คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : CH 25
“เฮ้ย! ไอ้น้ำ เป็นไรวะ?”
ฉันที่นั่งเหม่ออยู่ใต้ตึกคณะหันไปมองคนถามเล็กน้อย
ไอ้คิว เพื่อนสนิทของฉัน มันคนนี้ถามฉันทุกเรื่อง แต่ทุกเรื่องที่ถาม คือ
ถามด้วยความเป็นห่วงทั้งนั้น..
“ห่วงเอมน่ะ”ฉันตอบเศร้าๆ ..
“โธ่ ! เลิกพูดถึงเอมซักที ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าโมโห..”มันบอกแล้วขึ้นมานั่งกับฉัน
ก่อนจะวาดแขนกอดไหล่ฉันเอาไว้
“เลิกพูดได้ไงวะ …
นั่นมันเอม..”
“แล้วเอมเคยห่วงมึงปะ
เอมเคยรู้ปะว่ามึงรู้สึกยังไง มึงก็บ้าไปรักเค้าอยู่ได้”
“ก็เพราะกูรักไง กูถึงต้องเป็นห่วง …”
“มึงนี่มัน..เอาเถอะๆ
พรุ่งนี้ก็ไปค่ายกันแล้ว มึงก็ไปรักษาแผลใจที่นั่นแล้วกัน
อาจจะได้เมียที่นั่นก็ได้นะเว้ยย !”
ฉันถอนหายใจช้าๆ
พยายามหยุดคิดเรื่องเอมและไปคิดถึงเรื่องอื่นแทน..
“เฮ้ยๆ ไอ้น้ำ ! มึงดูสาวๆคณะแพทย์สิ..”
“กูกลับที่พักละนะ”ฉันบอกเสียงเรียบพร้อมสะพายสัมภาระเดินออกไป
ทิ้งให้ไอ้คิวมองดูสาวๆคณะอื่นไปคนเดียว
คณะฉันและคณะแพทย์ได้เข้ากิจกรรมการทำค่ายอาสาร่วมกัน
ฉันไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่หรอก ที่มาก็เพราะไม่อยากอยู่มหาลัยคนเดียวต่างหาก
“สวยจัง”ฉันพึมพำเบาๆ
แล้วนั่งลงบนโขดหินขนาดใหญ่ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อากาศที่นี่ตอนเย็นๆดีมากจริงๆ
และถ้าฉันมีแฟนฉันก็คงพาแฟนมาที่นี่ด้วย… แต่มันคงไม่มีวันนั้น
“ขอโทษนะคะ
รบกวนเป็นแบบให้หน่อยได้มั้ย?”
ฉันหันไปมอง ก่อนจะพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนถือกล้องพร้อมรอยยิ้มที่สะดุดตาฉันยืนอยู่ข้างหลัง… ฉันนิ่งไปครู่
ก่อนจะพยักหน้า
“ได้ค่ะ”ฉันบอกแล้วยิ้มให้… เสียงชัตเตอร์ดังอยู่สองสามทีก่อนกล้องจะค่อยๆลดลงแต่ที่ยังไม่ลดลงเลยก็คือรอยยิ้มของเธอคนนั้น..
“ขอบคุณนะคะ ยิ้มน่ารักมากเลย”
“พัด ! นั่นใครอ่ะ”
ฉันหันไปมองกลุ่มผู้หญิงที่เดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้น
เธอชื่อ พัด ใช่มั้ย…
“น่ารักจังเลยค่ะ เด็กถาปัตย์เหรอคะ ปีอะไรเอ่ย”ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เขาเรียกกันว่า
เสียงสอง
“ปี2ค่ะ”
“ว๊าย! งั้นพวกเราก็เป็นรุ่นพี่สิ พี่เด็กแพทย์นะคะ
ปี4แล้วค่ะ”
“อ๋อ…ค่ะ”ฉันบอกเบาๆ ตามองพี่หมอพัดอย่างเดียว
ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปเงียบๆ …
ฉันแค่รู้สึก.. อึดอัดที่ถูกมองแบบนั้นก็เท่านั้นเอง…
“แค่นี้นะเอม
.. เอาไว้น้ำกลับไปแล้ว
เราค่อยคุยกัน ดูแลตัวเองนะ น้ำเป็นห่วง”ฉันบอกเบาๆ เอมโทรมาหาฉัน
และเราก็ทะเลาะกันเล็กน้อย…
ทั้งๆที่คิดว่ามันจะดีกว่านี้แล้วแท้ๆ..
“คุยกับใครวะ?
งานเลี้ยงจะเริ่มแล้วเว้ย”ไอ้คิวเดินเข้ามาทัก ในมือถือเหล้าป่า
ที่มีรสแรงกว่าเหล้าทั่วไป ฉันมองนิ่ง
ก่อนจะคว้าแก้วจากมือมันมาแล้วกระดกจนหมดแก้ว
“เฮ้ย ! นั่นมันเหล้าป่า..”
“เออ เพราะเป็นเหล้าป่าไง ถึงได้กิน!”ฉันบอกอย่างเซ็งๆ
ก่อนจะเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด…
“อะไรของมันวะ!”
“อุ๊ย! / โอ๊ย!”
ฉันนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินชนกับใครบางคนจนล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกัน
ฉันมองใบหน้าของอีกคนนั้นใกล้ๆ พยายามเพ่งมองให้ดีว่าเป็นใคร…
แต่สติของฉันมันเบลอจนเกินไปแล้วจริงๆ
“เอ..เอม”
“คะ?..ใครนะคะ..”
“เอมใช่มั้ย..”
“ไม่ใช่แล้วค่ะ..
ลุกออกไปก่อนเถอะนะ..”
“เอม…เอมจริงๆด้วย”
“เราไม่ใช่เอม..และเราก็ไม่รู้จักด้วยว่าเอมเป็นใคร
ลุกไปสิคะ!”
ฉันทำหน้านิ่ง ถ้าไม่ใช่เอม
แล้วทำไมหน้าเหมือนเอมขนาดนี้…
“เอมนั่นแหละ…”
“ไม่ใช่!”
“เฮ้ย ! ไอ้น้ำ ! พี่หมอพัด!!”
พี่หมอพัดอีกแล้ว… ชื่อนี้อีกแล้ว
!
ฉันลืมตาขึ้นมาในที่พักในสายๆของอีกวัน สติฉันกลับมาแล้วหลังจากที่เมือคืนคือการได้ยินชื่อของ… พี่หมอ..เป็นสิ่งสุดท้าย ฉันหันไปมองรอบๆ ตอนนี้ทุกคนในค่ายคงกำลังทำกิจกรรมกันอยู่สินะ
“ปวดหัวชะมัด”ฉันพูดเบาๆ
ก่อนจะหันเห็นเม็ดยาและแก้วน้ำวางอยู่ด้วยกัน ฉันมองมันนิ่ง
คงจะเป็นไอ้คิวเตรียมเอาไว้ให้ เพราะมันรู้ดีว่าถ้าฉันเมา.. ฉันจะต้องปวดหัวตอนตื่นมาแน่ๆ เม็ดยาถูกจับเข้าปากพร้อมกับน้ำหมดแก้ว
ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปแต่งตัวแล้วเดินออกไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังทำกิจกรรมกันอยู่ด้านนอก
…
“อ้าวไง ตื่นแล้วเหรอมึง”
ไอ้คิวเอ่ยทักพร้อมยักคิ้วให้
ก่อนจะขยับให้ฉันนั่งลงบนโขดหินใกล้ๆ ริมน้ำตก ..
“มึงเอายาให้กูเหรอวะ?”ฉันถามพร้อมหันไปยิ้มให้เด็กชาวเขาที่มาเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน
ใจจริงก็อยากเล่นด้วย แต่ขี้เกียจ..
“ยาอะไรวะ?”
“ก็ยาที่วางอยู่ข้างๆเตียงไง”
“อ๋อ เปล่า พี่หมอพัดนู่น !”
“พี่หมอพัดเหรอ?... หมายถึง..”
“ก็คนที่มึงไปละเมอเพ้อใส่คิดว่าพี่เค้าเป็นเอมไง”
“กูนี่นะเพ้อ..”
“เออ มึงนั่นแหละ
แถมยังประเจิดประเจ้อจะไปจูบเขาอยู่แล้ว ดีนะพวกกูมาเห็นก่อน ไม่งั้นล่ะมึง
มีเมียไปละ”ไอ้คิวพูดแหย่ ฉันไม่ขำด้วย… ยังไม่ทันได้รู้จักกันเลย พูดแบบนั้นได้ไงวะ..
“คนไหนนะ..”ฉันพึมพำเบาๆ
เมื่อเดินเข้ามาในซุ้มของคณะแพทย์ที่กำลังช่วยรักษาให้กับชาวบ้านที่มาใช้บริการ
ฉันยืนมองอย่างงงๆ ก็ใส่ชุดคล้ายกัน ปิดปากเหมือนกันอีก
แล้วฉันจะรู้มั้ยว่าพี่หมอพัด…
“มาหาพัดเหรอคะ?”พี่หมอคนนึงเดินเข้ามาทักพร้อมรอยยิ้ม
ฉันทำหน้าตกใจเล็กๆ แต่ก็พยักหน้า พี่เค้ารู้ได้ยังไง
“พัดไม่ได้อยู่ในซุ้มหรอกน้อง
ขึ้นไปรักษาชาวเขาบนดอยนู่น เย็นเลยกว่าจะกลับมา”
“บนดอยเหรอคะ?..”
“ใช่ค่ะ หรือจะตามขึ้นไปก็ได้นะ
ใกล้ๆแค่นี้เอง”พี่หมอคนนั้นพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป ฉันยืนนิ่ง
ก่อนจะตัดสินใจออกจากซุ้มแล้วเดินลิ่วไปยังสถานที่ที่ใจต้องการ
“ต้องทานยาตามที่หมอบอกนะคะยาย
จะได้หายเร็วๆ”
ฉันที่เดินอยู่นอกบ้านที่เป็นเหมือนเพลิงหลังเล็กๆนั้นหันไปมองตามเสียงที่ดังลอดออกมาเล็กน้อย
ก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปเพราะกลัวมันจะพัง.. นี่ถ้าฉันเรียนจบ
ฉันคงอยากกลับมาสร้างบ้านให้คนที่นี่ซักหลายๆหลัง พวกเขาอยู่ไปได้ยังไงกัน…
“อ๊ะ!”ฉันชะงักพร้อมถอยหลังหนีเมื่อประตูเก่าๆนั้นเปิดออกมาพร้อมกับร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นด้วย
“พี่หมอ..”
“คุณ..”
“เดินขึ้นมานี่นะคะ?”พี่หมอถามฉันอย่างตกใจ
ฉันพยักหน้า
“ก็เพื่อนพี่หมอบอกให้เดินขึ้นมา
น้ำก็เดินขึ้นมาสิคะ”
“โธ่เอ๊ย มันไม่ใช่ใกล้ๆนะคะ…
แล้วเดินขึ้นมาแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่เลยหรือยังไง อาการแฮงค์ก็ยังไม่หายไม่ใช่เหรอคะ”พี่หมอถามรัว
พร้อมสายตาที่มองมามีแต่ความเป็นห่วง
“อ้าว แล้วตอนพี่หมอมา พี่หมอมายังไงคะ”
“ก็เดินนี่แหละค่ะ แต่คุณจะเดินมาทำไม
เหตุผลอะไรซักนิดก็ไม่มี”
“น้ำอยากเจอหน้าพี่หมอเฉยๆ..”
กริบ… ทุกอย่างเงียบกริบหลังจากฉันพูดแบบนั้นออกไป… เราสองคนเดินกันมาเรื่อยๆตามทางลงเขา
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย…
“น้ำแค่อยากมาดูเฉยๆว่าพี่หมอคือใคร.. น้ำไม่ได้หมายความ..” ฉันพยายามจะอธิบาย
ขณะที่เราเดินกันมาได้ซักพัก …
“พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรนี่คะ”พี่หมอตอบกลับ
พร้อมทำหน้านิ่ง ฉันพยักหน้า ก็ดีแล้ว
ฉันไม่อยากให้พี่เค้าเข้าใจผิดในความหมายของคำพูดฉัน..
“พี่หมอระวัง !”
“หนักมั้ย?”เสียงที่ดังข้างหูทำให้ฉันหันไปมองเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เลย พี่หมอตัวเบ๊าเบา”ฉันพูดยิ้มๆ
แต่ดันโดนพี่หมอตีไหล่เบาๆ
“ประชดนี่..”
“เปล่า น้ำพูดจริงๆ พี่หมอตัวเบาจริงๆ นี่ ดูสิ
น้ำอุ้มลอยเลย”ฉันบอกแล้วหัวเราะเบาๆ
เป็นเรื่องที่ฉันหัวเราะได้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา…
“ขอโทษนะที่ต้องลำบากน่ะ”
“พี่หมอก็คิดมาก .. ขาพี่หมอเจ็บแบบนี้
ถ้าน้ำให้เดินอีก น้ำนี่สิจะต้องลำบาก”ฉันพูดเสียงใส
เพราะพี่หมอขาเจ็บจากอุบัติเหตุตอนเดินลง และขาเกิดพลิก ฉันจึงให้พี่หมอขี่หลัง
และห้อยกระเป๋าแพทย์แทน..
ความจริงก็หนักนั่นแหละ แต่ถ้าให้พี่เขาเดินมากกว่านี้ ขาพี่เขาคงจะอักเสบหนักมากแน่ๆ
“แล้ว..ทำไมถึงเรียนสถาปัตย์ล่ะ?”
“ชอบค่ะ..อยากมีบ้านเป็นของตัวเองโดยการออกแบบของตัวเอง
ก็เลยเลือกเรียนคณะนี้”
“งั้นเหรอ? …”
“แล้วพี่หมอล่ะ ทำไมถึงเรียนหมอ?”
“ก็อยากช่วยคนมั้ง หรือไม่ก็…คงไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว”
“แบบนี้ก็ได้เหรอพี่หมอ?”
ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของพี่หมอเบาๆข้างหลัง
จนฉันเองอดที่จะยิ้มไม่ได้ พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว…
ตลอดระยะเวลาที่ฉันออกค่ายและได้รู้จักกับพี่หมอ
ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วการได้รู้จักกับใครซักคนแล้วค้นพบว่าเค้าคือคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจความรู้สึกมันเป็นยังไง
… ฉันมาหาพี่หมอทุกเย็นหลังจากเสร็จจากกิจกรรม
เราไปเดินเที่ยวแลกเปลี่ยนความเห็นกันเรื่องต่างๆกันอย่างลงตัว สนิทกันมากขึ้น
และถูกมองว่าเป็นอะไรกันจากคนเกือบทั้งค่าย… แต่ดูเหมือนพี่หมอจะไม่แคร์อะไรซักนิด
พี่หมอดูนิ่งและดูเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง จนฉันเองก็เริ่มรู้สึกดีกับพี่หมอขึ้นมา… แต่จะเรียกมันว่าความรักหรือเปล่า… ฉันเองก็ไม่แน่ใจ…
“โอ้โห ตั้งแต่กลับมาจากค่ายนี่
จะรู้สึกว่ามึงกับพี่หมอสนิทกันจังนะ”
ไอ้คิวเอ่ยแซวเมื่อฉันบอกว่ามีนัดกับพี่หมอพัดหลังจากเลิกงาน
ใช่ ฉันกับพี่หมอสนิทกันไวมาก อาจเพราะพี่หมอเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
อยู่ด้วยแล้วฉันลืมเรื่องที่ทำให้ตัวเองเศร้าได้… โดยเฉพาะเรื่องนั้น…
“เออ มึงก็อย่าแซวกูเยอะนัก”ฉันบอกแล้วเก็บของจะเดินออกไป..
“มึงลืมเอมได้แล้วใช่มั้ย?”
ฉันชะงักเล็กน้อย
ก่อนจะเงยหน้าสบตากับไอ้คิว…
มันก็ถามในสิ่งที่ฉันกำลังหลงลืมมันไป..
“เปล่า..”
“อ้าว
กูก็นึกว่ามึงมีพี่หมอแล้วมึงจะลืมได้แล้ว”
“คนที่รักกับคนที่รู้สึกดีด้วย
มันไม่ใช่คนเดียวกันนะ”ฉันบอกแค่นั้น กับเอม คือคนที่ฉันนั้นรัก … รักมาโดยตลอดแม้อีกคนจะไม่เคยรู้
และเหมือนจะไม่มีวันรู้ด้วย …
ส่วนอีกคนก็เป็นได้แค่คนที่รู้สึกดีและฉันเองก็ไม่ได้อยากจะคิดอะไรเกินไปกว่านั้น…
“อย่างนั้นก็ทำให้มันชัดเจน
ไม่ใช่ทำตัวเหมือนคบกับเค้าไปแล้ว ทั้งๆที่ไม่ใช่ หัวใจของคนไม่ใช่ของเล่น”
ฉันยืนนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า… แล้วจะเดินออกไป หากแต่…
“เอม…”
ฉันนั่งมองคนที่ซบไหล่ฉันหลับไปด้วยความเป็นห่วง
เป็นแบบนี้อีกแล้ว… เอมต้องร้องไห้อีกแล้ว..
ฉันค่อยๆเอื้อมมือไปปัดผมที่ใบหน้าคมสวยช้าๆและเบามือที่สุด กลัวว่าเอมจะตื่น … ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่เอมผิดหวังกับความรักและจะมาฉันเพื่อระบายความเสียใจอยู่เสมอ
… ฉันมันก็เป็นได้เท่านี้… เพื่อน
เพื่อนที่แสนดี…
“แล้วถ้าวันนึงไม่มีน้ำแล้ว
เอมจะไประบายแบบนี้กับใคร...ไม่รู้หรือไงว่าน้ำเป็นห่วงขนาดไหน.. ไม่รู้ใจกันเลยใช่มั้ยเอม...”
ฉันถามเบาๆ แม้รู้ดีว่าเอมจะไม่ได้ยิน…คำว่าเพื่อนมันค้ำคอฉันอยู่ และฉันเองก็คงไม่มีสิทธิ์คิดอะไรมากกว่านั้น ... ความรู้สึกของเรามันแตกต่างกัน ... ฉันรักเอมแบบที่ฉันรัก... และเอมก็คงรักฉันในแบบที่เอมรัก แต่เรารักกันในคนละแบบ... แล้วอย่างนี้มันจะไปตรงกันได้ยังไงกัน... ไม่มีวันซะหรอก... จมูกโด่งของฉันค่อยๆสัมผัสหน้าผากเนียนช้าๆ ก่อนจะมองต่ำลงไปที่ริมฝีปากนิ่ง... ความรู้สึกฉันในตอนนี้มันยากเกินกว่าจะอธิบายออกไป. ฉันค่อยๆโน้มหน้าลงต่ำไปที่ริมฝีปากของเอม… ก่อนจะค่อยๆหันไปทางอื่นอย่างหักห้ามใจ…
เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้…
ฉันถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือน..
“พี่หมอ…”ฉันพึมพำเบาๆ พร้อมครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองเอมที่ยังคงหลับสนิทนิ่ง… สลับตัดไปกับมองมือถือในมือ…แล้วตัดสินใจบางอย่าง…
“พี่หมอพัดไม่อยู่เหรอคะ?”
“อ้าว นึกว่าไปหาน้ำซะอีก”เพื่อนพี่หมอบอกงงๆ
แต่ฉันสิที่งงกว่า จะไปหาฉันได้ยังไง ก็ตั้งแต่ที่ฉันผิดนัดคราวนั้น
ฉันก็ยังไม่เจอพี่หมออีกเลย…
วันนี้ฉันเลยมาเพื่อที่จะขอโทษ..
“ก็ไม่อยู่ที่คณะนะ…นึกว่าไปด้วยกันกับน้ำ”
“เปล่าค่ะ…”
ฉันเดินออกมาจากคณะแพทย์ด้วยความไม่สบายใจ พี่หมอไปไหน
แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อฉันมา …
หายไปไหน !
แต่แล้วทำไม…
ฉันถึงใจร้อนหนักขนาดนี้ …
ความคิดทั้งหมดในสมองประมวลผลกันจนหัวแทบจะระเบิด
“ตามหาใครเหรอคะ?”
ฉันหันขวับ
พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาพี่หมออย่างดีใจ สองมือฉันรั้งตัวของพี่หมอมากอดแน่น
ก็แล้วทำไมจะต้องดีใจขนาดนี้กัน..
“เป็นอะไร…”พี่หมอถามยิ้มๆพร้อมดันฉันออกเบาๆ
“พี่หมอไปไหนมา
น้ำมาหาเพื่อนก็บอกว่าพี่หมอไม่อยู่..”
“ก็ไปธุระมา แล้วมาหาทำไม มีอะไรเหรอ?”
“ก็เรื่องที่น้ำผิดนัด น้ำจะมาขอโทษ
พอดีเพื่อนน้ำเขาไม่ค่อยสบาย น้ำก็เลยอยู่ดูแล”
“เพื่อนที่ชื่อเอมน่ะเหรอ?”พี่หมอเลิกคิ้วสูง
ฉันมองพี่หมอนิ่ง รู้ได้ไง…
“ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่ไม่ได้โกรธ
วันนั้นที่พี่โทรไปก็เพราะว่าพี่จะบอกว่าพี่ติดธุระด่วน คงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว”
“อ้าว…”
พี่หมอยิ้มขำในท่าทีของฉัน
ฉันค่อยๆยิ้มออกมา นี่ไงคือเหตุผลที่ทำไมฉันถึงติดพี่หมอหนักขนาดนี้… อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ใครๆก็อยากอยู่…
“งั้นเราไปดูหนังกันมั้ยคะ
วันนี้น้ำว่างพอดีเลย..”
“อือ…ก็ได้ค่ะ”
หลังจากที่ดูหนังเสร็จเป็นที่เรียบร้อยฉันก็พาพี่หมอมาดินเนอร์มื้อค่ำกันที่ร้านอาหารโปรดที่ฉันชอบมาบ่อยๆ
เราคุยกันอย่างสนุกสนาน มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ฉันยอมรับว่าฉันมีความสุข … เราออกมาเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับร้านอาหารก่อนกลับ
อากาศเย็นๆ ยามค่ำคืนบวกกับแสงไฟที่ประดับเอาไว้ ทำให้บรรยากาศที่นี่ดีและโรแมนติคอยู่ไม่น้อย
…
“เหมือนจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย?”อยู่ๆพี่หมอก็ถามฉันขึ้นมา
ราวกลับเข้าไปนั่งอยู่ในใจฉัน ฉันมองพี่หมอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า..
“น้ำแค่รู้สึกว่า..น้ำเห็นแก่ตัว..”
“ทำไมล่ะ?..”
“น้ำรู้สึกดีกับคนๆนึง…แต่แค่รู้สึกดีนะ
น้ำไม่ได้รู้สึกรัก…”
“แล้วยังไงต่อ..”
ฉันมองเข้าไปนัยน์ตาพี่หมอนิ่ง
ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือพี่หมอเอาไว้…
“พี่หมอ… น้ำรู้สึกดีกับพี่หมอนะคะ… น้ำรู้สึกดีที่มีพี่หมออยู่ข้างๆ
คอยให้คำปรึกษา ทำให้น้ำยิ้มได้…
แต่ถ้าน้ำจะบอกว่าน้ำไม่ได้รู้สึกเกินเลยไปกว่าคำว่าพี่น้อง… น้ำไม่ได้อยากเป็นคนรัก
ไม่ได้รู้สึกรักพี่หมอในแบบที่คนทั่วไปเค้ามองเราสองคน…พี่หมอจะ..”
พี่หมอนิ่งไปครู่
พร้อมกับมองมือที่ฉันกุมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วดึงมือออกช้าๆ
“ก็ถ้าน้ำไม่ได้รู้สึก…พี่จะมีสิทธ์อะไรไปว่าน้ำล่ะ…น้ำชัดเจนมากขนาดนี้
จะยังให้พี่ต้องรู้สึกอะไรอีกเหรอ?”พี่หมอถามเสียงนิ่ง ฉันใจร้ายไปหรือเปล่า?...
“น้ำไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกพี่หมอนะคะ… น้ำไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้.. แต่ถ้าน้ำไม่ชัดเจนแบบนี้
น้ำก็เหมือนทำร้ายพี่หมอทางอ้อมเหมือนกัน…”ฉันพูดออกไปจากใจ ฉันโกหกความรู้สึกไม่เป็น…
“พี่ไม่ได้หวังว่าเราจะต้องคบกันหรืออะไร…เพราะพี่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงคนที่นั่งอยู่ในหัวใจของน้ำคงไม่มีวันเป็นพี่อยู่แล้ว..ถึงน้ำไม่ต้องชัดเจน
พี่ก็รู้ว่าพี่ควรวางตัวยังไง…
ขอบคุณที่กล้าบอกกับพี่แบบนี้นะตัวแสบ”พี่หมอพูดเสียงนุ่ม
พร้อมยกมือขึ้นลูบผมฉันเบาๆ ฉันมองพี่หมอนิ่ง ทำไมถึงไม่มีความเสียใจแสดงออกมาเลย…
“พี่หมอ..”
“น้ำเองก็เถอะ…ถ้ารู้หัวใจตัวเองแล้ว
ก็บอกให้เธอคนนั้นรู้ซักทีนะ
ยังดีกว่าที่จะเก็บเอาไว้คนเดียวแล้วเค้าไม่มีทางรู้เลย… ช่วงนี้เราคงไม่ได้เจอกันซักพัก
.. เอาไว้ถ้ามีโอกาส
เราคงได้เจอกันอีก ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความทรงจำดีๆกันนะคะ..หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก..ไม่ช้าก็เร็ว…”พี่หมอบอกเสียงนุ่ม
ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้แล้วจูบแก้มฉันเบาๆ ก่อนที่พี่เค้าจะเดินออกไป… ฉันค่อยๆยกมือขึ้นลูบแก้มที่ถูกสัมผัสนุ่มนิ่มเมื่อกี้เบาๆ
… นี่ฉันทำถูกแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้… ความชัดเจน
ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้กัน….
สรุปแล้วคนที่ทำให้เรื่องมันชัดเจนหรือคนที่รับรู้ว่าเรื่องมันชัดเจนแล้ว…
ใครเจ็บกว่ากันแน่…แล้วทำไมหัวใจฉัน…มันถึงรู้สึกเจ็บแปลบแบบนี้กัน…
ต่อค่ะ ตอนนี้เป็นอดีตของน้ำและพี่หมอพัดนะคะ คงเข้าใจกันบ้างไม่มากก็น้อยว่าทำไมพี่หมอถึงมีอิทธิพลกับใจน้ำมากขนาดนี้............ (หาที่หลบระเบิดแปบ)
จริงๆรายละเอียดเยอะกว่านี้ค่ะ แต่กลัวว่าถ้าลงเยอะกว่านี้ เรื่องหลักจะไม่ไปไหน 5555555555555555 นี่คิดถึงตาหนูแล้วเนี่ย
หวังว่าคงจะไม่มีการส่งระเบิดมาอีกนะคะ ไม่เอาแล้ว... ตอนนี้พอซอฟท์ๆ เดี๋ยวตอนหน้าไรท์ว่าจะขุดหลุมฝังตัวเองเลยไม่ต้องรอรีดเดอร์ขุดค่ะ 5555555555555
พลีชีพพพพพพพพพพพ !
เตรียมทิชชู่ไว้ด้วยค่ะ .........................
ความคิดเห็น