ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC AIMNAM : JUST LOVE รัก วุ่น วาย

    ลำดับตอนที่ #16 : CH 16

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.2K
      49
      27 ธ.ค. 59

    “นึกยังไงพาเอมมาเที่ยวเนี่ยน้ำ?”

    เอมถามฉันยิ้มๆ ขณะที่เราสองคนเดินจูงมือกันเดินขึ้นเขาในตอนเช้ามืด เพื่อที่จะได้ดูพระอาทิตย์ยามเช้ากันที่ยอดภูเขาลูกนี้

    “ก็อยากอยู่ด้วยกันสองคนบ้างนี่”ฉันพูดพร้อมยิ้มเขิน นานๆทีจะพูดหวานๆ ไม่ชินปากเลยค่ะ

    “นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวน้ำมา”ฉันบอกเบาๆ แล้วเดินออกไป ทิ้งให้เอมนั่งอยู่เพียงลำพัง  

     

              “น้ำ..น้ำอยู่ไหน”

    เมื่อนั่งอยู่นานและไม่เห็นว่าอีกคนจะกลับมาเสียที ร่างบางจึงร้องเรียก พร้อมกับมองไปทั่ว แต่คำตอบที่ได้รับคือความเงียบเท่านั้น อย่าบอกนะว่าพามาทิ้งเอาไว้ !

    “น้ำ!

    “ชู่ว..เสียงดังทำไมคะ”ฉันกระซิบที่ข้างหูพร้อมค่อยวาดแขนทั้งสองข้างกอดเอมเอาไว้จากด้านหลัง ฉันเดินไปเอาผ้าห่มมา เพราะอากาศที่นี่มันหนาว ยิ่งตอนใกล้เช้าด้วยแล้ว ฉันก็แค่กลัวเอมจะหนาวแค่นั้นเอง

    “หายไปไหนมา

    “ไปเอาผ้าห่มมาค่ะ น้ำเดินเอามาไว้บนนี้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เพราะคิดว่ายังไงอากาศมันเย็นแน่นอน”ฉันบอกด้วยรอยยิ้ม เอมพยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนจะเอนตัวพิงฉันเอาไว้ พร้อมรอคอยให้แสงแรกของวันได้ปรากฏขึ้นแก่สายตาของฉันและเอม ใช้เวลาซักพักใหญ่ เจ้าก้อนกลมๆคล้ายๆไข่แดงของไข่ไก่ก็ขึ้นแก่สายตา แสงแรกค่อยๆคืบคลานเข้ามายังที่ฉันและเอมนั่งอยู่

    “เอม สวยมากเลย เห็นมั้ยคะ”ฉันถามยิ้มๆ หากแต่อีกคนกลับเงียบ ไม่ตอบเหมือนเคย

    “เอม?...”ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะก้มลงไปดูและฉันก็เห็นว่าเอมนั้นนิ่งไปแล้ว

    พามาดูพระอาทิตย์แต่ดัน “หลับ” เนี่ยนะ !!

    “โธ่เอ๊ยหมดกัน”ฉันพูดยิ้มๆ เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะกลมเบาๆ คงจะรอนานมากจนหลับไปสินะคนดีของน้ำ

                 “นั่นบ้านใครเหรอน้ำ? ที่กำลังสร้างตรงนั้นน่ะ”เอมชี้ไปที่สถานที่ก่อสร้างใกล้ๆกับที่พัก ฉันมองตามก่อนจะตอบยิ้มๆ

    “ไม่รู้สิคะ น้ำไม่คุ้นกับแบบเลยอ่ะ”ฉันพูดนิ่งๆ พร้อมกับดึงเอมให้นั่งลงกับเตียง ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อจะทำหน้าที่แฟนที่ดีให้กับเธอบ้าง

    “น้ำไม่ต้อง..

    “อยู่เฉยๆ ใส่รองเท้าให้แฟนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”ฉันพูดพร้อมช้อนสายตาเอมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เอมนิ่งไปครู่ ก่อนจะยอมให้ฉันใส่รองเท้าให้นิ่งๆ

    “เสร็จแล้ว ไปกันหรือยัง?”ฉันถามพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าเอม เอมมองมือฉันก่อนจะวางมือนุ่มของตัวเองลงบนมือที่แบอยู่กลางอากาศ

    “ขอบคุณนะคะ”เอมพูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน ฉันพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินจูงมือเอมเดินออกไปจากห้องไป

                  

                       การมาเที่ยวครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ที่เริ่มคบกันแบบเปิดเผย ถ้าเราสองคนแต่งงานกันแล้วก็คงจะเรียกว่าฮันนีมูนได้ แต่การมาเที่ยวกันสองคนในฐานะคนรู้ใจและกำลังจะขยายไปอีกนิดแล้วนั่นก็คือ แม่ของลูกเค้าจะเรียกว่าอะไรนะ?... ฉันอมยิ้มน้อยๆพลางยกเจ้าแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นจิบ เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย บวกกับบรรยากาศที่ดีแทบจะหาไม่ได้จากกรุงเทพ ทำให้ฉันมีอารมณ์กรึ่มๆ อยากจะเมาเล็ก ฉันจึงออกมานั่งดื่มโดยที่ขอเอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “น้ำ เอมอาบเสร็จแล้วค่ะ น้ำรีบเข้ามาอาบน้ำนะ เดี๋ยวดึกว่านี้อากาศจะเย็น”เอมเปิดประตูระเบียงมาบอก ฉันหันไปมองตามเสียง ก่อนจะอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อตอนนี้เอมดูเซ็กซี่กว่าที่เคย อาจเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จและผมที่ยังคงเปียก ทำให้เอมนั้นดูน่าขย้ำ กว่าทุกครั้ง

    “อื้อ น้ำ มากอดอะไรตอนนี้ ออกไปนะ”เอมออกปากไล่ พร้อมกับแกะมือของฉันออก ฉันส่งเสียงอย่างคงขัดใจ

    “ก็เมียจ๋าสวยนี่จ๊ะ”ฉันหยอดหวาน พร้อมกับยิ้มหมีใส่ .. สงสัยจะเมานิดๆ

    “ไปเลยค่ะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”เอมผลักฉันเบาๆ แต่ฉันก็ยังคงทำหน้าอ้อนใส่ เอาวะ เผื่อได้

    “ยังไม่อยากอาบเลย

    “เมาแล้วใช่มั้ยน้ำ ถึงได้เลื้อยแบบนี้เนี่ยปล่อย..”เอมต่อว่าฉันเสียงหลงเมื่อฉันเดินเข้าใกล้และเลื้อยไปตามร่างกายเอมตามที่เอมว่าฉัน

    “น้ำ..

    “คืนนี้ขอได้มั้ย”ฉันถามเสียงอ่อนเสียงหวาน ยังไม่ทันจะได้รับอนุญาต เสื้อคลุมอาบน้ำของเอมก็เลื่อนหลุดลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย ฉันไม่รอช้ากว่านี้ กลัวเมียหนาว โถมร่างทั้งร่างของฉันนั้นเข้าหาเอมพร้อมรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งที่ปรากฏขึ้นแก่สายตาคู่สวยของอีกคน….


                    

                       “โอ๊ย”ฉันพึมพำเบาๆในลำคอ พร้อมขยับตัวไปมา ความเมื่อยล้ามันมาจากที่ไหนกันนะ แถมยังรู้สึกเพลียๆอีกด้วย เมื่อคืนก็นอนหลับสบายดีนี่หว่า

    “เอมอ้าว ไปไหนกัน?”ฉันหน้ายู่ เมื่อตื่นมาก็ไม่พบเมียจ๋าเหมือนเคย

    “สงสัยจะลงไปเดินเล่นตอนเช้ามั้ง”

    คิดได้ดังนั้นฉันก็ลุกขึ้นจะเดินลงจากเตียง แต่ทว่าเมื่อผ้าห่มผืนหนามันเลื่อนลง

    “เฮ้ย !”ฉันอุทานดังลั่นเมื่อร่างกายของฉันมันเปลือยเปล่าอย่าบอกนะว่าเมื่อคืน

    “เวรเอ๊ย”ฉันก้มลงควานหาเสื้อผ้าของตัวเองที่มันหล่นอยู่กระจัดกระจายตามพื้นขึ้นมาใส่ลวกๆ แล้วรีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยหยิบเสื้อผ้าที่เอมเตรียมเอาไว้ให้เหมือนเคยติดมือไปด้วย

                    ฉันใช้เวลาไม่นานในการจัดการตัวเองให้เสร็จ ก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อที่จะออกไปตามหาเอม แต่ดันพบกับแม่บ้านที่เข้ามาดูแลตามหน้าที่แทน

    “คุณน้ำ จะไปดูบ้านที่สร้างหรือคะ?”หล่อนถามฉันพร้อมรอยยิ้ม ฉันส่ายหน้า

    “เปล่าค่ะ เออ ป้าคะ เมื่อคืนเหล้ามันแรงมากเลยนะคะ น้ำกินไปแค่แก้วเดียวอ่ะ ตื่นมาจำอะไรไม่ได้เลย?”ฉันบอกพร้อมตบหน้าตัวเองเบาๆ นี่ก็ยังไม่หายเมาเลยนะ

    “อ้าว ก็เหล้าคุณน้ำเองไม่ใช่เหรอคะ”

    “อะไรนะคะ”ฉันถามอย่างตกใจ เหล้าฉันเหรอ? บ้า!

    “ก็ขวดเล็กๆนั่นไงคะ ป้านึกว่าเหล้าของคุณน้ำ เห็นขวดมันสวยดี ป้าก็เลยเอาให้คุณน้ำแทนเหล้าของที่นี่ค่ะ”

    “เหล้าเหรอ?... ขวดไหนคะ?”ฉันถามอย่างแปลกใจ ฉันไม่ได้พกมานี่ เพราะปกติฉันไม่กินอยู่แล้วป้าแม่บ้านชี้ไปที่ขวดที่ฉันเห็นแล้วแทบจะทรุดลงกับพื้น ! มันเป็นขวดยาของคุณหมอที่ฉันหยิบมาด้วยเผื่อได้ใช้แล้วตอนนี้ก็ได้ใช้จริงๆ ได้ใช้เพราะป้าแม่บ้านนี่แหละ !!



                   “เอม ! เอมอยู่ไหน! เอม!”ฉันตะโกนลั่น วิ่งลงมาจากบ้านพักจนมาถึงที่ไร่สตอเบอร์รี่ที่อยู่ติดกับบ้านพัก หลังจากป้าแม่บ้านบอกว่าเห็นคุณผู้หญิงคนสวยเดินเล่นอยู่ที่นี่ ฉันมองหาอย่างคนร้อนใจ ฉันอยากรู้ว่าเอมมีอาการเป็นไงบ้างก็เท่านั้น ฉันไม่สนตัวเองเลยในตอนนี้ ทั้งๆที่ฉันเป็นคนกินยานั่นแท้ๆ

    “ตะโกนหาใครน้ำ”เสียงเอมดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันขวับไปมองทันที เห็นเอมยืนจับมือกับเด็กชาวเขาคนหนึ่งที่น่าตาน่ารักน่าชังอยู่ข้างๆ

    “เอ่อนั่นใคร?”

    “อ๋อ นี่ชื่อกำปอ แกเป็นเด็กชาวเขาอาศัยอยู่แถวนี้ค่ะ”เอมแนะนำพร้อมวางมือบนศีรษะของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

    “สวัสดีกำปอ อยู่แถวนี้เหรอเรา หมู่บ้านไหน?”ฉันถามยิ้มๆ

    “อยู่บนภูเขาฮะ หมู่บ้านกำปอตั้งอยู่บนภูเขา”กำปอพูดอย่างฉะฉาน จนฉันเองถึงกับแปลกใจ

    “โห พูดไทยชัดจังเลยกำปอ เก่งจัง”ฉันเอ่ยชม น้อยคนที่ฉันจะเห็นเด็กชาวเขาพูดชัดขนาดนี้

    “กำปอเป็นคนภาคกลาง แต่ว่ามาอยู่กับป้าที่นี่”

    “อ้าวเหรอถึงว่าสิพูดไทยชัดจังเลย แล้วมาเจอพี่เอมได้ยังไง”

    “แม่เอม”

    “ห๊ะ?”ฉันเลิกคิ้วสูง? 

    แม่เหรอ?

    “แม่?”

    “อื้อ ก็แม่เอมให้กำปอเรียกแบบนี้”เด็กน้อยพูดต่อ ฉันเหลือบตามองเอมเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปาก

    “งั้นก็ต้องเรียกพี่ว่าพ่อ”

    “ทำไมต้องเรียกพ่อล่ะ พ่อต้องเป็นผู้ชายสิ”กำปอเถียงพร้อมทำหน้าสงสัย ฉันหัวเราะลั่น ก่อนจะเดินเข้าไปย่อตัวลงต่อหน้าเด็กชายแล้วยกมือขึ้นจับแก้มเขาทั้งสองข้าง

    “มันไม่จำเป็นหรอกกำปอว่าจะต้องเป็นผู้ชาย แค่คนๆนั้นดูแลกำปอ ให้ความรักความอบอุ่นแก่กำปอได้ จะเป็นเพศไหนก็ไม่สำคัญหรอก ไหน เรียกสิ พ่อน้ำ”

    “พ่อน้ำ”

    “นั่นแหละ อ่ะ ไหนเรียก แม่เอมกับพ่อน้ำซิ”ฉันบอกต่อ เด็กชายพยักหน้า

    “แม่เอมกับพ่อน้ำ”

    “เก่งมากลูก มา พ่อน้ำอุ้มเอง”ฉันบอกแล้วคว้าตัวกำปอขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะหันไปหาเอมที่ยืนยิ้มมองฉันและกำปอด้วยสายตาที่อบอุ่น

    “แม่เอมจะไปหรือยังจ๊ะ พ่อน้ำจะได้จูงมือ”ฉันแกล้งถาม จนเอมต้องยกมือขึ้นมาจะตีฉัน

    “อ๊ะๆ ใช้ความรุนแรงไม่ดีนะ ต่อหน้าลูก”ฉันแกล้งยักคิ้วใส่ ก่อนจะใช้มืออีกข้างละมือจากตัวกำปอไปโอบเอวเอมเอาไว้

    “ไป ไปเที่ยวกันดีกว่า สามคนพ่อแม่ลูก!”ฉันบอกแล้วพาทั้งเอมและสมาชิกใหม่อย่างกำปอเดินออกไปอย่างสบายใจ จนฉันเองก็ลืมเสียสนิทว่าฉันมีเรื่องที่ต้องถามเอม!!

                        

                           ตั้งแต่ที่เราได้พบกับกำปอ ทั้งฉันและเอมก็มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เมื่อเด็กน้อยนั้นช่างพูดช่างจาและฉลาดเป็นกรด จนฉันเองชักอยากได้กำปอมาเป็นลูกซะจริงๆ และดูกำปอจะติดเอมมากกว่าฉันเสียอีก เมื่อถึงวันที่จะกลับเจ้าตัวนั้นดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด จนฉันเองต้องดึงมาปลอบ

    “พ่อน้ำกลับกรุงเทพก็เพื่อจะไปหาเงินมาให้กำปอไง จะได้มีของเล่นใหม่ไง ไม่ดีเหรอ?”ฉันถามพร้อมลูบผมเขาเบาๆ

    “แต่กำปออยากอยู่กับพ่อน้ำแล้วก็แม่เอมนี่”

    เอมที่ยืนฟังอยู่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมดึงกำปอเข้าไปนั่งบนตัก  จูบเบาๆที่ผมของเด็กน้อย

    “แม่เอมก็อยากอยู่กับกำปอนะครับ แต่ว่าแม่เอมมีบ้าน มีงานอยู่ที่นู่น แม่เอมต้องกลับไปทำงาน ส่วนกำปอก็ต้องเรียนอยู่ที่นี่ อยู่กับป้ากำปอไงครับ"

    "ให้กำปอไปด้วยได้มั้ย”

    “เอาไว้กำปอโตกว่านี้ แม่เอมจะมารับไปอยู่ด้วย หรือไม่ก็ตอนปิดเทอม แม่เอมจะมารับไปอยู่ด้วยดีมั้ยครับ?”

    กำปอพยักหน้ารัวๆ พร้อมกับกอดเอมเอาไว้อย่างดีใจ ฉันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคุยกับป้าแม่บ้าน ป้าแม่บ้านพยักหน้าหลายทีพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ฉัน ฉันไหว้ตอบพร้อมกับเดินมาหาเอมและกำปอที่ยืนรออยู่

    “พ่อต้องกลับแล้วนะครับ เป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนนะ แล้วเดี๋ยวพ่อน้ำจะพาแม่เอมมาเยี่ยมบ่อยๆนะครับ”ฉันบอกแล้วยีผมเด็กชายเบาๆ เด็กชายพยักหน้า ก่อนจะหันไปหาเอมแล้วกอดเอมแน่น เอมดูจะเศร้ายิ่งกว่าเด็กน้อยเสียอีก จนฉันเองต้องพยักหน้าให้พอได้แล้ว

    “แม่เอมไปก่อนนะครับ ดูแลตัวเองนะกำปอ”เอมบอกเบาๆ แล้วเดินขึ้นรถไป ฉันมองกำปอที่ยืนโบกมือให้เอมที่นั่งอยู่บนรถด้วยสายตาเศร้าเล็กน้อย แต่ก็ต้องตัดใจ

    “พ่อน้ำไปนะครับ”ฉันบอกแล้วก้มลงจูบผมกำปอเบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปช้าๆ เพื่อให้เด็กชายได้มองฉันทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากกัน

    “น้ำคุยอะไรกับป้าแม่บ้านเหรอ?”

    ฉันยิ้มก่อนจะตอบ

    “น้ำรับอุปการะกำปอ จะส่งเงินให้ทุกเดือน โดยให้ป้าแกไปบอกกับครอบครัวของกำปอแทน”

    “จริงเหรอคะ น้ำพูดจริงเหรอ”

    “พูดจริงสิคะ ดีใจใช่มั้ย”

    “ดีใจสิคะ ขอบคุณนะคะน้ำ ขอบคุณจริงๆ”เอมพูดเสียงดีใจ จนฉันเองต้องยิ้มตามจนได้

    “ถ้าเรามีลูกบ้าง น้ำอยากให้ลูกเราน่ารักแบบกำปอเลย”ฉันพูดขึ้นมาเบาๆ ความฝันลมๆแล้งๆ แต่ได้ฝันก็ยังดี

    “ถ้าน้ำไม่ว่าอะไรเอมอยากรับกำปอมาเป็นลูกของเราแทนน้ำว่าไงคะ”เอมหันมาถามฉันเสียงจริงจัง

    ฉันนิ่งไปครู่ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ !

    “เอมเมื่อคืนก่อนที่เรามีอะไรกัน เอมรู้สึกอะไรมั้ย?”

    “บ้า! มาถามอะไรแบบนี้!

    “เอม น้ำถามจริงๆ รู้สึกแปลกๆอะไรหรือเปล่า?”ฉันถามเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม จนเอมชะงัก ก่อนจะทำหน้าคิด แล้วส่ายหน้า

    “ไม่มีนี่คะ”

    “ปกติดีใช่มั้ย”

    “ใช่ค่ะ น้ำถามทำไม

    “อือไม่มีอะไรค่ะ น้ำแค่ถามไปเรื่อย”ฉันตอบเลี่ยงๆ แล้วทำทีเป็นตั้งใจขับรถ

    “น้ำ แล้วที่เอมถามล่ะ..

    “น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ว่าจะรับเด็กซักคนมาเป็นลูกเรื่องมันใหญ่นะ”

    “มันไม่ใหญ่หรอกถ้าเราจะทำซะอย่าง นะคะ เรารับแกมาเป็นลูกกันนะ”

    “ให้เวลาน้ำหน่อยนะเอม ถ้าเอมอยากรับแกมาเป็นลูกของเราน้ำตามใจเอมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา เอาไว้ให้ถึงเวลาก่อนนะคะ”ฉันพูดยิ้มๆ เอมนิ่งไปซักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

    “ก็ได้ค่ะ เอมจะรอนะ”

     

     

     

                      “โอ้โห นี่จะเห่อไปไหนเนี่ย ยังไม่ทันคลอดเลย พามาซื้อของซะและ”ฉันเอ่ยแซวพี่แทเบาๆ เมื่อถูกลากออกมาจากบริษัทพร้อมคำขู่ที่ว่าถ้าไม่มาเป็นเพื่อน จะไม่รับขวัญหลานเวลาฉันมีเจ้าตัวเล็กบ้าง

    “เงียบๆน่า ถ้าฟานี่มาไหว พี่ไม่ชวนแกมาหรอก”พี่แทบอกแล้วเดินดูพวกของใช้เด็กในห้างอย่างสนใจ ฉันหัวเราะเบาๆ พี่แทขี้เห่อ

    “อันนี้ดีมั้ยอ่ะ?”พี่แทหันมาถามฉันพร้อมทำหน้าสงสัย

    “ก็เลือกไปเหอะพี่ ชุดขวดนมอ่ะ มันก็เหมือนกันทั้งนั้นอ่ะ เด็กก็ดูดได้เหมือนกัน”ฉันตอบกวนๆ จริงๆแล้วฉันไม่รู้จะเลือกยังไงมากกว่า ก็คนมันไม่เคยมี

    “นี่ ซื้อของให้ลูกมันก็ต้องซื้อดีๆสิ เอาอันนี้ค่ะ”พี่แทหันไปบอกพนักงานโดยเลือกชุดที่มีราคาแพงที่สุด ให้ตายเถอะ นั่นมันเงินเดือนเกือบครึ่งของฉันเลยนะ

    “แล้วจะถามทำไม”

    “เอาไว้แกมีบ้าง แกก็จะรู้”พี่แทตอบพร้อมดึงคอเสื้อฉันให้เดินตามไปทันที

    แอ่ก !  หายใจไม่ออก ไอ้พี่บ้า !!

    ฉันยืนมองพี่แทตกแต่งห้องของลูกด้วยสายตาเรียบเฉย ตอนแรกก็อยากช่วยแต่ให้พ่อเค้าทำจะดีกว่า แต่ท่าทีของพี่แทที่ดูงุ่นง่านติดตรงนี้บ้างตรงนั้นบ้างทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กน้อย จนฉันต้องเป็นคนทำเอง

    “มานี่ เดี๋ยวติดให้”ฉันบอกแล้วหยิบเจ้าตัวอักษรเรืองแสงไปจากมือขาวแล้วจัดการติดบนผนังห้องเสียเอง ฉันได้ยินพี่แทหัวเราะคิกคักๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนฉันก็ทำหน้าที่ช่างตกแต่งห้องไปอย่างตั้งใจ อย่างน้อยก็หลานฉัน

    “ขอบใจนะ ถ้าเกิดเอมมีเจ้าตัวเล็กให้ ฉันจะรับขวัญหลานอย่างดีเลย”พี่แทที่เดินถือขนมเข้ามาพูดขึ้นยิ้มๆ ฉันเหลือบตามองก่อนจะทำหน้ายุ่ง

    “กลิ่นอะไรเนี่ยพี่ แรงจัง”ฉันบ่น พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดๆ

    “อะไรของแก นี่คุ้กกี้จากโซลเลยนะ หอมจะตาย”

    “หอมอะไร ฉุน! เอาออกไปเลย”ฉันบอกพร้อมกับเอามือปิดจมูก จะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย...

    “ออม่อ! นี่แกจมูกเสียใช่มั้ย?”พี่แทถามพร้อมกับยกจานคุ้กกี้ขึ้นมาดม

    “ก็ปกตินะ”

    “เอาออกไป ไม่งั้นห้องลูกพี่ได้เลอะอ้วกน้ำแน่

    “เกิดอะไรขึ้นคะแท เสียงดังจังเลย”ฟานี่ที่ได้ยินแทยอนและน้ำคุยกันเสียงดังก็เดินออกมาดูด้วยความสงสัย

    “ก็น้ำน่ะสิ บอกว่าคุ้กกี้นี้มันเหม็นอ่ะ”

    “มันฉุนจริงๆนะพี่ฟานี่ หือ กลิ่นแรงไปไหน”ฉันพูดพร้อมกับแทรกตัวเดินออกจากห้องไปทันที จะไม่ไหวอยู่แล้ว

    “น้ำ..ไม่สบายเหรอ กินยาหรือยัง?”พี่ฟานี่ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ ฉันส่ายหน้า

    “เปล่าค่ะ น้ำก็สบายดีนะ แต่ว่าช่วงนี้มันได้กลิ่นอะไรก็เหม็นไปหมดเลยจริงๆ”

    พี่ฟานี่หรี่ตามองฉันอย่างสงสัย อาการคุ้นๆเหมือนเคยเป็น

    “ไปหาหมอเถอะนะ”

    “เออ ไปเช็คจมูกอ่ะ”แทยอนว่าพร้อมหยิบคุ้กกี้ขึ้นมาใส่ปาก เนี่ย ออกจะหอม !!

    “แทแท”

    “พอๆ เอางี้ เดี๋ยวน้ำขอตัวก่อนนะ พอดีเย็นนี้มีนัดพาเอมไปทานข้าวกับอาม่าอ่ะ ไว้เจอกันนะพี่”ฉันพูดแล้วรีบเดินออกไป ไม่ทันได้ยินที่พี่ฟานี่พูดขึ้นมากับพี่แทเรื่องอาการของฉัน

    “อาการเหมือนคนแพ้ท้องเลยแท”

    “แพ้ท้อง?...

     



                  “พี่เอมดูมีน้ำมีนวลขึ้นจังค่ะ แสดงว่าพี่น้ำเลี้ยงดีใช่มั้ย?”

    ฮัดเช้ยยยย !!

    “เฮ้ย นินทาอะไร”ฉันคำราม พี่นั่งหัวโด่อยู่นี่ ดูมันพูดเข้า..

    “ก็ดูสิ พี่เอมดูทวิงเกิ้ลขึ้นเยอะเลยอ่ะ”

    “อะไรของแกไอ้ดา ศัพท์แกนี่มัน..ฟังยากจังวะ”

    “พี่น้ำโคตรเอ้าท์เลยอ่ะ”

    “ตั้งแต่แกไปเรียนเมืองนอกเนี่ย รู้สึกจะไทยคำอังกฤษจังนะ”ฉันอดที่จะบ่นไม่ได้

    “ดาหมายถึงว่าพี่เอมดูเปล่งปลั่งขึ้น ดูสวยขึ้นอ่ะค่ะ”มันยิ้มหวานใส่พี่สะใภ้ แต่หันมายักคิ้วกวนตีนใส่ฉัน ไอ้น้องเวร

    “ก็ปกตินี่คะ น้องดาคิดมากไปเองมั้ง”เอมตอบยิ้มๆ ก่อนจะช่วยกันทำอาหารต่อไป โดยมีฉันเดินออกมานั่งเล่นอยู่ข้างนอก กลิ่นมันแรงเหลือเกิน

    “นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”เสียงอาม่าดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันไปมองพร้อมลุกขึ้นไปประคองอาม่าให้มานั่งด้วยกัน

    “อาม่า คิดถึงจัง”ฉันบอกยิ้มๆ พร้อมจูบแก้มของอาม่าอย่างเอาใจ

    “คิดถึงอะไร ไม่ใช่อยู่กับเมียจนลืมบ้าน ลืมอาม่า ลืมน้อง ลืมแม่หรอกนะ”

    “ใครมันจะไปลืมได้ล่ะอาม่า”

    “แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมหน้าตาไม่สดชื่นเลย”

    “ช่วงนี้กินไรไม่ได้เลยอาม่า เหม็นไปทุกอย่างเลย ดูสิ น้ำผอมไปเลยอ่ะ”

    “จมูกเสียหรือไง ไหนดูซิ”อาม่ายกมือขึ้นแตะหน้าผากฉันเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า

    “ก็ไม่มีไข้นี่ ไปหาหมอมาหรือยัง?”ท่านถามอย่างเป็นห่วง ฉันส่ายหน้า

    “ยังเลย น้ำมัวแต่วุ่นอยู่กับงานอ่ะ”

    “น้ำค่ะอาม่า”เอมเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟ พร้อมรอยยิ้มหวาน อาม่าพยักหน้าเล็กน้อย

    “ขอบใจนะ..

    “ค่ะ”เอมตอบรับแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ฉันมองตามแล้วยิ้มเล็กน้อย

    “ทำไมท้องเอมไม่โตซักทีเจ้าน้ำ นี่ท้องจริงหรือเปล่า หืม?”อาม่าถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นท้องเอมยังคงแบนราบ

    ฉันถึงกับสะดุ้งก่อนจะรีบตอบ

    “ก็..ก็ท้องแรกไงอาม่า ท้องแรกไม่ใหญ่นะ”ฉันตอบไปมั่วๆ เคยได้ยินมาแบบนี้ก็คงช่วยได้ล่ะมั้ง

    “อือ ก็คงงั้น อาม่าบอกแล้วว่าให้หมอมาดู ก็ไม่ยอม ไอ้ดื้อ”ท่านพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากฉันเบาๆ ฉันยิ้มน้อยๆ

    “อาม่า ฝากบอกแม่ด้วยนะ ว่าน้ำไม่ไหวแล้วอ่ะ ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน แล้วนี่ก็เพลียมากด้วย น้ำขอขึ้นไปนอนก่อนนะ ฝากแม่ทำข้าวต้มให้ทีนะคะ”ฉันบอกเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆพาตัวเองขึ้นไปบนห้องช้าๆ กลัวไปไวกว่านี้จะตกบันไดเอาได้

             ชีวิตหนอชีวิต

                    หลังจากนอนไปได้ซักพัก ฉันก็ต้องลุกขึ้นอีกรอบพร้อมกับวิ่งพรวดไปที่ห้องน้ำ อ้วกออกมาอย่างหนัก ทั้งๆที่มันก็ไม่มีอะไรจะให้อ้วกอยู่แล้ว !

    “โอยนี่มันอะไรกันเนี่ย..”ฉันกวักน้ำเข้าปากพร้อมกับบ้วนทิ้งอีกครั้ง ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำแล้วนอนแผ่ไปที่เตียง ป่านนี้ข้างล่างคงจะทานข้าวกันอิ่มแล้วมั้ง ฉันคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น

    “ไปดูเอมซักหน่อยดีกว่า”ฉันพึมพำเบาๆ แต่แล้วก็ต้องทรุดลงไปอีกเมื่อกลิ่นอะไรบางอย่างลอยเข้ามาปะทะจมูกพร้อมกับแม่และน้องสาววของฉันเดินเข้ามา

    “น้ำ ทานข้าวลูก..

    “แม่ !! ทำไมมันเหม็นแบบนี้อ่ะ เอาออกไปเลย !!”ฉันบอกแล้วเอาหน้าหนีไปซุกกับแขนเสื้อเอาไว้ โอ้โห กลิ่น !..

    “อะไรพี่น้ำ ทำเหมือนคนแพ้ท้องไปได้ ข้าวต้มออกจะหอม !”เจ้าดาพูดขึ้นมาอย่างแปลกใจ จนฉันเองถึงกับชะงักในคำพูดของมัน..

    “แพ้ท้องเหรอ?”

    “อื้อ ก็เหม็นไปซะทุกอย่าง นี่ถ้าพี่เอมไม่ท้องอยู่ ดาจะคิดว่าพี่น้ำนะที่ท้องน่ะ”

    “เฮ้ย!

    “นั่นสิลูก อาการแปลกๆ ไปหาหมอหรือยัง”

    “ยังแม่น้ำคงไม่ได้เป็นอย่างที่น้องบอกหรอก แม่ไม่ต้องห่วงแต่ว่าตอนนี้เอาข้าวต้มออกไปก่อนนะ แล้วขอน้ำเปล่าหรืออะไรก็ได้ที่มันไม่มีกลิ่นแบบนี้ให้น้ำที”ฉันบอกเสียงอู้อี้ในเมื่อตอนนี้ฉันยังไม่กล้าจะหันหน้าออก กลัวจะอ้วกอีกรอบ

    “อ่ะ ๆ แม่เอาไปเก็บก็ได้ ดาดูแลพี่เค้าด้วยนะลูก”

    “ค่า”

    หลังจากที่ข้าวต้มเจ้าปัญหานั้นออกไปจากห้องฉันแล้ว ฉันจึงค่อยๆหันหน้าออกมาพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “พี่น้ำ เอาตรงๆท้องปะเนี่ย”

    “ท้องบ้านป้าแกสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรว่ะ กินอะไรไม่ได้เลยอ่ะ มีแต่เอมอ่ะที่ดูเหมือนจะเจริญอาหารไปซะทุกอย่าง”ฉันพูดแล้วลูบหน้าตัวเองเบาๆ

    “ไม่ได้ท้องแน่นะ”

    “เออ แกวางใจได้เลย

    “ก็อาการพี่มันเหมือนคนแพ้ท้องอ่ะหรือไม่ก็พวกแพ้ท้องแทนเมียอ่ะ แต่พี่เอมไม่ได้ท้องจริงๆซักหน่อย”

    “ไร้สาระน่า พี่ก็อาจจะแค่พักผ่อนน้อย คงไม่มีอะไรมากหรอก”ฉันพูดเบาๆ

    “ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาเช็คหน่อยมั้ย”

    ฉันถึงกับนิ่ง ที่ตรวจครรภ์เหรอ?

    “ไอ้ดา”

    “ว่าไง?”

    “ไอ้ที่ตรวจครรภ์เนี่ย มันจะทำให้รู้เหรอว่าเราท้อง”

    “ก็ใช่สิพี่ เคยเรียนสุขศึกษามาปะเนี่ย”

    “แล้วรูปร่างมันเป็นยังไงอ่ะ ใช่ที่มันเป็นสี่เหลี่ยม แล้วถ้ามันได้ผลมันจะขึ้นสองขีดใช่มั้ย”

    “ใช่เลยพี่ พี่รู้ได้ไงเนี่ย”

     “แกช่วยไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้หน่อยสิ”

    “อ้าว ให้ดาไปซื้อเนี่ยนะ คนเค้าจะมองยังไงอ่ะ”มันพูดเสียงหลงพร้อมส่ายหน้า

    “ช่วยพี่หน่อยเถอะ ให้พี่ออกไปแบบนี้เนี่ยนะ แกไม่สงสารพี่เหรอวะ?...”ฉันอ้อนสุดฤทธิ์

    “โอ๊ยๆ พอๆ เดี๋ยวไปซื้อให้ก็ได้ ขนลุก”มันบอกแล้ววิ่งออกจากห้องไป ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหาอะไรบางอย่างที่ฉันเคยเจอมันล่วงอยู่ในรถเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน.. ก่อนหน้าที่ฉันจะมีอาการแบบนี้

     

                       ฉันยืนนิ่งอยู่หน้ากระจก มองเครื่องตรวจครรภ์ที่วางอยู่บนขอบอ่างล้างมือด้วยสายตาลุ้นระทึกเร็วๆหน่อยจะได้มั้ย?...และ

    กึก

    ฉันถึงกับยืนค้างเมื่อผลตรวจปรากฏขึ้นแก่สายตา

    “พี่น้ำ สรุปว่าไง?”

    ฉันที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้แต่หันไปมองหน้าน้องสาวนิ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที

    “พี่น้ำ!...เข้าไปดูเองก็ได้”เมื่อพี่สาวไม่ยอมบอก งั้นไปดูเองก็ได้มันจะไปยากอะไร ที่ตรวจครรภ์ที่วางอยู่ตรงที่เดิมถูกจับขึ้นมาระดับสายตา

    “เฮ้ย

     

     

                    “เอมน้ำขอคุยด้วยหน่อย”

    .....

    .....

    ......

    .....



    แอบมาอัพตอนใกล้ๆเช้า อัพแบบเงียบๆ ยาวๆด้วย 55555555 เอาล่ะค่ะ กลางเรื่องแล้วนะ  เริ่มวุ่นวายบนความครอบครัวน่ารักอีกแล้ว กำปอของไรท์จะมีน้องมั้ยน้าาา แล้วน้ำเจออะไรอยู่บนรถ แล้วสรุปว่าใครท้องกันแน่ โปรดรอค่ะที่รัก 555555555 

    รักทุกคนนะคะ 

    ป.ล. อย่าด่าไรท์ที่ไรท์ชอบกวนรีดเดอร์แบบนี้ มันเป็นกำลังใจอย่างนึงในการอัพฟิคนะ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×