ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม : ต้องตา
แบคพูจอง
บทที่สี่ : ต้องตา
บริเวณตลาดและทางเดินหมู่บ้านต่างประดับไปด้วยของตกแต่งสีสันสวยงามมากมาย ต้อนรับเทศกาล 'ชูซ็อก' ที่กำลังจะมีขึ้น
ร่างบางของแบคฮยอนเดินสำรวจระแวกตลาดตามทางเดินมาบ้านด้วยชุดบุรุษชาวบ้านธรรมดา ที่ท่านแม่เป็นคนตัดเย็บให้ ใบหน้าใสและแขนขาบัดนี้บดบังไปด้วยสมุนไพรที่ทาก่อนออกมาจากบ้านเป็นประจำอำพรางรูปลักษณ์เนื้อแท้ที่เป็นหญิงสาว ทำให้มีสีน้ำตาลแลดูเป็นคนที่มีผิวคล้ำ ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกเกล้าขึ้นไว้กลางหัวเหมือนกับชายหนุ่มทั่วไป เว้นแต่รูปร่างเล็กบอบบางไม่เหมือนบุรุษสามัญชน
ในอ้อมกอดมือเรียวสวยทั้งสอง หอบเอาห่อของที่ท่านแม่ฝากซื้อจากตลาดไว้ พลางใบหน้าสวยหันซ้ายหันขวาตาเป็นประกายตื่นตากับเมืองนี้ที่กำลังจะมีงานรื่นเริง แบคฮยอนคิดว่าจะขออนุญาตท่านแม่ออกมาเที่ยวข้างนอกในคืนนี้สักหน่อย ถ้าได้มาเล่นดอกไม้ไฟ มากินขนมอร่อยๆและได้ปล่อยโคมลอยของตัวเองคงดีไม่น้อย
"อูวาา~ ถ้าตอนกลางคืนจะสวยแค่ไหนกันนะ"
ริมฝีปากบางอมยิ้มจนแก้มกลมนวลยกขึ้นอย่างน่ารัก ทำให้คนที่แอบมองตรงซอกมุม อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ร่างบางที่มัวแต่เดินสอดส่องมองรอบๆ โดยไม่ทันได้สังเกตสักนิดว่าตนเองกำลังถูกสะกดรอยตามจากชายหนุ่มคนหนึ่ง...
"หูวว~ ขนมต๊อกนี่นา แต่คนเยอะจังเลย"
แบคฮยอนเดินไปเรื่อยๆเหลือบไปเห็นหญิงคนหนึ่งกำลังขายขนมต๊อกให้กับคนอื่นๆอยู่ ดูจากคนซื้อเยอะขนาดนั้น คงอร่อยเป็นแน่ แบคฮยอนคนนี้จะชิงซื้อขนมแสนอร่อยนั้นมาให้ได้!
"แม่นางขอรับ ข้าขอซื้อขนมต๊อกชิ้นนึงขอรับ" แบคฮยอนเอ่ยบอกกับคนขายไปหลังจากต่อแถวซื้อมาสักพัก
"นี่จ่ะ ของเจ้า กินให้อร่อยนะ" แม่นางคนขายยื่นขนมมาให้พร้อมกับส่งยิ้มมา
แบคฮยอนยิ้มรับขนมพร้อมจ่ายค่าขนมไปให้กับแม่นางคนขาย แล้วจึงเดินหลีกออกมาให้คนอื่นได้ซื้อต่อ ร่างบางนึกดีใจที่ซื้อขนมมาได้ทันก่อนที่มันจะหมด
เมื่อกินคำแรกเข้าไปใบหน้าของร่างบางก็ยิ้มหน้าระรื่นกับความอร่อย ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองอย่างนึกเอ็นดู ร่างบางเตรียมตัวกำลังจะหันกลับบ้านต่อ แต่แล้วก็ชนเข้ากับแผ่นอกแกร่งของใครสักคนหนึ่งเข้า
"อ๊ะ" แบคฮยอนก้มหน้ายกมือข้างนึงขึ้นมากุมจมูกรั้นของตนเองที่เมื่อครู่ชนเข้ากับใครสักคนที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า
"น่าเสียใจจริง ขนมของพี่คงเป็นหมัน คงต้องเอาไปให้เหล่าไก่กากินแทนเสียแล้วสิ"
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยแลฟังแล้วแฝงไปด้วยความอบอุ่น ทำให้แบคฮยอนรีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเบิกตากว้าง
"พะ พี่ ท่านพี่จงอิน!"
"ไง ตัวแสบ ตกใจอะไร หืม อุก!"
เสียงกระแทกหลังประโยคของคนเป็นพี่ไม่ทันจบ แบคฮยอนก็โผเข้ากอดอ้อมอกของพี่อย่างแรง อดไม่ได้ที่คนเป็นพี่จะยกมือขึ้นกอดตอบ มือข้างนึงยกลูบหัวน้องน้อยให้อ้อมกอด
'จงอิน' พี่ชายของจีซู เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพของโคกูรยอ เก่งเรื่องการรบและการต่อสู้ผ่านการคัดเลือกจากองค์ชายรัชทายาทด้วยพระองค์เอง ได้ความไว้วางใจจากเหล่าเชื้อพระวงศ์
จึงได้ตำแหน่งเป็น แม่ทัพหลวง อยู่ในวังหลวงเป็นสหายคนสนิทขององค์ชายรัชทายาท ที่เพิ่งจะได้วันหยุดงาน จงอินจึงรีบกลับมาบ้านมาหาครอบครัว และน้องเล็กของบ้านที่คิดถึงใจจะขาด
"ว่าอย่างไร หืม"
"ข้าคิดถึงท่านพี่จังเลยเจ้าค่ะ" แบคฮยอนพูดเสียงอู้อี้ในอ้อมกอดพลางเอาหัวถูไถไปกับอกแกร่งอย่างออดอ้อน
"ข้าก็คิดถึงเจ้า น้องเล็ก และก็คิดถึงทุกคนที่บ้านด้วย ฮ่าๆ"
"ทีหลังก็กลับมาบ้านบ่อยๆสิ~”
“ได้อย่างไรกันพี่เป็นแม่ทัพของโคกูรยอนะ”
“บ้านเมืองก็ไม่ได้มีศึกสงครามอะไรนี่ ทำไมท่านถึงมาหาข้าบ่อยๆไม่ได้กันเล่าเจ้าคะ”
“ถึงไม่มีสงครามแต่พี่ก็ต้องอยู่ตรวจตรา เข้าฝึกพวกทหารให้เตรียมพร้อมเสมอ เจ้าเป็นหญิงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ” จงอินบอกกับร่างบางที่ยืนบึนปากอย่างแง่งอน จนเขาเอ็นดูอดไม่ได้ที่ต้องเอามือลูบหัว
“เจ้าค่ะ งั้นเรารีบกลับบ้านดีกว่านะเจ้าคะ ท่านพี่จะได้ถึงบ้านเร็วๆ"
ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดเอ่ยขึ้นเสนอพี่ชาย ก่อนจะเดินกลับตามทางไปบ้านพร้อมกัน

"ท่านแม่~" พอถึงบ้านแบคฮยอนก็เรียกหาคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
"กลับมาแล้วหรือ อ้าว! จงอินกลับมาได้แล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างลูก"
ซอนฮวาเอ่ยทักร่างเล็กก่อนจะเหลือบตาไปมองเอ่ยถามอีกคนที่ไม่ได้กลับบ้านมานาน
"ขอรับท่านแม่ ข้ามีมาฝาก นี่ของท่านแม่ นี่ของจีซู ส่วนนี่พวกของใช้แล้วก็ขนมของแบคฮยอน" จงอินยิ้มตอบคนเป็นแม่ ก่อนจะแยกของฝากที่เอามาให้แต่ละคน แต่ของน้องคนเล็กนี่เยอะหน่อย
"เอามาทำไมตั้งเยอะแยะกัน หืม ลำบากเปล่าๆ"
"ท่านแม่รับไปเถิด นานๆข้าจะได้กลับบ้านนะขอรับ"
ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังถามความเป็นอยู่กัน แบคฮยอนที่กินขนมเสร็จแล้วนึกลังเลจะขอท่านแม่ไปเที่ยวงานคืนนี้หรือไม่
"อะ เอ่อ ท่านแม่เจ้าคะ ข้าอยากไปเที่ยว ขอข้าไปงานปล่อยโคมในคืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ" ถามไปแล้ว แบคฮยอนถามไปแล้ว พอร่างบางถามเสร็จได้แต่เม้มปากรอคำอนุญาตของคนเป็นแม่อย่างใจจดใจจ่อ
"จะดีหรือลูก มันจะอันตรายนะ" พอได้ยินดังนั้นร่างบางถึงกับทำหน้าหงอย อดไม่ได้ที่คนเป็นพี่ใหญ่อย่างจงอินเห็นอดที่จะสงสารมิได้ จึงเป็นฝ่ายขออนุญาตท่านแม่ไป
"ให้น้องไปเถิดขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเป็นเพื่อนแบคฮยอนเอง จะดูแลไม่ให้คาดสายตาเลยขอรับ" แบคฮยอนแอบส่งสายตาขอบคุณท่านพี่ที่ยิ้มบางมาให้
"เอาอย่างนั้นหรือ ก็ได้แม่ยอมให้พวกเจ้าไปก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆล่ะ จงอินก็ดูแลน้องดีๆด้วย เข้าใจที่แม่สั่งใช่หรือไม่"
"เข้าใจขอรับ/เข้าใจเจ้าค่ะ" ทั้งสองพี่น้องตอบพร้อมกัน แล้วคนเป็นหันไปยิ้มตาหยีไปให้จงอินอย่างเต็มแก้ม จนต้องยกมือขึ้นลูบหัวเพราะความเอ็นดู
"แบคฮยอน"
พอตกกลางคืนในหมู่บ้านเริ่มงานสังสรรค์กัน เสียงดนตรีบรรเลงอย่างสนุกสนานลอยดังเข้ามาถึงในบ้าน แบคฮยอนที่กำลังเตรียมตัวออกไปเที่ยวกับพี่จงอินที่รออยู่หน้าบ้าน ต้องหันไปตามเสียงเรียกของซอนฮวา ก่อนจะเอ่ยถาม
"มีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านแม่"
"แม่เอาชุดนี้มาให้ คืนนี้แม่อนุญาตให้เจ้าแต่งหญิงได้ แต่ต้องปกปิดหน้าไว้ ถึงจงอินจะไปกับเจ้า แต่อาจจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ได้ แม่เป็นห่วง เข้าใจแม่หรือไม่"
"ฮึก ท่านแม่ ฝ ขอบคุณนะเจ้าค่ะ" แบคฮยอนรับชุดฮันบกที่เสื้อคลุมเป็นสีน้ำเงินครามส่วนกระโปรงเป็นสีแดงทับทิม โบว์ผูกเส้นสวยสีเหลืองนวล และผ้าปิดผืนเล็กสีขาวปักด้วยลายดอกไม้ เงยหน้าขึ้นขอบคุณฝน้ำตาเอ่อคลอด้วยความดีใจ
"โธ่ ลูกแม่" เก่งมากแล้วแบคฮยอน อดทนอีกนิดนะลูกแม่
"มาเดี๋ยวแม่ช่วยเจ้าแต่งตัว จงอินคงรอแย่แล้ว"
"เจ้าค่ะ"
แบคฮยอนแต่งตัวเสร็จ ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม ซอนฮวาแต่งหน้าให้แบคฮยอนนิดหน่อย ใครที่ได้เห็นต้องหลงใหล ผมดำยาวสลวยถูกถักให้เป็นเปียผูกด้วยโบว์และปักด้วยปิ่นเงินสลักลายผีเสื้อสีแดง ก่อนที่จะติดผ้าขาวผืนเล็กที่ปิดตั้งแต่จมูกรั้นจนถึงคางเรียว แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจปกปิดความงามได้หากมองเพียงภายนอก
"พี่จงอิน ไปกันเถอะเจ้าค่ะ" แบคฮยอนออกมาจากบ้านแล้วเอ่ยบอกคนเป็นพี่ ส่วนคนที่หันมาเห็นถึงกับตะลึง นานๆจะเห็นน้องเล็กแต่งตัวแบบนี้ จนคนเป็นพี่อดหวงไม่ได้
"เฮ้อ~ ท่านแม่นะท่านแม่ แต่งให้เจ้าซะสวยอย่างนี้ แล้วข้าจะดูแลเจ้าไหวหรือไม่เนี่ย"
สวย น่ารักเกินไป เป็นไปได้จงอินไม่อยากให้แบคฮยอนออกไปไหนเลยถ้าแต่งตัวเป็นหญิงอย่างตอนนี้
จงอินบ่นไปก็เท่านั้น เฮ้อ~ ก็ไม่ทำให้แบคฮยอนเปลี่ยนใจได้ จึงพากันเดินทางไปในหมู่บ้านพร้อมกัน

ชาวบ้านและขุนนางมากหน้าหลายตาไม่ว่าจะชนชั้นไหนก็ต่างมาเดินชมงานรื่นเริงนี้ เด็กๆวิ่งเล่นกันให้วุ่นเป็นสีสันของงาน ต่างคนก็เดินเที่ยวกันในเทศกาลรื่นเริงที่นานๆจะจัดขึ้นกันสักครา ของกิน ขนมหวานมากมายหรือของเล่น อย่างดอกไม้ไฟ พุขนาดเล็ก และโคมลอยสีสันสดใส มีวางขายตามทางเดิน
..แม้แต่เชื้อพระวงศ์อย่างองค์ชายรัชทายาทชานยอล..
ชานยอลเดินทอดน่องไปเรื่อยตามทาง โดยมีสองสหายจุนมยอนและคยองซูติดตามมาด้วยตามคำสั่งของพระมเหสีชินแฮ ทั้งสองต่างตื่นเต้นตาลุกวาว มองทั้งสองข้างทางอย่างสนอกสนใจ
ซึ่งต่างกับองค์ชายอย่างเขา... งานเทศกาลก็เหมือนๆกันทุกปี ไม่มีอะไรน่าสนใน
"วา~ ท่านพี่ดูสิข้าอยากเล่นดอกไม้ไฟ" คยองซูตาวาวเห็นเด็กในงานเล่นดอกไม้ไฟแล้วอยากเล่นบ้างจึงเอ่ยชวนพี่ชาย
"ข้าก็อยากเล่น แต่ เราต้องติดตามองค์ชายชานยอลนะ" ประโยคหลังจุนมยอนกระซิบกับคยองซู แต่คนอย่างองค์ชายชานยอลน่ะหรือจะไม่ได้ยิน
"พวกเจ้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะเดินเล่นแถวๆนี้ไม่ไปไหนไกลหรอก"
"จริงหรือพะย่ะค่ะ! งั้นพวกข้าไปก่อนนะพะย่ะค่ะ ไปเร็วคยองซู" จุนมยอนดีใจแล้วรีบจูงมือคยองซูออกไปอีกทาง
"ช่างน่าเบื่อเสียจริง"
องค์ชายชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองไปรอบๆที่มีผู้คนมากมายเดินไปมาอย่างสนุกสนาน...
แต่แล้วดวงตาคมสีนิลกลับหันเจอเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผ้าสีขาวปิดหน้าไว้กว่าครึ่งหนึ่ง เพียงมองดูเล็กน้อยก็รู้ว่ารูปร่างของนางช่างงดงามเพียงใด
..ใจเอยทำไมถึงเต้นแรงถึงเพียงนี้..
องค์ชานชานยอลใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน งานรื่นเริงนี้มีผู้คนมากมายแต่เป็นร่างบางที่กลับตราตรึงในสายตาขององค์ชายรัชทายาท
ก้อนเนื้อในอกสั่นไม่หยุดเพียงเมื่อร่างบางของหญิงสาวที่เขามองอยู่ กลับหันมาสบกับดวงตาคม
เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดตราตรึงกับดวงตางดงามของกันและกัน
..ทำไมช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก..
เพลาก่อนหน้านี้...
"ท่านพี่เจ้าคะ ข้าอยากเล่นดอกไม้ไฟจังเจ้าค่ะ"
แบคฮยอนเดินมาถึงงานกับพี่จงอิน เจ้าตัวเล็กก็ซุกซนเดินไปนู่นไปนี้ตื่นตาตื่นใจกับของเล่นรอบกายจนจงอินแทบตามไปทัน ก่อนจะหยุดที่หน้าร้านโคมลอยร้านหนึ่ง แบคฮยอนอยากเล่นดอกไม้ไฟจึงหันไปออดอ้อนคนเป็นพี่ชาย
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้เจ้ารอข้าอยู่แถวนี้นะ ห้ามไปไหนหรือตามใครไปเด็ดขาดเข้าใจข้าหรือไม่" แต่ก่อนไปจงอินก็ไม่วายอดหวงน้องสาวจึงสั่งกำชับให้ทำตามสิ่งที่บอก
"เจ้าค่ะ! ท่านพี่" ร่างบางตอบเสียงแน่วแน่ ก่อนจะยิ้มให้พี่ชาย รอยยิ้มที่ถูกปกปิดไว้ใต้ผ้าสีขาวมองไม่เห็น แต่ตาที่หยีเล็กทำให้จงอินยิ้มตามก่อนจะเดินออกไป
ร่างบางมองตามพี่ชายที่เดินออกไปแล้วจึงหันมาสนใจของรอบกาย มองดูแล้วตนเองอยู่หน้าร้านขายโคมลอยหลากหลายสีสันก็เดินเข้าไปดู จับๆดูไปเรื่อยๆ แต่สักพักก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง จึงหันไป
ร่างบางตกอยู่ในภวังค์ เมื่อหันไปสบตาคมของชายหนุ่มคนหนึ่ง เพียงมองจากตรงนี้ก็รู้ได้ว่าคนๆนั้นต้องรูปร่างหน้าตาดีเป็นแน่ อาจจะเป็นขุนนางชั้นสูง ลูกคนรวยที่มาเที่ยวงานก็เป็นได้
แต่แบคฮยอนได้อาจสนใจข้อนั้นไม่ ยังคงสบตาสีดำสนิทนั่น หลงใหลไปกับดวงตาสวยนั่นสักพัก ร่างบางจึงได้สติหันกลับมาดูโคมลอยต่อ ทั้งที่แก้มนวลขึ้นสีแดงฝาด โดยไม่รู้ว่าคนที่สบตาด้วยเมื่อครู่กำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...

"เอาสีไหนดีล่ะเนี่ย สีเหลืองก็สวย สีชมพูนี่ก็สวย อืม" ร่างบางยืนเลือกโคมหลากสีอย่างขมักเขม้น จนไม่รู้ตัวว่ามีคนมายืนข้างๆ
"ข้าว่าสีชมพูสวยดีนะ"
ร่างสูงขององค์ชายชานยอลเดินเข้ามายืนใกล้กับแม่นางที่สบตากันเมื่อครู่ พลางทำเป็นมองดูโคมลอยตรงหน้า
พอมายืนใกล้ๆร่างเล็กข้างๆกลับสูงเพียงอกเขาเท่านั้น ..ช่างน่าถนุถนอมเสียจริง.. เขยิบเข้าไปใกล้ๆจนได้ยินเสียงหวานเล็กลังเลว่าจะเลือกโคมสีไหนดี จึงเอ่ยเสนอขึ้น
"ทำไมล่ะ?" แบคฮยอนถามขึ้นอย่างลืมตัว โดยที่ไม่รู้ตนเองกำลังสนทนากับใครอยู่
"เพราะมันสวยเหมาะกับเจ้าล่ะมั้ง"
ชานยอลเอียงหน้าไปพูดเสียงเบากับร่างบางข้างๆ ตั้งแต่เกิดมาองค์ชายชานยอลยังไม่เคยเกี้ยวหญิงคนไหนสักคน เมื่อก่อนไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าคำพูดหวานหูที่พวกองค์ชายต่างเมืองพูดเกี้ยวหญิงสมัยที่ยังเล่าเรียนอยู่ที่แผ่นดินใหญ่ที่ถูกบังคับให้ไปเที่ยวโรงน้ำชาครั้งแรกตอนนั้นช่างฟังดูเลี่ยนระคายหูนัก
องค์ชายชานยอลกลับพูดประโยคแบบนั้นออกมา เพียงเพราะอยากคุยกับร่างบางข้างๆตัว โดยไม่ละสายตาจากนางเลยตอนพูด ก่อนที่นางจะหันขวับมาถาม แต่กระนั้นเขาก็หันกลับมาทำเป็นเลือกโคมลอยที่วางอยู่ตรงหน้า
"ท่านว่าอย่างไรนะ?" ร่างบางหันไปถามร่างสูงข้างๆอย่างลืมตัว แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วยังมีป้ายประจำตัวสลักอย่างดีคงเป็นขุนนางตระกูลใหญ่
"หืม ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ" ร่างสูงทำหน้าเรียบหันไปพูดกับนาง สายตาคนสบกับดวงตากลมใบหน้าคมนั้นยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างเจ้าเล่ห์
"เหอะ คนอะไร"
ดวงตากลมของแบคฮยอนสั่นไหวดวงตาคมเอาแต่มองมา จนเขาต้องหลบสายตาร้องเหอะออกมาพลางทำทีบ่นร่างสูงแปลกหน้าข้างๆ
ร่างบางเลือกโคมสีชมพูก่อนจะจ่ายเงินให้คนขายแล้วเดินหนีออกมา ตั้งใจจะไปลอยตรงสะพานที่มีคนเยอะๆ โดยที่สายตาคมไม่ละจากการมองร่างเล็กระหงเพียงสักนิด
..หึ น่ารักไม่หยอกเสียจริง.. องค์ชายชานยอลเห็นร่างบางเดินหนีออกไป หันไปมองก่อนริมฝีปากหนาจะยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง แล้วเดินตามร่างบางไป
"จะเลิกตามข้าได้หรือยัง ท่านกำลังทำตัวไม่น่าไว้วางใจนะ!"
ร่างบางหันไปแหวใส่ร่างสูงข้างหลังที่เดินตามเขาต้อยๆเป็นลูกเป็ด พอแบคฮยอนหยุดเดินคนข้างหลังก็หยุด พอเดินเลี้ยวไปทางไหนคนข้างหลังก็เดินตาม อยากรู้เสียจริง คนคนนี้ไม่มีคนคบหรือไงกัน!
"อย่างนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ ท่านน่ะ-”
“แต่ข้าอยากวางใจไว้ที่เจ้านะ"
ร่างบางได้ยินประโยคจากร่างสูงข้างหลังทำให้แบคฮยอนหันขวับไปมองอย่างทำตัวไม่ถูก
สายตาคมมองดูแก้มนวลที่ขึ้นสีทำให้ชานยอลอดยิ้มไม่ได้
"...." แบคฮยอนยังคงจ้องใบหน้าของร่างสูงในขณะที่ภายใต้หน้าอกกลับมีก้อนเนื้อสั่นระรัว
"เจ้าจะไปลอยโคมไม่ใช่หรือ เดี๋ยวข้าพาไป ตรงนั้นใช่หรือไม่"
ชานยอลเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบเกินไปจึงเบนเรื่องอื่นเข้ามาแทน ก่อนจะถือวิสาสะจับมือเรียวสวย(อย่างตั้งใจ) ลากร่างบางไปทางสะพาน ที่มีผู้คนมากมายมาลอยโคมกัน
"นี่! ท่านปล่อยข้าได้แล้ว ข้าเป็นหญิงนะ ท่านจะมาจับเนื้อต้องตัวข้าอย่างนี้ได้อย่างไรกัน"
"เอ่อ ข้าขอโทษ"
องค์ชายชานยอลรีบปล่อยมือเรียวสวยออกจากการกอบกุม หลงลืมไปว่านางเป็นหญิง แล้วเขาเป็นบุรุษมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน แถมยังไม่รู้จักกันอีก
"เอาโคมเจ้ามาสิ เดี๋ยวข้าจุดไฟให้"
"แล้วทำไมท่านต้องลอยกับข้าด้วยเล่า!"
"โธ่ คุยกันมาขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไม่ให้ข้าลอยโคมด้วยหรือ เห็นรูปร่างสะสวยไม่คิดว่าจะใจดำขนาดนี้นะ"
องค์ชายชานยอลแกล้งทำหน้านิ่งพูดด้วยเสียงอ่อน จ้องไปยังร่างบาง
"ย่าห์~ ท่านอย่ามาทำเป็นพูด ท่านเป็นใครข้าก็ไม่รู้จัก แล้วเหตุใดกันที่ข้าจะต้องลอยโคมคู่ท่าน?"
"ให้ข้าลอยโคมด้วยคนสิ แล้วข้าจะบอกเจ้า" ร่างสูงทำเสียงยียวนทำหน้าเจ้าเล่ห์
"ยะ ย่าห์- นี่ท่า-"
"แล้วเจ้าน่ะ เป็นหญิงเป็นนางหัดพูดเพราะๆหน่อยสิ เจ้าคะ เจ้าขา~ น่ะพูดเป็นหรือไม่"
"ข้าพูดเป็น แต่ข้าจะไม่พูดกับท่านแน่"
"...."
"ก็ได้ ข้าให้ท่านลอยโคมเดียวกับข้าก็ได้"
แบคฮยอนลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมให้อีกคนลอยโคมด้วย โดยไม่ได้สังเกตมุมปากที่ยกยิ้มของคนที่ก้มหน้าจุดไฟตรงพื้น
"อะ เจ้าถือโคมไว้แล้วข้าจะจุดไฟเอง นี่ เจ้าจับดีๆแบบนี้สิ เดี๋ยวร้อนมือ"
"จับอย่างนี้ใช่หรือไม่"
"อย่างนั้นแหละ นิ่งๆนะ ข้าจะจุดแล้ว ระวังๆ"
หลังจากวุ่นวายกับการจุดไฟ พอจุดไฟสำเร็จโคมลอยสีชมพูสวยสว่างจ้าจากแสงของเปลวไฟในโคม ก่อนจะจับโคมด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกัน หลับตาอฐิษฐานขอพร แล้วจึงปล่อยโคมให้ลอยสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ในยามค่ำคืน
แสงสว่างจากโคมที่กำลังลอยอยู่ ทำให้ใบหน้าเรียวใต้ผ้าสีขาวยิ้มออกมาจนตาหยีอย่างน่ารักน่าชังสว่างขาวนวลล้อกับแสงระยิบระยับ เกิดประกายในตากลมจนคนที่มองอยู่หลงใหลกับความงามตรงหน้าที่ไม่ใช่โคมลอย แต่หากเป็นร่างบางตรงหน้าเขาตอนนี้ มิอาจละสายตาไปไหนได้
ร่างบางที่อมยิ้มมองสบตากับร่างสูงอย่างลืมตัวรอยยิ้มบางยังคงประดับอยู่บนใบหน้า แสงสะท้อนจากโคมลอยทำให้เกิดประกายในดวงตาของคนตรงหน้า ทำให้เมื่อสบดวงตาคมจึงดูอ่อนโยนและอบอุ่นยิ่งนัก ดวงตากลมสวยสั่นระริกเหมือนกับก้อนเนื้อใต้อก เมื่อถูกมองด้วยสายตาหลงใหลจากชายหนุ่มตรงหน้า
"ชื่อของข้าคือ ชานยอล"
เงียบไปสักพักร่างสูงก็เอ่ยชื่อของตนเองขึ้นมา ร่างบางที่ได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มบางใต้ผ้าสีขาว
"อย่างนั้นหรือ ชื่อของเจ้า เหมือนกับชื่อขององค์รัชทายาทเลยนะ"
"ข้าเป็นเพียงลูกขุนนางเท่านั้น แค่ชื่อน่ะที่เหมือน บอกชื่อของเจ้ามาสิ" เพราะกลัวว่าคนต้องหน้าจะไม่ยอมรับเขาที่เป็นถึงองค์ชายรัชทายาท จำเป็นที่จะต้องพูดโป้ปดออกไป
"ชื่อของข้าคือ แบ-"
"แบคฮยอน!"
ขณะที่แบคฮยอนจะบอกชื่อของตนเองออกไป เสียงทุ้มจากทางด้านหลังก็เรียกขัดขึ้นซะก่อน เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่จงอิน
"แม่ทัพจงอิน" องค์ชายรัชทายาทเห็นสหายคนสนิทก่อนจะตีสีหน้าเรียบ
“องค์ชายมาเที่ยวหรือ พระองค์เสด็จมาทำอะไรแถวนี้พะย่ะค่ะ" จงอินถามเสียงเรียบแล้วดึงมือของแบคฮยอนให้มายืนข้างหลังตน
"ข้าแค่ออกมาเดินเที่ยวดู แล้วเจ้าล่ะจงอิน แม่นางคนนี้เป็นอะไรกับเจ้าถึงได้หวงเช่นนี้"
องค์ชายชานยอลยังคงรักษามาดนิ่งเอาไว้ ทั้งที่ในใจตอนนี้ร้อนรนอยากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งนัก เหตุใดแม่ทัพจงอินสหายสนิทของเขาถึงได้ออกอาการหวงแม่นางที่เขาเพิ่งทำความรู้จักเมื่อครู่กัน
“....”
"นางคือคนสำคัญของข้า"
จุกในอก...
เป็นสิ่งเดียวที่องค์ชายชานยอลรู้สึกอยู่ตอนนี้ คนสำคัญ... ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...
"ถ้าไม่มีอะไร ข้าขอตัวกลับก่อนพะย่ะค่ะ" ยังไม่ทันที่องค์ชายชานยอลได้ถามอะไร จงอินก็ชิงบอกลากันและจูงมือแม่นางคนสวยเดินออกไปต่อหน้าต่อตา
ทิ้งให้ชานยอลรู้สึกผิดกับใบหน้างามและดวงตากลมที่สั่นแฝงไปด้วยความผิดหวัง ..เหตุใดจึงต้องโกหกข้า.. อย่างกับว่าชานยอลได้ยินเสียงนี้ออกมาจากร่างบางที่เดินจากไป...
"องค์ชายเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง สนุกหรือไม่เพคะ" เสียงของคยองซูดังขึ้นหลังแยกจากองค์ชายชานยอลไปเล่นดอกไม้ไฟกับพี่ชาย เห็นว่าค่ำมืดแล้วจึงตามหา
"องค์ชายพะย่ะค่ะ.." จุนมยอนเห็นท่าทางคิ้วหน้าขมวดเข้ากันขององค์รัชทายาทจึงเรียกถาม พร้อมกับยกมือโบกไปมาตรงหน้าเพื่อเรียกสติ
“ทำอะไรของเจ้า จะกลับแล้วใช่หรือไม่ งั้นไปกันเถอะ"
เอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉย ดวงตาแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด คิดแล้วปวดหัว ความคิดสับสนวุ่นวายตีกันในจิตใจจนองค์ชายต้องสงบจิตใจด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินกลับวังกับทั้งสองสหายคนสนิท
..แบคฮยอน ชื่อนี้ใช่หรือไม่ที่เป็นชื่อของนาง..
..ข้านี้จะจำให้ขึ้นใจ..

#แบคพูจอง
TBC.
เราว่าองค์ชายต้องคีพลุค._.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น