ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Conquest of Devilment Empire

    ลำดับตอนที่ #8 : จัดฉาก

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 51




    Chapter 8    จัดฉาก





        ภายในห้องขนาดกลางที่ดูโอ่อ่าเกินกว่าที่จะเป็นห้องพักธรรมดา แสงเทียนสลัวส่องประกายเหลืองทองยามค่ำคืน กระทบใบหน้าอ่อนวัย ของบุคคลที่เหยียดร่างสง่าลงบนที่นอนหนานุ่ม.....





    ขำ.....ไอ้หมอนี่มันขำดีแท้  



    เสียงหัวเราะร่วนจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลประกายทอง ผิวขาวขึ้นสีระเรื่ออย่างอารมณ์ดี….



    หึๆ สงสารแม่นมกับ ท่านเซอร์ชาลมานจริง  คงหัวปั่นกันไม่เบา  



    นัยน์ตาคู่เขียวมรกตจับจ้องเงาสะท้อนภาพมายาในอ่างแก้วที่นำมาตั้งบนเตียง ด้วยประกายระริกวิบวับไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่มีของเล่นอยู่ตรงหน้า... หากแต่ชาติตระกูลของเขานั้นคงไม่มีใครในอาณาจักรนี้เทียบเท่า





    .........รัชทายาทองค์สำคัญแห่งเคดาส  เจ้าชายอุลริค เดรโก อัลเทรดาน.........





    ริมฝีปากได้รูปคลี่รอยยิ้มบาง  กับภาพตรงหน้าที่ถูกใจนัก...แต่เป็นตลกร้ายสำหรับใครบางคน



    ใครบางคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการเรียนรู้บนโต๊ะอาหาร ภายใต้ยอดปราสาทฟรอนติโซ่







    “ปัดโธ่! อะไรกันอีกเล่า  ก็ถ้าอาหารชุดนี้ก็หยิบอันกลางไม่ใช่รึไง”เทรวิสแย้งเสียงใส พลางยกช้อนเงินขนาดกลางขึ้นมาให้คนสอนดู  ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหัวเนิบนาบ ด้วยสีหน้าบอกความเอือมระอาเต็มที่



    “เอ้า.. พ่อหนุ่ม  ดูให้ดี ถ้าอาหารชุดนี้มันจะต้องหยิบจากนอกมาข้างในเป็นคู่ๆอย่างนี้  แต่เราน่ะ เล่นหยิบสลับคู่สลับข้างกันมันใช้ได้ที่ไหนฮะ”แม่นมว่าพร้อมกับเคาะช้อนที่ถูกลงไปบนหัวสวยๆของคนจะเป็นเจ้าชายในอนาคต



    “วะ เรื่องมากจริง”เสียงสบถเบาๆหลุดออกมา แต่มันก็ยังเล็ดลอดไปเข้าหูสุภาพสตรี จนต้องโดนไปอีกสักเปรี้ยง



    “ห้ามสบถ โดยเฉพาะต่อหน้าสุภาพสตรี!”คำเตือนพร้อมกับช้อนด้ามเดิมเขกกลางหัว  ให้คนโดนเบ้หน้ามุ่ย ขมวดคิ้วมุ่น บ่นพึมพำ



    “อะไรว้า...แม่ง...ซวยฉิบ!”





    โป๊ก





    “โอ๊ย อะไรกันนักหนา แม่นม  มันเจ็บนะรู้มั้ย”เทรวิสโอดครวญ พลางคลำหัวป้อยๆ ก็ครั้งนี้มันเบาน้อยซะเมื่อไหร่



    “เรานี่ดื้อด้าน สอนยากสอนเย็น ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ.....รู้มั้ยว่าการปฎิบัติต่อสุภาพสตรีมันสำคัญขนาดไหน”หญิงร่างท้วมนิ้วหน้าเครียด มองเจ้าคนที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเลย  ว่าถ้าหากปฏิบัติต่อสาวไม่เป็น ชีวิตในพระราชวังแห่งนี้คงต้องจบเห่ไปตั้งแต่เริ่ม...







    ภาพบนผิวน้ำเคลื่อนไหวอากัปกิริยาทุกอิริยาบถของหนุ่มน้อยที่กำลังแสดงเป็นตัวละครที่ถูกใช้ให้เล่นเกินคุ้ม





    การจัดฉากละคร ก่อนจะเริ่มโหมโรง…..





    สำหรับเขา มันคงจะไม่มีอะไรที่จะสนุกไปกว่าการดูเบื้องหลังของละครงานช้างที่ต้องเร่งเปิดการแสดงในเวลาอันน้อยนิด....





    “กาก็คือกา จะเป็นกลายเป็นหงส์ขึ้นมาได้ คงมีเรื่องน่าสนุกขึ้นเยอะ”เด็กหนุ่มดวงหน้าหล่อเหลา เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือหัวหัวเราะ ก่อนจะร่ายคาถาเบาๆเหนือผิวน้ำ แล้วภาพหนุ่มน้อยเทรวิสก็หายไป....



    “โธ่ นายท่านเล่นแบบนี้ ไม่กลัวเป็นเรื่องขึ้นมาหรือ”เสียงใสๆจากร่างจิ๋วของภูติสาว นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมามองผู้เป็นนายด้วยแววห่วงใย หากแต่เจ้าหล่อนเองนั่นแหละที่ทำท่าเสียดายสุดๆทุกครั้งที่นายไม่ได้เรียกเธอมา



    “อย่าพูดมาก! รำคาญ! ฉันจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน เธอเองเป็นแค่ภูติ อย่ามาบ่นอะไรไม่เข้าท่า”สีหน้าที่เคยระรื่น กับหงุดหงิดขึ้นมาได้เพียงคำไม่กี่คำ หัวคิ้วเข้มขมวดลงด้วยแววไม่พอใจ พลางยกอ่างน้ำจากเตียง ก่อนจะกระแทกปัง!ลงบนโต๊ะ



    “แล้วอย่ามากวนเส้นอารมณ์ฉันอีกเข้าใจมั้ย เดฟรี่”คำกล่าวที่ทำเอาสาวน้อยร่างจิ๋วตัวหดเหลือเท่ามด



    “คะ ค่า.. เจ้าชาย”เดฟรี่พยักหน้ารับ  พลางเหลียวซ้ายแลขวา นิ่งเงียบไปพัก  ก่อนจะอดใจไม่ไหวกับคำถามค้างคาใจ ที่มันคันยิบๆมุมปาก



    “เอ่อ...เจ้าชายจะให้หมอนี่เป็นท่านอีกนานขนาดไหนคะ”



    คำถามที่เรียกบรรยากาศเริ่มมาคุ ด้วยนัยน์ตาขวางๆของคนเป็นเจ้าชาย ก่อนที่ภูติสาวจะสะดุ้งเฮือกแล้วรีบแก้ตัว



    “อะอะ เอ่อ ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ เพียงแต่เดฟรี่เองนึกเสียดายถ้าเรื่องสนุกแบบนี้มันจะจบไวไปนะค่า..”



    พูดเสร็จก็กลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนที่จะถอนหายใจฟู่ เมื่อคนถูกถามเหยียดรอยยิ้มขึ้น ก่อนทำสีหน้าครุ่นคิด



    “หึๆ เรื่องสนุกๆอย่างนี้ถ้าสั้นไปคงขาดอรรถรส........อย่างน้อยตอนจบฉันก็อยากได้แบบที่มันประทับใจ.... อืม...เอาเป็นว่านานเท่าไหร่ดีนะ”หัวคิ้วเข้มเริ่มขมวดกันเป็นปม ก่อนจะดีดนิ้วเปาะ จนคนรอคำตอบสะดุ้งเฮื้อก



    “เอาเป็นว่าคงไม่เกิน งานประจำปีเคดาสแน่นอน.. ฉันคงไม่ให้มันไปเสนอหน้ากับเจ้าชายเจ้าหญิงแคว้นอื่นให้เสื่อมเสียหน้าตาหรอก...มันไม่คุ้ม.....ที่สำคัญกลัวจะเป็นเรื่อง ให้รถไฟชนกันซะเปล่าๆ”



    คนถามได้ฟังประโยคสุดท้ายก็เบิกตากว้าง



    ที่แท้ก็กลัวสาวจับได้.... เฮ้อ! เจ้าชายนะเจ้าชาย



    ความคิดที่เดฟรี่ลอบถอนหายใจ แต่ก็ไม่พ้นสายตาคู่โหดที่เหลือบมาเห็นพอดี ก่อนตีหน้าเครียดแล้วว่าเสียงเข้มให้เจ้าหล่อนใจเสีย เหงื่อแตกพลั่ก



    “เดฟรี่~  รีบไปให้พ้นหูพ้นตาซะ ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้!”



    ทันทีที่ได้ฟังขนก็ลุกเกรียว รนรานทำอะไรไม่ถูกราวกับไฟลนก้น....แน่ล่ะก็เธอไม่อยากโดนระเห็จเป็นภูติเร่ร่อนนี่



    สาวน้อยตัวจิ๋วบินสาละวนหาที่ไปไม่ได้  นัยน์ตาคู่โตละล่ำละลักมองไปรอบด้าน...แต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับ เงาทะมึนบางอย่างภายนอกหน้าต่างที่กำลังเคลื่อนตัววับไป...



    ก่อนที่จะได้สังเกตชัด เสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นจากคนเส้นอารมณ์กำลังจะขาด



    เดฟรี่~”เสียงตวาดอีกครั้งจากเจ้าชาย



    “โอ๊ะ!!”ร่างเล็กผวาสุดตัว หน้าซีดเป็นไก่ต้ม พร้อมกับเหลือบไปมองหน้าต่างสลับกับคนตรงหน้า...



    แววตามหาโหดกำลังคุขึ้น จ้องเขม็งราวกับจะตัดลมหายใจ.... ถ้อยคำที่จะปริปากมันจึงถูกกลืนลงคอไปหมด...



    ซวยแล้วไง......



    ในที่สุดสาวน้อยตัวจ้อยอย่างเธอก็ทนไม่ได้  ร่ายมนต์เสกร่างตัวเองให้หายวับไปทันที....



    “ชอบทำให้อารมณ์เสียซะเรื่อยเลย”เสียงสบถอย่างหงุดหงิดจากเจ้าชาย หลังจากตัวปัญหาได้จากไป



    บัดนี้ห้องภายใต้แสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นยามค่ำคืน เหลือเพียงเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลประกายทอง ที่มีเครื่องหน้าคมคายหล่อเหลา กำลังทอดถอนใจ พลางนั่งลงจิบไวน์ข้างหน้าต่าง รับบรรยากาศแสนโรแมนติก



    นิ้วมือยาวยกขึ้นล้อแสงเทียน สัมผัสเปลวไฟตรงหน้าราวกับมันเป็นของเล่น  ก่อนที่จะเริ่มร่ายคาถาบางอย่าง ให้ดวงไฟนั้นโชติช่วงขึ้น....



    การพักผ่อนที่สุดแสนจะเงียบสงัด ในคืนที่จันทราแผดแสงเต็มดวง  ลมยามค่ำคืนเย็นชื้นราวกับจะบันดาลสายน้ำจากท้องฟ้าในอีกไม่ช้า.......  



    ภวังค์นิทรากำลังคืบคลานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว......สติในมโนจิตกำลังลางเลือนลง.......มืดลง...และ





    ฟึ่บ!



    ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อเหลือบไปเห็นเงาบางอย่างที่โผล่ขึ้นบนผนัง....สายตาจับภาพรอบด้านอีกครั้ง....



    หรือเมื่อครู่นี้เขาตาฝาดไป?



    แต่แล้วความคิดก็ต้องพินาศลงทันที เมื่อเปลวเทียนที่เคยโชติช่วงเริ่มสั่นไหว  ก่อนที่คบเพลิงจะเริ่มดับไปทีละดวง...ทีละดวง...ไล่เรื่อยมาจนเหลือเพียงเล่มเดียว....เล่มที่ถูกคุ้มครองโดยคาถา!





    สรรพชีวิตยามราตรีเริ่มเห่าหอนขานรับทาสรับใช้แห่งความตาย.... ประกอบกับเสียงหวีดหวิวเสียดสีกันของลมวายุที่ม้วนตัวซัดยอดไม้... โหมกรรโชกแรง นำพาไอเย็นยะเยือกพวยพุ่งปะทะผิวกาย...





    บัดนี้ทั้งห้องเหลือเพียงแสงจากเทียนหนึ่งดวง...และมันกำลังจะดับ!





    หัวใจที่ไม่เคยได้เต้นแรงให้กับสิ่งใดง่ายๆ เวลานี้กำลังดีดตัวจนเหมือนมีกลองมาลั่นอยู่ในอก ความกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้เหงื่อเย็นชื้นผุดพรายทั่วทุกรูขุมขน....นัยน์ตาคู่เขียวเหลียวมามองแสงไฟอันริบหรี่ด้วยแววตื่นตระหนก ก่อนจะตัดสินใจปิดเปลือกตาลงแล้ว ร่ายมนต์ด้วยภาษาโบราณ.....





    “..............ขอพลังแห่งวิญญาณจงสดับรับฟังเสียงเพรียกจากข้า...ดลบันดาลแสงคุ้มกันภัยอันตรายแด่ร่างข้า... กลบความมืดมิด... กลืนราตรีอันนิรันด์.... แปรผันสู่ข่ายมนต์ใต้อันธการ”



    เปลวไฟที่ริบหรี่เริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง......



    แสงสว่างทอเป็นไหมระยิบระยับปรากฏวนล้อมรอบร่างผู้ร่ายข่ายมนต์บางๆ... สิ้นบทสุดท้าย.... เปลือกตาก็ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆด้วยความหวังที่จะทำให้เรื่องนี้มันจบ  แต่แล้วก็ต้องตะลึงกับภาพตรงหน้า





    เหล่าดวงวิญญาณสีดำทะมึนกำลังก่อโครงร่างคืบคลานเข้ามาประดุจเงาแห่งรัตติกาล...แม้จันทราที่เคยแผดแสงกลับถูกกลืนกินด้วยไอแห่งความตายที่แผ่ซ่าน  เงาเงื้อมมือนับร้อยประดับบนผนังรอบด้านราวกับภาพแดนสนธยาของจิตรกรวิปลาส





    เหล่าวิญญาณสัมภเวสีแห่งอเวจี กำลังโหยหาชีวิต





    กลิ่นสาบสาง แห่งซากศพ แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ซึมซับเข้าสู่ลมหายใจของเด็กหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ ประหนึ่งการลิ้มรสเศษเนื้อเน่าของเหล่าภูติผีที่ยัดเยียดเข้าสู่ร่างกาย แล้วค่อยๆไหลเวียนไปทั่วเรือนร่าง…..





    ......ลมหายใจของปีศาจ…..



    มืออันสั่นระริกอย่างสงบไม่อยู่ เรียกดาบเล่มเรียวยาวขึ้นมาไว้ในอุ้งมือ...ลำแสงสีขาวเปล่งรัศมีบนเรือนดาบของผู้มีพลังพิเศษ....หากแต่สมาธิที่ควรจะมี กลับถูกทำลายอย่างร้ายกาจด้วยเงามืดที่ย่างสามขุมเข้ามาเรื่อยๆ....



    ดวงตาสีแดงฉานสว่างวูบขึ้นจากเงามืด.....





    เสียงกรีดร้องราวกับลมหายใจสุดท้ายถูกกระชาก!







    ความน่าสะพรึงกำลังเดินหน้า เพื่อหมายดับแสงสว่าง!






    +++++++++++++++++







    เฮ้อ!



    แล้วอีกหนึ่งวันเต็มๆก็ได้ผ่านพ้นไป  การฝึกอย่างสาหัสสากรรที่สุดในชีวิตของหนุ่มน้อยสามัญชน ที่เล่นเอากล้ามเนื้อ กับหัวสมองร่วมมือกันอู้เต็มที่ทุกครั้งที่มีโอกาส  



    เรื่องสรรพเพเหระเล็กๆน้อยๆก็ถูกกวาดสอนเรียบ บอกถึงความรอบคอบจากคนสอนชัด แต่ที่ชัดที่สุดเห็นจะเป็นคนเรียน ที่ยังไงก็ซุ่มซ่าม และกระโดกกระเดกแบบน่าหนักใจ.....



    มันเป็นการอบรมในช่วงเวลาสั้นๆ..... ช่วงสั้นๆที่ทำเอาใจหายใจคว่ำไปหลายตลบ



    เหตุการณ์ที่ทำเอาในห้องวุ่นวายกันยกใหญ่ เมื่อพี่สาวนางกำนัล กลับเปิดประตูผาง ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคนกำลังฝึกเป็นเจ้าชายหัวใจแทบหลุดจากขั้ว รีบวางมาดที่ซักซ้อมไว้เป็นอย่างดี ซึ่งก็หนีไม่พ้นอาการไอคอกๆแคกๆสำหรับคนเพิ่งเริ่มหายป่วย  



    แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น  ซารีน หญิงที่เคยมาหาเขา ได้ส่งให้สาวรับใช้นำยามาให้เพื่อหวังว่าอาการจะทุเลา....



    ครั้นจะปฏิเสธอีกครั้งก็ไม่ได้ เพราะดวงตาของสาวรับใช้บอกอาการซื่อจัด และตรงฉินที่สุด สุดท้ายก็ต้องกระดกจอกยาลงคอไปอย่างกล้ำกลืนฝืนทน  รสชาติไม่เอาอ่าวเอาประเทศมันติดลิ้นจนชาร้อนไปทั้งร่าง ก่อนจะต้องมานอนพักอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เล่นเอาแม่นมออเดรียบ่นเสียยกใหญ่ว่าจะทำอะไรไม่ปรึกษา  



    ‘ไม่ได้ป่วยแล้วกินเข้าไป ประเดี๋ยวมันจะเดี้ยงเอาง่ายๆ ใจร้อนผลีผลาม ทำตัวกระโตกกระตากตื่นตูมเกินเหตุ เลี่ยงไม่ได้กะอิแค่สาวใช้ของซารีน’ แล้วก็ต้องโดนเทศน์เสียยกใหญ่ให้คุ้มกับเวลาที่เสียไปจากการนอนพัก



    ..........



    แม้ยามรัตติกาลเข้าบดบังนภาแล้ว วี่แววของการฝึกก็ยังไม่ได้ลดละลงแม้แต่น้อย มันกินช่วงเวลานอนที่เทรวิสรอคอยนานแสนนาน......นานจวบจนคืนดึกสงัดในยามสาม



    “ทำได้ดีมาก เทรวิส บาเลอร์ฟอน  ฉันอยากจะบอกว่าเธอพร้อมแล้ว”



    คำพูดดั่งเสียงสวรรค์จากปากของหญิงผู้ที่มีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า.....



    เทรวิสพยายามฉีกรอยยิ้มขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าจนดูเหมือนแยกเขี้ยวเสียมากกว่า ก่อนจะเดินคอตกเซตุบปัดตุเป๋ลากสังขารอันอ่อนแรงไปที่เตียง แล้วล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ  สลบเหมือดไปพร้อมกับเสียงแห่งความยินดีที่ยังดังกังวานในสมอง.......



    พร้อมแล้วสำหรับชีวิตในวัง............





    +++++++++++++++++++







    ดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า ไอหมอกหนาจับตัวลอยต่ำเกาะเป็นหยาดน้ำค้างใสๆ...  เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว ขานรับอรุณรุ่งอันแสนเบิกบาน...



    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีใครตื่นขึ้นมารับอากาศอันสดใส เมื่อความง่วงมันมากกว่า





    ก๊อกๆ   แอ้ด.........





    เสียงเคาะประตู ก่อนหญิงสาวจะผลักประตูบานสวยเข้ามาด้วยสีหน้าที่หวั่นๆ เพื่อเรียนเรื่องสำคัญแด่เจ้าชาย....



    แต่สายตาก็ต้องพราวระริก แล้วอมยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางการหลับใหลที่ดูสบายเกินเหตุ ของท่านเจ้าชายที่ไม่รู้แล้วว่าอันไหนหัวเตียงอันไหนปลายเตียง



    เหลือบมามองด้านข้าง ก็เห็นจะไม่ต่างกันนัก  หญิงร่างท้วมวัยสามสิบปลายแล้วกลับมานอนฟุบลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เร่งให้สาวผู้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากไปต้องรีบเอ่ยปลุก



    “ขออภัยค่ะ”น้ำเสียงแผ่วเบาถูกเอ่ยปลุกคนเป็นแม่นมก่อน  เรียกให้นัยน์ตาคู่ฟ้าซีดเปิดขึ้นช้าๆ ก่อนจะเงยขึ้นมามองต้นเสียง ด้วยสภาพที่ต่างจากแม่นมคนก่อนลิบ



    “มีอะไรฮึ ซิล ถึงขนาดเข้ามาปลุกถึงนี่”แม่นมออเดรียยิ้มให้ ก่อนจัดผมยุ่งๆให้เข้าที่



    “ท่านซารีน มาขอพบเจ้าชาย บอกว่ามีสาส์นจากองค์ราชินีค่ะ  ตอนนี้รออยู่หน้าประตูแล้ว”เธอพูดให้เบาด้วยเกรงว่าเจ้าชายจะตื่นด้วยน้ำเสียงเธอ  ซึ่งมันเป็นเรื่องแน่ ถ้าเกิดขึ้นกับเจ้าชายอุลริคตัวจริง



    “หืม...ซารีนรึ ??”หัวคิ้วบางๆขมวดลง ก่อนจะลุกไปเปิดประตู......



    หญิงร่างผอมบางในชุดกรมท่ากำลังทอดมองทัศนียภาพนอกหน้าต่าง... ในมือกำสาส์นกระดาษลงผนึกตราราชินีมาเรียบร้อย.....ก่อนจะหันมาเหยียดยิ้มให้กับออเดรีย



    “ฉันต้องการพบเจ้าชาย ท่านคงไม่ได้ติดธุระยุ่งอยู่หรอกนะ”ซารีนกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัยน์



    “ถ้าเป็นธุระติดพันในความฝันละก็ น่าจะใช่”แม่นมว่าด้วยน้ำเสียงปกติ



    แต่ก่อนจะได้กล่าวอะไรเพิ่ม คนธุระเยอะก็โผล่หน้าออกมาแบบไม่ดูตามาตาเรือด้วยสภาพขอบตาที่ดำเป็นหมีแพนด้า  ยืนหลับแปะอยู่ข้างประตู ก่อนครางด้วยอาการสะลึมสะลือ



    “โอย...แม่นม....ขอยาหน่อย  ผมปวดเมื่อยไปทั้งตัวแล้วเนี่ย”



    ดวงตาของแม่นมออเดรียเบิกขึ้นนิด ก่อนจะต้องเอ่ยขึ้นขัด เรียกสติเทรวิส ด้วยเกรงว่าจะมีพิรุธ



    “เจ้าชาย ตื่นแล้วรึเพคะ”



    แต่เจ้าคนเป็นเจ้าชาย กลับบ่นขรมทั้งละเมอ



    “ก็จะให้นอนอยู่ได้ยังไงกัน ท่าที่ฝึกให้เมื่อคืน มันทำเอาผมล้าไปหมด จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้”



    คำพูดที่ทำให้บุคคลที่สามยิ้มแบบน่าขนลุก พลางเหลือบมามองดวงหน้าของแม่นม สลับไปมากับผู้เป็นเจ้าชายหมดสภาพ  แค่นั้นก็เรียกดวงหน้าของสาวใหญ่ให้ขึ้นสีด้วยความขายหน้า รู้สึกกระอักกระอ่วน ไปพร้อมๆกับอารมณ์โมโหที่ฉุนขึ้น พลางกัดฟันแน่น



    เจ้าชาย~~”น้ำเสียงรอดไรฟันถูกส่งไปเรียกเจ้าคนไม่รู้เรื่อง



    “ผมเมื่อย...ยังจะไม่เชื่ออีก....ท่านต้องรับผิดชอบนะ ที่เล่นเอาผมไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน”เทรวิสครางด้วยน้ำเสียงเริ่มจะหงุดหงิด แต่ก็ยังคงไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูสีหน้าของแม่นมที่พุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ.....



    นึกอยากฆ่ามันนัก….ฆ่าให้มันเงียบไปเสียสิ้นเรื่องสิ้นราว



    นัยน์ตาฟ้าซีดฉายแววกร้าวสุดๆ ใบหน้าท้วมขึ้นสีจัดด้วยอารมณ์โกรธควันออกหู มันจะไม่มีอะไร ถ้าสีหน้าของหญิงตรงหน้าเธอ จะไม่ฉายรอยเหยียดยิ้มอยู่อย่างเวลานี้



    ซารีนฉีกยิ้ม หัวเราะในลำคอ พยักหน้าเนิบนาบเหมือนจะตีความหมายเข้าใจได้ด้วยตัวเอง พลางมองหนุ่มน้อยผู้อ่อนกว่าด้วยประกายเลศนัยน์ ก่อนเอ่ยขึ้น ด้วยเกรงว่าท่านคงไม่รู้ว่ามีหล่อนอยู่ตรงนี้ด้วย



    “หากทรงต้องการยา ก็บอกหม่อมฉันได้นะเพคะ ถ้าท่านออเดรียจะใจร้าย ไม่จัดให้”



    เสียงที่ทำให้เทรวิสสะดุ้งตัวลอย เบิกตากว้าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น..เมื่อหันไปมองยังแม่นมที่มีสีหน้าแดงกรุ่นด้วยอารมณ์โมโหราวกับต้องการฉีกเนื้อใครซักคน



    เอื้อก! มันคงเป็นเนื้อเขา



    “เอ่อ  งั้นไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย แล้วบอกสาวใช้ด้วยนะว่าหมอนที่ห้องนี่มันหมดสภาพแล้ว ก่อนที่ฉันจะป่วยเพราะมันมากกว่านี้”หัวคิ้วเข้มพยายามขมวดลง พลางทำเสียงฮึดฮัดอารมณ์เสียจนเกินจริงไปนิด



    “เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปต่อว่าให้”คำตอบยังคงเป็นสีหน้าที่แสร้งกลบเกลื่อนของซารีน ก่อนจะเปรยแกล้งยั่วด้วยรอยยิ้ม



    “เจ้าชายจะทรงให้สาวใช้มาเปลี่ยนซักกี่คนดีล่ะเพคะ แต่หม่อมฉันเกรงว่าสาวๆพวกนี้คงมีประสบการณ์น้อย ถ้าเทียบกับ......”ซารีนหัวเราะเดายาก แต่ก็เล่นเอาเทรวิสอยากเอาหัวโขกประตูตาย ไม่นึกว่าคนในวังนี่มันจะคิดอกุศลไปถึงไหน





    “หมายถึงเรื่องจัดหมอนถวายนะเพคะ”ซารีนกล่าวเสริม ด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ



    ดวงหน้าของคนหนุ่มขึ้นสีระเรื่อ นึกโมโหอยู่ในใจว่าเจ้าหล่อนอุตส่าห์คิดไปได้ บ้าชะมัด!  



    “ว่าแต่  มีเรื่องอะไร ก็ว่ามา อย่าให้ฉันรออะไรนานๆ”ประโยคเปลี่ยนโหมด ชักเข้าสู่เป้าหมายพื้นฐาน



    “สาส์นจากองค์ราชินีเพคะ”คำตอบพร้อมถวายส่งให้เทรวิส



    เอื้อก! เสียงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนยื่นมือไปรับแบบเสียมิได้ ก่อนจะเปิดอ่านด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวนที่ระทึกอยู่ในอก







    ถึง.... ลูกรัก



              วันนี้แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายนัก อาการไข้ร้อนๆหนาวๆมันกำเริบขึ้นมาแบบไม่มีวี่แวว  แต่ลูกเองคงเริ่มจะหายดีแล้วสินะ....



          ฉะนั้นสายวันนี้ เจ้าหญิงราชทูติ แห่งเมืองรูเซิล จะเสด็จมาสู่บ้านเมืองเรา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี



          แต่เห็นทีแม่จะลุกไปต้อนรับไม่ไหว  จึงต้องขอให้ลูกทำหน้าที่แทนแม่.....



                    ยังไงแม่ก็ขอฝากเรื่องสำคัญไว้ที่ลูกนะ



                                  รบกวนลูกด้วย.....

                                

    สายใย ดุจ สายเลือด.....



                                           จาก...    เรเชล่า อัลเทรดาน







    หัวสมองน้อยๆกำลังถูกโจมตีด้วยเฮอริเคนแคทรีน่า ปัญหาหนักที่มันกำลังแล่นวิ้งๆอื้ออึง ด้วยอาการ ช็อค  ก่อนจะยื่นส่งไปให้แม่นมอ่านสาส์นแห่งความตายด้วยมือที่สั่นอย่างสงบไม่อยู่  



    แม่นมออเดรียอ่านเนื้อความ ด้วยสีหน้าปกติ ก่อนเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวรับปากหนักแน่น



    “เจ้าชายจะทรงพร้อม ก่อนกำหนดการ  โปรดวางใจ”



    “ขอบคุณ ท่านออเดรีย ฉันคงหมดธุระแล้ว ขอตัวก่อน”ซารีนพยักหน้าให้กับแม่นม ก่อนยอบตัวลงถวายความเคารพเจ้าชาย แล้วเดินจากไป







    อ้าก..........ตายๆ ตายแน่  ตายอย่างเขียดแน่ๆ” หนุ่มน้อยเทรวิสกำลังสติแตก โวยร้องเป็นบ้าเป็นหลัง พลางเดินวนไปวนมา ให้แม่นมเอี้ยวมองตามจนปวดคอ



    “จะประสาทหลอนอะไรอย่างนั้น พ่อหนุ่ม....  อย่าลืมสิ ว่าเราน่ะฝึกมาสองวันเต็มๆแล้วนะ มั่นใจหน่อยสิ”



    “มั่นใจ! หึ  มั่นใจว่าตายแน่ๆละไม่ว่า”เทรวิสล้มลงนั่งบนเบาะ พร้อมกับเหงื่อที่ไหลย้อยตามร่าง เคาะเท้าระรัว พลางยกมือกุมขมับ.....ตอนนี้เข้ากำลังจะบ้า!



    “หึๆ แต่ระวังไว้หน่อยล่ะ เตรียมตัวพร้อม ก็ยังไม่เท่ากับตรียมหัวใจไว้ให้หนักแน่น....”แม่นมออเดรียว่าด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบสีแดงเข้มดุจไวน์แดงชั้นเลิศ จากเหล่ามวลดอกไม้ที่ประดับอยู่ในแจกันเพื่อสูดกลิ่นอันหอมหวน....



    ดอกกุหลาบก็ถูกหยิบยื่นไปที่เบื้องหน้าเด็กหนุ่ม  เรียกนัยน์ตาคู่เขียวเหลือบมามองผู้สูงวัยกว่าด้วยความฉงน



    อิสตรีก็เปรียบดั่งดอกไม้.... ชูช่อยวนเย้าเหล่าภมรให้หลงใหลเข้ามาดอมดม ลึกลับชวนพิศวงสำหรับชายชาตรี”น้ำเสียงนุ่มนวลกังวานจากปากของอิสตรีนางหนึ่ง นัยน์ตาฟ้าซีดฉายประกายยิ้มๆ พลางยื่นใส่มือหนุ่มน้อยผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว



    “รู้ใช่มั้ยว่าต้องปฏิบัติต่อสาวยังไง.... ยิ่งสาวที่ว่าคือ เจ้าหญิงแห่งรูเซิล  เราก็เตรียมใจอย่าไปหลงเสน่ห์เธอเข้าเชียวล่ะ เทรวิส บาเลอร์ฟอน”





    ++++++++++++++++++++













                      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×