ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : องครักษ์คนใหม่
Chapter 12 องครักษ์คนใหม่
อุกกกก
ลมหายใจขาดห้วง เจ้าหนุ่มน้อยสะดุ้งพรวดขึ้นมาอย่างไม่มี่มีขลุ่ย สมองเหมือนกับถูกอัดด้วยมรสุม ร่างทั้งร่างเหมือนกับโดนไฟบรรลัยกรรแผดเผาในชั่วลมหายใจ พลันก็กลับเย็นเฉียบ เหน็บหนาวจนถึงเนื้อกระดูกราวกับจมในภูเขาหิมะ
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดหลุดออกมาอย่างเก็บอาการไว้ไม่ไหว มันแย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยเจ็บ..แย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยป่วย แล้วร่างก็ชาวาบไร้ความรู้สึกในทันที เมื่อความเจ็บปวดได้ทวีถึงขั้นสุด
ความทรมานทุเลาลงแล้ว.....เสียงลมหายใจถี่ระรัวค่อยๆสงบลง
เทรวิสประหวัดหวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พลันก็ปวดหัวตุบขึ้นมาอีกระลอก เหงื่อเย็นๆหลั่งพรูผุดพรายขึ้นเกาะตามดวงหน้าที่ซีดเซียว
บัดซบเอ๊ย!! มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างเขากันแน่
ยิ่งหวนคิด ก็ยิ่งทวีความเจ็บปวดเหมือนหัวสมองจะแยกออกเป็นส่วนๆ
เทรวิสจิกนิ้วไปบนแขนด้วยความทรมาน ริมฝีปากแห้งสั่นระริกราวกับกำลังต้านทานฤทธิ์ความเจ็บปวด เขาพยายามนึก.....นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
จำไม่ได้??????
นัยน์ตาคู่เขียวตวัดฟึ่บไปมองสถานที่รอบด้าน......แล้วก็ปรากฏชัดว่า เขากลับมาที่เก่า...ที่ที่เขาตื่นขึ้นมาพบเป็นครั้งแรกอีกครั้ง
ห้องบรรทมของเจ้าชาย
ประกายแปลกใจปรากฏชัด คิดย้อนกลับไปแล้วเขาออกจากห้องนี้ไปเมื่อคืนเพื่อไปสืบข่าว จนได้มาเล็กๆน้อยๆ แล้วต่อจากนั้น..................
แค่คิด เส้นประสาทก็กระตุกริกๆ แล่นจี๊ดขึ้นมา ราวกับสกัดกั้นความทรงจำไว้แค่ตรงนั้น
ปัง!
เสียงประตูเปิดผางเข้ามาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ หนุ่มร่างสูงประมาณเทรวิส เดินพรวดพราดเข้ามาด้วยความหงุดหงิดราวกับเพิ่งทะเลาะกับใครมาหมาดๆ ผมสีโอ๊กถูกมัดไว้อย่างลวกๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ฉายแววเครียดแกมเซ็ง
หัวคิ้วตรงหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าคนที่ผุดขึ้นมานั่งหน้าซีดอยู่บนที่นอน
“ไงตื่นแล้วเรอะ....ท่านเจ้าชาย”น้ำเสียงท่อนท้ายบอกชัดว่าแกล้งประชดประชัน ยังไม่ทันได้คำตอบมือก็ฉวยลากเก้าอี้ไม้สองตัวจากด้านข้างมาแบบไม่บันยะบันยัง วางปึงลงข้างเตียงแล้วนั่ง ก่อนจะยกขาขึ้นไปพาดกับเก้าอี้อีกตัวที่ลากมาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ
เทรวิสมองการกระทำของเจ้านี่แบบงงๆ ก่อนจะวิเคราะห์ได้ว่าบางทีคนๆนี้อาจรู้ความลับเรื่องเขาแล้ว
“ยังไม่ตื่น ฉันกำลังนอน”น้ำเสียงกวนโมโหถูกส่งไป พร้อมกับร่างที่ขยับล้มตัวแล้วมุดลงซุกใต้ผ้าห่ม
นัยน์ตาคู่เข้มหรี่ลง มองเจ้าคนกำลังนอน ก่อนหัวเราะหึๆ แล้วกระตุกยิ้ม
“ยังนอนไม่พออีกเรอะ นี่ล่อไปเกือบสายแล้วนะ”เจ้าหนุ่มนั่นไม่ว่าอะไรมาก ปล่อยให้คนอยากนอน นอนให้พอ พลางเคาะนิ้วไปบนโต๊ะข้างๆ เป็นจังหวะ กวนประสาทคนกำลังหลับ
กริ๊ก........กริ๊ก........กริ๊ก.........
เสียงนิ้วกระทบโต๊ะ ท่ามกลางความเงียบ
เทรวิสพลิกตัวไปมา ก่อนจะลุกพรวดขึ้น ด้วยอารมณ์โมโห “นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่ หา!”
“ก็ไม่เอาไง นายก็นอนต่อไปสิ ยังไม่ตื่นไม่ใช่เรอะ ฉันคอยได้”ว่าแล้วก็ผิวปากฮัมเพลง ต่อด้วยความสบายใจ
มันกำลังกวนประสาท ชนิดที่คนกำลังปวดหัวต้องระเบิดอารมณ์โวย
“เออ ตื่นแล้ว!!! มีอะไรก็ว่ามา”
“ก็ไม่มีอะไร”คำตอบเรียบๆสั้นๆ ที่เล่นเอาคนที่โมโหเป็นทุนเดิม เบิกตากว้าง
“เฮ้ย!”
“ก็แค่ถูกส่งมารับหน้าที่พิเศษ”พอตอบก็ปั้นหน้าหงุดหงิดขึ้นมาอีก แต่เทรวิสกลับเลิกคิ้วขึ้น “เซอร์ชาลมานส่งฉันมา ให้ควบคุมนายเข้าใจรึยัง”
“เฮ้ย!”เทรวิสโวยอีกรอบ
“ไม่ต้องมาเฮ้ย ฮ้า อะไรเลย คนที่ปวดหัวคือฉันนี่ ต้องมาจับตามองไพร่จอมสร้างเรื่องอย่างนาย”
“วะ แล้วฉันไปทำอะไรให้ ไม่ได้ขอให้มานะเว้ย”อารมณ์ชักเดือด ก็มันเกิดเรื่องบ้าๆกับเขามาตั้งแต่เช้าแล้ว
“ไม่ได้ขอ หึ! แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะจะว่ายังไง”คนว่า ว่าอย่างมีน้ำโห
“เมื่อคืน!”
“ใช่ เมื่อคืน ที่เล่นเอาฉันต้องมาจมปลัก ติดแหง็กกับนายตลอดนี่ไง”หัวคิ้วตรงหนากระตุก ก่อนจะว่าแบบเจ็บใจ
“ฉันโดนสั่งให้ตามหานายกลางปราสาทยามวิกาลเมื่อคืน แล้วก็เจอนาย ที่นอนสลบเหมือดอยู่บนทางเดินเล็กๆ แล้วฉันก็พากลับมาถึงที่นี่ตามคำสั่ง ตอนแรกคิดว่าจะรอดตัวแล้ว แต่ก็ยังโดนโยนหน้าที่มาให้ทำต่ออีก”
“ฉัน! สลบ!”เทรวิสทวนซ้ำแบบเน้นย้ำ ให้คนแบกมาต้องนิ่วหน้าเครียด
“นี่นายจำไม่ได้เลยรึไง ว่าไปทำอิท่าไหนถึงได้ไปนอนอยู่ตรงนั้น”
แค่นั้นสมองก็ถูกบีบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วผลสรุปสุดท้ายก็คือ.....
“จำไม่ได้”
คนรอคำตอบเมื่อได้ยิน ก็สบถยาว ก่อนว่า “รู้มั้ย ว่านายมันหนัก ฉันต้องแบกพานายฝ่าทหารยามออกมาจากที่นั่น แต่นายกลับดันหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เซ็งฉิบ”
“นี่ถ้าพ่อไม่ปรามาสเอาไว้ว่า ฉันไม่มีน้ำยาล่ะก็..... ฉันจะฆ่านายตรงนี้เลย”น้ำเสียงเครียด ของที่เจ้าหนุ่มที่ท่าทางจะมีปัญหากับคนที่เรียกว่า พ่อ
“นายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเจ้าชายบ้าง?”เทรวิสเปลี่ยนหัวข้อสนทนาซะดื้อๆ แต่สีหน้าเจ้าตัวยังฉายรอยวิตก
คนทำหน้าเครียด เลิกคิ้วขึ้นนิด ก่อนส่ายหัวเนิบๆ
“ไม่มากหรอก ฉันก็รู้เท่ากับที่คนอื่นรู้ ถึงพ่อฉันจะเป็นถึงองครักษ์ แต่อย่างเซอร์ชาลมานคนนี้ ไม่มีอ่อนให้แม้แต่คนเป็นลูก เรื่องภายในไม่เคยปริปาก หน้าที่คงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ”น้ำเสียงแผ่ว แบบให้คนฟังชักคิดถึงเจ้าพ่อที่มุงหลังคาอยู่ ตะหงิดๆเหมือนกัน
“ส่วนเรื่องที่นาย มาเป็นเจ้าชายนี่ ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อวาน แต่พอรู้เข้าเท่านั้นแหละเป็นเรื่อง ฉันเลยต้องมาติดแหง็กกับนาย ซวยชะมัด”
“วะ คำก็ซวย สองคำก็ซวย ไอ้ที่ซวยที่สุดคือ ฉันนี่ เรื่องบ้าอะไรไม่รู้ประดังโครมๆใส่ไม่หยุดไม่หย่อน พอฉันจะหนี ก็พ่อนายนั่นแหละตัวดีเลย ที่จับพ่อฉันไว้เป็นตัวประกัน”
คนเป็นลูกโจร ทำหูผึ่ง ตาโตเท่าไข่ห่าน “พ่อฉันเนี่ยนะ?”
ถามซ้ำก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าจริงจังแบบโหมดซีเรียส แล้วคนได้รับคำตอบก็ต้องปล่อยก๊าก
“ฮ่าๆๆ ฉันว่านายโดนต้มจนเปื่อยเข้าให้แล้ว ระดับท่านเซอร์เนี่ยนะ จะจับใครเป็นตัวประกัน”
“ก็ไม่แน่ พ่อนายมันไว้ใจไม่ได้”คำที่เล่นเอาคนหัวเราะ หยุดขำ ก่อนกระตุกยิ้ม
“ก็แล้วแต่นายจะคิด เทรวิส บุตรช่างมุงหลังคา”ถ้อยคำกระทบกระเทียบถูกส่งไป ก่อนที่เทรวิสจะแย้มรอยยิ้มรับ
“ใช่ ฉันคือ เทรวิส บาเลอร์ฟอน บุตรช่างมุงหลังคาแห่งเคดาส นายก็จงจำเอาไว้ให้ดีแล้วกัน”
คนฟังพยักหน้ารับ ก่อนจะว่านามตัวเองให้คนตรงหน้าได้รู้จัก
“ฉัน.... คาลอส เลอัลไลเออร์ นักดาบแห่งเคดาส รับหน้าที่องครักษ์คนใหม่ของเจ้าชายอุลริค เดรโกอัลเทรดาน”
เทรวิส หรี่ตาลงมองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่มียศถึงองครักษ์ ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ ก่อนจะยิ้มแบบมีเลศนัยน์ นัยน์ตาคู่เขียวพราวระยับ
แต่ก่อนที่จะได้กล่าวอะไร คนถูกมองก็ขัดขึ้นมาเหมือนรู้ทัน
“บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่รับคำสั่งจากไพร่ซังกะบ๊วยอย่างนายแน่ๆ เทรวิส บาเลอร์ฟอน”
++++++++++++++++++++++++++++++++
ลมยามนี้ช่างหนาวนัก........
พัดมาเถิด.......พัดมา.........
ข้าไม่หนาวยิ่งไปกว่านี้แล้ว.............
เสียงสะอื้นในดวงใจที่อ้างว้าง หากลมหนาวนี้จักหอบความโศกนี้ไปให้ลืมจนสิ้น หัวใจดวงนี้คงจะกลับมาสั่งเป็นท่วงทำนองแห่งชีวิตให้ดำเนินต่อไป
ยามลมหวน........ชวนใจพร่ำ....ร่ำไห้
ยามอาลัย............ชวนใจช้ำ......กล้ำฝืน
ยามจากพราก.....ชวนใจขาด...สุดกลืน
ยามไร้คืน..........ไร้ชีพ............แทบสิ้นใจ
ราวกับดนตรีแห่งสุสานที่ขับกล่อมเป็นท่วงทำนอง พฤกษาผลัดใบ ไร้สุมทุมพุ่มพฤกษ์กำลังเอนไหวอ่อนระเนน กระแสลมพัดพาไอชื้นจากหมอกหนาที่ลอยตัวต่ำบดบังแสงเรืองๆของตะวัน ประดุจจะครอบคลุมผืนแผ่นความโศกเศร้าไว้ภายใต้ความหม่นหมองที่มิอาจสิ้นลง
บทเพลงยังคงขับขาน.....เสียงระทมจากไม้แล้งใบที่ยังคงกระซิบรำพันเป็นท่วงทำนอง....
ร่างบางเหยียดกายลงสู่ผืนดินที่เกลื่อนด้วยใบไม้แห้ง เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำเงินเข้มเคลียไหล่มน เสี้ยวหน้าอันแสนหวานกลับถูกจมด้วยรอยบอบช้ำที่ถาโถมมาเป็นระยะเวลายาวนาน ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริก นัยน์ตาคู่สีน้ำทะเลเริ่มหยาดน้ำใสๆ ด้วยความอาวรณ์
มือบางขยับสั่นเทา ลูบลงบนป้ายศิลา
กางเขนจารึกอักษร ......
แด่...... เคลน แมทธิวเรียส
ผู้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ไม่มีวันกลับมาแล้ว..........
สวรรค์............เมื่อไหร่ท่านจะเมตตาข้า.......เมื่อไหร่กัน?
พรวิเศษ บัดนี้ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว.....ข้าเหนื่อยแล้ว......
เกวิเนียร์.........เกวิเนียร์ แมทธิวเรียส
น้ำเสียงไพเราะจับจิต ดั่งเสียงพิณกังวาน ถูกส่งเข้ามาในจิตใจของผู้ถูกเรียก
ท่านเทพีเอธีน่า!
เกวิเนียร์........น้อยคนนักที่จักได้สัมผัสกับเสียงแห่งเทพ และเจ้าคือหนึ่งในนั้น....
เหตุใดเจ้าจึงไม่ต้องการมันแล้วเล่า..
ข้า.........
ข้ารับภาระหนักต่อไปไม่ไหวแล้วท่านเทพีเอธีน่า
ข้าไม่มีแรงจะทำสิ่งใดอีกแล้ว...........
เสียงหัวเราะดังขับขานขึ้น จากเทพี เอธีน่า
ความรัก......เหมือนดาบสองคมอย่างจริงแท้สินะ
ถึงกับทำให้เจ้าลืม............ลืมแม้กระทั่งคนข้างหลังเจ้า.........
คนข้างหลังข้า?
ท่านเทพี ข้าตัวคนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างหลังข้าหรอก.........
มีสิ
เจ้าคิดว่าเจ้าเหลือตัวคนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เกวิเนียร์........
ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าไม่อยากกลับไปคิดอีกแล้ว
เสียงในจิตใจนั้นสั่นพร่า น้ำตาที่เกาะรอบดวงตานั้นเริ่มรินอาบทาบนวลแก้ม เมื่อความทรงจำอันแสนเลวร้ายได้หวนกลับมา
“เคลน! เราจะต้องไปพร้อมกัน ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน เข้าใจมั้ยเคลน! ข้าไม่มีวันให้เจ้าไปรับมือแทนข้าเด็ดขาด” น้ำเสียงปนแรงหอบกล่าวทั้งน้ำตา ร่างบางโผเข้าฉุดร่างใหญ่กว่าตัวเต็มแรงเพื่อพาหนีไปให้ไกล หากแต่คนตรงหน้ากลับดึงร่างบางให้เข้ามาอยู่ในสายตา
“ข้าไม่หนี ด้วยเกียรติของแม่ทัพ ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นได้เกวิเนียร์ เจ้าต้องไป....”เสียงหนักแน่น จากชายร่างสูงในชุดเกราะเต็มยศ ใบหน้าแกร่งแต่ยังดูอ่อนโยนนัก จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนายาวเฉียงขึ้นนิดจนได้รูป กำลังขมวดลงด้วยแววจริงจัง
“ไปเพื่อข้า.........เพื่อข้า และลูกของเรา”
“ไม่ ข้าทำไม่ได้”หญิงสาวตวาดลั่น “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะใช้เวทฆ่ามันให้หมดก็ได้ จะไม่มีใครเข้ามายุ่งกับเราได้อีก” น้ำเสียงนั้นเหื้ยมเกรียมเกินกว่าร่างบางๆนัก
“อย่า...อย่าทำ...อย่าทำอย่างนั้นอีกเลยได้โปรด”เคลนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาคู่เข้มฉายรอยเศร้าซึม “ได้มั้ย ทำเพื่อข้าได้มั้ย? เกวิเนียร์”
“เคลน! ไม่ อย่าไป”
สิ้นเสียง ร่างใหญ่ก็เหวี่ยงตัวขึ้นควบม้าสีดำ ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มนั้นเศร้าลง ก่อนจะหยิบดาบเล่มยาวขึ้น แล้วหันไปมองหญิงสาวเรือนผมสีน้ำเงิน และสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลราวกับเป็นวาระสุดท้าย
“ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม เกวิเนียร์ แมทธิวเรียส ภรรยาของข้า”
คำลาสุดท้ายให้หัวใจของนักเวทย์สาวกระตุกวูบราวกับจะหยุดเต้นลง แล้วม้าสีดำก็ทะยานออกไป พร้อมกับร่างผู้เป็นดวงใจของนาง
เสียงขบวนทหารดังเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วเสียงที่ไม่อยากจะได้ยินก็แทบหยุดลมหายใจ....เสียงดาบปะทะกันหลังเนินสูงนั่น
เคลน!!!
ร่างทั้งร่างวิ่งกระหืดกระหอบด้วยพลังกำลังที่มี เสียงการต่อสู้เกิดขึ้นให้หัวใจสั่นวูบ
นางมาถึงช้าไป......ช้าไปสำหรับทุกสิ่ง
ร่างนายทหารในชุดแม่ทัพ ถูกเสียบด้วยหอกหนากลางอก หากแต่มือแกร่งนั้นยังคงจับดาบไว้มั่น เสี้ยววินาทีนั้น นัยน์ตาคู่เข้มที่ใกล้จะปิดลงหันมาจ้องกับคู่ที่ไหลอาบไปด้วยน้ำตา ก่อนจะยิ้มให้ แล้วร่วงลงจากหลังม้า
ตุบ!
ม่ายยยยย
ร่างบางสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ สมองนั้นวนไปวนมาราวกับสิ้นสติ แล้วทันทีนั้นเองเสียงเด็กร้องก็ดังขึ้นจากในกระท่อม
ลูก!
ทารกน้อยร้องได้ไม่นาน......นักดาบผู้เข้าไปก็เดินออกมาพร้อมดาบเล่มยาวที่โชกเลือด
หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลาย แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะประคองตัวนั้นเหือดหายไปสิ้น....มันข้าลูกเธอ!
นายทหารหลายนายกรูกันเข้ามาจับตัวเกวิเนียร์ที่แทบคลั่ง แววตาคู่นั้นเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว.........ไม่เหลือเลย
ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าตาย...........
นางเอ่ยถามเทพีเอธีน่า ด้วยกระแสตัดพ้อระคนความโศก
เจ้ายังตายไม่ได้ หน้าที่เจ้ายังไม่สมบูรณ์....
สิ่งที่เจ้าคิดว่าหมดสิ้นแล้ว แท้จริงเจ้ารู้มันไม่ถึงครึ่ง
เกวิเนียร์.........
ลูกเจ้ายังไม่ตาย.......
ลูกข้า!!.......ลูกข้ายังมีชีวิตอย่างนั้นหรือ!!!
ใช่!
คำกล่าวจากเทพีที่ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด มันเหมือนเป็นยาวิเศษที่จะทำให้นางอยากมีชีวิตต่อไป
ตอนนี้เจ้าคงยังไม่อยากตายสินะ
อย่างไรเจ้าก็มีหน้าที่ ที่ต้องไปขีดเส้นทางเดินของมนุษย์ตามที่ข้าบอกอีกมากนัก
มหาราช
บทเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวนักสำหรับที่ผ่านมา.....
+++++++++++++++++++++
อึดอัด.............
ไอ้นี่มันตามอย่างกับหมา
ความคิดที่เจ้าชายรัชทายาทต้องขมวดคิ้ว
ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่อยู่ดีๆ ท่านเซอร์ชาลมานก็โยนเจ้าลูกชายกวนโมโหมาติดหนึบกับเขาตลอดเวลา แล้วเจ้าตัวก็หายจ้อยไปเพราะบอกว่ามีธุระสำคัญ ให้องครักษ์คนใหม่คนนี้จัดการเรื่องระบบการฝึกของวันนี้ ส่วนแม่นมก็ตัดหางปล่อยวัดเขาไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เห็นมาดที่บอกว่าไปรอดแน่นอนในบทเจ้าชาย แล้วก็หายเงียบไปอีกราย
อย่างน้อยเจ้านี่มันก็ยังไม่โหดเท่าสองคนนั่น
นัยน์ตาคู่เขียวฉายแววระริก เมื่อหันไปมองเจ้าคนเป็นองครักษ์กรณีพิเศษ ที่มันตามติดแจ แบบไม่ให้รอดหูรอดตาไปได้ ราวกับว่าถ้าคลาดไปนิด เขาจะเผ่นแนบไปได้ง่ายๆอย่างนั้น
พอคนเป็นองครักษ์เห็นท่าทางของคนมองที่ทำหน้าน่าหมั่นไส้ ก็ต้องเกือบจะแยกเขี้ยวรับ ถ้าไม่เกรงจะผิดสังเกตต่อคู่สนทนาเจ้าชายไปเสียก่อน
“คาลอส นายว่าฉันต้องไปไหนนะ”เทรวิสว่าด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ หยิ่งจนน่าตื้บ นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ของเจ้าคนถูกถามค้อนขวับ
“ฝึกดาบกับลอร์ดเฮนรี่ กระหม่อม”
“งั้นรึ! อย่างนั้นนายก็นำฉันไปสิ คาลอส”รอยยิ้มผุดบนมุมปากของเจ้าตัวดี นัยน์ตาคู่เขียวนั้นระริกวิบวับแบบถูกใจที่ได้สั่งเจ้าคนที่มันออกปากชัดว่าจะไม่ทำตามที่เขาบอก
คนรับคำสั่งได้แต่ปั้นหน้าหงุดหงิด ก่อนจะโค้งหัวนิด แล้วเหยียดรอยยิ้มน้อยๆ
“องครักษ์มีหน้าที่ระวังหลัง กระหม่อม เรื่องของเส้นทางข้างหน้า เจ้าชายต้องเป็นผู้นำ”
วะ ไอ้นี่มัน ไปได้น้ำขุ่นๆ
เทรวิสนิ่วหน้าเครียด ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงเคร่ง
“ก็แล้วถ้าฉันสั่งให้นำ มันก็เป็นหน้าที่ขององครักษ์ต้องทำตามไม่ใช่รึ ถึงจะสั่งให้ไปตาย หน้าที่ของนายก็ต้องไปตาย แล้วยังมาขัดคำสั่งเจ้าชายอีก”
“อย่าให้ถึงตายกันเลยนะเพคะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง หม่อมฉันเองก็ไม่อยากรบกวนเวลาแล้วเพคะ อีกครู่คงถึงเวลาเข้าเฝ้าราชินี”
โอว เจ้าหญิง โรสรี่ แห่งรูเซิลผู้งดงาม มากล่าวแก้ให้มันซะนี่ น้ำจิตน้ำใจเธอดูจะเหลือล้น รวมกับรูปโฉมแล้วเธอเป็นนางฟ้าดีๆนี่เอง
“อย่างนั้นกระหม่อมเองคงต้องขอลา เห็นทีคงต้องปลดองครักษ์คนนี้ออกจากตำแหน่งเสียแล้ว ที่ทำขายหน้านัก”เทรวิสสวมบทเจ้าชายมาดเข้ม พลางโค้งตัวลงให้กับสาวตรงหน้า บุคคลที่พบระหว่างที่เทรวิสกำลังเดินทางไปฝึกตามตารางของเจ้าชาย เลยต้องหยุดทักทายสักหน่อย
คนทำขายหน้า ขมวดหัวคิ้วตรงหนามุ่น นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่วาววับ จ้องเจ้าไพร่หุ้มเปลือกเจ้าชายที่มันยังมีหน้ามาส่งแววกวนส้นให้
ส่วนเจ้าหญิงนั้นก็ดูจะส่งสีหน้าเวทนาเขาเสียเหลือเกิน ด้วยกลัวว่าเจ้าหนุ่มองครักษ์หน้ามนคนนี้จะถูกปลดโดยเจ้าชายซังกะบ๊วยนี่
“เจ้านำเจ้าชายไปเถิด อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องนี่ต้องมาเป็นเหตุเลย”
หึๆๆ คาลอส นายเสร็จฉันล่ะ
“กระหม่อม”คาลอสโค้งตัวรับด้วยความสุภาพ ก่อนจะเดินนำไป ให้เจ้าชายล่ำลาเจ้าหญิง แล้วรีบสาวเท้าตามไปติดๆ
ทอดมองเบื้องหลัง หนุ่มผมสีโอ๊กมัดยุ่งๆนั่นเดินอย่างเงียบๆโดยไม่เปิดบทสนทนา ให้เทรวิสคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ร่างที่สูงไม่มากไปกว่ากันนัก เดินนำไปเหมือนรู้หน้าที่ ว่าจะต้องพาเขาไปตาย
ไปตายคาดาบ ลอร์ดเฮนรี่ โดนาร์ท ครูฝึกดาบที่ได้ชื่อว่า กษัตริย์สละบัลลังก์
+++++++++++++++++++++++
อุกกกก
ลมหายใจขาดห้วง เจ้าหนุ่มน้อยสะดุ้งพรวดขึ้นมาอย่างไม่มี่มีขลุ่ย สมองเหมือนกับถูกอัดด้วยมรสุม ร่างทั้งร่างเหมือนกับโดนไฟบรรลัยกรรแผดเผาในชั่วลมหายใจ พลันก็กลับเย็นเฉียบ เหน็บหนาวจนถึงเนื้อกระดูกราวกับจมในภูเขาหิมะ
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดหลุดออกมาอย่างเก็บอาการไว้ไม่ไหว มันแย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยเจ็บ..แย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยป่วย แล้วร่างก็ชาวาบไร้ความรู้สึกในทันที เมื่อความเจ็บปวดได้ทวีถึงขั้นสุด
ความทรมานทุเลาลงแล้ว.....เสียงลมหายใจถี่ระรัวค่อยๆสงบลง
เทรวิสประหวัดหวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พลันก็ปวดหัวตุบขึ้นมาอีกระลอก เหงื่อเย็นๆหลั่งพรูผุดพรายขึ้นเกาะตามดวงหน้าที่ซีดเซียว
บัดซบเอ๊ย!! มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างเขากันแน่
ยิ่งหวนคิด ก็ยิ่งทวีความเจ็บปวดเหมือนหัวสมองจะแยกออกเป็นส่วนๆ
เทรวิสจิกนิ้วไปบนแขนด้วยความทรมาน ริมฝีปากแห้งสั่นระริกราวกับกำลังต้านทานฤทธิ์ความเจ็บปวด เขาพยายามนึก.....นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
จำไม่ได้??????
นัยน์ตาคู่เขียวตวัดฟึ่บไปมองสถานที่รอบด้าน......แล้วก็ปรากฏชัดว่า เขากลับมาที่เก่า...ที่ที่เขาตื่นขึ้นมาพบเป็นครั้งแรกอีกครั้ง
ห้องบรรทมของเจ้าชาย
ประกายแปลกใจปรากฏชัด คิดย้อนกลับไปแล้วเขาออกจากห้องนี้ไปเมื่อคืนเพื่อไปสืบข่าว จนได้มาเล็กๆน้อยๆ แล้วต่อจากนั้น..................
แค่คิด เส้นประสาทก็กระตุกริกๆ แล่นจี๊ดขึ้นมา ราวกับสกัดกั้นความทรงจำไว้แค่ตรงนั้น
ปัง!
เสียงประตูเปิดผางเข้ามาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ หนุ่มร่างสูงประมาณเทรวิส เดินพรวดพราดเข้ามาด้วยความหงุดหงิดราวกับเพิ่งทะเลาะกับใครมาหมาดๆ ผมสีโอ๊กถูกมัดไว้อย่างลวกๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ฉายแววเครียดแกมเซ็ง
หัวคิ้วตรงหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าคนที่ผุดขึ้นมานั่งหน้าซีดอยู่บนที่นอน
“ไงตื่นแล้วเรอะ....ท่านเจ้าชาย”น้ำเสียงท่อนท้ายบอกชัดว่าแกล้งประชดประชัน ยังไม่ทันได้คำตอบมือก็ฉวยลากเก้าอี้ไม้สองตัวจากด้านข้างมาแบบไม่บันยะบันยัง วางปึงลงข้างเตียงแล้วนั่ง ก่อนจะยกขาขึ้นไปพาดกับเก้าอี้อีกตัวที่ลากมาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ
เทรวิสมองการกระทำของเจ้านี่แบบงงๆ ก่อนจะวิเคราะห์ได้ว่าบางทีคนๆนี้อาจรู้ความลับเรื่องเขาแล้ว
“ยังไม่ตื่น ฉันกำลังนอน”น้ำเสียงกวนโมโหถูกส่งไป พร้อมกับร่างที่ขยับล้มตัวแล้วมุดลงซุกใต้ผ้าห่ม
นัยน์ตาคู่เข้มหรี่ลง มองเจ้าคนกำลังนอน ก่อนหัวเราะหึๆ แล้วกระตุกยิ้ม
“ยังนอนไม่พออีกเรอะ นี่ล่อไปเกือบสายแล้วนะ”เจ้าหนุ่มนั่นไม่ว่าอะไรมาก ปล่อยให้คนอยากนอน นอนให้พอ พลางเคาะนิ้วไปบนโต๊ะข้างๆ เป็นจังหวะ กวนประสาทคนกำลังหลับ
กริ๊ก........กริ๊ก........กริ๊ก.........
เสียงนิ้วกระทบโต๊ะ ท่ามกลางความเงียบ
เทรวิสพลิกตัวไปมา ก่อนจะลุกพรวดขึ้น ด้วยอารมณ์โมโห “นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่ หา!”
“ก็ไม่เอาไง นายก็นอนต่อไปสิ ยังไม่ตื่นไม่ใช่เรอะ ฉันคอยได้”ว่าแล้วก็ผิวปากฮัมเพลง ต่อด้วยความสบายใจ
มันกำลังกวนประสาท ชนิดที่คนกำลังปวดหัวต้องระเบิดอารมณ์โวย
“เออ ตื่นแล้ว!!! มีอะไรก็ว่ามา”
“ก็ไม่มีอะไร”คำตอบเรียบๆสั้นๆ ที่เล่นเอาคนที่โมโหเป็นทุนเดิม เบิกตากว้าง
“เฮ้ย!”
“ก็แค่ถูกส่งมารับหน้าที่พิเศษ”พอตอบก็ปั้นหน้าหงุดหงิดขึ้นมาอีก แต่เทรวิสกลับเลิกคิ้วขึ้น “เซอร์ชาลมานส่งฉันมา ให้ควบคุมนายเข้าใจรึยัง”
“เฮ้ย!”เทรวิสโวยอีกรอบ
“ไม่ต้องมาเฮ้ย ฮ้า อะไรเลย คนที่ปวดหัวคือฉันนี่ ต้องมาจับตามองไพร่จอมสร้างเรื่องอย่างนาย”
“วะ แล้วฉันไปทำอะไรให้ ไม่ได้ขอให้มานะเว้ย”อารมณ์ชักเดือด ก็มันเกิดเรื่องบ้าๆกับเขามาตั้งแต่เช้าแล้ว
“ไม่ได้ขอ หึ! แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะจะว่ายังไง”คนว่า ว่าอย่างมีน้ำโห
“เมื่อคืน!”
“ใช่ เมื่อคืน ที่เล่นเอาฉันต้องมาจมปลัก ติดแหง็กกับนายตลอดนี่ไง”หัวคิ้วตรงหนากระตุก ก่อนจะว่าแบบเจ็บใจ
“ฉันโดนสั่งให้ตามหานายกลางปราสาทยามวิกาลเมื่อคืน แล้วก็เจอนาย ที่นอนสลบเหมือดอยู่บนทางเดินเล็กๆ แล้วฉันก็พากลับมาถึงที่นี่ตามคำสั่ง ตอนแรกคิดว่าจะรอดตัวแล้ว แต่ก็ยังโดนโยนหน้าที่มาให้ทำต่ออีก”
“ฉัน! สลบ!”เทรวิสทวนซ้ำแบบเน้นย้ำ ให้คนแบกมาต้องนิ่วหน้าเครียด
“นี่นายจำไม่ได้เลยรึไง ว่าไปทำอิท่าไหนถึงได้ไปนอนอยู่ตรงนั้น”
แค่นั้นสมองก็ถูกบีบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วผลสรุปสุดท้ายก็คือ.....
“จำไม่ได้”
คนรอคำตอบเมื่อได้ยิน ก็สบถยาว ก่อนว่า “รู้มั้ย ว่านายมันหนัก ฉันต้องแบกพานายฝ่าทหารยามออกมาจากที่นั่น แต่นายกลับดันหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เซ็งฉิบ”
“นี่ถ้าพ่อไม่ปรามาสเอาไว้ว่า ฉันไม่มีน้ำยาล่ะก็..... ฉันจะฆ่านายตรงนี้เลย”น้ำเสียงเครียด ของที่เจ้าหนุ่มที่ท่าทางจะมีปัญหากับคนที่เรียกว่า พ่อ
“นายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเจ้าชายบ้าง?”เทรวิสเปลี่ยนหัวข้อสนทนาซะดื้อๆ แต่สีหน้าเจ้าตัวยังฉายรอยวิตก
คนทำหน้าเครียด เลิกคิ้วขึ้นนิด ก่อนส่ายหัวเนิบๆ
“ไม่มากหรอก ฉันก็รู้เท่ากับที่คนอื่นรู้ ถึงพ่อฉันจะเป็นถึงองครักษ์ แต่อย่างเซอร์ชาลมานคนนี้ ไม่มีอ่อนให้แม้แต่คนเป็นลูก เรื่องภายในไม่เคยปริปาก หน้าที่คงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ”น้ำเสียงแผ่ว แบบให้คนฟังชักคิดถึงเจ้าพ่อที่มุงหลังคาอยู่ ตะหงิดๆเหมือนกัน
“ส่วนเรื่องที่นาย มาเป็นเจ้าชายนี่ ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อวาน แต่พอรู้เข้าเท่านั้นแหละเป็นเรื่อง ฉันเลยต้องมาติดแหง็กกับนาย ซวยชะมัด”
“วะ คำก็ซวย สองคำก็ซวย ไอ้ที่ซวยที่สุดคือ ฉันนี่ เรื่องบ้าอะไรไม่รู้ประดังโครมๆใส่ไม่หยุดไม่หย่อน พอฉันจะหนี ก็พ่อนายนั่นแหละตัวดีเลย ที่จับพ่อฉันไว้เป็นตัวประกัน”
คนเป็นลูกโจร ทำหูผึ่ง ตาโตเท่าไข่ห่าน “พ่อฉันเนี่ยนะ?”
ถามซ้ำก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าจริงจังแบบโหมดซีเรียส แล้วคนได้รับคำตอบก็ต้องปล่อยก๊าก
“ฮ่าๆๆ ฉันว่านายโดนต้มจนเปื่อยเข้าให้แล้ว ระดับท่านเซอร์เนี่ยนะ จะจับใครเป็นตัวประกัน”
“ก็ไม่แน่ พ่อนายมันไว้ใจไม่ได้”คำที่เล่นเอาคนหัวเราะ หยุดขำ ก่อนกระตุกยิ้ม
“ก็แล้วแต่นายจะคิด เทรวิส บุตรช่างมุงหลังคา”ถ้อยคำกระทบกระเทียบถูกส่งไป ก่อนที่เทรวิสจะแย้มรอยยิ้มรับ
“ใช่ ฉันคือ เทรวิส บาเลอร์ฟอน บุตรช่างมุงหลังคาแห่งเคดาส นายก็จงจำเอาไว้ให้ดีแล้วกัน”
คนฟังพยักหน้ารับ ก่อนจะว่านามตัวเองให้คนตรงหน้าได้รู้จัก
“ฉัน.... คาลอส เลอัลไลเออร์ นักดาบแห่งเคดาส รับหน้าที่องครักษ์คนใหม่ของเจ้าชายอุลริค เดรโกอัลเทรดาน”
เทรวิส หรี่ตาลงมองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่มียศถึงองครักษ์ ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ ก่อนจะยิ้มแบบมีเลศนัยน์ นัยน์ตาคู่เขียวพราวระยับ
แต่ก่อนที่จะได้กล่าวอะไร คนถูกมองก็ขัดขึ้นมาเหมือนรู้ทัน
“บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่รับคำสั่งจากไพร่ซังกะบ๊วยอย่างนายแน่ๆ เทรวิส บาเลอร์ฟอน”
++++++++++++++++++++++++++++++++
ลมยามนี้ช่างหนาวนัก........
พัดมาเถิด.......พัดมา.........
ข้าไม่หนาวยิ่งไปกว่านี้แล้ว.............
เสียงสะอื้นในดวงใจที่อ้างว้าง หากลมหนาวนี้จักหอบความโศกนี้ไปให้ลืมจนสิ้น หัวใจดวงนี้คงจะกลับมาสั่งเป็นท่วงทำนองแห่งชีวิตให้ดำเนินต่อไป
ยามลมหวน........ชวนใจพร่ำ....ร่ำไห้
ยามอาลัย............ชวนใจช้ำ......กล้ำฝืน
ยามจากพราก.....ชวนใจขาด...สุดกลืน
ยามไร้คืน..........ไร้ชีพ............แทบสิ้นใจ
ราวกับดนตรีแห่งสุสานที่ขับกล่อมเป็นท่วงทำนอง พฤกษาผลัดใบ ไร้สุมทุมพุ่มพฤกษ์กำลังเอนไหวอ่อนระเนน กระแสลมพัดพาไอชื้นจากหมอกหนาที่ลอยตัวต่ำบดบังแสงเรืองๆของตะวัน ประดุจจะครอบคลุมผืนแผ่นความโศกเศร้าไว้ภายใต้ความหม่นหมองที่มิอาจสิ้นลง
บทเพลงยังคงขับขาน.....เสียงระทมจากไม้แล้งใบที่ยังคงกระซิบรำพันเป็นท่วงทำนอง....
ร่างบางเหยียดกายลงสู่ผืนดินที่เกลื่อนด้วยใบไม้แห้ง เรือนผมยาวเหยียดตรงสีน้ำเงินเข้มเคลียไหล่มน เสี้ยวหน้าอันแสนหวานกลับถูกจมด้วยรอยบอบช้ำที่ถาโถมมาเป็นระยะเวลายาวนาน ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริก นัยน์ตาคู่สีน้ำทะเลเริ่มหยาดน้ำใสๆ ด้วยความอาวรณ์
มือบางขยับสั่นเทา ลูบลงบนป้ายศิลา
กางเขนจารึกอักษร ......
แด่...... เคลน แมทธิวเรียส
ผู้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ไม่มีวันกลับมาแล้ว..........
สวรรค์............เมื่อไหร่ท่านจะเมตตาข้า.......เมื่อไหร่กัน?
พรวิเศษ บัดนี้ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว.....ข้าเหนื่อยแล้ว......
เกวิเนียร์.........เกวิเนียร์ แมทธิวเรียส
น้ำเสียงไพเราะจับจิต ดั่งเสียงพิณกังวาน ถูกส่งเข้ามาในจิตใจของผู้ถูกเรียก
ท่านเทพีเอธีน่า!
เกวิเนียร์........น้อยคนนักที่จักได้สัมผัสกับเสียงแห่งเทพ และเจ้าคือหนึ่งในนั้น....
เหตุใดเจ้าจึงไม่ต้องการมันแล้วเล่า..
ข้า.........
ข้ารับภาระหนักต่อไปไม่ไหวแล้วท่านเทพีเอธีน่า
ข้าไม่มีแรงจะทำสิ่งใดอีกแล้ว...........
เสียงหัวเราะดังขับขานขึ้น จากเทพี เอธีน่า
ความรัก......เหมือนดาบสองคมอย่างจริงแท้สินะ
ถึงกับทำให้เจ้าลืม............ลืมแม้กระทั่งคนข้างหลังเจ้า.........
คนข้างหลังข้า?
ท่านเทพี ข้าตัวคนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างหลังข้าหรอก.........
มีสิ
เจ้าคิดว่าเจ้าเหลือตัวคนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เกวิเนียร์........
ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าไม่อยากกลับไปคิดอีกแล้ว
เสียงในจิตใจนั้นสั่นพร่า น้ำตาที่เกาะรอบดวงตานั้นเริ่มรินอาบทาบนวลแก้ม เมื่อความทรงจำอันแสนเลวร้ายได้หวนกลับมา
“เคลน! เราจะต้องไปพร้อมกัน ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน เข้าใจมั้ยเคลน! ข้าไม่มีวันให้เจ้าไปรับมือแทนข้าเด็ดขาด” น้ำเสียงปนแรงหอบกล่าวทั้งน้ำตา ร่างบางโผเข้าฉุดร่างใหญ่กว่าตัวเต็มแรงเพื่อพาหนีไปให้ไกล หากแต่คนตรงหน้ากลับดึงร่างบางให้เข้ามาอยู่ในสายตา
“ข้าไม่หนี ด้วยเกียรติของแม่ทัพ ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นได้เกวิเนียร์ เจ้าต้องไป....”เสียงหนักแน่น จากชายร่างสูงในชุดเกราะเต็มยศ ใบหน้าแกร่งแต่ยังดูอ่อนโยนนัก จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนายาวเฉียงขึ้นนิดจนได้รูป กำลังขมวดลงด้วยแววจริงจัง
“ไปเพื่อข้า.........เพื่อข้า และลูกของเรา”
“ไม่ ข้าทำไม่ได้”หญิงสาวตวาดลั่น “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะใช้เวทฆ่ามันให้หมดก็ได้ จะไม่มีใครเข้ามายุ่งกับเราได้อีก” น้ำเสียงนั้นเหื้ยมเกรียมเกินกว่าร่างบางๆนัก
“อย่า...อย่าทำ...อย่าทำอย่างนั้นอีกเลยได้โปรด”เคลนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาคู่เข้มฉายรอยเศร้าซึม “ได้มั้ย ทำเพื่อข้าได้มั้ย? เกวิเนียร์”
“เคลน! ไม่ อย่าไป”
สิ้นเสียง ร่างใหญ่ก็เหวี่ยงตัวขึ้นควบม้าสีดำ ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มนั้นเศร้าลง ก่อนจะหยิบดาบเล่มยาวขึ้น แล้วหันไปมองหญิงสาวเรือนผมสีน้ำเงิน และสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลราวกับเป็นวาระสุดท้าย
“ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม เกวิเนียร์ แมทธิวเรียส ภรรยาของข้า”
คำลาสุดท้ายให้หัวใจของนักเวทย์สาวกระตุกวูบราวกับจะหยุดเต้นลง แล้วม้าสีดำก็ทะยานออกไป พร้อมกับร่างผู้เป็นดวงใจของนาง
เสียงขบวนทหารดังเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วเสียงที่ไม่อยากจะได้ยินก็แทบหยุดลมหายใจ....เสียงดาบปะทะกันหลังเนินสูงนั่น
เคลน!!!
ร่างทั้งร่างวิ่งกระหืดกระหอบด้วยพลังกำลังที่มี เสียงการต่อสู้เกิดขึ้นให้หัวใจสั่นวูบ
นางมาถึงช้าไป......ช้าไปสำหรับทุกสิ่ง
ร่างนายทหารในชุดแม่ทัพ ถูกเสียบด้วยหอกหนากลางอก หากแต่มือแกร่งนั้นยังคงจับดาบไว้มั่น เสี้ยววินาทีนั้น นัยน์ตาคู่เข้มที่ใกล้จะปิดลงหันมาจ้องกับคู่ที่ไหลอาบไปด้วยน้ำตา ก่อนจะยิ้มให้ แล้วร่วงลงจากหลังม้า
ตุบ!
ม่ายยยยย
ร่างบางสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ สมองนั้นวนไปวนมาราวกับสิ้นสติ แล้วทันทีนั้นเองเสียงเด็กร้องก็ดังขึ้นจากในกระท่อม
ลูก!
ทารกน้อยร้องได้ไม่นาน......นักดาบผู้เข้าไปก็เดินออกมาพร้อมดาบเล่มยาวที่โชกเลือด
หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลาย แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะประคองตัวนั้นเหือดหายไปสิ้น....มันข้าลูกเธอ!
นายทหารหลายนายกรูกันเข้ามาจับตัวเกวิเนียร์ที่แทบคลั่ง แววตาคู่นั้นเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว.........ไม่เหลือเลย
ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าตาย...........
นางเอ่ยถามเทพีเอธีน่า ด้วยกระแสตัดพ้อระคนความโศก
เจ้ายังตายไม่ได้ หน้าที่เจ้ายังไม่สมบูรณ์....
สิ่งที่เจ้าคิดว่าหมดสิ้นแล้ว แท้จริงเจ้ารู้มันไม่ถึงครึ่ง
เกวิเนียร์.........
ลูกเจ้ายังไม่ตาย.......
ลูกข้า!!.......ลูกข้ายังมีชีวิตอย่างนั้นหรือ!!!
ใช่!
คำกล่าวจากเทพีที่ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด มันเหมือนเป็นยาวิเศษที่จะทำให้นางอยากมีชีวิตต่อไป
ตอนนี้เจ้าคงยังไม่อยากตายสินะ
อย่างไรเจ้าก็มีหน้าที่ ที่ต้องไปขีดเส้นทางเดินของมนุษย์ตามที่ข้าบอกอีกมากนัก
มหาราช
บทเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวนักสำหรับที่ผ่านมา.....
+++++++++++++++++++++
อึดอัด.............
ไอ้นี่มันตามอย่างกับหมา
ความคิดที่เจ้าชายรัชทายาทต้องขมวดคิ้ว
ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่อยู่ดีๆ ท่านเซอร์ชาลมานก็โยนเจ้าลูกชายกวนโมโหมาติดหนึบกับเขาตลอดเวลา แล้วเจ้าตัวก็หายจ้อยไปเพราะบอกว่ามีธุระสำคัญ ให้องครักษ์คนใหม่คนนี้จัดการเรื่องระบบการฝึกของวันนี้ ส่วนแม่นมก็ตัดหางปล่อยวัดเขาไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เห็นมาดที่บอกว่าไปรอดแน่นอนในบทเจ้าชาย แล้วก็หายเงียบไปอีกราย
อย่างน้อยเจ้านี่มันก็ยังไม่โหดเท่าสองคนนั่น
นัยน์ตาคู่เขียวฉายแววระริก เมื่อหันไปมองเจ้าคนเป็นองครักษ์กรณีพิเศษ ที่มันตามติดแจ แบบไม่ให้รอดหูรอดตาไปได้ ราวกับว่าถ้าคลาดไปนิด เขาจะเผ่นแนบไปได้ง่ายๆอย่างนั้น
พอคนเป็นองครักษ์เห็นท่าทางของคนมองที่ทำหน้าน่าหมั่นไส้ ก็ต้องเกือบจะแยกเขี้ยวรับ ถ้าไม่เกรงจะผิดสังเกตต่อคู่สนทนาเจ้าชายไปเสียก่อน
“คาลอส นายว่าฉันต้องไปไหนนะ”เทรวิสว่าด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ หยิ่งจนน่าตื้บ นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ของเจ้าคนถูกถามค้อนขวับ
“ฝึกดาบกับลอร์ดเฮนรี่ กระหม่อม”
“งั้นรึ! อย่างนั้นนายก็นำฉันไปสิ คาลอส”รอยยิ้มผุดบนมุมปากของเจ้าตัวดี นัยน์ตาคู่เขียวนั้นระริกวิบวับแบบถูกใจที่ได้สั่งเจ้าคนที่มันออกปากชัดว่าจะไม่ทำตามที่เขาบอก
คนรับคำสั่งได้แต่ปั้นหน้าหงุดหงิด ก่อนจะโค้งหัวนิด แล้วเหยียดรอยยิ้มน้อยๆ
“องครักษ์มีหน้าที่ระวังหลัง กระหม่อม เรื่องของเส้นทางข้างหน้า เจ้าชายต้องเป็นผู้นำ”
วะ ไอ้นี่มัน ไปได้น้ำขุ่นๆ
เทรวิสนิ่วหน้าเครียด ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงเคร่ง
“ก็แล้วถ้าฉันสั่งให้นำ มันก็เป็นหน้าที่ขององครักษ์ต้องทำตามไม่ใช่รึ ถึงจะสั่งให้ไปตาย หน้าที่ของนายก็ต้องไปตาย แล้วยังมาขัดคำสั่งเจ้าชายอีก”
“อย่าให้ถึงตายกันเลยนะเพคะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง หม่อมฉันเองก็ไม่อยากรบกวนเวลาแล้วเพคะ อีกครู่คงถึงเวลาเข้าเฝ้าราชินี”
โอว เจ้าหญิง โรสรี่ แห่งรูเซิลผู้งดงาม มากล่าวแก้ให้มันซะนี่ น้ำจิตน้ำใจเธอดูจะเหลือล้น รวมกับรูปโฉมแล้วเธอเป็นนางฟ้าดีๆนี่เอง
“อย่างนั้นกระหม่อมเองคงต้องขอลา เห็นทีคงต้องปลดองครักษ์คนนี้ออกจากตำแหน่งเสียแล้ว ที่ทำขายหน้านัก”เทรวิสสวมบทเจ้าชายมาดเข้ม พลางโค้งตัวลงให้กับสาวตรงหน้า บุคคลที่พบระหว่างที่เทรวิสกำลังเดินทางไปฝึกตามตารางของเจ้าชาย เลยต้องหยุดทักทายสักหน่อย
คนทำขายหน้า ขมวดหัวคิ้วตรงหนามุ่น นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่วาววับ จ้องเจ้าไพร่หุ้มเปลือกเจ้าชายที่มันยังมีหน้ามาส่งแววกวนส้นให้
ส่วนเจ้าหญิงนั้นก็ดูจะส่งสีหน้าเวทนาเขาเสียเหลือเกิน ด้วยกลัวว่าเจ้าหนุ่มองครักษ์หน้ามนคนนี้จะถูกปลดโดยเจ้าชายซังกะบ๊วยนี่
“เจ้านำเจ้าชายไปเถิด อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องนี่ต้องมาเป็นเหตุเลย”
หึๆๆ คาลอส นายเสร็จฉันล่ะ
“กระหม่อม”คาลอสโค้งตัวรับด้วยความสุภาพ ก่อนจะเดินนำไป ให้เจ้าชายล่ำลาเจ้าหญิง แล้วรีบสาวเท้าตามไปติดๆ
ทอดมองเบื้องหลัง หนุ่มผมสีโอ๊กมัดยุ่งๆนั่นเดินอย่างเงียบๆโดยไม่เปิดบทสนทนา ให้เทรวิสคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ร่างที่สูงไม่มากไปกว่ากันนัก เดินนำไปเหมือนรู้หน้าที่ ว่าจะต้องพาเขาไปตาย
ไปตายคาดาบ ลอร์ดเฮนรี่ โดนาร์ท ครูฝึกดาบที่ได้ชื่อว่า กษัตริย์สละบัลลังก์
+++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น