ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC AIMNAM : JUST LOVE รัก วุ่น วาย

    ลำดับตอนที่ #27 : CH 25

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.11K
      36
      1 ม.ค. 60


    “เฮ้ย! ไอ้น้ำ เป็นไรวะ?”

             ฉันที่นั่งเหม่ออยู่ใต้ตึกคณะหันไปมองคนถามเล็กน้อย ไอ้คิว เพื่อนสนิทของฉัน มันคนนี้ถามฉันทุกเรื่อง แต่ทุกเรื่องที่ถาม คือ ถามด้วยความเป็นห่วงทั้งนั้น..

    “ห่วงเอมน่ะ”ฉันตอบเศร้าๆ ..  

    “โธ่ ! เลิกพูดถึงเอมซักที ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าโมโห..”มันบอกแล้วขึ้นมานั่งกับฉัน ก่อนจะวาดแขนกอดไหล่ฉันเอาไว้

    “เลิกพูดได้ไงวะ นั่นมันเอม..

    “แล้วเอมเคยห่วงมึงปะ เอมเคยรู้ปะว่ามึงรู้สึกยังไง มึงก็บ้าไปรักเค้าอยู่ได้”

    “ก็เพราะกูรักไง กูถึงต้องเป็นห่วง

    “มึงนี่มัน..เอาเถอะๆ พรุ่งนี้ก็ไปค่ายกันแล้ว มึงก็ไปรักษาแผลใจที่นั่นแล้วกัน อาจจะได้เมียที่นั่นก็ได้นะเว้ยย !

    ฉันถอนหายใจช้าๆ พยายามหยุดคิดเรื่องเอมและไปคิดถึงเรื่องอื่นแทน..


     

                 “เฮ้ยๆ ไอ้น้ำ ! มึงดูสาวๆคณะแพทย์สิ..

    “กูกลับที่พักละนะ”ฉันบอกเสียงเรียบพร้อมสะพายสัมภาระเดินออกไป ทิ้งให้ไอ้คิวมองดูสาวๆคณะอื่นไปคนเดียว

    คณะฉันและคณะแพทย์ได้เข้ากิจกรรมการทำค่ายอาสาร่วมกัน ฉันไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่หรอก ที่มาก็เพราะไม่อยากอยู่มหาลัยคนเดียวต่างหาก

               “สวยจัง”ฉันพึมพำเบาๆ แล้วนั่งลงบนโขดหินขนาดใหญ่ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อากาศที่นี่ตอนเย็นๆดีมากจริงๆ และถ้าฉันมีแฟนฉันก็คงพาแฟนมาที่นี่ด้วย แต่มันคงไม่มีวันนั้น

    “ขอโทษนะคะ รบกวนเป็นแบบให้หน่อยได้มั้ย?”

    ฉันหันไปมอง ก่อนจะพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนถือกล้องพร้อมรอยยิ้มที่สะดุดตาฉันยืนอยู่ข้างหลังฉันนิ่งไปครู่ ก่อนจะพยักหน้า

    “ได้ค่ะ”ฉันบอกแล้วยิ้มให้เสียงชัตเตอร์ดังอยู่สองสามทีก่อนกล้องจะค่อยๆลดลงแต่ที่ยังไม่ลดลงเลยก็คือรอยยิ้มของเธอคนนั้น..

    “ขอบคุณนะคะ ยิ้มน่ารักมากเลย”

    “พัด ! นั่นใครอ่ะ”

    ฉันหันไปมองกลุ่มผู้หญิงที่เดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อ พัด ใช่มั้ย

    “น่ารักจังเลยค่ะ เด็กถาปัตย์เหรอคะ ปีอะไรเอ่ย”ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เขาเรียกกันว่า เสียงสอง

    “ปี2ค่ะ”

    “ว๊าย! งั้นพวกเราก็เป็นรุ่นพี่สิ พี่เด็กแพทย์นะคะ ปี4แล้วค่ะ”

    “อ๋อค่ะ”ฉันบอกเบาๆ ตามองพี่หมอพัดอย่างเดียว ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปเงียบๆ ฉันแค่รู้สึก.. อึดอัดที่ถูกมองแบบนั้นก็เท่านั้นเอง

     


                    “แค่นี้นะเอม .. เอาไว้น้ำกลับไปแล้ว เราค่อยคุยกัน ดูแลตัวเองนะ น้ำเป็นห่วง”ฉันบอกเบาๆ เอมโทรมาหาฉัน และเราก็ทะเลาะกันเล็กน้อยทั้งๆที่คิดว่ามันจะดีกว่านี้แล้วแท้ๆ..

    “คุยกับใครวะ? งานเลี้ยงจะเริ่มแล้วเว้ย”ไอ้คิวเดินเข้ามาทัก ในมือถือเหล้าป่า ที่มีรสแรงกว่าเหล้าทั่วไป ฉันมองนิ่ง ก่อนจะคว้าแก้วจากมือมันมาแล้วกระดกจนหมดแก้ว

    “เฮ้ย ! นั่นมันเหล้าป่า..

    “เออ เพราะเป็นเหล้าป่าไง ถึงได้กิน!”ฉันบอกอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด

    “อะไรของมันวะ!

     

                     “อุ๊ย! / โอ๊ย!

    ฉันนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินชนกับใครบางคนจนล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกัน ฉันมองใบหน้าของอีกคนนั้นใกล้ๆ พยายามเพ่งมองให้ดีว่าเป็นใคร แต่สติของฉันมันเบลอจนเกินไปแล้วจริงๆ

    “เอ..เอม”

    “คะ?..ใครนะคะ..

    “เอมใช่มั้ย..

    “ไม่ใช่แล้วค่ะ.. ลุกออกไปก่อนเถอะนะ..

    “เอมเอมจริงๆด้วย”

    “เราไม่ใช่เอม..และเราก็ไม่รู้จักด้วยว่าเอมเป็นใคร ลุกไปสิคะ!

    ฉันทำหน้านิ่ง ถ้าไม่ใช่เอม แล้วทำไมหน้าเหมือนเอมขนาดนี้

    “เอมนั่นแหละ

    “ไม่ใช่!

    “เฮ้ย ! ไอ้น้ำ ! พี่หมอพัด!!

     

    พี่หมอพัดอีกแล้วชื่อนี้อีกแล้ว !

     

     

                       ฉันลืมตาขึ้นมาในที่พักในสายๆของอีกวัน สติฉันกลับมาแล้วหลังจากที่เมือคืนคือการได้ยินชื่อของพี่หมอ..เป็นสิ่งสุดท้าย ฉันหันไปมองรอบๆ ตอนนี้ทุกคนในค่ายคงกำลังทำกิจกรรมกันอยู่สินะ

    “ปวดหัวชะมัด”ฉันพูดเบาๆ ก่อนจะหันเห็นเม็ดยาและแก้วน้ำวางอยู่ด้วยกัน ฉันมองมันนิ่ง คงจะเป็นไอ้คิวเตรียมเอาไว้ให้ เพราะมันรู้ดีว่าถ้าฉันเมา.. ฉันจะต้องปวดหัวตอนตื่นมาแน่ๆ  เม็ดยาถูกจับเข้าปากพร้อมกับน้ำหมดแก้ว ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปแต่งตัวแล้วเดินออกไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังทำกิจกรรมกันอยู่ด้านนอก

    “อ้าวไง ตื่นแล้วเหรอมึง”

    ไอ้คิวเอ่ยทักพร้อมยักคิ้วให้ ก่อนจะขยับให้ฉันนั่งลงบนโขดหินใกล้ๆ ริมน้ำตก ..

    “มึงเอายาให้กูเหรอวะ?”ฉันถามพร้อมหันไปยิ้มให้เด็กชาวเขาที่มาเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน ใจจริงก็อยากเล่นด้วย แต่ขี้เกียจ..

    “ยาอะไรวะ?”

    “ก็ยาที่วางอยู่ข้างๆเตียงไง”

    “อ๋อ เปล่า พี่หมอพัดนู่น !

    “พี่หมอพัดเหรอ?... หมายถึง..

    “ก็คนที่มึงไปละเมอเพ้อใส่คิดว่าพี่เค้าเป็นเอมไง”

    “กูนี่นะเพ้อ..

    “เออ มึงนั่นแหละ แถมยังประเจิดประเจ้อจะไปจูบเขาอยู่แล้ว ดีนะพวกกูมาเห็นก่อน ไม่งั้นล่ะมึง มีเมียไปละ”ไอ้คิวพูดแหย่ ฉันไม่ขำด้วยยังไม่ทันได้รู้จักกันเลย พูดแบบนั้นได้ไงวะ..

     

                  “คนไหนนะ..”ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อเดินเข้ามาในซุ้มของคณะแพทย์ที่กำลังช่วยรักษาให้กับชาวบ้านที่มาใช้บริการ ฉันยืนมองอย่างงงๆ ก็ใส่ชุดคล้ายกัน ปิดปากเหมือนกันอีก แล้วฉันจะรู้มั้ยว่าพี่หมอพัด

    “มาหาพัดเหรอคะ?”พี่หมอคนนึงเดินเข้ามาทักพร้อมรอยยิ้ม ฉันทำหน้าตกใจเล็กๆ แต่ก็พยักหน้า พี่เค้ารู้ได้ยังไง

    “พัดไม่ได้อยู่ในซุ้มหรอกน้อง ขึ้นไปรักษาชาวเขาบนดอยนู่น เย็นเลยกว่าจะกลับมา”

    “บนดอยเหรอคะ?..

    “ใช่ค่ะ หรือจะตามขึ้นไปก็ได้นะ ใกล้ๆแค่นี้เอง”พี่หมอคนนั้นพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป ฉันยืนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจออกจากซุ้มแล้วเดินลิ่วไปยังสถานที่ที่ใจต้องการ

     

                  “ต้องทานยาตามที่หมอบอกนะคะยาย จะได้หายเร็วๆ”

    ฉันที่เดินอยู่นอกบ้านที่เป็นเหมือนเพลิงหลังเล็กๆนั้นหันไปมองตามเสียงที่ดังลอดออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปเพราะกลัวมันจะพัง.. นี่ถ้าฉันเรียนจบ ฉันคงอยากกลับมาสร้างบ้านให้คนที่นี่ซักหลายๆหลัง พวกเขาอยู่ไปได้ยังไงกัน

    “อ๊ะ!”ฉันชะงักพร้อมถอยหลังหนีเมื่อประตูเก่าๆนั้นเปิดออกมาพร้อมกับร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นด้วย

    “พี่หมอ..

    “คุณ..

     

                    “เดินขึ้นมานี่นะคะ?”พี่หมอถามฉันอย่างตกใจ ฉันพยักหน้า

    “ก็เพื่อนพี่หมอบอกให้เดินขึ้นมา น้ำก็เดินขึ้นมาสิคะ”

    “โธ่เอ๊ย มันไม่ใช่ใกล้ๆนะคะ แล้วเดินขึ้นมาแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่เลยหรือยังไง อาการแฮงค์ก็ยังไม่หายไม่ใช่เหรอคะ”พี่หมอถามรัว พร้อมสายตาที่มองมามีแต่ความเป็นห่วง

    “อ้าว แล้วตอนพี่หมอมา พี่หมอมายังไงคะ”

    “ก็เดินนี่แหละค่ะ แต่คุณจะเดินมาทำไม เหตุผลอะไรซักนิดก็ไม่มี”

    “น้ำอยากเจอหน้าพี่หมอเฉยๆ..

    กริบทุกอย่างเงียบกริบหลังจากฉันพูดแบบนั้นออกไปเราสองคนเดินกันมาเรื่อยๆตามทางลงเขา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย

       “น้ำแค่อยากมาดูเฉยๆว่าพี่หมอคือใคร.. น้ำไม่ได้หมายความ.. ฉันพยายามจะอธิบาย ขณะที่เราเดินกันมาได้ซักพัก

    “พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรนี่คะ”พี่หมอตอบกลับ พร้อมทำหน้านิ่ง ฉันพยักหน้า ก็ดีแล้ว ฉันไม่อยากให้พี่เค้าเข้าใจผิดในความหมายของคำพูดฉัน..

    “พี่หมอระวัง !



     

                “หนักมั้ย?”เสียงที่ดังข้างหูทำให้ฉันหันไปมองเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม

    “ไม่เลย พี่หมอตัวเบ๊าเบา”ฉันพูดยิ้มๆ แต่ดันโดนพี่หมอตีไหล่เบาๆ

    “ประชดนี่..

    “เปล่า  น้ำพูดจริงๆ พี่หมอตัวเบาจริงๆ นี่ ดูสิ น้ำอุ้มลอยเลย”ฉันบอกแล้วหัวเราะเบาๆ เป็นเรื่องที่ฉันหัวเราะได้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา

    “ขอโทษนะที่ต้องลำบากน่ะ”

    “พี่หมอก็คิดมาก .. ขาพี่หมอเจ็บแบบนี้ ถ้าน้ำให้เดินอีก น้ำนี่สิจะต้องลำบาก”ฉันพูดเสียงใส เพราะพี่หมอขาเจ็บจากอุบัติเหตุตอนเดินลง และขาเกิดพลิก ฉันจึงให้พี่หมอขี่หลัง และห้อยกระเป๋าแพทย์แทน.. ความจริงก็หนักนั่นแหละ แต่ถ้าให้พี่เขาเดินมากกว่านี้ ขาพี่เขาคงจะอักเสบหนักมากแน่ๆ

    “แล้ว..ทำไมถึงเรียนสถาปัตย์ล่ะ?”

    “ชอบค่ะ..อยากมีบ้านเป็นของตัวเองโดยการออกแบบของตัวเอง ก็เลยเลือกเรียนคณะนี้”

    “งั้นเหรอ?

    “แล้วพี่หมอล่ะ ทำไมถึงเรียนหมอ?”

    “ก็อยากช่วยคนมั้ง หรือไม่ก็คงไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว”

    “แบบนี้ก็ได้เหรอพี่หมอ?”

    ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของพี่หมอเบาๆข้างหลัง จนฉันเองอดที่จะยิ้มไม่ได้ พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว

     

               ตลอดระยะเวลาที่ฉันออกค่ายและได้รู้จักกับพี่หมอ ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วการได้รู้จักกับใครซักคนแล้วค้นพบว่าเค้าคือคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจความรู้สึกมันเป็นยังไง ฉันมาหาพี่หมอทุกเย็นหลังจากเสร็จจากกิจกรรม เราไปเดินเที่ยวแลกเปลี่ยนความเห็นกันเรื่องต่างๆกันอย่างลงตัว สนิทกันมากขึ้น และถูกมองว่าเป็นอะไรกันจากคนเกือบทั้งค่าย แต่ดูเหมือนพี่หมอจะไม่แคร์อะไรซักนิด พี่หมอดูนิ่งและดูเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง จนฉันเองก็เริ่มรู้สึกดีกับพี่หมอขึ้นมาแต่จะเรียกมันว่าความรักหรือเปล่าฉันเองก็ไม่แน่ใจ


     

                 “โอ้โห ตั้งแต่กลับมาจากค่ายนี่ จะรู้สึกว่ามึงกับพี่หมอสนิทกันจังนะ”

    ไอ้คิวเอ่ยแซวเมื่อฉันบอกว่ามีนัดกับพี่หมอพัดหลังจากเลิกงาน ใช่ ฉันกับพี่หมอสนิทกันไวมาก อาจเพราะพี่หมอเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วฉันลืมเรื่องที่ทำให้ตัวเองเศร้าได้โดยเฉพาะเรื่องนั้น

    “เออ มึงก็อย่าแซวกูเยอะนัก”ฉันบอกแล้วเก็บของจะเดินออกไป..

    “มึงลืมเอมได้แล้วใช่มั้ย?”

    ฉันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าสบตากับไอ้คิวมันก็ถามในสิ่งที่ฉันกำลังหลงลืมมันไป..

    “เปล่า..

    “อ้าว กูก็นึกว่ามึงมีพี่หมอแล้วมึงจะลืมได้แล้ว”

    “คนที่รักกับคนที่รู้สึกดีด้วย มันไม่ใช่คนเดียวกันนะ”ฉันบอกแค่นั้น กับเอม คือคนที่ฉันนั้นรัก รักมาโดยตลอดแม้อีกคนจะไม่เคยรู้ และเหมือนจะไม่มีวันรู้ด้วย ส่วนอีกคนก็เป็นได้แค่คนที่รู้สึกดีและฉันเองก็ไม่ได้อยากจะคิดอะไรเกินไปกว่านั้น

    “อย่างนั้นก็ทำให้มันชัดเจน ไม่ใช่ทำตัวเหมือนคบกับเค้าไปแล้ว ทั้งๆที่ไม่ใช่ หัวใจของคนไม่ใช่ของเล่น”

    ฉันยืนนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า แล้วจะเดินออกไป หากแต่

    เอม

     

                    ฉันนั่งมองคนที่ซบไหล่ฉันหลับไปด้วยความเป็นห่วง เป็นแบบนี้อีกแล้วเอมต้องร้องไห้อีกแล้ว.. ฉันค่อยๆเอื้อมมือไปปัดผมที่ใบหน้าคมสวยช้าๆและเบามือที่สุด กลัวว่าเอมจะตื่น ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่เอมผิดหวังกับความรักและจะมาฉันเพื่อระบายความเสียใจอยู่เสมอ ฉันมันก็เป็นได้เท่านี้ เพื่อน เพื่อนที่แสนดี

    “แล้วถ้าวันนึงไม่มีน้ำแล้ว เอมจะไประบายแบบนี้กับใคร...ไม่รู้หรือไงว่าน้ำเป็นห่วงขนาดไหน.. ไม่รู้ใจกันเลยใช่มั้ยเอม...”

    ฉันถามเบาๆ แม้รู้ดีว่าเอมจะไม่ได้ยิน…คำว่าเพื่อนมันค้ำคอฉันอยู่ และฉันเองก็คงไม่มีสิทธิ์คิดอะไรมากกว่านั้น ... ความรู้สึกของเรามันแตกต่างกัน ... ฉันรักเอมแบบที่ฉันรัก... และเอมก็คงรักฉันในแบบที่เอมรัก แต่เรารักกันในคนละแบบ... แล้วอย่างนี้มันจะไปตรงกันได้ยังไงกัน... ไม่มีวันซะหรอก... จมูกโด่งของฉันค่อยๆสัมผัสหน้าผากเนียนช้าๆ ก่อนจะมองต่ำลงไปที่ริมฝีปากนิ่ง... ความรู้สึกฉันในตอนนี้มันยากเกินกว่าจะอธิบายออกไป. ฉันค่อยๆโน้มหน้าลงต่ำไปที่ริมฝีปากของเอม…  ก่อนจะค่อยๆหันไปทางอื่นอย่างหักห้ามใจ เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ ฉันถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือน..

    “พี่หมอ”ฉันพึมพำเบาๆ พร้อมครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองเอมที่ยังคงหลับสนิทนิ่งสลับตัดไปกับมองมือถือในมือแล้วตัดสินใจบางอย่าง

     

                          “พี่หมอพัดไม่อยู่เหรอคะ?”

    “อ้าว นึกว่าไปหาน้ำซะอีก”เพื่อนพี่หมอบอกงงๆ แต่ฉันสิที่งงกว่า จะไปหาฉันได้ยังไง ก็ตั้งแต่ที่ฉันผิดนัดคราวนั้น ฉันก็ยังไม่เจอพี่หมออีกเลย…  วันนี้ฉันเลยมาเพื่อที่จะขอโทษ..

    “ก็ไม่อยู่ที่คณะนะนึกว่าไปด้วยกันกับน้ำ”

    “เปล่าค่ะ

              ฉันเดินออกมาจากคณะแพทย์ด้วยความไม่สบายใจ พี่หมอไปไหน แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อฉันมา หายไปไหน !

    แต่แล้วทำไม ฉันถึงใจร้อนหนักขนาดนี้ ความคิดทั้งหมดในสมองประมวลผลกันจนหัวแทบจะระเบิด

    “ตามหาใครเหรอคะ?”

    ฉันหันขวับ พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาพี่หมออย่างดีใจ สองมือฉันรั้งตัวของพี่หมอมากอดแน่น ก็แล้วทำไมจะต้องดีใจขนาดนี้กัน..

    “เป็นอะไร”พี่หมอถามยิ้มๆพร้อมดันฉันออกเบาๆ

    “พี่หมอไปไหนมา น้ำมาหาเพื่อนก็บอกว่าพี่หมอไม่อยู่..

    “ก็ไปธุระมา แล้วมาหาทำไม มีอะไรเหรอ?”

    “ก็เรื่องที่น้ำผิดนัด น้ำจะมาขอโทษ พอดีเพื่อนน้ำเขาไม่ค่อยสบาย น้ำก็เลยอยู่ดูแล”

    “เพื่อนที่ชื่อเอมน่ะเหรอ?”พี่หมอเลิกคิ้วสูง ฉันมองพี่หมอนิ่ง รู้ได้ไง

    “ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่ไม่ได้โกรธ วันนั้นที่พี่โทรไปก็เพราะว่าพี่จะบอกว่าพี่ติดธุระด่วน คงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว”

    “อ้าว

    พี่หมอยิ้มขำในท่าทีของฉัน ฉันค่อยๆยิ้มออกมา นี่ไงคือเหตุผลที่ทำไมฉันถึงติดพี่หมอหนักขนาดนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ใครๆก็อยากอยู่

    “งั้นเราไปดูหนังกันมั้ยคะ วันนี้น้ำว่างพอดีเลย..

    “อือก็ได้ค่ะ”

     

                       หลังจากที่ดูหนังเสร็จเป็นที่เรียบร้อยฉันก็พาพี่หมอมาดินเนอร์มื้อค่ำกันที่ร้านอาหารโปรดที่ฉันชอบมาบ่อยๆ เราคุยกันอย่างสนุกสนาน มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ฉันยอมรับว่าฉันมีความสุข …  เราออกมาเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับร้านอาหารก่อนกลับ อากาศเย็นๆ ยามค่ำคืนบวกกับแสงไฟที่ประดับเอาไว้ ทำให้บรรยากาศที่นี่ดีและโรแมนติคอยู่ไม่น้อย

    “เหมือนจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย?”อยู่ๆพี่หมอก็ถามฉันขึ้นมา ราวกลับเข้าไปนั่งอยู่ในใจฉัน ฉันมองพี่หมอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า..

    “น้ำแค่รู้สึกว่า..น้ำเห็นแก่ตัว..

    “ทำไมล่ะ?..

    “น้ำรู้สึกดีกับคนๆนึงแต่แค่รู้สึกดีนะ น้ำไม่ได้รู้สึกรัก

    “แล้วยังไงต่อ..

    ฉันมองเข้าไปนัยน์ตาพี่หมอนิ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือพี่หมอเอาไว้

    “พี่หมอ น้ำรู้สึกดีกับพี่หมอนะคะน้ำรู้สึกดีที่มีพี่หมออยู่ข้างๆ คอยให้คำปรึกษา ทำให้น้ำยิ้มได้แต่ถ้าน้ำจะบอกว่าน้ำไม่ได้รู้สึกเกินเลยไปกว่าคำว่าพี่น้องน้ำไม่ได้อยากเป็นคนรัก ไม่ได้รู้สึกรักพี่หมอในแบบที่คนทั่วไปเค้ามองเราสองคนพี่หมอจะ..

    พี่หมอนิ่งไปครู่ พร้อมกับมองมือที่ฉันกุมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วดึงมือออกช้าๆ

    “ก็ถ้าน้ำไม่ได้รู้สึกพี่จะมีสิทธ์อะไรไปว่าน้ำล่ะน้ำชัดเจนมากขนาดนี้ จะยังให้พี่ต้องรู้สึกอะไรอีกเหรอ?”พี่หมอถามเสียงนิ่ง ฉันใจร้ายไปหรือเปล่า?...

    “น้ำไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกพี่หมอนะคะน้ำไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้.. แต่ถ้าน้ำไม่ชัดเจนแบบนี้ น้ำก็เหมือนทำร้ายพี่หมอทางอ้อมเหมือนกัน”ฉันพูดออกไปจากใจ ฉันโกหกความรู้สึกไม่เป็น

    “พี่ไม่ได้หวังว่าเราจะต้องคบกันหรืออะไรเพราะพี่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงคนที่นั่งอยู่ในหัวใจของน้ำคงไม่มีวันเป็นพี่อยู่แล้ว..ถึงน้ำไม่ต้องชัดเจน พี่ก็รู้ว่าพี่ควรวางตัวยังไง ขอบคุณที่กล้าบอกกับพี่แบบนี้นะตัวแสบ”พี่หมอพูดเสียงนุ่ม พร้อมยกมือขึ้นลูบผมฉันเบาๆ ฉันมองพี่หมอนิ่ง ทำไมถึงไม่มีความเสียใจแสดงออกมาเลย

    “พี่หมอ..

    “น้ำเองก็เถอะถ้ารู้หัวใจตัวเองแล้ว ก็บอกให้เธอคนนั้นรู้ซักทีนะ ยังดีกว่าที่จะเก็บเอาไว้คนเดียวแล้วเค้าไม่มีทางรู้เลย ช่วงนี้เราคงไม่ได้เจอกันซักพัก .. เอาไว้ถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีก ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความทรงจำดีๆกันนะคะ..หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก..ไม่ช้าก็เร็ว”พี่หมอบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้แล้วจูบแก้มฉันเบาๆ ก่อนที่พี่เค้าจะเดินออกไปฉันค่อยๆยกมือขึ้นลูบแก้มที่ถูกสัมผัสนุ่มนิ่มเมื่อกี้เบาๆ นี่ฉันทำถูกแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้ความชัดเจน ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้กัน…. สรุปแล้วคนที่ทำให้เรื่องมันชัดเจนหรือคนที่รับรู้ว่าเรื่องมันชัดเจนแล้ว ใครเจ็บกว่ากันแน่แล้วทำไมหัวใจฉันมันถึงรู้สึกเจ็บแปลบแบบนี้กัน

     







    ต่อค่ะ ตอนนี้เป็นอดีตของน้ำและพี่หมอพัดนะคะ คงเข้าใจกันบ้างไม่มากก็น้อยว่าทำไมพี่หมอถึงมีอิทธิพลกับใจน้ำมากขนาดนี้............ (หาที่หลบระเบิดแปบ)


    จริงๆรายละเอียดเยอะกว่านี้ค่ะ แต่กลัวว่าถ้าลงเยอะกว่านี้ เรื่องหลักจะไม่ไปไหน 5555555555555555 นี่คิดถึงตาหนูแล้วเนี่ย 

    หวังว่าคงจะไม่มีการส่งระเบิดมาอีกนะคะ ไม่เอาแล้ว... ตอนนี้พอซอฟท์ๆ เดี๋ยวตอนหน้าไรท์ว่าจะขุดหลุมฝังตัวเองเลยไม่ต้องรอรีดเดอร์ขุดค่ะ 5555555555555 

    พลีชีพพพพพพพพพพพ !

    เตรียมทิชชู่ไว้ด้วยค่ะ .........................



     

     

     

     

                  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×