ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่สี่ : หัวขโมย
แบคพูจอง
บทที่สี่ : หัวขโมย
ในช่วงสายของวัน แบคฮยอนนั่งรอท่านแม่ทำอาหารที่จะฝากเอาไปให้พี่จงอินกับพี่จีซูที่ไร่ของท่านากับท่านยายที่อยู่บ้านใกล้กัน พี่ชายทั้งสองคนออกจากบ้านกันไปตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้เป็นวันเก็บผลผลิตการเกษตรของหมู่บ้าน ทั้งสองคนก็เลยอาสาไปช่วยท่านตากับท่านยายเพราะท่านทั้งสองอายุมากกันแล้ว เรื่องเสบียงอาหารเป็นหน้าที่ของท่านแม่ที่ท่านอาสาทำให้ ส่วนแบคฮยอนจึงรับหน้าที่เป็นคนส่งน้ำและอาหาร
"แบคฮยอน เดี๋ยวลูกเอาทั้งหมดนี้ไปให้พวกพี่ๆเจ้า แล้วอีกสองกล่องนี้เอาไปฝากท่านตากับท่านยายเขานะ"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่"
"อ้อ แบคฮยอน แล้วลูกจะไปตลาดใช่หรือไม่ แม่ฝากซื้อสมุนไพรมาด้วยนะ"
"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง" แบคฮยอนยิ้มให้ท่านแม่ก่อนจะหิ้วห่อผ้าเดินออกจากบ้าน
ระหว่างทางเดินไปไร่ก็ยิ้มให้ชาวบ้านระแวกเดียวกันที่เข้ามาทักทาย บางคนก็ให้ของกินเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำใจให้กัน ด้วยความที่แบคฮยอนเป็นคนอัธยาศัยดีไม่ว่าใครเจอเขาก็จะยิ้มให้และคอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอๆ ในตอนที่แบคฮยอนปลอมตัวเป็นผู้ชายมันทำให้ตัวเขาทำอะไรๆได้กระฉับกระเฉงไม่ต้องคอยรวบกระโปรงขึ้นเหมือนตอนที่แต่งเป็นหญิง
มีครั้งหนึ่งมีลูกของชาวบ้านคนนึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อจะเอาลูกนกที่ตกลงมาไปคืนที่รังของมัน ด้วยความที่เป็นเด็กน้อยจึงปีนขึ้นไปแล้วกลับลงมาไม่ได้ แบคฮยอนที่ตอนนั้นเดินผ่านไปเห็นเข้าจึงช่วยเด็กคนนั้นด้วยการปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วอุ้มเด็กน้อยลงมา แล้วคงตกใจกลัวตอนที่เขานั้นกระโดดลงมาจึงร้องไห้จ้าลำบากแบคฮยอนที่ต้องซื้อขนมปลอบใจแล้วเอาเด็กน้อยไปส่งที่บ้าน
การที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายตามที่ท่านแม่ย้ำเตือนไว้เสมอมันก็ดี แต่ความจริงแล้วแบคฮยอนนั้นก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันที่ไปเล่นกับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันไม่ได้และเปิดเผยตัวตนไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว ตนเองนั้นก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งที่อยากผูกโบว์สวยๆบ้าง
เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงตลาด วันนี้คนเยอะเหมือนกันแฮะ คงเพราะเป็นวันเก็บผลผลิตชาวบ้านจึงเอาออกมาขายกันเต็มสองข้างทางไปหมด
ร่างบางเดินผ่านตลาดเลยไปตามทางเรื่อยๆจนถึงสะพานข้ามลำธารสายเล็ก พอข้ามสะพานแล้วก็เดินไปตามทางขึ้นเนินเล็กๆมองข้ามเนินนั่นไป ก็เห็นไร่ของท่านตาท่านยายตรงเชิงเขา
แบคฮยอนยกยิ้มเมื่อเห็นพี่ชายทั้งสองคนช่วยท่านตาท่านยายอย่างแข็งขัน เดินไปใต้ต้นไม้ใหญ่ วางห่อข้าวบนเสื่อผืนใหญ่ที่มีคุณยายนั่งยิ้มต้อนรับอยู่
"มาแล้วๆ พ่อหนุ่มน้อยของข้า หอบอะไรมาเยอะแยะ นั่งลงพักให้หายเหนื่อยก่อน ดื่มน้ำก่อนสิ"
"ขอบคุณขอรับท่านยาย แล้วท่านตาไปไหนหรือขอรับ"
"นั่งเก็บผักกาดอยู่ตรงนู้นไงจ้ะ เอ้าๆ พ่อหนุ่มๆทั้งหลาย ตาแก่ หยุดพักมากินข้าว เดี๋ยวลมจะจับกันซะก่อน"
แบคฮยอนได้แต่นั่งยิ้มให้คุณยาย หันไปมองหนุ่มๆทั้งหลายที่ท่านยายว่า กำลังเดินมานั่งบนเสื่อ แล้วคว้าน้ำที่ใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่กระดกดื่ม
"เรียกข้าตาแก่ ข้าแก่เสียที่ไหน ข้ายังแข็งแรงยกท่อนไม้ได้สบายๆ ใช่หรือไม่เจ้าจงอิน เจ้าจีซู ฮ่าๆ"
"ขอรับท่านตา" จงอินหัวเราะตอบท่านตาไปเมื่อเห็นท่านทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู
"ใช่ๆขอรับ ท่านตายังหนุ่มยังแน่น" จีซูตอบพลางยกนิ้วหัวแม่มือให้
"เฮ้อ ตานี่ล่ะก็ พวกเจ้าสองคนก็อย่าไปยอตาแก่นี่นักเลย" แบคฮยอนยิ้มขำเมื่อเห็นท่านยายส่ายหน้าเอือมท่านตา
"เอ้านี่ มัวแต่คุยกันอยู่ได้เดี๋ยวข้าวปลาก็ไม่ได้กินกันเสียทีหรอก เจ้าแบคฮยอนเป็นคนหอบเอามาจากบ้านให้ทั้งที อย่าให้เจ้าหนูเหนื่อยเปล่าสิ"
"แบคฮยอนเป็นคนเอามาให้หรือ" จีซูหันหน้ามาถาม
"ก็ข้าน่ะสิท่านพี่ ห่อข้าวนี่ท่านแม่เป็นคนทำให้ ข้าเลยอาสาเป็นคนเอามา เพราะข้าไม่อยากให้ท่านแม่เดินมาเหนื่อย พวกท่านลองชิมซุปกิมจิสิ ข้าเป็นคนทำเลยนะ”
แบคฮยอนตาเป็นประกายเมื่อพี่จีซูกำลังเปิดชามซุปกิมจิที่เขาเป็นคนทำด้วยตัวเอง ก่อนออกจากบ้านไม่ทันได้ชิมเพราะท่านแม่ตักใส่ชามแล้วห่อเสร็จเรียบร้อยทั้งที่ไม่รู้ว่ารสชาติพอดีหรือยัง
"อะไรที่เจ้ากับท่านแม่เป็นคนทำก็อร่อยหมดนั่นแหล่ะ" จงอินพูดพลางยิ้มเอ็นดูยกมือขึ้นลูบหัวน้องน้อย ก่อนจะตักซุปขึ้นกินตามด้วยข้าวคำใหญ่
"อืม อร่อยดีๆ เจ้าเป็นบุรุษแต่เข้าครัว ชีวิตนี้ไม่ลำบาก หาเมียได้ๆ ฮ่าๆ"
"อะ แค่ก!/แค่กๆ!"
คำพูดของท่านตาที่นั่งตรงข้ามกับเขาทำให้พี่จงอินกับพี่จีซูที่นั่งข้างเขาคนละข้างสำลักข้าวขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จนเขาที่นั่งตรงกลางรนรานรีบหยิบกระบอกน้ำส่งให้คนระกระบอกพลางลูบหลังทั้งสองคนพร้อมกัน หันหน้าไปทางท่านตากับท่านยายได้แต่หัวเราะ แหะๆ
"เอ่อ แหะๆ ขอรับ"
"เจ้าพวกนี้หนิ ค่อยๆกินสิ เอ้าเอาน้ำไปอีก" แบคฮยอนยื่นมือไปรับน้ำจากท่านยายที่ทำหน้าเอือมมิวายเป็นห่วงยื่นน้ำมาให้อีกกระบอก
"ขอบคุณขอรับ เอ้อ ท่านตาท่านยายขอรับ ท่านแม่ของข้าให้เอายาพวกนี้ฝากให้ท่านทั้งสองขอรับ นี่ขอรับ"
"อะไรกันๆ มาช่วยพวกข้าแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องให้อะไรมากนักหรอก"
"ไม่ได้หรอกขอรับ แม่ข้าอยากให้ ท่านตาท่านยายช่วยรับเอาไว้ด้วยเถอะขอรับ"
"เอ้อๆ พวกข้าก็ขอขอบใจพวกเจ้ามากนะ ที่มาช่วยคนแก่อย่างพวกข้า"
"ไม่เป็นไรหรอกขอรับ พวกข้าอยากช่วย" จีซูที่หายสำลักแล้วตอบท่านทั้งสองไปเพื่อให้พวกท่านหายเกรงใจ
"ใช่ขอรับ พวกข้าเต็มใจ" จงอินเสริม
"ท่านตากับท่านยายไม่ต้องเกรงใจหรอกขอรับ จริงสิ! ข้าต้องไปแล้ว ทานให้อร่อยนะขอรับ" แบคฮยอนบอกก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวเดินกลับไปตลาด
"เดี๋ยวแบคฮยอน น้องจะรีบไปไหนหรือ?" จงอินเอ่ยถามทำสีหน้ากังวล จนแบคฮยอนอมยิ้มขำ
"ข้าจะรีบไปตลาด ท่านแม่ฝากข้าซื้อของ ข้าสัญญากับท่านแม่ไว้ว่าจะรีบไปรีบกลับ พี่จงอินกับพี่จีซูไม่ต้องห่วงนะ" ร่างบางพูดพลางยิ้มจนตาหยีเพื่อยืนยันไปให้พี่ชายขี้เป็นห่วงทั้งสอง ก่อนที่จะพูดประโยคนึงออกมาพร้อมกัน
"ดูแลตัวเองดีๆนะ/ดูแลตัวเองด้วย"
แบคฮยอนยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะเดินออกมา

'นางเป็นคนสำคัญของข้า'
ประโยคนี้ดังวนเวียนอยู่ในหัวขององค์ชายชานยอลตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นที่สหายคนสนิทของเขาจูงมือนางเดินออกไปต่อหน้าต่อตาเขา มันทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่ว่าจะทำอะไรใบหน้าของนางก็ลอยขึ้นมาจนเขาสับสน มากสุดคือเผลอสะดุดขาโต๊ะหนังสือจนปวดเข่าไปหมด จนต้องออกมาสูดอากาศนอกวังหลวง เผื่อเขาจะเจอกับนางคนนั้นอีกสักครั้งเป็นได้...
..แบคฮยอน.. ชื่อนี้ ตั้งแต่วันนั้นองค์ชายรัชทายาทชานยอลไม่เคยลืม
"องค์ชายพ-"
"จุนมยอน ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร"
"เอ่อ คุณชายขอรับ ท่านออกมาแบบนี้จะไม่เป็นไรหรอขอรับ"
"ข้าแค่ออกมาเปิดหูเปิดตาทำให้จิตใจโล่งก็แค่นั้น อีกสักเดี๋ยวข้าก็จะกลับ"
"ขะ ขอรับคุณชาย"
จุนมยอนได้แต่เดินตามองค์ชายชานยอลต้อยๆ วันนี้เขาออกมากับองค์ชายกันแค่สองคน เพราะคยองซูติดเรียนกับอาจาร์หมอหลวง หน้าที่ตามเสด็จองค์ชายก็เลยตกมาอยู่ที่เขา และเขากับองค์ชายออกมาจากวังโดยที่มิได้บอกกับใคร นอกเสียจากสั่งกำชับเหล่าทหารหน้าตำหนักว่ามิให้บอกเรื่องนี้กับใครถ้าขัดขืนคำสั่งองค์ชายชานยอลบอกว่าจะสั่งวิ่งรอบวังหลวงและโบยหลังคนละร้อยหวาย ทำเอาหน้าซีดปิดปากฉับกันกริบ ที่จริงองค์ชายชานยอลไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้นเสียหรอก ก็แค่ขู่ไปอย่างนั้น
องค์ชายชานยอลเดินไปเรื่อยๆจนถึงตลาด เดินไปจนถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านหนึ่ง สายตามองไปเห็นปิ่นปักผมลายดอกไม้ที่ทำจากเงินตกแต่งด้วยดอกไม้สีแดงดูเรียบไม่หวือหวามากนักจึงเอื้อมมือหยิบขึ้นมาดู ในหัวก็ฉุกคิดใบหน้างามก็ลอยขึ้นมาให้หัวอีกครั้งจนต้องสะบัดหัวตั้งสติ ก่อนจะวางปิ่นลงที่เดิม
เดินดูไปเรื่อยก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังมากจากข้างหลังจึงหันไปดู ก่อนจะเบิกตากว้างพร้อมกับแรงกระแทกทำให้ล้มลงไปนอนกับพื้น น้ำหนักบนตัวที่โถมเข้ามาทำให้องค์ชายชานยอลยกมือจับตามสัญชาตญาณ

แบคฮยอนเดินออกจากไร่มาเรื่อยจนถึงตลาด ยิ้มให้แม่ค้าพ่อค้าที่รู้จักกันพลางรับของน้ำใจมาไว้เอ่ยคำขอบคุณ ก่อนจะเดินมาถึงร้านป้าร้านขายสมุนไพร ท่านป้าร้านสมุนไพรยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยถาม เด็กหนุ่มที่ยืนหาสมุนไพรที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า
"เอาสมุนไพรอะไรล่ะจ้ะ เจ้าแบคฮยอน"
"เอ่อ สมุนไพรที่ท่านแม่ข้ามาซื้อบ่อยๆน่ะขอรับ" ร่างบางยกมือขึ้นมาลูบหลังคอยิ้มแหยๆเพราะจำชื่อสมุนไพรไม่ได้
"อ่อ งั้นรอข้าสักประเดี๋ยวนะจ้ะ ข้าจะจัดใส่ห่อให้"
"ขอรับ" ร่างบางยิ้มพลางก้มหัวน้อยๆให้
ระหว่างรอแบคฮยอนก็เดินดูของรอบๆไปเรื่อย จู่ๆก็มีคนมาเรียกจึงหันหลังไปมองก่อนจะยิ้มจนตาหยี
"แบคฮยอนจ๊ะ"
"โอ๊ะ! สวัสดีขอรับท่านน้ามินอา มีอะไรหรือขอรับ"
"ข้าเอาข้าวปั้นมาให้น่ะจ้ะ ฝากเอาให้แม่เจ้าด้วยนะ" ท่านน้ามินอาใจดียิ้มให้แล้วยื่นห่อผ้าสีน้ำตาลที่ข้างในมีกล่องไม้ขนาดเล็กอยู่สองกล่อง ท่านน้าเปิดร้านขายอาหารอยู่ที่บ้านในซอยถัดไป วันนี้คงเอาข้าวปั้นกับอาหารมาขายที่ตลาด ท่านแม่ของแบคฮยอนเป็นลูกมือทำอาหารอยู่บ่อยๆบางวันที่คนไม่พอลูกค้าเยอะท่านแม่ก็จะไปช่วย
"ขอบคุณขอรับ" ยื่นมือไปรับห่อผ้ามาถือไว้โค้งหัวขอบคุณ ก่อนที่คุณน้าใจดีจะเดินออกไป พอดีกับที่ท่านป้ายื่นห่อสมุนไพรมาให้
"อ่ะ ได้แล้วจ้ะ"
"นี่เงินขอรับ ขอบคุณขอรับ ข้าต้องไปแล้ว ไว้ข้าแวะมาบ่อยๆนะขอรับ" โค้งหัวขอบคุณท่านป้าก่อนจะเดินกลับบ้าน
ร่างบางเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดี โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนแอบตามตนเองอยู่ ร่างบางเดินไปพลางแวะดูของแต่ละร้านและแวะทักทายคนรู้จัก
ปึก! พรึบ!
“โอ๊ย!”
ขณะที่ร่างบางเผลออยู่นั้นแรงชนที่แขนและแรงกระชากทำให้ห่อผ้าหลุดจากมือ สายตาก็เห็นร่างเล็กของเจ้าเด็กผู้ชายขโมย ไม่ทันได้ตั้งตัวหัวขโมยก็วิ่งเบียดผู้คนไปแล้ว
"ย่าห์!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! เจ้าหัวขโมย!!" ร่างบางตะโกนเรียกอีกฝ่าย พลางวิ่งด้วยความเร็วตามไปติดๆ
แฮ่ก แฮ่ก
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!! เจ้าเด็กไม่ดี!!"
แบคฮยอนวิ่งไปหอบไปมองเด็กผู้ชายข้างหน้าอย่างหมั่นไส้ ตัวแค่นี้ริเป็นขโมย ขโมยตัวน้อยวิ่งไปมาซอกแซกเพราะขนาดตัวที่เล็กทำให้คล่องแคล่ววิ่งแทรกผ่านผู้คนไปได้อย่างฉะหลิว ส่วนแบคฮยอนต้องขอโทษคนที่โดนเขาชนตลอดทั้งทาง ตัวเล็กแค่นั้นแต่วิ่งเร็วมิใช่น้อย ทำเอาแบคฮยอนหอบแฮ่กใหญ่ ทว่าร่างบางวิ่งใกล้จะถึงตัวหัวขโมยตัวเล็กแล้วไม่ทันได้ระวังจึงวิ่งชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่
ผลัก! พรึบ!
แบคฮยอนที่ล้มไป รู้ว่าจะต้องเจ็บตัวแน่ๆได้แต่หลับตาปี๋
เอ๊ะ? ทำไมไม่เจ็บล่ะ?
พอลืมตาขึ้นถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นล้มอยู่บนตัวของบุรุษผู้หนึ่ง พอมองไล่ดูแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์ในแขนเสื้อที่ทำจากผ้าเนื้อดีกำลังโอบเอวของตนอยู่แล้วมองไล่ไปจนถึงใบหน้าของบุรุษผู้นั้น ก็ต้องเบิกตากว้าง
อะ องค์ชายชานยอล
"จะทับข้าอีกนานไหม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากนอนที่พื้นเป็นเวลานาน มองดูผู้ชายร่างเล็กบนตัวเขาที่ทำท่าตกใจจนตาโต
"ขะ ขอโทษเจ้- เอ้ย! ขอโทษขอรับ" ด้วยความตกใจจึงเกือบเผลอพูดแบบนั้นออกไปก่อนจะรีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัวที่เปื้อนเศษดินจากพื้น แล้วก้มหัวขอโทษบุรุษตรงหน้า
ทันทีที่แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่ตนเองล้มทับก็แทบจะมุดหน้าลงไปกับดิน เมื่อรู้ว่าตนเองนั้นกำลังนอนอยู่บนตัวขององค์ชายชานยอลที่เขานั้นได้พูดคุยกันเมื่อสามวันก่อนในตอนที่แบคฮยอนแต่งเป็นผู้หญิง ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะมีผ้าสีขาวปิดหน้าอยู่ก็เถอะ
แต่ที่ดีแบคฮยอนเผ่นก่อนดีกว่า ต้องรีบไปจับหัวขโมยตัวน้อยให้ได้เสียก่อน!
"ข้าขอโทษจริงๆนะขอรับ ข้าต้องรีบไปแล้ว! ขอโทษนะขอรับ!" ร่างบางโค้งหัวขอโทษหลายๆครั้งจนคนที่มองอยู่กลัวว่าหัวจะทิ่มดินเข้า แล้วก่อนจะรีบวิ่งไปอีกทาง
"องค์ชา เอ้ย! คุณชายเป็นอย่างไรบ้างขอรับ!"
"ข้าไม่เป็นไร" ดวงตาคมได้แต่มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งจากไปในกลุ่มคนมากมาย
..กลิ่นหอมนั่น..
แฮ่ก แฮ่ก
"ฮึ่ย! หายไปไหนแล้วนะเจ้านั่น" แบคฮยอนเอามือเท้าเข่าหอบแฮ่ก แล้วยืดตัวขึ้นมองซ้ายมองขวาเห็นหลังไวๆ
อ๊ะ! นั่นไง
แบคฮยอนเห็นหัวขโมยตัวน้อยวิ่งผ่านหน้าเขาไป ร่างบางจึงแอบสะกดรอยตาม จนเห็นเด็กน้อยเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่มีสภาพทรุดโทรม เดินตามไปแอบดูตรงช่องเล็กๆตรงหน้าต่าง จนได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้แบคฮยอนเปลี่ยนความคิด
เป็นภาพที่หัวขโมยตัวน้อยกำลังแกะห่อข้าวปั้นของเขาแล้วยื่นไปให้เด็กผู้หญิงตัวน้อยอีกคนที่ตัวเล็กกว่า เด็กน้อยอีกคนรีบยื่นมือไปรับแล้วกินอย่างหิวโหย ส่วนหัวขโมยตัวเล็กก็นั่งกินด้วยกันอยู่ข้างๆน้องตัวเล็กกว่า ดูจากสภาพมอมแมมของเด็กๆแล้วคงจะมีฐานะยากจนมาก แล้วพ่อกับแม่ของเด็กๆล่ะ?
ยืนคิดอยู่สักพักร่างบางก็ได้ยินเสียงประตูทรุดโทรมเปิดขึ้น เห็นหัวขโมยตัวจ้อยเดินออกมา แบคฮยอนค่อยๆเดินตามไปอยู่ห่างๆแล้วรีบวิ่งอ้อมไปดักตรงซอยบ้านอีกสองหลัง รอจังหวะก่อนจะ...
"จับหัวขโมยได้แล้ว!~" แบคฮยอนเข้าไปตะคุบหัวขโมยตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดที่มีเด็กน้อยดิ้นขลุกขลักพยายามจะทำให้หลุดออก
"ปล่อยข้านะ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!"
"จะปล่อยได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าขโมยข้าวปั้นของข้าไป" ร่างบางแกลงทำหน้าดุใส่ จนหัวขโมยตัวเล็กในอ้อมกอดเริ่มตัวสั่น
"ขะ ข้าไม่ได้ขโมยนะ! ข้าไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น!"
"หืม จริงหรือ งั้นถ้าเจ้าไม่ยอมรับข้าจะจับเจ้าส่งทหาร" แกล้งขู่ด้วยใบหน้าขรึม จนตัวเล็กทำหน้าเลิ่กลั่ก เริ่มเบะปากร้องไห้
"ฮึก อย่านะ! ฮึก ฮืออ ข้าขอโทษ ฮืออ พี่ชายอย่าจับข้าไปส่งทหารเลยนะ ฮืออ!"
แบคฮยอนตกใจทีแกล้งจนทำให้หัวขโมยตัวน้อยร้องไห้จ้า จนต้องกอดปลอบด้วยความสงสาร เมื่อเห็นเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น
ร่างสูงที่เดินมาหยุดมองผู้ชายตัวเล็กที่วิ่งชนกับเขาจนล้มคลุกกับดินกอดกับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ร้องไห้งอแงในอ้อมแขน มุมปากกระตุกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงงุ้งงิ้งคุยกันสองคน
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะๆ ข้าไม่จับตัวเจ้าส่งทหารแล้ว หยุดร้องก่อนนะ หน้าเจ้ามอมแมมไปหมดแล้ว" แบคฮยอนปลอบหัวขโมยตัวเล็กพลางเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยในอ้อมกอด
"ฮึก อึก จะ จริงนะ ท่านจะไม่ สะ ส่ง อึก ข้าให้ทหารแน่นะ ฮึก"
"จริงสิ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เจ้าสะอึกแล้วนะ หยุดร้องไห้ก่อนนะ~"
"จับส่งทหารไปเถอะ เชื่อข้า จะได้ไม่มีหัวขโมยในแผ่นดิน"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทำให้แบคฮยอนหันหน้าไปทางเสียงนั้นก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเป็นคนที่เขาเพิ่งวิ่งชนไปเมื่อสักพัก แต่ก็ต้องหันหน้ากลับมามองเด็กน้อยในอ้อมกอดเมื่ออยู่ๆก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมาทั้งที่เมื่อก่อนหน้านี้หยุดร้องไห้ไปแล้วแล้วแท้ๆ
"นี่ท่าน ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน ไม่เห็นหรือเจ้าตัวเล็กร้องไห้ใหญ่แล้ว"
แบคฮยอนขมวดคิ้วหันไปพูดกับร่างสูงที่ทำหน้านิ่งพูดจาไม่ดูสถานการณ์
"ก็ข้าพูดความจริง หัดเป็นหัวขโมยตั้งแต่เด็ก เช่นนั้นควรจับให้ทหารดัดนิสัยเสีย" ร่างสูงขององค์ชายชานยอลพูดทำหน้านิ่งพลางยกมือขึ้นมากอดอก แต่ก็ต้องเลิกคิ้วทำหน้าดุ เมื่อผู้ชายร่างเล็กกว่าเขายืนขึ้นเอามือมาตีแขนเขาให้เอาแขนที่กอดอกลง
"ท่านไม่เห็นหรือเด็กกลัวไปหมดแล้ว ถ้าเด็กร้องไห้ขาดใจขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาเป็นแค่เด็กนะ!" แบคฮยอนยืนขึ้นเท้าเอวด้วยแขนข้างนึง พูดเตือนร่างสูงที่ทำเด็กน้อยน่าสงสารร้องไห้
"หึ ก็ได้ ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แล้วเจ้าจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้กันล่ะ"
"ข้าคิดว่-" ยังไม่ทันได้พูดออกไป เสียงเล็กก็ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กของเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าวิ่งเข้ามากอดพี่ชายของตน
"พี่ชินวู! ฮือออ อย่าเอาพี่จายของข้าไปเยยนะเจ้าคะ ฮืออ จะ จับข้า ปะ ไปแทนเค้าก็ได้เยย ฮึก! ฮืออ" แบคฮยอนมองสองพี่น้องกอดกันร้องไห้อย่างน่าสงสารก่อนจะเงยหน้ามององค์ชายร่างสูงที่หันมามองหน้ากันในหัวมีความคิดเหมือนกันคือ จะทำอย่างไรต่อดี
"ชู่ว หยุดร้องไห้ก่อน พวกข้าไม่จับเจ้าไปส่งทหารแล้ว ไม่ร้องนะ โอ๋ๆ" ร่างบางทนเห็นภาพนั้นไม่ไหวจึงเข้าไปกอดปลอบเด็กน้อยทั้งสอง
องค์ชายชานยอลมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดูกับร่างของผู้ชายตัวเล็กที่นั่งกอดปลอบเด็กตัวน้อยทั้งสอง ใบหน้าเล็กบึนปากเหมือนจะร้องไห้ตาม แทบทำเอาเขาเผลอยิ้มออกมาแต่ก็ต้องปกปิดไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
"ข้าคิดว่าอาจจะเอาทั้งสองคนนี้ไปฝากกับท่านตาท่านยายที่อยู่ระแวกหมู่บ้านของข้า ท่านอยู่กันสองคนตายาย จะได้มีคนคอยดูแลช่วยเหลือ ท่านว่าจะดีหรือไม่ขอรับ" ร่างบางเอ่ยเสนอขึ้น เงยหน้ามองร่างสูงอย่างถามความคิดเห็น
"ก็แล้วแต่เจ้าสิ" ร่างสูงพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเดินตามร่างเล็กกับเด็กตัวน้อยทั้งสองโดยที่มุมปากยกยิ้ม แล้วก็ต้องกลับมาทำหน้าเรียบแทบไม่ทันเมื่อร่างเล็กหันมามอง
บุรุษที่ขนาดความสูงต่างกันเดินไปพร้อมกันในขณะที่ผู้ชายร่างเล็กจูงมีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงจับมือคนละข้าง ร่างสูงขององค์ชายชานยอลเดินไปตามร่างบางที่เป็นคนนำทางจนไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีคนแก่สองคนนั่งอยู่บนโต๊ะไม้ไผ่หน้าบ้าน
"ท่านตา ท่านยายขอรับ" แบคฮยอนเดินเข้าไปเอ่ยเรียกคนแก่ทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"อ่าว เจ้าแบคมาทำอะไรล่ะ แล้วนั่นใครหรือ" ท่านตาเอ่ยถาม
"นี่ คนรู้จักข้าเองน่ะขอรับ แล้วก็ คือข้า เอ่อ ข้าจะฝากท่านตาท่านยายช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนนี้ได้หรือไม่ขอรับ เด็กอยู่กันเพียงสองคน พ่อกับแม่ก็ไม่มี แค่แบ่งอาหารและน้ำให้ก็ได้ขอรับ คือว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้นะขอรับ..."
แบคฮยอนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านตากับท่านยายฟัง จนท่านยายเห็นแล้วสงสารยกมือขึ้นลูบหัวเด็กทั้งสอง
"โธ่ เจ้าเด็กน้อย ไม่เป็นไรนะ ยายกับตาจะดูแลพวกเจ้าเองนะ ไป ไปอาบน้ำกันดีกว่า ทำไมเนื้อตัวมอมแมมกันขนาดนี้นะ"
"เดี๋ยวก่อนขอรับท่านยาย ข้าขอคุยกับพวกเขาสักนิดนะขอรับ" ท่านยายพยักหน้าให้ ก่อนที่แบคฮยอนจะนั่งคุกเข่าลงคุยกับเด็กๆ
"นี่ เจ้าสองคนมาอยู่ที่นี่ต้องดูแลท่านตากับท่านยายดีๆนะ ต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังท่านทั้งสองด้วย แล้วข้าจะมาหาบ่อยๆนะ" แบคฮยอนยิ้มให้ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กทั้งสอง แล้วหันมองร่างสูงที่นั่งลงข้างๆ
"เป็นเด็กดีล่ะ" ร่างสูงยกมือขึ้บลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะยืนขึ้น
"งั้น ข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ"
"ข้าลาล่ะขอรับ" แบคฮยอนและองค์ชายชานยอลโค้งให้ท่านตากับท่านยายก่อนจะเดินกลับบ้าน
คนสองคนเดินตามทางเกิดความเงียบครอบงำ เป็นแบคฮยอนที่ต้องเอ่ยถามเมื่อทนกับความเงียบไม่ไหว
"ท่านมีชื่อว่าอะไรหรือ" ถามไปก่อนทั้งที่ความจริงก็รู้แล้ว แต่ตอนนี้แบคฮยอนอยู่ในสภาพผู้ชายจึงทำเป็นว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"หืม ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยล่ะ" องค์ชายทำหน้ายียวนลอยหน้าลอยตาจนแบคฮยอนหมั่นไส้ จนแอบเบะปาก
"ก็แล้วแต่ท่านเถอะ ข้าก็แค่อยากรู้" ร่างบางยู่ปากยกมือขึ้นกอดอกเดินเตะหินก้อนเล็กๆไปพลาง
"หึ ข้าชื่อชานยอล"
"งั้นหรือ ท่านชื่อเหมือนองค์ชายรัชทายาทเลยนะ" แบคฮยอนทำเป็นพูด คิดว่าเขาจะใช้มุขเดิมที่เคยโกหกแบคฮยอน แต่องค์ชายกลับไม่ตอบอะไร
เกิดความเงียบสักพักก่อนที่ร่างสูงจะพูดขึ้น
"แล้วเจ้าล่ะ มีชื่อว่าอะไร" ร่างสูงหันมาถามเขา ทำให้แบคฮยอนชะงักหยุดเดิน ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินต่อไป
"ข้ามีชื่อว่า แบค.."
"แบค?" องค์ชายเลิกคิ้ว
"แบคฮวอนน่ะ" อืมมม เอาชื่อนี้ไปก่อนละกัน
"อืม" ร่างสูงตอบไปแค่นั้น ก่อนจะเกิดความเงียบขึ้นปกคลุมอีกครั้ง
เปาะแปะ เปาะแปะๆ ซ่าา!
จู่ๆ ฝนก็เกิดตกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองรนรานหาที่หลบฝนจนเห็นกระท่อมเก็บฟางอยู่ใกล้ๆจึงรีบวิ่งเข้าไป
แบคฮยอนยกมือขึ้นเช็ดหน้าที่เปียกเล็กน้อย พอดูมือของตนเองต้องเบิกตากว้างเพราะลืมไปว่าสมุนไพรมันโดนน้ำแล้วจะหลุดออก จึงรีบหันหลังให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ
"หืม? เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ หันมาให้ข้าดูหน่อย" ร่างสูงหันมาถามร่างเล็กที่ไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปข้างๆพลางยื่นมือไปจับแขนเมื่อรู้สึกว่าอีกคนนั้นแปลกไป
"ข้า เอ่อ ข้า ไม่ ไม่เป็นไร"
"เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ" ดึงแขนอีกคนมายืนใกล้ๆ ต้องตกใจเมื่อร่างเล็กสะดุดขาตัวเองเกือบล้มหน้าคะมำ แต่องค์ชายกลับโอบเอวไว้ได้ทัน ก็ต้องชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนดอกไม้
"ขะ ข้าไม่เป็นไร ปะ ปล่อยข้าเถอะ" ร่างบางดึงดันขืนตัวออกจากอ้อมกอด กลัวความลับของตนที่ปกปิดไว้จะแตกซะก่อน
"ทำไม ตัวเจ้า.." ถึงหอมนัก.. คำพูดจะเอ่ยต้องเก็บไว้ได้แต่ถามขึ้นอย่างสงสัยในใจ
องค์ชายชานยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้หลังคอของคนในอ้อมกอดจนปลายจมูกโด่งแตะลงบนหลังคอเฉียดๆ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่น องค์ชายชานยอลหลับตาลงเมื่อได้กลิ่นหอมละมุนชวนหลงใหลจากกายคนในอ้อมแขน แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรระหว่างที่เขาเผลอไผลร่างเล็กในอ้อมกอดก็ดันตัวออกจากเขาแล้วพูดรัวๆ ก่อนจะวิ่งจากไปกับสายฝนที่ค่อยๆซาลง
"ขะ ข้า ต้องกลับบ้านแล้ว ลาก่อน" แบคฮยอนหันมาโค้งให้ด้วยความเร็วแล้วหันหลังวิ่งตากฝนไปจนลับสายตา โดยไม่หันไปมองร่างสูงขององค์ชายชานยอลที่เอ่ยทักท้วง
"เดี๋ยวสิ! แบคฮวอน! แบคฮวอน!" ร่างสูงได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กไปจนลับสายตา
"แฮ่ก แฮ่ก องค์ชาย องค์ชายชานยอล เฮ้อ อยู่ที่นี่เองข้าตามหาพระองค์จนทั่ว อย่าหายไปอย่างนี้สิพะย่ะค่ะ ข้าจะหัวหลุดจากบ่าเอานะพะย่ะค่ะ"
จุนมยอนที่ตามหาองค์ชายเกือบทั่วหมู่บ้านขณะที่เขาหันหลังไปแปปเดียว องค์ชายที่ยืนอยู่ข้างๆก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จนต้องตามหาตัวให้วุ่น จุนมยอนคนนี้ล่ะกลัวเหลือเกินว่าหัวจะหลุดออกจาบ่าที่ทำองค์ชายรัชทายาทแห่งโคกูรยอหายตัวไป แค่ออกมาจากวังหลวงมิได้บอกใครก็กลัวโดนโบยจะแย่ แล้วนี่ยังจะไม่ดูแลองค์รัชทายาทให้ดีอีก
"องค์ชาย องค์ชายพะย่ะค่ะ"
"กลิ่นนั่นมัน.." ร่างสูงพูดงึมงำจนจุนมยอนสงสัยจึงเอ่ยถาม
"พระองค์ว่าอะไรนะพะย่ะค่ะ"
"ไม่มีอะไร กลับวังกันเถิด" องค์ชายชานยอลส่ายหน้าสะบัดความคิดในหัวออกก่อนจะเดินนำกลับวังหลวง
กลิ่นนั้น..
กลิ่นหอมนั่นช่างเหมือนกับนางเหลือเกิน..
แบคฮยอน...

#แบคพูจอง
TBC.
ขอเม้นท์เปงกาลังจัยให้เราด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น