมองให้ชื่นใจสักหน่อยสิ"


            "เฮ้อ เอาเถอะ เชิญเจ้าเสพสุขตามใจเจ้า ข้าจะไปหอสมุดหลวงถ้ามีคนมาหาข้าก็บอกไปว่าข้าอยู่ที่นั่น" 


            ร่างสูงเตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางพลางส่ายหน้าเอือมสหายคนสนิท แต่แล้วสายตาก็เหมือนจะเห็นอะไรเข้าในขบวนนางรำ ร่างเล็กของเด็กผู้ชายที่เขาเจอในหมู่บ้าน เมื่อเพ่งมองก็ไม่สามารถเห็นได้เพราะหมวกและพัดสีสันฉูดฉาดของเหล่านางรำที่เดินกันเป็นกลุ่ม บดบังใบหน้าและตัวของคนที่เขาคิดว่าน่าจะใช่เสียมิดจนมองไม่เห็นก่อนที่ขบวนเหล่านั้นจะเดินไปกันหมด


          "แบคฮวอน?”






       

         
    #แบคพูจอง

        
    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×