ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Conquest of Devilment Empire

    ลำดับตอนที่ #10 : การประลองครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 51




    Chapter 10 การประลองครั้งแรก







    ลานฝึกฝนขนาดกลาง กำลังถูกทำลายความเงียบ  พื้นทรายกำลังฟุ้งตลบตามฝีเท้าของผู้ทดสอบฝีมือ





    อ่อนให้?



    ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นในสมอง ขณะกำชับดาบหนักแน่น ในระหว่างจดๆจ้องๆคู่ต่อสู้





    นายราสนี่ น่าจะมีฝีมือมากกว่านี้?



    การคาดเดาจากฝีไม้ลายมือของ ราส ไอรอน สหายอัศวินแห่งเคดาส บุคคลที่ทำให้เทรวิสต้องกระโจนลงไปเอี่ยวเข้าเต็มๆในศึกท้าประลองของเจ้าชายจอมหาเรื่อง



    การปะทะเพิ่งจะเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน และผลต่อสู้ก็ดูว่าเทรวิสจะเป็นฝ่ายได้เปรียบซะส่วนใหญ่  





    ได้เปรียบกะผีน่ะสิ หากมันจะเอาจริง



    ผลที่ทำให้เกิดข้อกังขาในใจ ว่าคนอย่างเขาที่เรียนรู้เรื่องการใช้ดาบแบบงูๆปลาๆ ลักไก่จำเค้ามาบ้าง แอบไปฝึกกับเค้าบ้าง จะมีปัญญาถึงขนาดสู้กับอัศวินของเคดาสได้เชียวหรือ





    มันไม่เอาจริงแล้วมันจะมาท้าทำไมวะ?



    ความรู้สึกหงุดหงิดก่อตัวขึ้นยิบๆ ขมวดคิ้วเครียดไม่สบอารมณ์นักกับการกระทำของเจ้านี่ที่เหมือนจะดูถูกเขาเกินไป แน่ล่ะไม่ใช่ว่าเขาพอใจที่จะได้ประลอง แต่ไอ้การที่ได้ประลองแต่คู่ต่อสู้ไม่เอาจริงนี่มัน.......



    มันหยามน้ำหน้ากันชัดๆ



    “นายจะเล่นเกมเด็กอมมือแบบนี้ไปอีกนานมั้ย ราส”เทรวิสเอ่ยถาม พร้อมกับลดดาบลง สีหน้าเจ้าตัวชักเริ่มกรุ่น ซึ่งก็ทำให้นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายประกายยิ้มๆ ก่อนหัวเราะหึๆ



    “แล้วแต่ท่านจะทรงโปรดแล้วกัน เจ้าชาย”รอยยิ้มปรากฏชัด แววเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าที่ติดจะเป็นคนเจ้าสำราญจัด ผิวขาวๆ ประกอบกับหน้าคมสัน และร่างอันสมาร์ท สมส่วนนี้เองที่ ทำให้เขามีดีกรีแรงในหมู่สาวๆ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมายก็ตาม



    บัดนี้เทรวิสรู้สึกอยากจะฉะกับคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่มันดันเล่นลิ้นไม่เลิก ทั้งที่มันต้องมีฝีมือที่ไม่ได้งัดมาใช้อีกเป็นกระบุง



    ก็ไอ้พวกอันธพาลหน้าโง่พวกนั้นมันไร้ฝีมือเกินไป การที่จะได้ประลองกับอัศวินของเคดาสนี่มันก็น่าจะพิสูจน์ดูซักตั้ง อย่างน้อย เรื่องอายุมันก็ได้ห่างไกลกันนัก แต่เห็นจะเสียเปรียบก็เพียงการฝึกฝน



    เพียงการฝึกฝนงูๆปลาๆของเทรวิส ที่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ดูดีขึ้นสักนิด



    “หึๆ ท่านทำหน้ายังงั้น  คงว่าเกมนี่คงปัญญาอ่อนไปสินะ สำหรับเจ้าชายอุลริค”ราสยิ้มระรื่น ก่อนจะพยักหน้าเนิบๆ พลางหรี่สายตาคู่เข้มลงมองบุคคลที่เป็นทั้งสหายและเจ้าชาย แล้วดีดนิ้ว



    “หม่อมฉันคงเดาว่า ท่านอยากจะยกระดับความรุนแรงขึ้นอีก”



    คำคาดเดาที่พอจบประโยคได้ไม่นาน ข้อมือแกร่งของคนพูดก็ตวัดดาบเล่มใหญ่ขึ้นในทันที ก่อนจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายโดยไม่ทันตั้งตัว





    เคร้ง !!



    ดาบเล่มโตถูกสะบัดขึ้นมารับได้ทันท่วงที รอยยิ้มกระตุกบนมุมปากของผู้ที่ไม่ทันระวังตัว ก่อนจะสะบัดเรือนดาบให้หลุดจากการปะทะ แล้วตวัดเข้าทางช่องว่างด้วยความไวและหนักหน่วง หากแต่กลับไม่สัมฤทธิ์ผล



    ท่วงท่าที่บอกเค้าของแบบแผนการฝึกแบบอัศวินนั้นปัดป้องทุกการเคลื่อนไหว แม้ว่าเทรวิสเองจะมีความสามารถทางด้านดาบอยู่พอตัว ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงระยะประชิดได้สักครั้ง หากแต่เป็นเขาเองที่กำลังจะถูกรุกหนัก



    สายตาคู่คมสีน้ำเงินนั้นเหมือนกับหรี่ลง ด้วยความสงสัยบางๆตลอดระยะเวลาที่ได้เผชิญหน้ากับเจ้าชายผู้เป็นสหาย  ซึ่งเห็นได้ชัดจากนิสัยที่ดูแปลกไป และที่ชัดที่สุดเห็นจะเป็นฝีดาบของท่วงท่าที่นำมาใช้ในการประลองครั้งนี้......



    มันไม่ได้มีรูปแบบเอาซะเลย



    วิถีไร้ทิศทาง แต่ควบคุมได้  รวดเร็ว แต่ไร้พลัง



    ไปเรียนวิชาที่ไหนมา ถึงได้ห่วยลง



    ความคิดที่ยิ่งทำให้หัวคิ้วของผู้เป็นอัศวินขมวดมุ่น ผิดจากมาดเดิมๆไปถนัด นึกสงสัยหนักว่าเจ้าชายกินยาผิดหม้อมาหรือเปล่า





    รึว่า แกล้งอ่อนให้ เหมือนที่เขาทำ?



    ยิ่งคิดก็เริ่มลงดาบหนักขึ้น ด้วยการคาดเดาที่ดูจะเข้าเค้าที่สุด  แต่มันกลับทำให้การปะทะกันยิ่งแย่หนัก





    เทรวิสก้มตัวลงหลบเรือนดาบที่กวัดแกว่งผ่านตัดปลายผมบางส่วนอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะต้องกลิ้งตัวลงหลบหลีกแรงดาบที่ฟาดฟันลงมา ราวกับมั่นใจนักหนาว่าเขาจะไม่ตาย



    เฮ้ย! ตายเป็นเหมือนกันนะเว้ยเฮ้ย



    เทรวิสก่นด่าในใจ มันเป็นการปะทะที่ทารุณที่สุดเท่าที่จะเคยพานพบมา.....นายราสนี่เห็นจะคิดว่าเขาคงจะงัดไม้เด็ดออกมาไม่ช้า เลยยิ่งเร่งให้สู้เสียจริงๆ ทั้งๆที่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะงัดแล้ว  ถ้าจะให้งัดเขาก็คงต้องไปงัดฝาโลงได้อย่างเดียว



    เรือนดาบหนาเข้าฟาดฟัน ก่อนที่เทรวิสจะตั้งขึ้นมารับจนเกิดเสียงเคร้งคร้าง ต้านทานกำลังกันไว้ชั่วขณะหนึ่ง



    ทันใดนั้นเอง สิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น!!!





    หัวใจที่สูบฉีดเลือดกลับสั่นระรัวเร็วยิ่งกว่าครั้งใด ความเจ็บปวดรวดร้าวค่อยๆทวีขึ้นจากหัวใจที่เสียดแปลบขึ้นมาราวกับจะระเบิดออกจากอก.....  ลมหายใจที่เคยไหลเวียนกลับจุกอยู่ในลำคอ    



    ความร้อนในเส้นเลือดกำลังเดือดพุ่งพล่าน …



    แรงกดดันอันมหาศาลกำลังอัดแน่นอยู่ในอก……




    ความรู้สึกเพียงเสี้ยววินาทีที่ราวกับร่างทั้งร่างกำลังแยกออกจากกัน มันรวดดุจสายฟ้าที่ผ่าลงในชั่วพริบตา!





    ดาบในมือราสผละออกจากการปะทะเมื่อเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง หากแต่มันเร็วจนเขาเองกลับไม่คิดอะไร  



    ข้อมือหนาเกร็งขึ้นตวัดดาบเพื่อพิชิตคู่ต่อสู่อีกครั้ง ก่อนจะลงน้ำหนักอย่างเต็มแรง  หากมันกลับเป็นเสี้ยวนาทีที่ทำให้หัวใจเด็กหนุ่มอัศวินกระตุกวูบ





    ร่างที่ควรจะยืนรับดาบกลับทรุดลงได้วินาทีนั้นเอง !





    ดวงตาคู่น้ำเงินเบิกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะเขาไม่สามารถหยุดดาบได้ในเวลานี้!



    รับดาบ!!!”น้ำเสียงเร่งขึ้นด้วยแววตระหนก  เขาเองยังไม่ถึงขั้นหยุดวิถีดาบที่ใส่แรงลงมาสุดแรงได้!!!





    ร่างทั้งร่างที่ไร้ความรู้สึกของเทรวิสนั้นดูเหมือนจะชาไปทั่วทุกรูขุมขน ความเจ็บปวดเริ่มคลายลงๆ จนเขารู้สึกได้ถึงไออุ่นๆที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง  หากแต่มีเพียงความมืดเท่านั้นที่สติของเทรวิสได้สัมผัส



    มโนจิตใจกำลังดิ่งลงสู่วังวน ห้วงความคิดกำลังถูกดูดกลืนโดยกาลเวลา





    อันตราย!





    นัยน์ตาคู่เขียวเบิกโพลงขึ้น แล้วทันใดเสียงสุดท้ายของราสก็ได้เข้าสู่โสตประสาทการรับรู้ของเทรวิส ราวกับภาพฉายซ้ำ







    เคร้ง!



    ดาบปะทะดาบ  สัญชาติญาณบางอย่างที่ว่องไวเฉียบคมบอกให้เขายกดาบขึ้นมารับได้ในระยะที่สามารถปลิดชีพได้อีกเพียงเสี้ยวนาที



    นัยน์ตาคู่เขียวฉายแววแข็งกร้าว เพ่งสบกับดวงตาคู่น้ำเงินที่บอกเค้าว่าอยากจะหยุดเรื่องคอขาดบาดตายไว้ตรงนี้ หากแต่ท่าทีของคนเป็นเจ้าชายกลับเปลี่ยนไป





    จิตสังหารของคู่ต่อสู้!!





    ข้อมือขาวของเทรวิสเกร็งแน่นต้านกำลังดาบใหญ่ของราสให้เอนลงด้วยแรงที่บัดนี้กลับน้อยกว่า และกำลังจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ





    กึกๆ



    ดาบในมือเทรวิสเริ่มสั่นตัวอย่างประหลาด ก่อนจะปริร้าวทั่วเรือนดาบ แล้ว.....





    เคร้ง!!!!



    ดาบเล่มใหญ่หักออกจากกันเป็นสามท่อนร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับดาบของราสที่กำลังรับแรงต้านอย่างสุดกำลัง





    เหตุการณ์ที่เรียกความงุนงงอย่างถึงที่สุดกับอัศวินหนุ่มผู้กำลังจะเสียที แต่คนที่งงมากกว่าเห็นจะเป็นเทรวิสที่ดูเหมือนสติจะกลับมาพร้อมๆกับเสียงดาบที่แตกลงไป





    มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?



    เทรวิสปล่อยด้ามดาบในมือที่มีเศษใบมีดติดอยู่ให้ลงเสียบในพื้นทรายของลานต่อสู้ ก่อนจะยกมือขึ้นจบหน้าอกตัวเองที่ยังรู้สึกหมือนมีไออุ่นๆอัดแน่นอยู่ พลางเหลือบมองคู่ต่อสู้ที่ทำสีหน้าขบคิดหนัก





    ราสก้มลงสำรวจเศษดาบทั้งสองด้าม พร้อมกับยกขึ้นให้คนทำหักได้ดูให้เต็มตา ก่อนบ่นแกมขำขัน



    “เป็นเจ้าชายต้องรู้จักรักษาของบ้างนะท่าน ยังดีที่ดาบหม่อมฉันยังไม่ใช่ดาบพระราชทาน ไม่อย่างนั้นท่านคงต้องยกดาบดีๆซักเล่มของท่าน มาแทนดาบที่หักสามสี่ท่อนนี่”



    สีหน้าคนเสียดายดาบกลับแปรเป็นยิ้มระรื่นได้อย่างเคย ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมาย



    “นายไม่สงสัย?”เทรวิสเอ่ยถาม ทั้งที่เขางงจะตายแต่คนตรงหน้านี่กับดูเหมือนเป็นเรื่องพิเศษเล็กๆน้อยๆ



    “สงสัยสิท่าน”คำตอบที่ขัดจากการแสดงออกยิ่งนัก ว่าแล้วก็หันหลังเดินจากไปโดยทิ้งคนสงสัยไว้เบื้องหลัง...





    แต่แล้วราสก็หยุดฝีเท้าลง แล้วหันกลับมากล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงนิ่ง ให้คนฟังยิ่งทวีความสงสัยหนัก





    “สงสัยว่าทำไมท่านถึงมีเรื่องให้ประหลาดใจทุกครั้งที่เราได้ประมือกัน”





    ++++++++++++++++++++++++++++







    ทุกครั้งที่ประมือ?



    นายราสนี่พูดเหมือนกับว่าเคยประลองกับเขามาหลายครั้งแล้วอย่างงั้น?



    หรือว่าเจ้าชายอุลริคก็เป็นแบบเดียวกัน



    ความคิดที่ตีกันวุ่นในสมองน้อยๆของเทรวิส หน้าใสๆขมวดกันยุ่งจนเกือบจะกลายเป็นปม





    แล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกัน?



    เทรวิสยกมือสัมผัสไปบนอก พลางชายตามามองเศษเสี้ยววีรกรรมดาบหักที่ได้ก่อเอาไว้บนพื้นทราย แต่ในทันใดเขาก็ต้องหลุดจากห้วงความคิด.....



    เสียงเปรยขึ้นจากราชองครักษ์ ที่เทรวิสไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่นี้จับจ้องมายังเขาตั้งแต่เริ่มการประลอง



    “หัวไว เอาตัวรอด ไม่ยอมใคร คงเป็นนิสัยเพื่ออยู่รอดในวงการนักเลงของเจ้าสินะ”เซอร์ชาลมานกล่าวเรียบๆ ใบหน้ากร้านแกร่งยังคงสงบ หากแต่คนได้ยินก็ยังตกใจไม่น้อย กับการมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง



    “ท่าน?”เทรวิสหลุดปากด้วยความตกใจ “ท่านเห็น?”



    ผู้สูงวัยกว่าพยักหน้ารับ ก่อนว่า “ข้ามาตั้งแต่รู้ว่าเจ้า ไปรับปากประลองสุ่มสี่สุ่มห้า” สายตาอันเย็นเยียบตวัดมามองเสี้ยวหน้าคนปฏิเสธไม่เป็น  



    “ฝีมือเจ้า.....”



    ถ้อยคำนิ่งเงียบไปของผู้สูงวัยกว่า ให้เทรวิสตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว



    “ไม่ได้เรื่อง!!”



    แล้วคนฟังก็ต้องปล่อยพรืด กับคำห้วนหนักที่กล่าวอย่างไม่สนใจเจ้าหนุ่มตรงหน้าซักนิด



    เทรวิสเบ้หน้ารับ แต่เขาเข้าใจดี เพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้น หากแต่ทำไมเซอร์ชาลมานถึงไม่มีท่าทีติดใจกับอะไรประหลาดๆที่ทำให้เขารอดตัวมาอย่างหวุดหวิดนี่ได้ล่ะ



    “ท่านเห็นทุกอย่าง แต่ท่านยังไม่เข้ามาห้าม?”เทรวิสว่าแบบอารมณ์กรุ่นๆ



    “ข้าคงไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งหากท่านจะเสนอตัวเข้าไปเสี่ยงเอง  ท่านเจ้าชาย”ถ้อยคำเย็นชากล่าวตอบ



    ก่อนผู้เป็นราชองครักษ์จะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แปลกหู “แล้วข้าก็ได้เห็น........เห็นมากกว่าที่ข้าอยากเห็น”



    “ท่านสงสัย? หรือท่านรู้สิ่งนี้อยู่แล้ว แต่เพียงที่จะพิสูจน์มัน?”เทรวิสว่า ใบหน้าคมคายฉายรอยเครียด  ถ้อยคำถามที่ทำให้เซอร์ชาลมานเหยียดรอยยิ้ม



    “จะว่าข้าพิสูจน์ก็ได้ เพราะข้าเริ่มสงสัยบางอย่างในตัวเจ้ามาก่อนหน้านี้  แล้วสิ่งนี้มันก็บอกคำตอบให้ข้ารู้ว่า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้มีแค่เค้าโครงหน้าที่เหมือนกับเจ้าชายอุลริค”



    ประโยคที่ทำให้คนได้รับคำตอบอึ้งไปสนิทใจ เหงื่อในกายเย็นเฉียบอย่างสงบไม่อยู่ มันน่าสงสัยตั้งแต่ว่าทำไมเขาถึงไปมีหน้าตาใกล้เคียงกับเจ้าชายสับปะรังเคนั่น



    แต่บางครั้งคนเราก็อาจเหมือนกันได้ นี่คงเป็นความบังเอิญที่เทรวิสไม่ได้เก็บมาใส่กบาลให้หนักหัว



    แต่มันหนักหัวตรงเรื่องพลังบ้าเกิดขึ้น... มันยิ่งทำให้เรื่องมันชักจะโยงเข้าใกล้กันทุกที



    หรือว่า.......เขากับเจ้าชายจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันมากกว่า คำว่ารัชทายาท กับสามัญชน





    +++++++++++++++++++++++





    เทรวิสกลับมาขลุกตัวอยู่ในห้องบรรทมอีกครั้ง หากแต่บัดนี้ทั้งแม่นมและราชองครักษ์กำลังจะเว้นที่ว่างให้เขาได้ปรับสภาพเพื่อใช้ชีวิตที่นี่ไปอีกสักพัก  แน่นอนว่าเรื่องการประลองดาบวันนี้ก็เล่นเอาโดนเอ็ดจนหูชา ปวดหูไปสามวันเจ็ดวัน



    แล้วนี่จะไม่คิดจะให้ไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นบ้างเลยรึไงวะ!  



    เสียงสบถงุ่นง่าน ยกมือยีหัวสีน้ำตาลทองจนยุ่ง อย่างเคยมือ



    อะไรๆก็ให้อยู่ในห้องๆ........ เซ็ง



    แม้ความคิดนี้จะเป็นการคิดในช่วงเวลาที่ปาเข้าไปจวนพลบค่ำแล้ว แต่เรื่องแปลกใหม่ที่เขาได้รับวันนี้มันทำให้เขาอยากออกไปหาข้อมูลมาเสริมสร้างรอยหยักในสมองให้ฉลาดขึ้นมาบ้าง



    อย่างไรก็ต้องหาลู่ทาง ภายในปราสาทนี่ไว้ก่อน



    รู้ไว้มีชัยไปกว่าครึ่ง



    เทรวิสยกมือไล้คางเบาๆอย่างใช้ความคิด....



    แต่คิดทีไรก็ต้องวกเข้าไปไพล่ด่าถึงเจ้าชายบ้าที่ทำให้ชีวิตของเขามันพัวพันยุ่งเหยิงกับวงในของราชวังที่เขาไม่เคยคิดที่จะแหยมเข้ามายุ่งเกี่ยว



    แม้กระทั่งการคัดเลือกอัศวินเขายังไม่เคยเสนอหน้าไปร่วมการคัดเลือกซักครั้ง



    เป็นเพราะเจ้าชายบ้านั้นองค์เดียว ที่ต้องมาวุ่นกันหัวปั่น!



    บทสรุปสุดท้ายที่ให้คนคิดต้องกราบทูลด่าองค์รัชทายาทไม่ได้เรื่องในใจซักกระบุงโกย ขุดมาล้างกันตั้งแต่โค-รตเหง้าศักราช อย่างไม่เกรงพระอาญา



    เอาวะ เรื่องอย่างนี้มันต้องสืบ  สืบกันให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย  



    ความคิดที่เจ้าตัวดีดนิ้วเปาะ นัยน์ตาคู่เขียวพราวระยับ



    “เวลาสองยาม น่าจะเหมาะ”





    +++++++++++++++++++++















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×